ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์ป่วน ก้วนจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #4 : ครึ่งหนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 55


     





                  " ตาแก่นั้นแหละนายท่าน "  



                      มารอันธพาลกระซิบบอกฟงเหลย   ระหว่างที่เขาทั้งสองมาสอดแนมว่าที่มารบัณฑิต   ชายชราที่ทั้งสองจับตาดูนั้นเป็นบิดาของเจ้าเมือง    กำลังทหารที่ยืนคุ้มกันแน่นหนา  ทำให้ทั้งสองยากที่จะเข้าถึงตัวได้ 



                  " งั้นข้าเปลี่ยนแผนละ  ข้าจะฝึกเจ้าให้เป็นมารเต็มตัวเสียก่อน "

                  " อึก...  อย่างไรนายท่าน "









                 " อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  "

                 " เจ็บนิดๆหน่อยอย่าร้อง  เพราะเจ้าอายุมากหรอก  ข้าจึงต้องทำลายเอ็นสลายเนื้อ "

                 "  ม่ายๆ ข้าไม่เป็นมารแล้ว  ข้าขอชั่วธรรมดาได้ไหม "

                 " อื่ม ก็ได้นะ แต่ข้าว่าเจ้าจะไม่เก่งเท่าไหร่นะ "

                 " ไม่เป็นไรขอรับ   ไม่ต้องเก่งมากก็ได้  บัณฑิตท่านกล่าวไว้เป็นคนย่อมต้องใช้หัวคิด มิใช่เพียงกำลัง "

                 " โฮ ดูเหมือนความเจ็บปวดทำให้เจ้าฉลาดขึ้นนะ "

                 " อะ  ม หมายความว่ายังไงขอรับ "

                 " หึหึ  "

                 " อ๊ากกกกกกกกกกกกก  "






                  กว่าการทรมานจะเสร็จยามเย็นก็มาเยือน  ฟงเหลยได้รับการเชื้อเชิญจากเถ่าแก่ร้านบะหมี่หยกผู้เป็นสปอนเชอร์หลักของว่าที่มารอันธพาล   ซึ่งมันได้อธิบายไปว่ามันเป็นพวกไร้บ้าน  ประกอบกิจการรีดไถอย่างสุดจริตไปวันๆ  วันไหนได้มากก็ไปบ่อนกับหอโคมเขียว  วันไหนได้น้อยก็ไปร้านบะหมี่ กับ วัดร้าง


                  ชู้ดดดดดด


                  " อืม  เจ้าชั่วได้ปกติดีมาก "  

                  " ขอบคุณขอรับนายท่าน "

                  " ดี งั้นก็ส่งหมูชิ้นนั้นมากให้ข้า "

                  " ห๊ะ แต่ท่านเอาของข้าไปหมดเลย   อึก  ได้ขอรับ "





                    หลังจากลูกน้องหมายเลขหนึ่งรีดไถเถ่าแก่แล้ว  ฟงเหลยก็รีดไถต่ออีกทอด  มันช่างเป็นวงจรอุบาศที่น่าชื่นชมอะไรแบบนี้  คนที่เสียมีเพียงเถ้าแก่  แต่คนที่ได้มีถึงสองเห็นไหมว่ามันดีเยี่ยม  อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกน้องของตนได้แสดงฝีมืออีกด้วย




                    " ไม่ทราบว่าคืนนี้นายท่านจะไปนอนที่วัดร้างแห่งใดขอรับ "

                    " หืม  ยังไงอธิบายซิ "

                    " คือ ข้ากระผมมีกิจการวัดร้างในเครือหลายแห่ง  แต่ที่เด็ดๆก็มีวัดร้างริมชายป่า อากาศดีไร้สิ่งรบกวน  วัดร้างริมเมืองไปมาสะดวก ไม่ห่างจากประตูเมืองและตลาด   วัดร้างริมน้ำสะดวกสบายไปด้วยสายธาราจากยอดเขา "


