คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5
ตอนที่5
“เห้ย มึงตื่นยังวะเนี่ย” เสียงพร้อมแรงเขย่าเบาๆที่ไหล่ขวา
“เกือบละ” ผมตอบปัดไปแต่หน้าฟุบลงไปที่โต๊ะข้างหน้า พยายามลืมตา ง่วงครับง่วงมาก
“ไหวไหมเนี่ยมึง ไอ้นี่ก็อีกคนจะนอนพิงกูอีกนานไหมเนี่ยยย” ประโยคแรกไอ้ด้ามันพูดกับผมส่วนประโยคท้ายมันหันไปด่าไอ้มิก
ที่นอนเกยตักมันอยู่
“อือออ” ไอ้มิกครางงออกมาอย่างรำคาญ
“มึงให้พวกมันนอนไปเหอะด้า เมื่อคืนแม่งไม่ยอมนอนกัน นั่งดูไอรอนแมนจนเกือบเช้า” เสียงไอ้อิมบอกไอ้ด้า
“แล้วมึงก็ไม่ห้ามพวกมันเนอะ”
“ห้ามได้ตายเลยเพื่อนมึงน่ะ” ไอ้อีมพูดจบมันก็เดินออกไปเลยครับ น่าจะไปหาอะไรกิน
“มิกๆๆตื่นๆโว้ยย มึงสองคนไปล้างหน้าล้างตาเดี๋ยวก็สอบวิชาแรกแล้ว” ไอ้ด้าเขย่าตัวไอ้มิกดันให้ลุกขึ้น ผมกับมันเดินไปห้องน้ำ
แบบมึนๆครับ ไม่ได้นอน นอนไม่พอ ผมรู้นะครับว่าวันนี้สอบแกทแพท แต่อย่างว่าแหละครับ ไม่ได้ใช้ ผมทิ้ง ฮ่าๆ ล้างหน้าล้างตาเสร็จผมก็เดินมาหาไอ้ด้ากับไอ้อิมที่นั่งกินข้าวเช้าอยู่ ส่วนไอ้หนอนไอ้น้ำมันไม่ได้สอบที่สนามนี้ครับ
“มึงกินข้าวไหมวะ” ไอ้ด้าถาม ไอ้มิกส่ายหัวฟรุบหน้าลงไปที่โต๊ะอีกครั้งไอ้นี่อาการหนักกว่าผมอีก
“ไม่อะ กินไม่ลง” ผมตอบมันไปมันพยักหน้าเข้าใจ ผมนั่งลงข้างๆมัน สภาพพวกผมไม่มีใครพร้อมสอบทั้งนั้น รออีกพักใหญ่ๆ เสียงประกาศเข้าห้องสอบก็ดังขึ้น ผมเลยแยกย้ายกันไปสอบ วิชานี้ผมสอบอาคาร3ชั้น5 ให้ตายเหอะครับลิฟท์ก็ไม่มี อยากร้อง ผมวิ่งขึ้นบันไดมาถึงชั้น4ด้วยความรีบเพราะคนอื่นเข้าห้องสอบกันหมดแล้ว ผมไม่อยากเป็นเป้าสายตา
“เย้ยยยยยยยยยย” ไหล่ผมชนกับพี่ผู้ชายใส่ชุดนักศึกษาที่กำลังวิ่งลงบันไดมาอย่างแรง ขาผมก้าวถอยหลังจนเกือบตกบันได
แต่ดีที่สัญชาติญานความเอาตัวรอดของมนุษย์ทำให้มือผมคว้าแขนพี่คนนั้นไว้
“อ๊ะ ขอโทษครับ” ผมปล่อยมือรีบจากแขนพี่เขาหลังจากทรงตัวได้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง โครตหล่อเลยครับ ตัวสูงๆขาวๆ ปากตาจมูกรับกับโครงหน้ามาก พี่เขาตัดผมรองทรงสูงไถ่ข้างอย่างเท่ แวบหนึ่งผมเห็นพี่เขามองผมอึ้งๆ แต่ก็แค่แวบเดียวก่อนที่พี่เขาจะวิ่งลงไปอย่างรีบร้อน ผมยืนงง อยู่พักนึงก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องสอบ
