ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์ป่วน ก้วนจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #19 : บุปผาคืนช่อ ตะวันคืนฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 56






                   นับจากวันแรกที่ฟงเหลยแสดงพลังให้ศิษย์ทั้งสองชมก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว  ภายในวังยังคงวุ่นวายไม่หายหลังจากเกิดร่องรอยพลังทำลายล้างอันเป็นปริศนา แต่บัดนี้ทุกฝ่ายต่างลงความเห็นว่าน่าจะเป็นฝีมือของยอดยุทธปริศนา ผู้เป็นอาจารย์ขององค์ชายซึ่งเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปราวกะไฟลามทุ่ง


                    " ช่างจินตนาการกันไปได้เนอะ อาจารย์ฟงเหลย "


                    เสียงตรัสกลั้วหัวเราะของไทเฮาทำเอาคนทั้งสองเหาะเราะแกนๆส่วนคนต้นเรื่องกลับแสดงสีหน้าสนุกสนานอย่างเห็นได้ชัด


                    " นั่นสินะ  ข้าว่านะไทเฮาคนที่ทำได้ขนาดนั้นนะต้องเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดในแผ่นดิน "


                    " เอ๊ะ ใครรึท่านอาจารย์ฟงเหลย ใครคือผู้มีพลังยุทธร้ายกาจที่สุดในแผ่นดิน "


                    ไทเฮากล่าวถามอย่างอยากรู้ ต้องยอมรับเลยว่าเวลานางมีความสนใจในอะไรสักอย่างด้านน่ารักๆเหมือนตอนสาวๆจะโผล่ออกมาทันที แม้จะมีอายุแล้วแต่นางยังคงนิสัยและความน่ารักไว้ได้อย่างไม่มีเปลี่ยน

                    " ท่านเคยได้ยินพรรค มารที่หนึ่งรึไม่ "


                    " พรรคมารที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน!!! " 


                    คนทั้งสามกล่าวโพลงออกมาอย่างพร้อมเพียง 

                    " ใช่ เล่ากันว่าหัวหน้าพรรคที่ชื่อมารอันทพาลมีอาจารย์อยู่คนหนึ่ง คนผู้นี้ประสิทธ์ประสาทวิชาต่างๆให้มารอันทพาล "


                    " ห หมายความว่าอย่างไรท่านอาจารย์ ศิษย์ชักสับสน "



                    ฟงเหลยที่เป็นคนเปิดเผยไม่คิดปิดบังอะไร เขากล่าวลอยอย่างบอกเล่า คนทั้งสามต่างเข้าใจไปในมุมที่ต่างกัน


                    " มารอันทพาลมีอาจารย์อยู่คนหนึ่ง เขามีนามว่าทรราชสีหยก  เชี่ยวชาญศาสต่างๆหลายแขน่ง  วันหนึ่งด้วยความเมตตาจึงเก็บมารอันทพาลไปเลี้ยง(?) ด้วยพรสวรรค์ในการสอนของเขา เพียงไม่กี่ปีมารอันทพาลก็กลายเป็นยอดฝีมือ "


                    " ทว่าเพียงไม่นานจากนั้นนักอาจารย์ของมารอันทพาลก็ได้พบรักกับหญิงสาวนางหนึ่ง  ด้วยความที่จิตใจไม่มั่นคงทำให้เขากระทำการผิดพลาด ใช่ อย่างการไปรักกับคนสักคน  และโลกนี้ก็ล้วนอนิจจา สุดท้ายความรักของเขาก็พังทลาย  แต่แทนที่หัวใจของเขาจะแหลกสลายจนตัวตาย "


                   " ไม่เลย เขาไม่ได้ใจสลายจนตัวตาย  เขามีชีวิตอยู่แต่มิอาจอยู่ทนกับภาพเดิมๆได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจออกเดินทางโดยมิลังเล  เดินทางหมื่นลี้รักษาแผลใจ "



                   " ซิกๆๆ อัจฉริยะบุคคลยังไม่อาจข้ามบ่วงรัก  ข้าให้เรื่องเล่าของท่านสิบกะโหลก "


                   ไทเฮาอินจัดจนร้องไห้น้ำหมูกไหล เดือดร้อนขันทีที่อยู่รับใช้ต้องหาอะไรมาชัดหยาดน้ำตา  ขณะที่เทียนหลงเริ่มมองเห็นเค้ารางอะไรสักอย่าง  เขานึกอยู่แล้วเชียวว่าอาจารย์ของตนต้องมีฐานะไม่ธรรมดา เพียงแต่ว่าหากเรื่องเล่าเป็นจริงนั้น มิเท่ากับว่าตนเองคือศิษย์น้องของมารอันทพาลที่กำลังยึดครองยุทธภพหรือ?


