ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์ป่วน ก้วนจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #5 : เรียกข้าว่าอาจารย์

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 55


     




                        ยามสายของวัน


                       ชายอันธพาลคนหนึ่งยืนคอยผู้บงการชีวิตของตนเองอย่างร้อนรน   เมื่อว่านายท่านของมันได้ทำการเตรียมร่างกายของมันเพื่อฝึกวิชา  และบอกให้มันมาคอยที่นี้อีกด้วย   แต่ตอนนี้นายของมันยังไม่มาซักที  หนำซ้ำมือของมันดันทื่อๆใช้ไม่ค่อยได้   หูตาปวดแสบปวดร้อน  กล้ามเนื้อขยับแทบไม่ได้ราวกะว่าผ่านการฉีกกระชากมา




                       มันรอแล้วรอเหล่าหมดบะหมี่ไปหลายชาม( ฟรี )   มันพยายามหายใจเข้าออกอย่างที่นายของมันได้สอนไว้  และสิ่งที่มันได้รับมาคือ  ความเจ็บปวดของปอด   เห้อ  ถ้าเพียงแต่มันไม่เคยเดินเข้าไปหาเรื่องนายของมัน  มันก็คงจะสบายกว่านี้   มันคงไม่ต้องเจอกับความเจ็บปวดและอาการตามใจฉันของเจ้านาย





                      "  ไง  มารอันธพาล  เจ้าทำตามที่ข้าบอกหรือไม่ "  


                      น้ำเสียงธรรมดาที่แสนคุ้นเคย  ทำเอาขนแขนของมันลุกชัน   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่สาบานได้ว่ามันกลัวจริงๆ  ความหวาดกลัวที่มีต่อบุคคลที่โผ่ลมาข้างหลังเมื่อใดก็ไม่ทราบนั้น มันฝังลึกลงไปใน ข้อ เอ็น กล้ามเนื้อ  


                      " นายท่าน  ? "

                      " หึหึ  เจ้านี้น้าา เอาเหอะ   ตามข้ามา "








                      มารอันธพาลเดินตามเจ้านายไปตามทางในเมือง  จนกระทั่งมันมาโผล่ที่วัดร้างริมน้ำ  บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ   มันรู้สึกปวดไปทั่วร่างเพราะฝืนเดินตามเจ้านายให้ทัน   มันหยุดกึกตามเจ้านายไม่ห่างจากแม่น้ำ


                      " เจ้ารู้จักลมปราณไหม ? "

                      " รู้จักขอรับ  "

                      " เจ้าอยากเรียนรึเปล่า "

                      " อยากขอรับ "

                      " กราบข้าเป็นอาจารย์  แล้วข้าจะสอนเจ้า "

                      " ศิษย์ มารอันธพาล คารวะอาจารย์ ทรราชสีหยก "


                      มารอันธพาลกราบเด็กหนุ่มคราวลูกเป็นอาจารย์อย่างไม่อิดออด  มันย่อมรู้ดีกว่าใครว่าคนเบื้องหน้ามีพลังยุทธระดับสูงล้ำ   แม้มันจะไม่ใช่ชาวยุทธแต่มันก็เคยใฝ่ฝันที่จะเป็นมือดาบมาก่อน   แม้ครั้งอดีตความฝันจะไม่เป็นจริง  แต่ในตอนนี้หลังจากผ่านความโชคร้ายมาแล้ว  ความฝันของมันกำลังจะเป็นจริง  โดยที่มันไม่รู้เลยว่า


                      " ดี  เจ้าต้องอดทน  ที่ผ่านมามันแค่น้ำจิ้ม  "

                      " ห๊ะ  ย ยังไม่หมดรึขอรับอาจารย์ "

                      " เออสิ  หึหึ  หรือคิดว่าหมดแล้ว ว่ะฮ่าาๆๆๆๆ  "






                       " เคล็ดวิชาลมปราณ ทิวาคล้อยบุปผาอาลัยมีทั้งหมด  12 ขั้น   


                         ขั้นแรก  รุ่งอรุณ           เบิกลมปราณไหลย้อนช้อนไช 

                         ขั้นสอง   บุปผาแย้ม      ระเบิดพลังตามจุดต่างๆดั่งใจนึก

                         ขั้นสาม   ทิวาเหมันต์     ควบคุมอัตราส่วนหยินหยาง

                         ขั้นสี่       บุปผาล่องสวรรค์        พลังแปรผัน  จากในสู่นอก

                         ขั้นห้า     บุปผาล่าตะวัน    แปรพลังผันชีพ  

                         ขั้นหก    ดับชีพเบิกจันทรา  พลังหยินสุดขั้ว  

                         ขั้นเจ็ด   ดวงดาราหมื่นคล้อย  จากนอกสู่ใน  ไร้พลังดั่งจันทรา

                         ขั้นแปด  สหจันทรา    โคจรพลังลมปราณภายนอกสู่ภายใน

                         ขั้นเก้า    บุปผาแย้มอรุณหวน    จากจันทรากลับกลายสุริยันต์

                         ขั้นสิบ    บุปผาไร้รูป    จากหยินไร้หยาง จากหยางไร้หยิน ไร้ตัวไร้ตน

                         ขั้นสิบเอ็ด   บุปผาสวรรค์   เบิกโพลงลมปราณขั้นสุดยอด( ไม่ตายก็เทพ )

                         ขั้นสิบสอง  สระสวรรค์บุปผาอมตะ  ไม่มีรายละเอียด ถ้าอยากรู้ต้องฝึกเอง "