พอถึงหน้าห้องสอบผมก็ยื่นบัตรนักเรียนให้กรรมการคุมสอบหน้าห้องเขาค้นตัวผมนิดหน่อยก่อนจะปล่อยผมเข้าไปนั่งตามเลขที่ ผมนั่งรออยู่สักพัก กรรมการเริ่มแจกข้อสอบ สายตาผมเหลือบมองไปที่ประตูก็เจอกับพี่หน้าหล่อที่ชนกันตรงบันไดกำลังยื่นบัตรประจำตัวให้กรรมการคุมสอบ ตกใจมากครับไม่คิดว่าจะมาสอบห้องเดียวกัน ผมมองหน้าพี่เขา พี่เขาหน้าตาดีจริงๆนะครับ คนในห้องอีกหลายคนยังมองพี่เขาเป็นตาเดียว ไม่ผิดใช่ไหมครับถ้าผมจะมองเขาแบบชื่นชม พี่เขาเดินผ่านผมไปนั่งโต๊ะข้างหลังผมถนัดไปสามโต๊ะ ผมรีบก้มหน้ามองกระดาษข้อสอบเลยครับ ไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกไม่กล้าสบตาพี่เขา
3 ชั่วโมงในการทำข้อสอบ ทันทีที่กรรมการคุมสอบบอกให้ออกจากห้องสอบ ทุกคนก็กรูออกจากห้อง นิสัยผมไม่ชอบคนเยอะๆอยู่แล้วเลยคิดว่านั่งอยู่กับที่อีกสักพักนึงแล้วค่อยออก ผมรู้สึกเหมือนมีคนจ้อง เลยหันไปมองด้านหลัง ก็สบตากับไอ้พี่หน้าหล่อที่นั่งอยู่ พี่มันนั่งเดาะลิ้นมองผมนิ่งๆ ผมเลยส่งยิ้มแหยๆไปให้ก่อนจะลุกออกจากห้องไปทันที รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้
“ทำได้ปะวะ” ไอ้อิมถามผม
“พอได้วะ” ผมตอบมันไป
“กูไม่มั่นใจเลยวะ มันง่ายไปหรือว่ากูไม่คิดอะไรวะ” ไอ้ด้ามันพูดขึ้นมาลอยๆ
“เออกูก็ว่ามันง่ายนะ” ผมบอก ไอ้ด้ามันทำหน้าเครียดๆนะครับอย่างว่าละครับสอบครั้งนี้ชี้เป็นชี้ตายสำหรับมัน
“มึงอย่าเพิ่งคิดมากรอผลก่อน” ผมตบบ่าให้กำลังใจมันเบาๆ
“เออๆๆ เห้ยมึงวันนี้กูเจอเนื้อคู่” มันพูดพลางทำตาวิ้งๆ
“มึงเอาอะไรมาคิดวะว่าเขาเป็นเนื้อคู่มึง เขามีติ่งที่หูข้างซ้ายเหมือนมึงหรอ” เสียงไอ้มิกมันแซวไอ้ด้า นานๆทีผมจะเห็นมันชอบ
ใครนะ
“หุบปากแล้วไปแดกข้าวกับเมียมึงเลยไป” ไอ้อิมที่นั่งกินข้าวเงียบๆมันเงยหน้ามองผมประมานว่ากูอยู่ของกูเฉยๆมาดึงกูไปเกี่ยว
ทำไม ผมก็ได้แต่ยิ้มให้มันไป ไอ้มิกนี่ก็ไม่สะทกสะท้าน หัวเราะชอบใจที่โดนด่า
“มึงกูปลื้มอะหล่อ”
“หล่อเท่ากูปะ” ไอ้มิกยังไม่เลิก
“หน้ามึงมันได้แค่เล็บขบเขาเท่านั้นแหละ” ผมหัวเราะพรืดเลยครับ อยากรู้จริงๆว่ามันจะหล่อขนาดไหนน
“ห้องมึงมีหล่อๆบ้างป่ะ” ไอ้ด้าถามผม ผมนึกถึงไอ้พี่หน้าหล่อคนนั้นเลยครับ ภาพที่มันนั่งเดาะลิ้นมองผมนี่ให้ตายเหอะโครต
โรคจิต
“เอ่อ อ กะ ก็ มีนะ ” ผมตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจ กูไม่รู้ว่ามันหล่อหรือมันโรคจิต
“สู้คนหน้าประตูกูไม่ได้หรอก” มันบอกผมทำหน้าเพ้อฝันแบบภูมิใจเหลือขนาด
“เออๆหิวว่ะ กูไปซื้อข้าวก่อนนะ” รำคาญจะฟังไอ้ด้าเพ้อ เลยตัดบทมาหาข้าวกินดีกว่า
