คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 3 - เพศของคำนาม, คำนำหน้า และ การก (case)
คราวนี้ เราลองมาดูกันว่าคำนามในภาษาเยอรมันมีการผันอย่างไรบ้างนะเจ้าคะ ก่อนอื่นก็ต้องพูดถึงสมบัติหรือ “สถานะ” ต่างๆ ที่คำนามจะมีได้ก่อน (ถ้าพูดเป็นภาษาคอมพิวเตอร์สักหน่อยก็คือ properties ของคำนามนั่นเองเจ้าค่ะ)
1. เพศทางไวยากรณ์ (Grammatical gender) และจำนวนของคำนาม
เหมือนกับภาษาในตระกูล Indo-European อีกหลายๆ ภาษา คำนามในภาษาเยอรมันจะแบ่งออกเป็น 3 เพศคือ
· เพศชาย maskulin (m.)
· เพศหญิง feminin (f.)
· เพศกลาง (หรือไม่มีเพศ) neutral (n.)
นอกจากนี้คำนามยังมีสองรูปคือรูปเอกพจน์ และ พหูพจน์ด้วยเจ้าค่ะ (แต่หลายครั้งที่ทั้งสองรูปนี้จะเขียนเหมือนกัน) ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องรูปพหูพจน์ในบทต่อๆ ไป บทนี้เรามาดูรูปเอกพจน์ซึ่งมีสามเพศนี้ก่อนนะเจ้าคะ
เพศชาย (m.) | เพศหญิง (f.) | เพศกลาง (n.) | |||
der Vater | พ่อ father | die Mutter | แม่ mother | das Kind | เด็ก child |
der Hund | สุนัข dog | die Katze | แมว cat | das Pferd | ม้า horse |
der Tisch | โต๊ะ table | die Tür | ประตู door | das Buch | หนังสือ book |
der Mond | พระจันทร์ moon | die Sonne | พระอาทิตย์ sun | das Meer | ทะเล sea |
der Beruf | อาชีพ occupation | die Freiheit | อิสรภาพ freedom | das Recht | สิทธิ right |
ก่อนที่จะไปไหนไกล สังเกตก่อนว่าคำขึ้นต้นหรือ article ของสามเพศนั้นต่างกันเจ้าค่ะ ในที่นี้
· der (แดร์) นำหน้าคำนามเพศชาย
· die (ดิ) นำหน้าคำนามเพศหญิง
· das (ดาส) นำหน้าคำนามเพศกลาง
ส่วนความหมายนั้น ทั้งสามคำต่างก็แปลว่า the ทั้งหมดเจ้าค่ะ
ข้อสังเกตต่อไปก็คือ เพศของคำนามไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความหมายแต่อย่างใด เพราะว่าเพศตรงนี้เป็นเพศทางไวยากรณ์ คำถามก็จะเกิดขึ้นว่า แล้วจะรู้เพศของคำนามได้อย่างไร? กฎเกี่ยวกับเรื่องเพศนั้นก็มีอยู่บ้าง แต่เพราะว่าใช้ได้ไม่ครอบคลุม วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการเรียนรู้และจดจำเจ้าค่ะ โดยในพจนานุกรมจะมีเขียนเอาไว้ว่า m, f หรือ n
การที่คำนามมีเพศนั้นมีความสำคัญอีกอย่างคือ เมื่อใช้สรรพนามแทนคำนามที่กล่าวถึงไปแล้ว จะเลือกใช้สรรพนามตามเพศของคำนามนั้น แม้ว่าจะไม่ใช่คนก็ตาม อย่างเช่น
Da kommt der Bus. Er ist voll. | There comes the bus. It is full. |
Da kommt die Bahn. Sie ist leer. | There comes the train. It is empty. |
Da kommt das Schiff. Es ist riesengroß. | There comes the ship. It is enormous. |
Da kommen Autos. Sie fahren sehr schnell. | There come the cars. They are going very fast. |
· เพศชาย เช่น Bus (m) แทนด้วย er
· เพศหญิง เช่น Bahn (f) แทนด้วย sie
· เพศกลาง เช่น Schiff (n) แทนด้วย es
· พหูพจน์ เช่น Autos (pl) แทนด้วย sie
2. การผันคำขึ้นต้นและคำนามตามการก
เห็นหัวข้อนี้แล้วคงจะสงสัยเป็นอย่างแรกว่า “การก” คืออะไรสินะเจ้าคะ? แปลอย่างง่ายที่สุด การก ก็คือ case หรือ “กรณี” ต่างๆ ของคำนามนั่นเอง แล้วถ้าถามว่ากรณีของคำนามคืออะไร? คำตอบก็คือหน้าที่ของคำนามนั้นๆ ในประโยคเจ้าค่ะ
ภาษาเยอรมันแบ่งการใช้งานออกเป็น 4 กรณี [หรือที่ส่วนตัวผู้เขียนมักจะเรียกว่า ขั้น] ได้แก่