                        มารอันธพาลเลชเชอร์ไปเหงื่อตกไป   ความน่ากลัวของวิชานี้มันรู้แล้ว  จากแต่เดิมที่สำนักดาบเก่าของมันสอนแต่พลังภายนอก  แต่มันก็แอบไปเรียนพลังภายใน  เพียงแต่ความแตกต่างมันช่างเด่นชัดเกินไป  เพียงขั้นแรกของวิชาที่ได้ฟังมันก็ไม่ต่างจากพลังขั้นสูงสุดของสำนักอื่น



                       " เอาล่ะ  ข้าจะสอนเจ้าถึงขั้นที่สอง  และบอกเคล็ดขั้นที่สามให้  ถ้าเจ้าสำเร็จขั้นสามเมื่อไหร่ ข้าจะมาทดสอบเอง เข้าใจไหม "


                       " ขอบคุณอาจารย์ที่เมตตา "








                      หลังจากสอนวิชากำลังภายในแล้ว   ฟงเหลยก็ทิ้งให้ศิษย์คนแรกฝึกอยู่คนเดียว  ถ้ามันรอดมันก็คือเก่งถ้าไม่รอดมันก็ตาย เพราะวิชาที่ทรงพลังย่อมมีความเสี่ยงสูง  แม้ไม่ต้องตัดจู๋ทิ้งแต่อาจสิ้นชีพได้หากไม่เก่งพอ   เขาตัดสินใจทะยานล่างไปตามแนวแม่น้ำ  ไม่นานนักก็พบกับบ้านหลังโตที่คุ้นตา



                      เขาร่อนลงจากต้นไม้บริเวณสวนหย่อมด้านในบ้าน   ซึ่งเขตนี้จัดเป็นเขตหวงห้ามของบ้าน คนที่จะเข้ามาได้มีเพียงเจ้าบ้านและ คุณหนู( ลูกคนเดียว )  เท่านั้น    บนโต๊ะน้ำชามีร่างบางฟุบหมอบ  ไม่ไกลจากร่างมีกระบี่ไม้สองเล่มวางเคียงกัน  เขาสังเกตเห็นได้ว่ามือทั้งสองข้างแดงช้ำ เพราะไม่เคยจับดาบจับกระบี่



                      ฟงเหลยย่อมสอนเด็กสาวก่อนจะไปสอนมารอันธพาล  เพียงแต่ก่อนไปนางนั่งพักอยู่ตรงนี้ พอกลับมานางก็ยังนอนอยู่ตรงนี้   เขาย่อมไม่เข้าใจว่าทำไมนางไม่นอนในบ้าน    เขาย่อมไม่เคยเอ๊ะใจว่าทำไมคนแปลกหน้าอย่างเขาถึงได้รับการยอมรับจากนาง  เขาย่อมไม่สังเกตว่านางนั้น...


                      " เหม่ยกุ้ย ๆ "

                      " ฮือ  ฟงเหลย "


                     เขาขยับแขนเพื่อปลุกนางก่อนจะประคองนางเดินกลับเข้าไปในห้อง    เท่าที่ดูนั้นนางอ่อนแอมาก  แม้เพียงจับดาบไม้ไม่นานนางก็มีเหงือซึม  และหลังจากนั้นยังต้องนอนพักอีก   เขามองดูแล้วอดสงสารไม่ได้  หากเป็นเขาคงแย่แน่ๆ  ถ้าไร้พลังดุจนาง 


                      ' ข้าจะแบ่งครึ่งหนึ่งของข้าให้เจ้า  ข้าสัญญา '


                      " เจ้ากินยานี้  แล้วนั่งหันหลังให้ข้านะ  เดี๋ยวข้าจะทำอะไรเล็กน้อย "

                      "  ต แต่ ข้าพึ่งสิบห้านะ  แล้วท่านพ่อก็ยังไม่รู้เรื่องของเราด้วย ข้าว่ามันยังไม่ควร.. "

                     " โห้ย  ข้าจะเดินลมปราณให้เจ้า เข้าใจไหม "

                     " อะ เอ๋  ไม่ใช่ทำแบบนั้นหรือ "



                   แป๊ดดดด   หน้าของนางแดงแจ๋  ใครจะไปรู้ละว่าเขาต้องการแบบไหน  พวกพี่เลี้ยงก็เคยแต่เล่าเรื่องแบบนั้นให้ฟัง  แล้วตอนที่นางนอนกับเขาไม่เรียกว่าร่วมเตียงเคียงหมอนรึ  และจะแปลกอะไรล่ะ ถ้าคนที่เคยร่วมเตียงเคียงหม่อนจะบอกให้ทำแบบนั้น ....   โถ่   นี้ข้ากลายเป็นหญิงไร้ยางอายเสียแล้ว


                     " พยายามจำความรู้สึกเอาไว้นะ  จุดต่างๆที่ข้าเคยบอกจำได้ไหม "

                     " ได้สิ "

                     " เจ้าต้องพยายามนะ  มันอาจเจ็บแล้วก็อึดอัด"

                     " ข้าจะพยายาม   " 


                   นางไม่กล้าที่จะบอกออกไปว่า  ถ้าเจ้าขอข้าก็จะทำตาม   หรือจะพูดจนจบว่า ข้าจะพยายามเพื่อเจ้า   ถ้าเพียงแต่ฟงเหลยต้องการ  ต่อให้ลำบากนางก็จะทำ  อึก  ต่อให้เจ็บกว่านี้นางก็ทำ


                    " อ๊าาาา เจ็บ "



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×