จนกระทั้งภาคบ่ายสอบอีกหนึ่งวิชา
ทันที่ที่ก้าวเข้าห้องสอบสายตาผมก็สะดุดกับไอ้พี่หน้าหล่อทันที สอบห้องเดียวกันอีกแล้วหรอวะ มันนั่งเคาะดินสอฆ่าเวลาไปพลาง ผมเดินไปที่ที่นั่งของผมพยายามไม่มองหน้ามัน แต่มันนี่สิกลับจองผมตั้งแต่ก้าวเข้ามา
เวลาที่มีคนมองคุณ คุณควรทำยังไงครับ ยิ้มตอบ ปกติผมจะยิ้มตอบนะครับ แต่สำหรับมันผมยิ้มไม่ออกอะ ผมรู้สึกประหม่าขึ้นมาซะเฉยๆ
3 ชั่วโมงต่อจากนี้ผมบอกตามตรงว่าอึกอัดมาก ข้อสอบยากแบบผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เห็นรุ่นพี่หลายคนบอกให้มาสัมผัสดู วันนี้ผมรับรู้ความรู้สึกเหล่านั้นเลยครับ ผมหลับไม่ลง อยากจะทำให้ได้ แต่พอเปิดไปก็ทำไม่เป็น มันเป็นช่วงเวลาที่นรกมากครับ พลันในหัวผมก็นึกไปถึงไอ้หล่อข้างหลัง มันทำได้ไหมวะ แล้วผมจะไปนึกถึงมันทำไมวะเนี่ยย ผมนั่งจมกับอารมณ์ตัวเองไปจนหมดเวลาแหละครับ พอออกจากห้องสอบได้ผมก็รีบเดินออกมาเลย เดินฝ่าฝูงคนออกมาก็เจอกับไอ้มิกที่ลงจากบันไดมาแบบหน้าง่วงๆ
“หลับสบายมากอะมึง” คำแรกที่มันทักผม เออทำดีไอ้ห่านี่
“มึงไม่เปิดดูหน่อยวะ แม่งโครตยาก” ไอ้มิกมันยกไหล่ประมานว่ากูไม่แคร์ ผมส่ายหน้าเอือมๆลืมไปไอ้มิกสิ่งมีชีวิตที่เกลียดตัวเลข
เดินลงมาก็เจอไอ้ด้ากับไอ้อิมกำลังยืนถกกันเรื่องข้อสอบ มันเจอหน้าผมก็รัวถามเลยครับ ข้อนั้นตอบไรข้อนี้ตอบอะไร ผมก็บอกมันไปเท่าที่ทำได้อะนะ เพราะไปมั่วมาเหมือนๆกัน
ตึงๆ [เสียงไลน์เตือน]
ผมรีบหยิบขึ้นมาดู ไอ้จัมพ์ไลน์มาครับ ตั้งแต่วันนั้นผมกับมันก็คุยไลน์กันแทบทุกวัน มีช่วงก่อนสอบนี้แหละที่มันหายไปเป็นอาทิตย์ มันส่งสติกเกอร์รูปหมีกับกระต่ายกอดกันมาให้ผม
Root : ทำได้หรอวะ
Jumb : ทำได้ก็เหี้ยละ
Root : ฮ่าๆๆๆ ลอกเลียนคำพูดกูนะมึง
Jumb : ขอยืมหน่อยไม่ได้ไง พูดแล้วมันสะใจดีวะ
ผมคุยไลน์กับไอ้จัมพ์ไปเรื่อยเปื่อยระหว่างรอคนที่บ้านไอ้มิกมารับเพื่อกลับบ้าน ไอ้จัมพ์มันบอกว่าที่หายไปเพราะไปค่ายติวมา แล้วมันก็ลืมหยิบโทรศัพท์ไป เออทำดีนะไอ้เชี่ย
“มึงคุยกับใครวะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” ไอ้อิมถามผม ขณะกำลังนั่งรถกลับบ้าน คนที่บ้านไอ้มิกเอาฟอจูเนอร์มารับครับ ไอ้อิมนั่งข้าง
ผมๆ ส่วนไอ้ด้ากับไอ้มิกนั่งอยู่เบาะข้างหน้า ผมหันหน้าจอโทรศัพท์ให้มันดู มันพยักหน้าเข้าใจ
“อ่อคุยกับผู้ชายนี่เอง”