· ขั้นที่ 1 ประธาน (nominative case, nom)
· ขั้นที่ 2 เจ้าของ (genitive case, gen)
· ขั้นที่ 3 กรรมรอง (dative case, dat)
· ขั้นที่ 4 กรรมตรง (accusative case, acc)
สำหรับเลขขั้นนั้นไม่เป็นสากลแต่อย่างใด แต่ผู้เขียนคิดว่าทำให้สะดวกในการเรียนภาษาเยอรมันมากในระดับหนึ่งเลยทีเดียวเจ้าค่ะ ส่วนความหมายของแต่ละขั้นที่ให้ไว้นั้นเป็นความหมายเพียงคร่าวๆ วิธีใช้แต่ละขั้นอย่างละเอียดจะกล่าวหลังจากนี้นะเจ้าคะ สำหรับตอนนี้ลองมาดูวิธีการผันคำนามแต่ละเพศตามขั้นก่อนนะเจ้าคะ (อีกอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้จะใช้สัญลักษณ์ ขั้นตามด้วยเพศ เพื่ออ้างอิงนะเจ้าคะ อย่างเช่น 1m ก็คือ ขั้น 1 เพศชาย หรือ 3f ก็คือ ขั้น 3 เพศหญิง เป็นต้น)
เพศชาย (m) | เพศหญิง (f) | เพศกลาง (n) | ||||
1 ประธาน | der ein* | Vater Vater | die eine | Mutter Mutter | das ein* | Kind Kind |
2 เจ้าของ | des eines | Vaters Vaters | der einer | Mutter Mutter | des eines | Kind[e]s Kind[e]s |
3 กรรมรอง | dem einem | Vater Vater | der einer | Mutter Mutter | dem einem | Kind Kind |
4 กรรมตรง | den einen | Vater Vater | die eine | Mutter Mutter | das ein* | Kind Kind |
· คำนำหน้ามีสองแบบคือ ที่ขึ้นต้นด้วย d (เฉพาะเจาะจง = the) และขึ้นต้นด้วย ein (ไม่เฉพาะเจาะจง = a, an)
· ส่วนที่มาต่อกับ d และ ein นั้นมีรูปแบบเกือบจะเหมือนกัน ยกเว้น 1m 1n และ 4n ที่ใช้ ein ดังนั้นจำแค่รูปแบบ d แล้วอย่าลืมข้อยกเว้นนี้ก็พอ
· วิธีท่องที่ง่ายที่สุด: แบ่งเป็น 3 ชุดคือ der-des-dem-den กับ die-der-der-die กับ das-des-dem-das
· กฎอีกเล็กน้อย: คำนามไม่เปลี่ยนรูป ยกเว้น 2m และ 2n ซึ่งจะเติม s หรือ es ส่วน [e]s นั้นแปลว่าจะใส่หรือไม่ใส่ e ก็ได้ (ทั้งหมดนี้มีในพจนานุกรม วิธีดูขอให้ดูในบท “รวมคำศัพท์”)
3. วิธีการใช้แต่ละขั้น (การก)
ก่อนอื่น หน้าที่หลักๆ ก็คือตามที่เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้เจ้าค่ะ เราลองมาดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า
ขั้นที่ 1 (ประธาน) | Der Professor ist sehr freundlich. The professor is very friendly. |
ขั้นที่ 2 (เจ้าของ) | Das ist der Computer des Professors. This is the computer of the professor. (= This is the professor’s computer.) |
ขั้นที่ 3 (กรรมรอง) | Der Student schreibt dem Professor einen Brief. The student writes the professor a letter. |
ขั้นที่ 4 (กรรมตรง) | Der Student besucht den Professor. The student visits the professor. |
จะเห็นว่าก่อนอื่น ถึงจะเป็นคำว่า ศาสตราจารย์ (Professor) เดียวกันก็ตาม แต่ว่าเมื่อทำหน้าที่ต่างกันในประโยค article ที่นำหน้าก็จะแตกต่างกันไป และในกรณีขั้นที่ 2 ตัวคำว่า Professor เองยังมีการเติม s เพิ่มเติมลงไปด้วย
อีกข้อสังเกตคือรูปประโยคเจ้าค่ะ ถ้าจะกล่าว “A ของ B” ในภาษาเยอรมันจะใช้วลีในรูป
A B2
หมายความว่าขั้นของ A เป็นไปตามหน้าที่ในประโยค (จึงไม่ได้ระบุไว้) ส่วนขั้นของ B นั้นเป็นขั้นที่ 2 เสมอ (จึงเขียนว่า B2) เจ้าค่ะ และด้วยเหตุนี้จึงได้เรียกขั้นที่ 2 ว่า “เจ้าของ” ยังไงล่ะเจ้าคะ
อย่างในตัวอย่างที่ว่า Das ist der Computer des Professors. นั้นถ้าแยกส่วนของประโยคจะได้ว่า
Das ist der Computer[1m] des Professors[2m].