                    " ข้าว่านะเจ้าไปดำเนินกิจการของเจ้าเถอะ ส่วนข้าจะไปหาที่นอนเอง  เจอกันพรุ่งนี้  ตอนเช้าหน้าร้านบะมี่ 

    เอ่อ  แล้วอย่าให้ข้าต้องเสียเวลาคอยหรือตามหาล่ะ เพราะว่า  ....  ฮึๆๆๆ "








                     หลังจากข่มขวัญลูกน้องจนสำราญใจแล้วเขาก็หายวับไปจากสายตาของมารอันธพาล   เสียงสายลมกรีดกรายระหว่างทะยานไปตามหลังคาให้ความรู้สึกที่ดีไปอีกแบบ   เขามองดูบ้านแต่ละหลังจนไปสะดุดกับบ้านหลังที่ปลูกอยู่ริมทะเลสาบ  



                     บ้านหลังนั้นมีลักษณะใหญโตโอ่อ่า   หลังคามุงกระเบื้อง  มีเสาเรือนหลายต้น  กำแพงสีขาว  มีหน้าต่าง  มีประตู  มีคานไม้  เขาแอบย่องอยู่บนหลังคา  ตั้งใจมั่นหมายจะไปนอนในห้องที่ยื่นออกไปในทะเลสาบ   บรรยากาศภายในบ้านเงียบสงบ  ทุกๆช่วงเสาจะมียามยืนเฝ้า




                     ฟงเหลยมั่นใจในพลังยุทธของตนเองมาก   จากที่ได้รู้สี่มารประหารเทพจัดเป็นยอดยุทธฝั่งอธรรมที่เก่งกาจเป็นอันดับต้นๆ  โดยเฉพาะแม่เลี่ยงของเขาดัชนี้ประหารเทพ  จัดได้ว่าเป็นผู้มีพลังดัชนีเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ส่วนเฒ่าในสนจัดเป็นผู้ใช้พิษอันดับสองรองจาก ไต้ซือโควอ้ายแห่งวัดไร่ถั่ว  ส่วนตี้สงนั้นจัดเป็นผู้มีพลังยุทธร้อนแรงที่สุดในรอบหลายร้อยปี   และบัณฑิตสีเทาจัดเป็นผู้ใช้อาวุธลับที่ร้ายกาจมากแม้จะไม่เคยมีใครรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร  แต่เขารู้ดีเลยเพราะต้องทายาให้บัณฑิตท่านนี้บ่อยๆ( โดนฟงเหลยซ้อม )



                  เขาแอบย่องเข้าห้องที่ดูหรูหรากลิ่นกำยานอ่อนๆล่องลอยไปมาน่าสูดดม   ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างพุ่มเฟย ภาพวาดฝีมือจิตรกรชื่อดังบ้างไม่ดังบ้างประดับอยู่บนผนัง   เครื่องเรือนภายในห้องหรูน้อยกว่าที่วังมารของเขาเล็กน้อย  บนที่นอนมีร่างบางนอนหลับสนิทอยู่   เขายิ้มออกมาทันที


                 เด็กหนุ่มเดินเข้าไปประชิดร่างบาง   จากนั้นก็ใช้เท้าเคี่ยออกจากเตียงและสวมรอยนอนบนที่นอน   ฝ่ายร่างบางที่โดนแย่งที่สะดุงตื่นขึ้นมา   เด็กสาวเห็นเงาดำตะคุ่มนอนอยู่บนเตียงก็กรีดร้องทันที



                  เหล่ายามที่ได้ยินเสียงคุณหนูใหญ่กรีดร้องก็กรูกันเข้ามาดู  คบเพลิงหลายอันส่องสว่างในห้องนอนแห่งนี้   ไม่มีใครเห็นอะไรทั้งสิ้น  มีเพียงคุณหนูใหญ่เพียงคนเดียว   เหล่ายามเมื่อไม่เจออะไรหลังจากค้นจนทั่วจึงกลับไปประจำตำแหนงของตนเอง   



                   " หึหึ  เจ้าดูเหมือนเป็นพวกวิกลจนิตแล้ว "  