“เหี้ย เพื่อนกู!” ผมโพลงด่ามันเลยครับ ประโยคมึงส่อว่ากูแรดมาก
“ไหนๆไอ้รูทมีผัวแล้วหรอ” เสียงไอ้ด้าถามขึ้นแบบสนใจทันทีเลยครับ
“ผัวบ้านมึงสิ เพื่อนกูมั้งเหอะ”
“เพื่อนก็เพื่อนสิวะ อย่าร้อนตัวเด้ๆ ใช่ป่ะด้า” เสียงไอ้มิกมันแซวผม หันไปหาแนวร่วมกับไอ้ด้า กูร้อนตัวหรอสัส
“เออใช่ ถึงว่าทำไมเดี๋ยวนี้มันดูสวยขึ้น ที่แท้เป็นสาวแล้วนี่เองง ฮ่าๆๆ ไหนวะมีรูปป่ะ หล่อไหมไม่หล่อกูไม่ไฟเขียวให้นะโว้ยยยยย” ไอ้ด้ามันหัวเราะชอบใจที่ได้แซวผม ไอ้อิมตัวเริ่มเรื่องก็นั่งหัวเราะคิกคัก ผมส่งสายตาอาฆาตไปให้มัน
“เข้าใจความรู้สึกกูยังละ ฮ่าๆๆ” ไอ้อิมมันยิ้มกวนๆให้ผม อ๋อนี่มึงแก้แค้นกูหรอออ สาสสสส
“ไอ้มิกมึงไปแย่งไอโฟนมันมาดิ” ไอ้ด้าสั่ง ไอ้มิกก็หันมาจะแย่งโทรศัพท์ผมทันทีเลยครับ แต่ผมไวกว่ารีบเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงเลยไม่คงไม่คุยแม่งแหละ เชี่ยทำกูโดนล้อ
“โห้ยย ถ้ามึงบริสุทธิ์ใจมึงต้องกล้าให้กูดู เอาโทรศัพท์มึงมา” ไอ้มิกมันจ้องหน้าผม
“ไม่” ผมตอบเสียงแข็ง
“เอามา”
“ไม่” ไม่ยอมครับไม่ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแต่ไม่อยากให้ดู
“เอามา”
“ไม่”
“เชี่ยด้าประกาศได้เลยไอ้รูทมีผัวว ฮ่าๆๆๆๆๆ” ไอ้มิกหันไปหัวเราะกับไอ้ด้า
“เพื่อนกูขายออกแล้วโว้ยยย”
“พวกมึงแม่ง” ไม่รู้จะพูดอะไรแต่ปล่อยไปครับยิ่งร้อนตัวมันก็ยิ่งไม่เลิกนิ่งไว้แล้วมันจะเลิกไปเอง
มันแซวผมอยู่สักพักแรงคงเริ่มหมด หลับกันเป็นแถวรวมถึงตัวผมด้วย นอนยาวจนถึงบ้านเลยครับ
...........................................................................................
สอบวันที่2
“สอบ”
“ไม่สอบ”
“สอบ”
“ไม่สอบ”
“สอบ”
“ไม่สอบ”
ถามว่าเสียงใคร เสียงผมเองครับ ผมกำลังนั่งนับแกนดินสอกด ว่าผมจะไปสอบวิชานี้ดีไหม ใจผมอยากสอบครับ แต่ตัวผมเนี่ยขี้เกียจเหลือเกิ๊นนน ไอ้มิกมันก็ไม่สอบวิชานี้ มันไม่ได้ลงไว้ มันมีสอบอีกทีตอนบ่าย ผมก็เลยจะไม่สอบตามมันบ้าง ส่วนไอ้ด้ากับไอ้อิมขึ้นห้องสอบไปแล้วครับ
“โอ้ยยยยยย มึงจะลังเลอีกนานไหมวะ” ไอ้มิกที่นั่งดูผมอยู่นานถาม
“โอ้ยยย สอบ ไม่สอบ สอบ ไม่สอบ เอาไงดีวะ” ผมขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
“ไม่ต้องไปสอบ อยู่เป็นเพื่อนกูนี่แหละ” เออดีมากมึงเป็นเพื่อนที่ดีมากมิก
“เออกูไม่ไปละ” ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปสอบ ไม่ไป
แต่บางอย่าง..
พรึ่บ!
ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้คว้ากระเป๋าดินสอวิ่งขึ้นอาคารสอบมาเลย ไม่รู้สิครับจิตใต้สำนึกผมมันบอกให้ผมมาสอบ
กึก! นั่นไง
เจออีกแล้ว นั่งหล่ออลังการอยู่กลางห้อง ผมว่าพี่เขาเป็นจุดรวมสายตาของหลายๆคนนะครับผมมองหาโต๊ะของตัวเองก่อนสายตาจะไปหยุดที่โต๊ะว่างๆข้างหลังไอ้หน้าหล่อ
เฮือกกกกกกกกกกกกกก
นั่งติดกับมันเลยหรอวะ ผมค่อยๆเดินไปนั่งข้างหลังมันแบบเกร็งๆ ถามว่าผมเป็นอะไร ผมตอบไม่ได้หรอกครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน รู้แต่ว่ารู้สึกประหม่าเวลาอยู่ใกล้ไอ้หล่อนี่มาก ผมอาจจะหน้าตาดีน้อยกว่ามันก็ได้มั้ง เลยไม่กล้าจะไปอยู่ใกล้ๆมัน ผมทิ้งตัวนั่งลงหยิบข้อสอบมาเขียนชื่อ มองไปข้างหน้าผมก็เห็นกับแผ่นหลังกว้างๆ ของมัน มองจากข้างหลังแม่งยังรู้ว่าหล่อ กูอิจฉามึงจังงงงงงงงงงงงง
ผมเริ่มทำข้อสอบรู้ตัวเลยว่าไม่มีสมาธิ ผมมักเงยหน้าขึ้นมามองแผ่นหลังมัน ต้นคอ ทรงผมเท่ๆของมัน จนผมคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคจิตอ่อนๆ มันเป็นผู้ชายนะโว้ย ทำไมผมต้องสนใจมันด้วย มันนั่งทำข้อสอบนิ่งๆไม่มีอาการใดๆแสดงออกมา ผิดกับผมที่ไม่มีสมาธิเอาซะเลย ผมเลือกที่จะปิดข้อสอบลง แล้วฝนคำตอบแบบมั่วกระจายไม่อ่านองไม่อ่านแม่งแล้วครับ พอฝนเสร็จผมก็เอากระดาษคำตอบและข้อสอบยัดลงใต้โต๊ะ ฟุบหน้ากับโต๊ะหลับแม่งงงงงงงงงงง ไม่มีอารมณ์ทำแล้วฮึ้ยยยย
แรงสะกิดเบาๆที่แขนปลุกผมให้ตื่น ผมเงยหน้าขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก็เห็นกรรมการคุมสอบเอาใบเซ็นชื่อมายื่นให้ ผมรับมาหยิบปากกาเซ็นชื่อลงไปที่ช่องของผม
“เดี๋ยวค่ะๆ” เสียงของกรรมการคุมสอบบอกผมให้หยุด เขาหยิบกระดาษจากมือผมขึ้นไปดู ผมที่ยังมึนๆจากนอนเมื่อกี้ก็มึนเขาไปใหญ่
“น้องเซ็นผิดช่องค่ะ”
“ห๊ะ!”
ตื่นเต็มตาเลยครับบบบบบบบ ผมหยิบกระดาษมาดู อยากร้องงผมไปเซ็นช่องของคนที่เลขที่ต่อผม
ฤทธิ์ทากร ศักดิ์สกุล ชื่อไอ้คนเลขที่ต่อผม ก็ไอ้หน้าหล่อข้างหน้านะสิ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมได้อยู่ห้องเดียวกันเพราะอักษรชื่อเราใกล้กันนี่เอง โอ้ยยย ผมจะทำไงดี
“เอ่อ ขอโทษครับ ผมต้องแก้ยังไงครับ” ผมถามเสียงเบาเลยครับ
“น้องฆ่าทิ้งแล้วเซ็นชื่อกำกับอีกรอบนะคะ” กรรมการคุมสอบยิ้มให้ผมประมานว่าไม่เป็นไร
ผมรีบทำตามที่แกบอกแล้วเซ็นชื่อของตัวเองลงไปที่ช่องของผม ก่อนจะส่งกระดาษให้กรรมการคุมสอบพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ อายครับอาย แกยิ้มรับแล้วเดินเอาไปให้ไอ้หน้าหล่อข้างหน้าเซ็น มันรับไปชะงักนิดๆ ก่อนจะก้มลงเซ็นชื่อมันลงไป แล้วก็กระดาษส่งคืนให้กรรมการคุมสอบ ทุกการกระทำของมันอยู่ในสายตาผม