                   แต่ในส่วนของไซซีนั้นมองแตกต่างออกไป นางมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวของอาจารย์คนนี้แต่แรก  ตั้งแต่ครั้งหอโคมแดงนั้นแล้วที่นางติดใจในตัวเขา ความลึกลับที่แฝงอยู่ทั่วทุกอนูของฟงเหลย  นางจะทำอย่างไรดีหน่อ ในเมื่อคนคนนี้ยังมีแผลใจ


                  ' เอ๊ะ หรือนางจะเข้าไปด้ามใจดี '


                   แต่ก่อนที่ใครจะได้กล่าวอะไรไปมากกว่านั้น  อยู่ๆบุปผาสีแดงก็พริ้วมาตามสายลม เสียงพิณเบาๆดังเคล้าเสียงสายลมอย่างลงตัว  


                   บ่ายวันนั้นจะเป็นวันที่คนทั้งหวังมิอาจลืม  ภาพของเกี้ยวสีแดงที่มีคนหามหกคนทะยานผ่านหมู่ตึก  ระหว่างที่เกี้ยวหลังนั้นทะยานไปข้างหน้าไม่มีครั้งใดเลยที่เท้าของคนทั้งหกจะเหยียบพื้น  นับว่าร้ายกาจแล้วกับการใช้งานคนที่ทรงพลังยุทธระดับนี้ได้

                  นำหน้าเกี้ยวหลังนั้นด้วยหญิงสาวที่ทะยานร่างโปรยดอกไม้ เก๋งศิลาหลังใหญ่ดูคับแคบไปทันตาเมื่อร่างของคณะผู้มาเยือนเดินเข้ามาข้างใน



                  กงกงและมหาเสนาต่างมิอาจก้าวเท้าไปได้มากไปกว่านี้  เขาทั้งสองเฝ้ามาจะอีกฟากของสระบัว คลั้นจะทะยานร่างไปก็ถูกกดไว้ด้วยจิตรสังหารของหญิงสาวผู้โปรดอกไม้



                  เพียงแว๊บแรกเท่านั้นที่เกี้ยวเปิดออกคนทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เป็นหญิงสาววัยแรกแย้มที่เดินออกมาอย่างเชื่องช้า จะมีก็แต่คนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆแล้วความแก่ชราถูกหยุดเอาไว้ด้วนวิชายุทธชั้นสูง

                  ในด้านความงามย่อมมิอาจตัดสินขาดกับไซซีได้ แต่ในด้านความสง่างามแล้วนางคนนี้นำไปไกลทีเดียว ท่าทีที่เหมือนไม่เห็นอะไรอยู่ในสายตานั้นช่างช่วยนึกสงสัย สีแดงของทั้งอาภรและเกศา ไหนจะนัยตาที่ดูส่องสว่างนั่น  


                  " ข้า หยางกุ้ยเฟยคารวะอาจารย์  " 

                  " ข้ามารอันทพาลคารวะอาจารย์ "


                  ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงงั้นกับหญิงสาวผู้มาใหม่ จนลืมชายอีกคนที่แต่งกายหรูหราไปเสียสิ้น  ชายคนนี้ดูภายนอดเย็นชานัก แต่น้ำเสียงที่กล่าวออกมาช่างถ่อมตนเหลือหลาย 


                  " ..... "

                  ไม่มีคำกล่าวใดๆจากคนที่เขาทั้งสองค้นหา  ฟงเหลยหันหน้าออกไปทางสระบัวก่อนจะนั่งทอดสายตาไปยาวไกล น่าแปลกยิ่งนักที่แม้อยากจะไปให้ไกลแท้ๆ แต่พอเจอหน้ากันแล้วก็มิอาจก้าวขาออกไปได้


                  " ฟงเหลย ข้ารักท่านนะ "

                  เป็นหยางกุ้ยเฟยที่กล่าวออกมาก่อน  นางเดินดุ่มๆเขาไปใกล้เข้าแล้วหยุดชะงักไปจังหว่ะหนึ่ง ก่อนจะโผเข้ากอดจากทางด้านหลัง โดยมีสายตาของไทเฮามองอย่างลุ่นระทึก


                   " เจ้าแต่งงาน  เจ้ามีคนอื่นไปแล้ว "

                   คำกล่าวเรียบๆนิ่งๆของเขาทำเอาศิษย์คนโตอย่างมารอันทพาลลุกขึ้นมาโวยในทันที


                   " ได้อย่างไรอาจารย์ หากอยากได้สิ่งท่านก็ชิงมาสิกะแค่สำนักดาบทองข้ามารอันทพาลถล่มมันจนไร้ชื่อไปแล้ว  อาจารย์กลับเถอะ กลับไปพรรคของเราอาจารย์หญิงรอท่านมานานแล้วนะ "

