ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : กำเนิดบุปผาคลั่งรัก
ชั้นสองของโรงเตี้ยมหรูกลางเมืองใหญ่ เหล่าพ่อค้าวาณิชและจอมยุทธได้มาชุมนุมกันเนืองแน่น ด้วยวันนี้เป็นวันดูตัวของว่าที่คู่มั่น คุณชายหลี่ ลูกชายเจ้าของกิจการเครือธุรกิจใหญ่ระดับ ล้านตำลึงทอง เหล่าแขกเหลือมากมายนั่งฟรีกินฟรีกันให้ขวับ
" ฮ่าๆๆๆ วันนี้เป็นวันดี ดื่มมม "
" คุณชายหลี่ คุณหนูเหม่ยกุ้ยมาถึงแล้ว "
คุณชายหลี่นั้นเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ แม้วันนี้จะไม่มีหญิงสาวเคียงกายคอยรินสุรา แต่ก็ยังตั้งวงสุรากับเหล่าชาวยุทธที่นิยมของฟรี ตัวคุณชายหลี่เองก็จัดว่าเชี่ยวชาญเพลงยุทธไม่น้อย แม้ไม่ได้ติดเป็นยอดฝีมือ แต่ก็ไม่เคยพ่ายแพ้แก่คนระดับเดียวกัน
ทันทีที่ประตูเปิดออกคนที่อยู่ในงานต่างหยุดชะงัก แต่ละคนรอคอยและชะเง้อคอคอยมองว่าผู้มาใหม่นั้นใช่หรือไม่ เพียงแต่ร่างบางย่างก้าวเข้ามาในห้อง อากาศก็เหมือนกับโดนสูบหายไปหมดสิ้น ความงดงามของนางนั้นทำให้คนทั้งหลายต้องลืมหายใจ แม้จะเป็นอิสตรีเพศก็ยังอดไม่ได้ที่จะหลงไหลไปกับความงาม
เหม่ยกุ้ยเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เร่งร้อน ไม่มีความจำเป็นอะไรอีกแล้วที่จะร้อนใจ มือของนางกำกระบี่เหล็กคุณภาพดี เคียงข้างมาด้วยบิดาของนางที่ไม่เคยโผ่ลหน้ามาให้เห็นนานนับสิบปี
" ฮ่าๆๆ คารวะคุณชายหลี่ นี้คือ เหม่ยกุ้ยลูกสาวข้า เอ้าเหม่ยกุ้ย "
บิดาของนางส่งสายตามาทางนางเป็นเชิงว่า เอ้า รีบคารวะคุณชายสิ อะไรทำนองนั้น แต่ว่านะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่แน่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
พรึบบบ
" ทุกท่านๆ ข้าจะไม่มั่นหมายกับใครก็ตามที่อ่อนแอกว่าตนเอง ถ้าคิดจะแต่งกับข้าต้องเอาชนะข้าให้ได้ "
น้ำเสียงก้องกังวาลแฝงด้วยปราณอันล้ำลึก ด้วยพลังลมปราณระดับสูงสุดยอดในที่แห่งนั้น ชาวยุทธหลายคนฟังยังไม่ทนจบก็มีอันสลบไปแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงบิดาของนางหรือ ผู้ติดตาม แม้แต่คุณชายลี่ที่ว่าตอนนี้ก็หน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้ว
" ไหน ใครจะมั่นกับข้า ออกมา "
คุณชายหลี่เดินออกไปอย่างกล้าๆกลัว ท่านลุงหยางไม่เคยบอกเลยว่าลูกสาวของตนจะเป็นยอดยุทธระดับนี้ แค่เฉพาะลมปราณมันก็ระดับเจ้าสำนักแล้ว นี้ยังไม่ได้เห็นเพลงกระบี่เลย
" ข้าน้อย หลี่ ฉาว ข้อประลองกับท่าน โดยมีข้อแม้ว่าไม่ใช้กำลังภายใน "
