ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ครึ่งหนึ่ง
" ตาแก่นั้นแหละนายท่าน "
มารอันธพาลกระซิบบอกฟงเหลย ระหว่างที่เขาทั้งสองมาสอดแนมว่าที่มารบัณฑิต ชายชราที่ทั้งสองจับตาดูนั้นเป็นบิดาของเจ้าเมือง กำลังทหารที่ยืนคุ้มกันแน่นหนา ทำให้ทั้งสองยากที่จะเข้าถึงตัวได้
" งั้นข้าเปลี่ยนแผนละ ข้าจะฝึกเจ้าให้เป็นมารเต็มตัวเสียก่อน "
" อึก... อย่างไรนายท่าน "
" อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก "
" เจ็บนิดๆหน่อยอย่าร้อง เพราะเจ้าอายุมากหรอก ข้าจึงต้องทำลายเอ็นสลายเนื้อ "
" ม่ายๆ ข้าไม่เป็นมารแล้ว ข้าขอชั่วธรรมดาได้ไหม "
" อื่ม ก็ได้นะ แต่ข้าว่าเจ้าจะไม่เก่งเท่าไหร่นะ "
" ไม่เป็นไรขอรับ ไม่ต้องเก่งมากก็ได้ บัณฑิตท่านกล่าวไว้เป็นคนย่อมต้องใช้หัวคิด มิใช่เพียงกำลัง "
" โฮ ดูเหมือนความเจ็บปวดทำให้เจ้าฉลาดขึ้นนะ "
" อะ ม หมายความว่ายังไงขอรับ "
" หึหึ "
" อ๊ากกกกกกกกกกกกก "
กว่าการทรมานจะเสร็จยามเย็นก็มาเยือน ฟงเหลยได้รับการเชื้อเชิญจากเถ่าแก่ร้านบะหมี่หยกผู้เป็นสปอนเชอร์หลักของว่าที่มารอันธพาล ซึ่งมันได้อธิบายไปว่ามันเป็นพวกไร้บ้าน ประกอบกิจการรีดไถอย่างสุดจริตไปวันๆ วันไหนได้มากก็ไปบ่อนกับหอโคมเขียว วันไหนได้น้อยก็ไปร้านบะหมี่ กับ วัดร้าง
ชู้ดดดดดด
" อืม เจ้าชั่วได้ปกติดีมาก "
" ขอบคุณขอรับนายท่าน "
" ดี งั้นก็ส่งหมูชิ้นนั้นมากให้ข้า "
" ห๊ะ แต่ท่านเอาของข้าไปหมดเลย อึก ได้ขอรับ "
หลังจากลูกน้องหมายเลขหนึ่งรีดไถเถ่าแก่แล้ว ฟงเหลยก็รีดไถต่ออีกทอด มันช่างเป็นวงจรอุบาศที่น่าชื่นชมอะไรแบบนี้ คนที่เสียมีเพียงเถ้าแก่ แต่คนที่ได้มีถึงสองเห็นไหมว่ามันดีเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกน้องของตนได้แสดงฝีมืออีกด้วย
" ไม่ทราบว่าคืนนี้นายท่านจะไปนอนที่วัดร้างแห่งใดขอรับ "
" หืม ยังไงอธิบายซิ "
" คือ ข้ากระผมมีกิจการวัดร้างในเครือหลายแห่ง แต่ที่เด็ดๆก็มีวัดร้างริมชายป่า อากาศดีไร้สิ่งรบกวน วัดร้างริมเมืองไปมาสะดวก ไม่ห่างจากประตูเมืองและตลาด วัดร้างริมน้ำสะดวกสบายไปด้วยสายธาราจากยอดเขา "
" ข้าว่านะเจ้าไปดำเนินกิจการของเจ้าเถอะ ส่วนข้าจะไปหาที่นอนเอง เจอกันพรุ่งนี้ ตอนเช้าหน้าร้านบะมี่
เอ่อ แล้วอย่าให้ข้าต้องเสียเวลาคอยหรือตามหาล่ะ เพราะว่า .... ฮึๆๆๆ "
หลังจากข่มขวัญลูกน้องจนสำราญใจแล้วเขาก็หายวับไปจากสายตาของมารอันธพาล เสียงสายลมกรีดกรายระหว่างทะยานไปตามหลังคาให้ความรู้สึกที่ดีไปอีกแบบ เขามองดูบ้านแต่ละหลังจนไปสะดุดกับบ้านหลังที่ปลูกอยู่ริมทะเลสาบ
บ้านหลังนั้นมีลักษณะใหญโตโอ่อ่า หลังคามุงกระเบื้อง มีเสาเรือนหลายต้น กำแพงสีขาว มีหน้าต่าง มีประตู มีคานไม้ เขาแอบย่องอยู่บนหลังคา ตั้งใจมั่นหมายจะไปนอนในห้องที่ยื่นออกไปในทะเลสาบ บรรยากาศภายในบ้านเงียบสงบ ทุกๆช่วงเสาจะมียามยืนเฝ้า
ฟงเหลยมั่นใจในพลังยุทธของตนเองมาก จากที่ได้รู้สี่มารประหารเทพจัดเป็นยอดยุทธฝั่งอธรรมที่เก่งกาจเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะแม่เลี่ยงของเขาดัชนี้ประหารเทพ จัดได้ว่าเป็นผู้มีพลังดัชนีเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ส่วนเฒ่าในสนจัดเป็นผู้ใช้พิษอันดับสองรองจาก ไต้ซือโควอ้ายแห่งวัดไร่ถั่ว ส่วนตี้สงนั้นจัดเป็นผู้มีพลังยุทธร้อนแรงที่สุดในรอบหลายร้อยปี และบัณฑิตสีเทาจัดเป็นผู้ใช้อาวุธลับที่ร้ายกาจมากแม้จะไม่เคยมีใครรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เขารู้ดีเลยเพราะต้องทายาให้บัณฑิตท่านนี้บ่อยๆ( โดนฟงเหลยซ้อม )