“กูขอโทษษษษษษษษษษษษษษษ งื้อออออออออออออ “ ตะโกนดังๆในใจเลยครับบบบ ผมคิดไปต่างๆนานาเลยว่ามันต้องด่าผมแน่ๆเลย ก้มหน้าฟุบลงกับโต๊ะอีกครั้งแต่ไม่หลับนะครับ ตาสว่างแม่งยันหมดเวลาสอบเลย ผมอายจริงๆนะ
หมดเวลาทำข้อสอบเหมือนเดิมครับ ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม ไอ้หล่อมันก็ยังไม่ลุกออกไป ผมว่าเราคงสันดานเดียวกันก็ไม่ชอบคนเยอะๆ
“เอ่อ อ อ พะ พี่ ครับ “ ผมเปล่งเสียงออกมาอย่างลำบาก มันหันหน้ามามองตามเสียงเรียกผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ผมขอโทษนะครับที่เซ็นชื่อไปในช่องพี่อะ” ผมรีบพูดเลยครับ มันทำหน้านิ่งๆ
“อื้ม” มันตอบรับผม
ห๊ะ ! มึงตอบกูแค่นี้อะนะ มึงต้องบอกว่าไม่เป็นไรครับน้องเซ่ ผมที่ไม่รู้จะไปต่อยังไง จะพูดต่อก็กลัวมันจะแดกหัวจะลุกไปเลยก็กลัวเสียมารยาท
“มีสอบตอนบ่ายไหม” อยู่ๆมันก็ถามผมครับ ด้วยประโยคที่
“มีครับ” ผมตอบไปแบบ งงๆ
“อื้ม ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”
ห๊ะ !! พูดจบมันก็ดึงผมให้ลุกเดินตามมันไปเลยครับ ผมก้าวตามมันไปแบบงงๆ สมองผมตอนนี้ยังไม่ประมวลผลอะไรทั้งนั้น มันตัวสูงกว่าผมมากครับ ณ จุดๆนี้ มันจับแขนผมดึงให้เดินตาม ไม่อยากจะยอมรับเลยครับว่าผมขาสั้นก้าวไม่ทันมัน มันลากผมมาที่รถคันนึง สวยมากครับ คงแพงน่าดูแต่ผมไม่รู้ว่ารุ่นอะไรหรอกนะครับเพราะผมไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ มันปล่อยแขนผมเดินอ้อมไปเปิดประตูด้านคนขับ
“ขึ้นรถสิ”
ห๊ะ ! มึงไม่ได้จะพากูไปกินข้าวในโรงอาหารหรอกหรอ ผมมองมันตาโตเลยครับ
“เอ่อ อ พี่ไม่ได้จะไปกินที่โรงอาหารหรอครับ” ผมถามไปเสียงเบาเลย คือกูงง กูมายืนทำไมอยู่ตรงนี้อันที่จริงกูไม่ต้องมากับมันก็
ได้ป่ะ
“คนเยอะกูร้อน” มันตอบผมหน้าตาย
“งั้นพี่ไปเถอะครับ ผมกินที่โรงอาหารดีกว่าครับ” มึงร้อนแล้วเกี่ยวไรกับกูฟะ กูจะกินที่นี่ อีกอย่างกูก็มีเพื่อนฝูงมาสอบกูไปกินกับเพื่อนกูก็ได้ทำไมกูต้องไปกับมึงงงงง
“มึงต้องไปกับกู” มันจ้องหน้าผม เชี่ยมึงจะเอากูไปขายแรงงานไหมเนี่ย แม่จ๋าช่วยด้วย
“เอ่อ พี่ผมว่า ผะ ”
“พูดมากน่ารำคาญว่ะ” มันอ้อมมาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วจับผมยัดลงไปในรถ
กูพูดมากตอนไหนวะ พูดยังไม่ทันจบประโยคมึงก็จับกูยัดลงมาแล้วเนี่ยยยย ผมจะเปิดประตูออกไปก็ไม่กล้าหันไปก็เจอกับตาดุๆ
ของมันที่สื่อว่าถ้ามึงลงไปกูจะจับมึงหักขาทิ้ง มันเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วก็แทรกตัวเองเข้ามานั่ง ก็จะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปเลย
ผมนั่งเกร็งไปตลอดทางจนกระทั่ง
[Let ‘it go let’it go ทออีซัมซาจีอานา } เสียงโทรศัพท์ผมดังเพลงนี้ชอบครับกำลังเทรน ผมรีบกดรับทันทีเลยครับ
“มึงอยู่ไหนวะ ตายในห้องสอบแล้วหรอ” เสียงไอ้มิกมันรัวมาทันทีเลยครับบ
“เออกู อยู่” ผมไม่รู้ว่าจะบอกมันไปว่าอะไร ถ้าบอกว่ากูกำลังจะไปกินข้าวข้างนอก มันก็คงจะ งง ว่าผมจะไปทำไม หรือไม่มันก็จะ