หลี่ฉาว แม้จะตื่นตระหนกแต่ก็ยังมีสติดี เขาย่อมรู้ว่าพลังต่างกันดังนั้นต้องวัดกันในเชิงกระบี่ ซึ่งเขามั่นใจว่าตนเองคงไม่แพ้โดยง่าย นอกเสียจากอีกฝ่ายจะเป็นคนระดับยอดยุทธเร้นกาย
" ได้ เข้ามา "
หลี่ฉาวลอบตื่นตระหนกกว่าเก่า เพราะนางรับคำท้าแบบไม่ลังเลเลย ทีแรกเขากะว่าเมื่อไม่มีพลังปราณแล้ว นางจะวิตก และ เขาจะอาศัยจังหวะนั้นเข้าไกล่เกลี่ย แต่ว่าทุกอย่างต้องพังทลาย เขาสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะชักกระบี่ลูกกิเลน ซึ่งเป็นกระบี่จากแดนใต้ สร้างมาจากเหล็กแดงใต้แม่น้ำ
" รับมือ "
หลี่ฉาวพุ่งตัวออกไป ตวัดกระบี่ด้วยเพลงกระบี่สำราญใจ ซึ่งเป็นเพลงที่กระบี่ที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจ เพราะไม่กดดัน และเมื่อพลั้งเผลอเขาย่อมเอาชัยโดยง่าย
เคล้ง ฉุดดดด
เป็นเขาเองที่สำราญใจไปหน่อย เพียงกระบวนท่าแรกแขนขวาก็มีเลือดกระฉูด กระบี่ในมือปักลงพื้นไม่ห่างจากกายมากนัก เมื่อมองไปยังอดีตคู่มั่นก็ต้องพบกับแววตาเย็นยะเยือก มันรู้สึกว่าร่างกายไม่อาจขยับดังใจนึก
แต่มันก็ต้องลอบตื่นตระหนกไปอีก เพราะชายชุดดำโผ่ลจากไหนมาก็ไม่ทราบสี่คน คนหนึ่งตอนนี้กำลังรับกระบี่จากมือนางไปเช็ดทำความสะอาด ส่วนอีกคนก็ลากเก้าอี่ออกมาเพื่อให้นางนั่ง ส่วนอีกสองยืนเป็นเชิงคุ้มกัน ไม่ต้องบอกเขาก็ทราบได้ทันทีว่า ทั้งสี่เป็นยอดฝีมือ หากแต่หญิงสาวเบื้องหน้านี้สิ แม้แต่ยอดฝีมือยังต้องนอบน้อม แม้เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังจากนาง แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่านางผู้นี้ เป็นยอดยุทธงำประกาย
" ไม่ทราบว่าท่านเป็นศิษย์ของใคร "
หลี่ฉาวกล่าวถามอย่างใคร่รู้ ตอนนี้ความเจ้าสำราญเลือนหายไปหมดสิ้น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าบัดนี้คนในงานเริ่มตื่นกันหมดแล้ว แม้จะงุนงงกันบ้าง แต่ก็เงียบปากเพื่อที่จะไม่โดนดี แม้พวกมันจะเป็นเพียงตัวประกอบไร้ชื่อแต่มันก็ยังมีจรรยาบรรณไม่รบกวนตัวเอกพูดคุย
" จำเป็นรึ ที่ข้าต้องตอบท่าน "
เหม่ยกุ้ยถามย้อนก่อนจะมองหาคำตอบจากชายชุดดำ ซึ่งคำตอบที่ได้จากชายชุดดำคือคุกเข่าคารวะ เห้อ วันนั้นไม่น่าระบายอารมณ์กับบ้านเลย แต่ก็ดีที่ได้รู้ว่ายังมีคนรู้จักอยู่อีก
ย้อนกลับไปวันนั้น
มารอันธพาลทะยานร่างมาถึงก็พบกับซากปะรักหักพังของบ้านหลังโต บนกองเศษซากมีหญิงสาวยืนสงบนิ่งอยู่อย่างเดียวดาย มันเงียบและอดทนรอ รอจนกว่าอีกผ่ายจะถามออกมา
" เจ้าเป็นใคร "