                   ฟงเหลยกล่าวออกมาจากความว่างเปล่า   เด็กสาวหันขวับไปมองและทำท่าจกรีดร้อง  แต่ก็ต้องมีอันรับงับไปเพราะประโยคต่อมา

                   " ถ้าเจ้าร้องคนก็จะเข้ามาใหม่  แต่เมื่อไม่เจอข้า  เขาก็จะคิดว่าเจ้าเสียสติ  จากนั้นก็จะเป็นที่เล่าลือไปทั่ว "

                   " อึก ฮือ เจ้าเป็นใคร เป็นผีหรือ งั้นข้าจะทำบุญให้  ไปที่ชอบๆเถอะนะ "

                   " นี้แหน่ะ "  ฟงเหลยดีดหน้าผากขาวเนียนเล่นทีหนึ่ง  " ข้าเป็นผีอยู่อีกไหม " เขากล่าวออกมาก่อนจะเดินไปนอนเล่นบนเตียงอย่างถือวิสาสะ 

                   " งั้นเจ้าก็เป็นคน  "

                   " ก็เออสิ "

                   " ล แล้วเจ้าต้องการอะไร "

                   " ข้าต้องการที่นอน แล้วก็อาหาร และ อ่างอาบน้ำ และ เอ่อ หลายอย่างล่ะ "

                   " งั้นก็ได้  ถ้าเพียงแต่เจ้าจะลุกออกจากเตียงของข้า "

                   " ไม่เพราะตอนนี้เป็นของข้าแล้ว "

                   " ไม่ใช่ของข้า "


                 ว่าแล้วเด็กสาวที่ดื้อรั้นก็เดินเข้าไปดึงฟงเหลยออกมาจากเตียง  การยื้อยุดดำเนินไปยาวนานกว่าค่อนคืน ผลสุดท้ายคือเด็กสาวเหนื่อหอบได้นอนอยู่บนเตียงเพียงครึ่งร่าง  เด็กสาวที่รู้ตัวว่าไม่ชนะแน่จึงยื่นข้อเสนอ



                    " งั้นคนครึ่ง "

                    " ไม่ เพราะข้าคลองเตียงแล้ว "

                    " แต่นี้มันบ้านข้านะ "

                    " ไม่  ต่อแต่นี้ไปมันเป็นของข้า "


                   ฟงเหลยไม่เคยได้เล่นกับชนรุ่นราวคราเดียวกัน  เมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ดันคึกคนองผิดวิสัย  แกล้งได้เป็นแกล้ง  มันจึงเลยลามปามไปเรื่อย  เด็กสาวที่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เสียที่นอนแต่ยังรู้สึกว่าจะเสียบ้านไปอีกจึงทำใจไม่ได้ น้ำตาของนางไหลริน  ก่อนเสียงสะอื้นไห้จะดังตามมา  


                    ฟงเหลยก็เป็นเพียงฟงเหลย  แม้จะฉลาดล้ำเกินคน แต่ด้วยอารมณ์ที่ยังเด็กทำให้เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าไปทำอะไรไม่ถูก  ได้แต่เพียงปลอบและพยายามง้อ



                    " ข้าจะสอนลมปราณเจ้า แล้วก็เพลงยุทธระดับสุดยอดของข้า นะๆๆๆ  อย่าร้องนะ "

                    " อึกๆ จริงนะ "

                    "จริง  "

                    " งั้นเจ้าต้องแบ่งทุกอย่างกับข้าคนละครึ่งนะ "

                    " อืม  ก็ได้ "



                    ยามสามมาเยือนในที่สุดทั้งสองก็ได้นอนหลับ  แม้จะต้องแบ่งเตียงคนละครึ่งแต่มันก็กว้างเพียงพอต่อคนสองคนถึงจะต้องเบียดกันเล็กน้อยก็ตาม   คราบน้ำตาแห้งกระอยู่บนใบหน้า  ขอบตาแดงฉาน  กระนั้นริมฝีปากน้อยๆกลับมีรอยยิ้ม   แม้จะเพียงเล็กน้อย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×