                    ชื่อเสียงความโหดร้ายของมารอันทพาลจะมาจบลงก็วันนี้  หากมีใครสักคนสังเกตจะพบว่าชายชุดดำที่แบกเกี้ยวทั้งหกกำลังตาเหลือกและอ้าปากค้าง เพราะบัดนี้นอกจากบุปผาโลหิตจะยอมแตะต้องกายผู้อื่นแล้ว หัวหน้าพรรคมารอันยิ่งใหญ่ได้ลงไปคู้กอดขาของคนคนนั้น คนที่พวกมันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คนที่ทั้งสองเรียกว่าอาจารย์


                    " เจ้าหมายความว่าไง "


                    เมื่อเป็นเรื่องของตนเองฟงเหลยกลับโง่เขลานัก เขากล่าวถามคนทั้งสองเสียงสั่น


                     " หมายความว่าอาจารย์หญิงไม่ได้แต่งกับใครไงขอรับอาจารย์ "

                     " กลับกันเถอะฟงเหลย จากนี้ไปไม่ว่าจะอะไรจะไม่สามารถพลากเราจากกันไดอีกแล้ว  ข้ารักท่านนะ กลับกันเถอะ "

                     พูดไปพร้อมกับกอดไป  ฟงเหลยสัมผัสได้จากน้ำเสียงเลยว่าคงยากที่ทั้งสองจะปล่อยมือจากตัวเขา   หากเขาต้องการสลัดทิ้งย่อมไม่ยาก เพียงแต่เขาไม่มีความคิดที่จะทำอย่างนั้นเลย  



                     มือสีขาวซีดของฟงเหลยค่อยเคลื่อนไปก่อนจะกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น  มารอันทพาลที่เห็นท่าทีของอาจารย์จึงเลิกเกาะขาแล้วยืนขึ้น  มือที่ว่างอีกข้างจึงหันมาลูบหัวมันเบาๆ แต่น่าแปลกนักที่มันมิได้รู้สึกรังเกียจใดๆ


                     " ห หมายความว่าอย่างไรท่าน ! "

                     เสียงกล่าวตกใจดังมาจากสองสหายหมาเสนากับกงกง ซึ่งหนึ่งในคนทั้งสองเป็นชาวยุทธโดยตรงจึงได้ยินกิตติศัพท์ของมารอันทพาลและบุปผาคลั้งโลหิตมาไม่น้อย


                     " ชู่วว  เจ้าจะพูดทำไม "


                     ไทเฮาหันเป็นเอ็ดเสียงเขียวอย่างไม่พอใจ ทำเอาคนทั้งสองทำหน้าไม่ถูก


                      " เทียนหลง ไซซี  ข้าจะแนะนำคนทั้งสองให้เจ้ารู้จัก  คนนี้มารอันทพาลศิษย์พี่ของเจ้า ส่วนคนนี้ "

                      " ข้าหยางกุ้ยเฟย..ป เป็น... "

                       " นางเป็นคนรักของข้า คนที่ครั้งหนึ่งทำข้าอกหัก "

                       " ข ข้าขอโทษ ตอนนั้นข้าคิดไม่ทันถ้าหากย้อนเวลาได้ข้าคง...  "


                       คำกล่าวที่เหลือของนางจมหายไปในลำคอ แต่ทั้งกงกง มหาเสนาและศิษย์ทั้งสามคนที่เหลือต่างอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ต่อสายตาที่แฝงไปด้วยความบ้าคลั่งของนาง


                       " งั้นหมายความว่าทั้งสองคนเป็นศิษย์พี่ของเทียนหลงกับไซซี "

                       " ขอรับ "

                       เป็นมารอันทพาลตอบฮองเฮาอย่างตรงไปตรงมา  ซึ่งเมื่อดูจาดสีหน้าคนถามแล้วคงจะดีใจอยู่เป็นแน่

                       " งั้นเราไปทานข้าวด้วยกันไหม พ่อของเทียนหลงต้องดีใจแน่ๆ "






                        ใช่  ใจหนึ่งของฮ่องเต้หลงเก๋อย่อมดีใจหนักหนา ก็ลูกชายของตนได้เป็นถึงศิษย์ร่วมสำนักกับมารอันทพาลเจ้าหัวหน้าพรรค มารที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน  ไหนจะสุดยอดจ้าววีรกรรมมือกระบี่พันศพ บุปผาคลั้งโลหิตอีก  

                        อ่า แต่อีกใจหนึ่งสิ  

                        ' มันจะฆ่าล้างโคตรเราไหมเนี้ย อ๊ะ น้องหญิงไฉนเจ้าไปป้อนอาหารให้นางมารร้ายอย่างนั้น  เฮ้ยๆ อย่ารินของแปลกให้ลูกข้ากินสิมารอันทพาล  '





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×