" ข้ามีชื่อตามที่นายท่านเรียกว่า มารอันธพาล เป็นศิษย์ของนายท่าน ทรราชสีหยก "
" ทรราชสีหยกรึ ? หนาตาเป็นอย่างไร "
" เป็นเด็กหนุ่ม ไม่สิ ตอนนี้เป็นชายหนุ่มรูปงาม ทรงไปด้วยปัญญาและฝีมือ "
" เจ้าก็ฝึก ทิวาคล้อยรึ "
" ขอรับ "
หลังจากคุยกันอยู่ไม่นาน เหม่ยกุ้ยก็กลายเป็นอาจารย์หญิงของมัน นางเล่าเรื่องราวของตนเองกับอาจารย์ให้ฟัง มันทั้งคับแค้นใจแทนอาจารย์และนางเป็นอย่างมาก อยู่ดีๆพ่อก็ดันมาอ้างสิทธิ์จากนั้นก็จับแต่งงาน
" ข้าจะช่วยท่านตามหาอาจารย์เอง "
" ขอบใจเจ้ามาก "
" หืม ว่าไงคุณชายหลี่ "
" ม ไม่จำเป็น "
คนในงานตอนนี้ตื่นกันหมดแล้ว ทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างบางที่นั่งสบายอารมณ์ โดยมีชายชุดดำสี่คนยืนประกบ แม้แต่บิดาบังเกิดเกล้าของนางก็ยังไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ด้วยทราบดีว่านางไม่อยากแต่งแต่ต้น ซึ่งตนก็ยังคงผืนบังคับด้วยมั่นใจว่านางคงไม่ขัดขืน แต่ผิดคาด ตอนนี้นางไม่ใช่เพียงหญิงสาวธรรมดา แต่นางเป็นยอดยุทธที่แม้อต่คุณชายหลี่ยังไม่อาจเอาชัย หนำซ้ำยังมีเจ้าชุดดำอีกสี่ที่ดูแล้วไม่น่าจะธรรมดา
" เหม่ยกุ้ย ลูกพ่อ จ เจ้าทำอย่างนี้ทำไม "
พรึบบบ บลึมมมมม
เก้าอี้โต๊ะ คนปลิวออกจากชั้นสองของโรงเตี้ยม เศษซากมากมายเหลือคณา แต่ยังไม่เท่ารอยปูดของเส้นเลือดตรงหน้าผากนาง ทุกคนในห้องรู้ทันทีว่านี้แหละปากพาจน
" ชู่ลลล์ ท่านเงียบเถอะ ถึงท่านจะเป็นพ่อแต่ข้าไม่ได้เป็นพ่อนางด้วยนิสิ "
" ช ใช่ ถ้าเกิดว่านางโกรธแล้วฆ่าเราจะทำยังไง "
" ข้ารู้สึกเหมือนมีกระบี่จี้อยู่ตรงคอ "
" ท่านเถอะ ทำอย่างนี้ทำไม ข้าเป็นเพียงสินค้าหรือ หรือว่าข้าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงของท่าน หลายสิบปีไม่เคยโผลหัวมาให้เห็น พอมาก็ยังบอกอีกว่าข้าต้องแต่งงาน ข้าไม่ตัดหัวเสียบประจานก็บุญแล้ว ข้ามีคนรัก คนรักของข้าตีจากเพราะข้าต้องแต่งงาน ท่านเข้าใจไหมมมม "
เช้งงงงงง วาบบบ
กระบี่ถูกชักออกมา ลมปราณอัดแน่นจนเห็นด้วยตาเปล่า ชั้นสามและหลังคาของโรงเตี้ยมแหวกออกเป็นสองส่วน ลากยาวจากตัวนางไปจนสุดเขตโรงเตี้ยม ไม่ต้องกล่าวต่ออีกแล้ว เพราะนางแทบคลั่งจนเป็นบ้า เพียงแค่เสียเวลามางานแบบนี้ แทนที่จะได้ออกตามหาฟงเหลย
" อาจารย์หญิงโปรดระงับอารมณ์ "
มารอันธพาลเร่งรุดมาจนทัน เพียงแค่เห็นปราณกระบี่ทะยานขึ้นฟ้าเขาก็ทราบถึงเหตุความเป็นไป มือขวาประคองชาโสม มือซ้ายมีจานขนมเปี๊ยะ เขาหวังว่านางจะใจเย็ยลงเมื่อเห็นของสองสิ่ง
