ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์ป่วน ก้วนจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #14 : เค้าลางเมฆหมอก

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 56


     
     
     
                 มารฟ้าอาฆาตรเชี่ยวชาญวิชายุทธยิ่ง มีดรรชนีสุริยันอันร้ายกาจ  ในยุทธภพหากไม่นับสี่มารประหารเทพก็เห็นจะมีอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะสู้สูสีกับมันผู้นี้ เพียงแต่ข่าวที่ว่าพรรคมารฟ้าถูกบุกถล่มชั่วข้ามคืนช่างน่าตระหนกนัก
     
     
     
               ณ พรรควาฬทมิฬทะเลใต้
     
     
     
     
                   " เรียนท่านประมุข....ซุบซิบๆๆ "
     
     
     
                   สุดยอดสายข่าวของพรรควาฬทมิฬซุบซิบข่าวลับแก่นายตนอย่างเร่งร้อน ยิ่งฟังสีหน้าของวาฬนักล่า อึนอึน ยิ่งบิดเบี้ยว
     
     
     
                      " บัดซบ  ขนาดนั้นเชียวรึ "
     
     
                     " ขอรับ  ตายคาบัลลังทองเลย ไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้ ร้ายกาจมากๆ ข้า... "
     
     
     
                    อึนอึน ยกมือห้ามไม่ต้องพูด ก่อนจะลอบกุมขมับอย่างอ่อนแรง  
     
     
                    " ปีนี้มันปีบ้าอะไรฟ่ะ "
     
     
     
     
                   สำหรับมันแล้วพรรคมารฟ้าย่อมเป็นศัตรูคู่ฟ้ามิต้องสงสัย เพียงแต่เป็นมันเท่านั้นที่มักแพ้อยู่ร่ำไป แล้วไฉนยามนี้กลับตายเสียง่ายดาย มิหนำซ้ำ ยังมีศัตรูใหม่ที่แสนร้ายกาจทบเท่าทวีรออยู่อีก หรือมันต้องลี้ภัยจรลีเสียแล้ว  คิดสระตะแล้วก็ออกคำสั่งอย่างเสียมิได้
     
     
     
                 " บอกฉลามเสือ  เตรียมออกเรือ "
     
     
                 " ขอรับท่านประมุข "
     
     
     
                " ทะเลกว้างใหญ่  ข้าจะไปตามหาเคล็ดวิชาของท่านปรมจารย์ "
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
                 สำเนียงส่องฟ้า  วิหกล่าตะวันฉาด   อณงนางไล้  เลือดรักโรยริน
     
     
     
     
                บทกวีเลือดถูกขีดเขียนไว้บนผาสูง  รองหินถูกสลักด้วยลมปราณชั้นสูง  พื้นหลังฉะโลมด้วยเลือดทำให้อักษรหินเด่นขึ้นมา  เบื้องล่างเป็นชาวพรรคมารที่กำลังลำเลียงสิ่งของจำเป็นในการสร้างพรรคมาร  ทั้งไม้หายาก  หินสำหรับทำบ้านเรือน  เหล็กและทองคำ  
     
     
     
                  มารอันทพาลลอยตัวเหยียบลวดเหล็กมองดูภาพเบื้องล่างอย่างพึงพอใจ  โดยมีสภามารร้ายเป็นผู้คอยกำกับงานต่างๆ   
     
     
                " เรียนท่านเจ้าสำนัก ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ขั้นตอนที่สองแล้ว คาดว่าไม่เกินเดือนรากฐานของวังมารจะสำเร็จ และต้องใช้เวลาอีกประมาณสองปีสี่เดือน กับสิบห้าวันกว่าวังจะเสร็จสมบูรณ์ "
     
     
     
                เลขาธิการสภามารร้ายกล่าวรายงานอย่างอารมณ์ดี  ข้างกายเป็นหน่วยองค์รักษ์รุ่นใหม่ที่ถูกฝึกมาอย่างดี
     
     
                 " ดีมาก ข้าจะได้ไปรายงานอาจารย์หญิงถูก ว่าแต่เคล็ดวิชานั้นการตีความไปถึงไหนแล้ว "
     
     
     
                " เรียนท่านเจ้าสำนัก  ตอนนี้กองงานวิจัยเคล็ดวิชากำลังทำงานอย่างหนัก  เนื่องจากวิชาลับของพรรคมารฟ้าและพรรคอื่นๆมีจำนวนมาก  เพียงแต่สาระสำคัญน่าจะเป็นวิชาขั้นที่สองของท่านปรมจารย์สำนักเราเสียมากกว่า "
     
     
     