เขาแอบย่องเข้าห้องที่ดูหรูหรากลิ่นกำยานอ่อนๆล่องลอยไปมาน่าสูดดม ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างพุ่มเฟย ภาพวาดฝีมือจิตรกรชื่อดังบ้างไม่ดังบ้างประดับอยู่บนผนัง เครื่องเรือนภายในห้องหรูน้อยกว่าที่วังมารของเขาเล็กน้อย บนที่นอนมีร่างบางนอนหลับสนิทอยู่ เขายิ้มออกมาทันที
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปประชิดร่างบาง จากนั้นก็ใช้เท้าเคี่ยออกจากเตียงและสวมรอยนอนบนที่นอน ฝ่ายร่างบางที่โดนแย่งที่สะดุงตื่นขึ้นมา เด็กสาวเห็นเงาดำตะคุ่มนอนอยู่บนเตียงก็กรีดร้องทันที
เหล่ายามที่ได้ยินเสียงคุณหนูใหญ่กรีดร้องก็กรูกันเข้ามาดู คบเพลิงหลายอันส่องสว่างในห้องนอนแห่งนี้ ไม่มีใครเห็นอะไรทั้งสิ้น มีเพียงคุณหนูใหญ่เพียงคนเดียว เหล่ายามเมื่อไม่เจออะไรหลังจากค้นจนทั่วจึงกลับไปประจำตำแหนงของตนเอง
" หึหึ เจ้าดูเหมือนเป็นพวกวิกลจนิตแล้ว "
ฟงเหลยกล่าวออกมาจากความว่างเปล่า เด็กสาวหันขวับไปมองและทำท่าจกรีดร้อง แต่ก็ต้องมีอันรับงับไปเพราะประโยคต่อมา
" ถ้าเจ้าร้องคนก็จะเข้ามาใหม่ แต่เมื่อไม่เจอข้า เขาก็จะคิดว่าเจ้าเสียสติ จากนั้นก็จะเป็นที่เล่าลือไปทั่ว "
" อึก ฮือ เจ้าเป็นใคร เป็นผีหรือ งั้นข้าจะทำบุญให้ ไปที่ชอบๆเถอะนะ "
" นี้แหน่ะ " ฟงเหลยดีดหน้าผากขาวเนียนเล่นทีหนึ่ง " ข้าเป็นผีอยู่อีกไหม " เขากล่าวออกมาก่อนจะเดินไปนอนเล่นบนเตียงอย่างถือวิสาสะ
" งั้นเจ้าก็เป็นคน "
" ก็เออสิ "
" ล แล้วเจ้าต้องการอะไร "
" ข้าต้องการที่นอน แล้วก็อาหาร และ อ่างอาบน้ำ และ เอ่อ หลายอย่างล่ะ "
" งั้นก็ได้ ถ้าเพียงแต่เจ้าจะลุกออกจากเตียงของข้า "
" ไม่เพราะตอนนี้เป็นของข้าแล้ว "
" ไม่ใช่ของข้า "
ว่าแล้วเด็กสาวที่ดื้อรั้นก็เดินเข้าไปดึงฟงเหลยออกมาจากเตียง การยื้อยุดดำเนินไปยาวนานกว่าค่อนคืน ผลสุดท้ายคือเด็กสาวเหนื่อหอบได้นอนอยู่บนเตียงเพียงครึ่งร่าง เด็กสาวที่รู้ตัวว่าไม่ชนะแน่จึงยื่นข้อเสนอ
" งั้นคนครึ่ง "
" ไม่ เพราะข้าคลองเตียงแล้ว "
" แต่นี้มันบ้านข้านะ "
" ไม่ ต่อแต่นี้ไปมันเป็นของข้า "
ฟงเหลยไม่เคยได้เล่นกับชนรุ่นราวคราเดียวกัน เมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ดันคึกคนองผิดวิสัย แกล้งได้เป็นแกล้ง มันจึงเลยลามปามไปเรื่อย เด็กสาวที่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เสียที่นอนแต่ยังรู้สึกว่าจะเสียบ้านไปอีกจึงทำใจไม่ได้ น้ำตาของนางไหลริน ก่อนเสียงสะอื้นไห้จะดังตามมา
ฟงเหลยก็เป็นเพียงฟงเหลย แม้จะฉลาดล้ำเกินคน แต่ด้วยอารมณ์ที่ยังเด็กทำให้เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าไปทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เพียงปลอบและพยายามง้อ
" ข้าจะสอนลมปราณเจ้า แล้วก็เพลงยุทธระดับสุดยอดของข้า นะๆๆๆ อย่าร้องนะ "
" อึกๆ จริงนะ "
"จริง "
" งั้นเจ้าต้องแบ่งทุกอย่างกับข้าคนละครึ่งนะ "
" อืม ก็ได้ "
ยามสามมาเยือนในที่สุดทั้งสองก็ได้นอนหลับ แม้จะต้องแบ่งเตียงคนละครึ่งแต่มันก็กว้างเพียงพอต่อคนสองคนถึงจะต้องเบียดกันเล็กน้อยก็ตาม คราบน้ำตาแห้งกระอยู่บนใบหน้า ขอบตาแดงฉาน กระนั้นริมฝีปากน้อยๆกลับมีรอยยิ้ม แม้จะเพียงเล็กน้อย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น