" มารอันธพาล ไปกันเถอะ "
" เรียนอาจาย์หญิง ศิษย์ได้ดำเนินการแล้ว เพราะฉนั้นโปรดใจเย็น นี้ชาโสมกับขนมเปี๊ยะร้านเฮงขอรับ "
หลังจากซดชาได้อึกหนึ่งกัดขนมไปอีกคำ ตอนนี้หัวของนางเริ่มเย็นลงแล้ว เพียงแต่ชาวยุทธต่างเหงือตกแทนเพราะชายเบื้องหน้า มารอันธพาล ยอดคนเจ้าของพลังพิดาร ทรงอำนาจไปด้วยสำนักมาร เจ้าของบ่อนบนเรือหรู และอีกสารพัดกิจการด้านมืด ที่แม้แต่ราชสำนักยังต้องหลบหลีกเว้นให้
" มารอันธพาลตัวจริง "
" บ้าน่า ว่าที่จอมมารงั้นรึ "
" มันอยู่ที่นี้ได้ยังไง "
" ข้ายังมีลูกเมียนะ "
หลี่ฉาว และ หยางกุนบิดาของหยางเหม่ยกุ้ยมองหน้ากัน คนหนึ่งไม่คิดว่าหญิงสาวจะทรงอำนาจขนาดนี้ อีกคนได้แต่ตื่นตระหนกที่ธิดาของตนกลายเป็นอาจารย์ของเจ้าพ่อโลกมืดที่มาแรงที่สุดในรอบสิบปี ซึ่งความร่ำรวยนั้นอาจมากกว่าตระกลูหยางและหลี่รวมกันเสียอีก
" เพื่อไม่ใช้เสียเวลา "
แปะ แปะ
มารอันธพาลปรบมือสองครั้งจากนั้นก็มีชายชุดดำสิบคนเดินเข้ามา หีบเหล็กใบใหญ่กว่าห้าใบวางเรียงกันเป็นระเบียบ ทันทีที่มารอันธพาลพยักหน้าชายชุดดำก็เปิดหีบออกมา
" นี้คือทองคำหีบละ แสนตำลึงทอง ข้าคิดว่าน่าจะพอไถ่ตัวอาจารย์หญิงออกจากบิดาอย่างท่าน "
หลี่ฉาวตาโตเมื่อเห็นทองคำมากมายแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่มันเห็นทองคำมากถึงห้าแสนตำลึงทอง แม้จะมีคนกล่าวว่ากิจการบ้านของมันมีมูลค่ามากถึงล้านตำลึงทอง แต่นั้นเป็นเพราะนับทั้งเงินทอง บ้านเรือน ที่ดิน ห้างร้าน เรือ ม้า และสินค้า ไม่ได้มาจากทองคำเพียงอย่างเดียวเช่นนี้
" เช่นนั้นข้าขอรับตัวอาจารย์หญิงไปก่อน "
พอมันกล่าวจบอาจารย์หญิงก็แทบจะพุ่งร่างออกไปทันที ดีที่มันแอบกระซิบบอกให้นางใจเย็นๆเป็นระยะ โดยอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ ถ้ามันหาอาจารย์พบก็คงดีกว่านี้ เพราะมันชักเริ่มเหนื่อยกับการต้องดุแลกิจการต่างๆมากมายแล้ว ดีที่ช่วงนี้อาจารย์หญิงมาช่วยดูแล นอกจากนี้วรยุทธของมันยังก้าวหน้าขึ้นอีกด้วย
หยางกุนนิ่งค้างอยู่นาน เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรีของตนจะสามารถเพียงนี้ นอกจากเก่งกาจแล้ว นางยังร่ำรวยชนิดที่เรียกได้ว่าเขาไม่มีวันเทียบติด ทีแรกก็กะจะให้นางแต่งงานกับหลี่ฉาวเพื่อให้นางมีชีวิตที่ดี แต่นางกลับเข้าใจว่าตนเองขายนาง ถ้าเขารู้แต่แรกว่านางเก่งกาจเยี่ยงนี้งานมั่นคงไม่มีทางเกิด
" ลาขาดล่ะทุกท่าน "
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น