                มารอันทพาลฟังแล้วขมวดคิ้วสงสัยจึงเร่งให้มันกล่าวออกมาต่อ
     
     
                 " คือ เคล็ดขั้นที่สองเราตีความได้ค่อนข้างมากแล้วขอรับ เพียงแต่.. เพียงแต่ท่านจะให้เริ่มเผยแพ่ในสำนักเราจริงรึขอรับ  เพราะมันเป็นยอดวิชาที่ฝึกยากมาก "
     
     
               " เฟ้ย  พวกเจ้ากลัวอันใด ทั้งข้าทั้งอาจารย์หญิงต่างฝึกมาแล้ว ไป๊ กลับไปฝึกมา "
     
     
              " ขอรับ "
     
     
     
     
               มารอันทพาลบ่นเสียงหงุดหงิดหลังจากแผ่นหลังศิษย์ในพรรคจากไป   หากแค่นี้ยังกลัวแล้วริจะเป็นมารไปเพื่ออะไร  น่าขันว่าพักหลังๆคนในพรรคเริ่มจะใจอ่อนกลายเป็นคนดีแล้วหรือกระไร  ทั้งปล่อยเด็กและผู้หญิงทั้งไม่ย่อมฆ่าล้างครัว  มารเหล่านี้ไม่จำหรือกระมังในวันที่โดนเหยียบย่ำราวกะเศษขยะ
     
     
                " ชิ  เจ้าพวกไม่ได้ความ " 
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
               ขณะที่อีกฟากหนึ่งขอยุทธภพกำลังเข้มข้น ทางด้านฟงเหลยก็ไม่น้อยหน้า
     
     
     
     
               " อ อาจารย์ ลมปราณของท่านมันจะหลายขั้นไปไหน "
     
     
     
              " น่าของดีต้องมีประมาณเนี้ย เอ้า ไซซีอย่าเสียสมาธิสิ  หายใจเข้าลึกๆ  เจ้าจะรู้สึกถึงปราณ "
     
     
              " อึก อึก  ฟู่...  ข้าไม่ไหวแล้ว อาจารย์ท่านไม่มีวิธีอื่นง่ายๆหรือ "
     
     
                " ใช่ๆๆ อาจารย์ อย่างวิธีลัดอะไรแบบนั้นน่ะ "
     
     
     
     
     
               สองศิษย์กล่าวออดอ้อนอย่างไร้เดียงสา  แล้วความคิดของเขาก็พลันนึกไปถึงมารอันธพาล
     
     
             " จริงสิ ยังมีวิธีนั้นอยู่นิ "
     
     
              ว่าแล้วฟงเหลยหันไปมองศิษย์ทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่แตกต่างไปจากปกติ  
     
     
            " เทียนหลง เจ้าว่าอาจารย์ดูแปลกๆไปไหม? "
     
               " ข ข้าไม่แน่ใจ ยังไงก็เลดี้เฟิร์สนะ "
     
     
     
                โดยทั้งสองไม่รู้เลยว่าศัตรูที่ผู้คนในยุทธภพโจนจัญกันมากอย่างมารอันธพาล  จะกลัวรอยยิ้มแบบนี้ที่สุด
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
               ขณะที่กงล้อของยุทธจักรกำลังขับเคลือนทีละน้อย  ไป๋ กว่อ ไม่รู้ตัวเลยว่าภัยร้ายกำลังมาเยือนตนเองในมิช้า   ข้ากายของมันล้วนเป็นหญิงงามเมืองที่ถูกซื้อมา  ชีวิตสุขสันยิ่งกว่าพระราชา
     
     
     
               " แด่ ความสุขล้นของข้า ดื่ม!! "
     
     
     
               จอกสุราหยกครั้งหนึ่งก่อนจะหมดไป  ภายเขียนของชายหญิงคู่หนึ่งนั่นเองที่มันผู้นี้กล่าวด้วย  แลละม้ายคล้ายกับใครสักคนที่ตกตายไปเมื่อนานมาแล้ว
     
     
     
         
             " เฟ้ย เจ้าสุขสบายเสียจริงนะ อากว่อ "
     
     
     
                 เสียงอิสตรีดังขึ้นจากความว่างเปล่า ทำให้เอาชายร่างอ้วนที่กำลังสุขสันถึงกับตกใจ
     
     
            " ท ท่าน  ท่าน "
     
     
     
                  " อะไรกัน แค่ไม่กี่ปี ถึงกับนึกชื่อข้าไม่ออกเชียวรึ  ข้าเฟยเยี้ย คนที่ทำให้เจ้าเสวยสุขได้ยังไงล่ะ "
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×