โวยวายหาว่าผมทิ้งเพื่อนไม่ยอมชวนมันไปด้วย
“อ้าวๆ อยู่ไหน พวกกูรออยู่ที่โต๊ะเดิมเนี่ยย จะให้ซื้ออะไรไว้ให้ก่อนไหม” โอ้ยมึงอย่าเพิ่งพูดมากได้ป่ะวะกูคิดคำโกหกไม่ทัน
“ไม่ต้อง คือกู” ผมรีบปฏิเสธไปก่อน เหตุผลๆละ เหตุผล
“อ้าวทำไมวะ” ชักเริ่มเบื่อคนมีเหตุผล
“กูอยู่ในห้องน้ำ กูปวดท้อง แค่นี้ก่อนนะมึงง เสร็จแล้วกูจะโทรกลับไป” ผมรีบพูดรัวๆก่อนจะตัดสายมันทิ้ง
“หึหึ” ได้ยินเสียงไอ้คนข้างๆมันหัวเราะในลำคอเบาๆ ผมรีบมองมันตาขวางเลยครับ
“พี่อะทำให้ผมต้องโกหกเพื่อน” โทษมันๆๆ
“กูบอกให้มึงโกหกหรอ ก็เปล่านิ” มันยิ้มมุกปากให้ผมโครตกวนตีนอะครับ
“เออแม่ง แล้วทำไมผมต้องมากับพี่ด้วยวะเนี่ย” ผมเริ่มวีนแล้วครับ ทำไมกูต้องมากับมึงด้วยวะ
“มึงใจง่าย” มันตอบผมหน้าตาย
เชี่ยยยยยยย ประโยคมึงแปลดีๆมันแปลว่ากูแรดดเลยนะโว้ยยยยยยยยย
“ก็พี่ลากผมมา” ผมเถียง
“แต่มึงก็ไม่ปฏิเสธ” เหี้ยมึงย้อนขึ้นไปอ่านข้างบนเลยนะว่ากูปฏิเสธมึงหรือยัง ฟายยยยยย ความจำสั้นนะมึงก็อะ
“ก็ผม บอกแล้วว่า ผะ”
“ถึงแล้ว มึงเงียบปากแล้วก็เดินตามกูมา”
พูดยังไม่ทันจบมันก็ขับรถเลี้ยวเข้ามาในห้างแห่งหนึ่งใกล้ๆสนามสอบแหละครับ ผมจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ไม่ชอบคนมาคอยสั่งเลยจริงๆแต่ทำตามมันไปก่อนเดี๋ยวแม่งโมโหจับผมไปขายแรงงานเถื่อนแล้วแม่พ่อผมจะอยู่ยังไง คึดถึงผมตายเลยยย
“กินอะไร” มันหันมาถามผม
“โออิชิราเมง” ผมตอบ
มันพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเดินนำผมไปที่ร้าน KFC มึงถามความเห็นกูทำไมมมมมมมมมมมมมมมมม ตอบ !
แต่ผมไม่เรื่องมากเรื่องกินอยู่แล้วเคเอฟซีก็กินได้ อยากกินข้าวยำไก่ซี้ดพอดี ชอบๆ ผมเลยเดินไปสั่งที่เค้าเตอร์ ไอ้หน้าหล่อมันก็
บอกให้ผมสั่งให้มันด้วย พลางยื่นตังมาให้ผม 500 บาท
“คิดรวมหรอคะ” พนักงานหน้าเคาเตอร์ถาม
“ยะ “
“รวมครับ” ไอ้หล่อข้างหลังมันแย่งผมตอบ ตั้งแต่อยู่ใกล้มันผมว่าผมพูดไม่ค่อยจบประโยคเลยอะ
“ไม่ต้องจ่ายให้ผมก็ได้ผมรู้ว่าพี่รวย แต่แค่นี้ผมก็เกรงใจแล้ว” ผมหันไปบอกมัน ผมเกรงใจมันนะครับ อย่างน้อยมันก็อุตส่าห์พาหา
ไรกินผมเลยไม่ต้องกินข้าวราดแกงจืดๆในโรงอาหาร
“กูพอใจ” สามคำจอดไม่ต้องพูดเถียงมันต่อครับ ผมหันไปฉีกยิ้มให้พี่พนักงาน
“รอเสิร์ฟที่โต๊ะได้เลยค่ะ” ผมกับมันเลยเดินไปหามุมที่นั่งด้านในสุดไม่ค่อยมีคน เอ่อกูจะโดนฆ่าหมกใต้โต๊ะไหมวะ พอได้ที่นั่งผม
ก็ไลน์ไปบอกไอ้มิกว่า เจอเพื่อนเก่าเลยขอไปกินข้าวกับมัน ไอ้มิกก็ตอบมาว่า อีทรยศ ผมละอยากจะเอาตีนยัดลงโทรศัพท์ให้มันทะลุมิติไปฟาดหน้าไอ้มิกทันทีเลยครับ เช็กไลน์ไปเรื่อยๆ พนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ
“ทำไมพี่มาสอบใหม่อะ จะซิ่วหรอ” ผมหาเรื่องชวนคุย