ความหมายก็คือ der Computer เป็น 1m (ประธาน) ส่วน des Professors เป็นส่วนขยายว่าคอมพิวเตอร์นั้น “เป็นของศาสตราจารย์” จะวางเอาไว้ด้านหลังและต้องผันเป็นขั้นที่ 2 จึงได้ว่าวลีที่ว่า “คอมพิวเตอร์ของศาสตราจารย์” อยู่ในรูป A B2 เจ้าค่ะ
คราวนี้เราลองมาดูกรณีของขั้นที่ 3 และ 4 กันบ้างเจ้าค่ะ กริยาในภาษาเยอรมันจะมีการกำหนดเอาไว้ว่าวัตถุที่เป็นกรรมจะเป็นขั้นที่ 3 หรือ 4 (สำหรับกริยาใช้กรรมขั้นที่ 2 มารองรับก็มีเจ้าค่ะ แต่ว่ามีน้อยมาก) และจากตรงนี้เองที่จะให้ความหมายของอกรรมกริยากับสกรรมกริยาได้เจ้าค่ะ ตรงนี้ขอให้ตั้งใจอ่านสักเล็กน้อย เพราะว่านิยามนี้ไม่เหมือนกับในภาษาอังกฤษเจ้าค่ะ
สกรรมกริยา หมายถึงกริยาที่รองรับด้วยกรรมขั้นที่ 4
อกรรมกริยา หมายถึงกริยาที่ไม่ใช่สกรรมกริยา (นั่นคือไม่มีกรรมมารองรับ หรือมีกรรมขั้นที่ 3 หรือในกรณีที่พบได้น้อย กรรมขั้นที่ 2 มารองรับ)
ในพจนานุกรมมักจะเขียนแทนสกรรมกริยาด้วย t และอกรรมกริยาด้วย i เจ้าค่ะ
ลองมาดูตัวอย่างประโยคกันนะเจ้าคะ
Das Kind singt gut. | That child sings well. |
Ein Schüler antwortet dem Lehrer[3m]. | The student answers to the teacher. |
Der Computer gehört dem Professor[3m]. | This computer belongs to the teacher. |
ประโยคแรก กริยา singen (ร้องเพลง) ไม่มีกรรมมารองรับ ในที่นี้จึงถือเป็นอกรรมกริยาเจ้าค่ะ
ประโยคที่สอง กริยา antworten (ตอบ) มีกรรมรองขั้นที่ 3 มารองรับ (เพราะว่าอาจารย์ไม่ใช่สิ่งที่ถูกตอบ แต่เป็นคนที่คำตอบพุ่งไปหา) ในที่นี้จึงถือเป็นอกรรมกริยาเจ้าค่ะ
ประโยคสุดท้าย กริยา gehören (เป็นของ = belong to) กำหนดให้เจ้าของเป็นกรรมรอง (ขั้นที่ 3) เจ้าค่ะ เพราะว่าภาษาเยอรมันมองว่าเจ้าของเป็นผลของกริยา (คือ “ความเป็นเจ้าของ” นั้นพุ่งไปหาตัวเจ้าของ) ดังนั้นแม้มีกรรม แต่เพราะเป็นขั้นที่ 3 จึงเรียกว่าเป็นอกรรมกริยาเจ้าค่ะ
4. วิธีการใช้คำขึ้นต้น (article)
คำนำหน้าแบบเฉพาะเจาะจง (der, die, das) นั้นจะใช้กับสิ่งที่ได้รู้ไปแล้วหรือไม่ก็ใช้เมื่อพูดถึงบุคคล สิ่งของ เรื่องราวที่เฉพาะเจาะจง ส่วนคำนำหน้าแบบไม่เฉพาะเจาะจง (ein, eine, ein) มักจะใช้กับสิ่งที่ผู้พูดยังไม่รู้หรือบุคคล สิ่งของ เรื่องราวทั่วๆ ไป เจ้าค่ะ ลองมาดูตัวอย่างกันนะเจ้าคะ
Ich habe eine Freundin in Deutschland. | I have a (girl)friend in Germany. ฉันมีเพื่อน(ผู้หญิง)คนนึงอยู่ที่ประเทศเยอรมัน |
Die Freundin heißt Sabine. | This (=The) friend is called Sabine. เพื่อนคนนี้ชื่อว่า Sabine |
Sie hat einen Hund. | She has a dog. เธอมีหมาตัวนึง |
Der Hund ist groß. | The dog is big. หมาตัวนั้นตัวใหญ่ |
5. เพศของคำนามประสม
ภาษาเยอรมันสามารถเอาคำนามมาวางต่อกันโดยตรงเพื่อสร้างเป็นคำนามใหม่ได้เจ้าค่ะ อย่างเช่นคำว่า “ภาคเรียนฤดูร้อน” ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะยังเขียนแยกกันเป็น summer semester แต่ว่าในภาษาเยอรมันจะใช้เป็น Sommersemester ไปเลยเจ้าค่ะ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าจะระบุเพศของคำนามประสมเหล่านี้ได้อย่างไร คำตอบคือเพศของคำนามประสมเหมือนกับเพศของคำนามคำสุดท้ายเจ้าค่ะ อย่างในกรณีนี้
das Sommersemester < der Sommer + das Semester
ภาคเรียนฤดูร้อน < ฤดูร้อน + ภาคเรียน
(เครื่องหมาย < หมายถึง “มาจาก” เจ้าค่ะ)
ความคิดเห็น