“กูลองสอบเล่นๆ”มันตอบผมได้กวนตีนมากครับ ฉลาดเหลือเกินนะมึง
“โห้ยย เก่งเนอะ ผมเห็นพี่ตั้งใจทำข้อสอบจัดอะ” มันรี่ตามองผม
“แสดงว่ามึงจ้องกูตลอดเวลาเลยว่างั้น”
พรวดดดดดดดดดดดดดด เป็ปซี่แทบพุ่ง
“โห้ยยยยยยยยยยยย หลงตัวเองงง ก็พี่อยู่ตรงหน้าผมขนาดนั้นมันก็ต้องมีเห็นบ้างละ” ผมรีบแก้ตัวเลยครับ
“หึหึ”
อย่ามาขำนะมึงกูไม่ได้พิศวาทมึงขนาดนั้น แค่มองเฉยๆ
“แล้วพี่มีสอบตอนบ่ายป่ะ” ผมถาม
“ไม่มี” มันตอบ
จะงกคำไปไหนวะแล้วกูจะต่อประโยคมึงยังวะเนี่ยย ผมเลยไม่ชวนคุยแม่ง มันก็นั่งกินข้าวมันไปผมก็นั่งกินข้าวของผมไป แต่ทำไมมันเผ็ดขนาดนี้วะ ผมดูดน้ำจนเป็บซี่ในแก้วผมหมดไม่เหลือแล้วครับ ผมจะไปซื้อเป็ปซี่เพิ่ม ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดเหงื่อบริเวณหน้าผากกับจมูกออก ผมกำลังจะลุกขึ้นแต่ได้หล่อตรงหน้ามันกลับยื่นเป็ปซี่ของมันมาให้
“เอาไปแดกซะ เห็นแล้วสงสารถ้ามึงจะไปยืนรอปากบวมหน้าเคาเตอร์” ผมรีบรับมาดูดๆๆเลยครับ เผ็ดนาทีนี้มันอยากพูดอะไรให้มันพูดไปครับ ทำไมมันเผ็ดอย่างนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“รู้ว่าแดกเผ็ดไม่ได้ยังจะสั่งมาแดก”
“ไอ่อิดอ่าอันอะเอ็ดอะอาดอี้” ผมอมน้ำแข็งเต็มปากเลยครับ เผ็ดผมกินเผ็ดไม่ได้แต่ผมชอบกินเผ็ด เข้าใจไหมครับ ฮ่าๆ งงละสิ มันส่ายหน้าไปมานั่งมองผมอมน้ำแข็งเงียบๆ จะอาการผมเริ่มทุเราลง ผมก็ชวนมันกลับเลยเพราะผมมีสอบต่อตอนบ่าย
“พี่ งั้นผมไปก่อนนะคร้าบ โชคดีนะพี่” ผมหันไปบอกมันพร้อมโบกมือลาก่อนจะเดินออกมา
“มึงหยุดตรงนั้นแหละ!” เบรกตัวล้อฟรีเลยครับบก็มันสั่งผมเสียงซะดังโต๊ะข้างๆยังหันมามองผมเลยได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้
“เดี๋ยวกูไปส่ง” มันบอก
“เห้ยพี่ไม่เป็นไรใกล้แค่นี้ผมกลับเองได้” ผมโบกมือปฏิเสธมันพันละวันเลยมันไม่ตอบแต่ลุกขึ้นจับแขนผมลากตามมันไปเลย
เป็นไรกับแขนกูมากป่ะเนี่ยย
“พี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมกลับเองได้จริงๆนะ“ ผมพยายามบอกมัน
“หุปปากซะ” เงียบเลยครับ
มันพาผมมาที่รถคันสวยคันเดิม ผมที่ทำอะไรไม่ได้ก็เปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับ เออดีกูได้ไม่ต้องเสียค่ารถ อยากไปส่งก็ไปเลย มันเข้ามานั่งประจำที่คนขับก่อนจะขับรถออกไปยังสนามสอบ มันส่งผมลงหน้าอาคารสอบเลย เพราะกว่าจะมาถึงก็ได้เวลาสอบแล้วครับบ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย กุไม่น่าหลวมตัวไปกับมึงลำบากกูวิ่งขึ้นบันไดไหมเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย หอบแดกกก
.....................................
ไม่ขออะไรมากขอเม้นเรียกกำลังใจหน่อยนะครับ
เมื่อวานบ้านผมไฟดับเลยไม่ได้อัพ
ขอโทษนะครับบบบบบบบบบบ
Twitter : rooskieee บางที่ผมก็อัพโมเม้นLove genius ในทวิตนะครับ ฝากฟอลโล่คร้าบบบบ
ความคิดเห็น