ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LoveGenius รักสุดใจไอ้จีเนียส [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 57


    ตอนที่4 


    Part   IQ  


    “คิว แต่งชุดนี้จะไปไหนหรอลูก”  เสียงแม่ผมทักทันทีที่ผมเดินมายังโต๊ะอาหาร


    “ไปมหาลัยครับแม่” ผมตอบพลางเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามท่าน หัวโต๊ะมีพ่อผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ พ่อไม่ได้ทักผมยังคงสนใจกับข่าวตรงหน้าต่อไป



    “อ้าว ยังจะไปอีกหรอ ไหนคิวบอกไม่อยากเรียนแพทย์ จะซิ่วใหม่” แม่ผมมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย



    “ไปช่วยงานที่คณะก่อนจะลาออกนิดหน่อยครับ” ผมยิ้มมุมปากให้แม่


    ผมชื่อไอคิว เพื่อนๆเรียกคิว ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ปี1 ของมหาลัยชื่อดังของไทย แต่ผมกลับไม่มีความสุขซะงั้น ตอนผมอยู่มัธยมทุกๆคนมักจะพูดกรอกหูผมอยู่ตลอดว่า คิวมึงต้องเรียนแพทย์ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าผมชอบอะไร อยากเป็นอะไร ผมก็สอบๆตามที่คนอื่นอยากให้ผมเป็น รวมทั้งแม่ของผมท่านดูดีใจมากที่ผมเลือกจะเรียนแพทย์  สิ่งเดียวที่แม่ภูมิใจในตัวผมก็คงจะเป็นเรื่องเรียนแค่เรื่องเดียวนี่แหละครับ ผมมีชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปๆ มีกลุ่มเพื่อน เที่ยวกลางคืน ฟันหญิง แข่งรถ มีเรื่องทะเลาะวิวาท แต่ผมเป็นคนที่รู้ลิมิตของตัวเองไงครับ ถึงผมจะเกเรขนาดไหน ผมก็ไม่ทิ้งเรื่องเรียนบวกกับพรสรรค์ที่ผมเข้าใจอะไรง่ายจำอะไรได้ง่าย เลยทำให้ผมสามารถเข้าแพทย์ได้สบายๆ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่า อย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นคิด เพราะเขาไม่ใช่เรา ผมไม่มีความสุข ผมรู้แล้วว่ามันไม่ใช่



    “อ่อจ๊ะ แล้วคิวจะเข้าซิ่วไปเรียนอะไรหรอลูก” 



    “สถาปัตย์ครับแม่” ผมตอบแม่นิ่งๆ



    “อ้าวแม่คิดว่าลูกจะเรียนพวกเครื่องกลยานยนต์อะไรพวกนั้นซะอีก ใช่ไหมคุณ” แม่พูดกับผมแล้วหันไปถามความคิดพ่อ พ่อเหลือบตามองผมนิ่งๆ  แต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจเหมือนแม่



    “หึหึ ทำไมแม่คิดว่าผมจะเรียนเครื่องกลละครับ” ผมขำในสีหน้าของแม่เล็กน้อย



    “ก็แม่เห็นคิวชอบไปแข่งรถ แต่งรถอะไรพวกนี้” 



    “ผมชอบแต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะอยากเรียนนี่ครับ” ผมตอบแม่ไป



    “เอาเถอะๆพ่อคงเก่งจะเรียนอะไรก็เรียน ฉันก็คิดว่าจะได้มีลูกเป็นหมอกับคนอื่นเขาบ้าง เห้อ กลับไปเรียนได้ปีเดียวซะนี่” แม่บ่น
    ไปตามประสา แม่ไม่ได้ว่าผมจริงจัง เรื่องที่ผมจะซิ่วใหม่แม่คงเข้าใจผมแต่ก็บ่นอยู่บ่อยๆว่าเสียดายอยากมีลูกเป็นหมอ เพราะบ้านผมก็เรียนวิศวะกันเกือบทั้งบ้าน ครอบครัวผมเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ มีบริษัทลูกอีกหลายบริษัท พ่อเหมือนจะดีใจด้วยซ้ำที่ผมไม่เรียนแพทย์ ผมจะได้มาช่วยกิจการครอบครัว


    “คุณก็ อยากมีลูกเป็นหมอ ไม่ได้ดูสภาพลูกตัวเองเลย” พ่อพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วหันมาพูดกับแม่ที่กอดอกแบบงอนๆผม


    “ทำไมลูกฉันออกจะหล่อ” แม่ผมหันไปเถียงพ่อตาเขียว แม่บอกว่าผมหล่อ แต่ผมว่าผมก็เฉยๆนะครับผมก็ผู้ชายธรรมดาทั่วไปทำไมมีแต่คนบอกว่าผมหล่อ



    “หึหึ”  พ่อไม่ตอบอะไร หัวเราะในคอเบาๆแล้วก็ตักข้าวต้มตรงหน้าเข้าปาก แม่ผมจิ๊ปากงอนพ่อ 



    “คิว กินข้าวเถอะลูกอย่าไปสนใจคนขี้อิจฉา” แม่หันมาพูดกับผมพลางมองค้อนพ่อ พ่อแม่ผมก็งี้แหละครับหาเรื่องทะเลาะกันเพิ่มสีสันให้ชีวิตคู่ พ่อหาเรื่องให้แม่งอนได้ทุกเวลา จะได้ง้อแม่ พ่อบอกผมว่าที่ชอบทำแบบนี้เพราะพ่อไม่ค่อยมีเวลาให้แม่เท่าไร พอมีเวลาอยู่ด้วยกันก็อยากแกล้งอยากมีกิจกรรมให้แม่ลืมพ่อไม่ลง พ่อผมเท่ไหมล่ะครับ



    “แม่ครับ แล้วเดียกลับบ้านไหมครับ” ผมถามหาพี่ชายคนเดียวของผม ชื่อไอเดียครับเรียนจบแล้วทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทของบ้านผมนี่แหละ 



    “ไม่กลับจ๊ะ ช่วงนี้งานที่บริษัทเยอะเกิ๊น พี่เราหาทางกลับบ้านไม่เจอแล้ว” แม่พูดเสียงเศร้าๆ



    “งั้นผมเอารถเดียไปใช้นะแม่ อ่อแล้วคืนนี้ผมไม่กลับบ้านนะครับ นอนคอนโด” 



    “ย่ะ ผู้ชายบ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด บ้านช่องไม่อยากจะกลับ ใช่สิฉันมันไม่สวยไม่ตึงไม่ดึงดูดเหมือนเมื่อก่อนแล้วนิ”  แม่ผมพูดประชดประชันแบบงอนๆ พ่อผมส่ายหัวไปมา



    “โอ๋ๆ ดึงดูดสิครับแม่”  ผมเดินไปหอมแก้มแม่ทั้งสองข้างแม่ยิ้มเขินนิดๆ


    “ไอ้คิว มึงกล้าดียังไงมาหอมแก้มเมียกูต่อหน้ากูเนี่ย” พ่อโวยวายพลางเอาตีนถีบผมยิ้กๆ



    “คิวไปก่อนนะครับ รักแม่นะครับ” ผมก้มลงจูบแก้มแม่อีกครั้งก่อนจะวิ่งออกมาเลย ได้ยินเสียงพ่อตะโกนด่าไล่หลังมาแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมชินแล้วละครับพ่อชอบแกล้งหึงให้แม่เขินเล่นๆ พ่อผมเท่ไหมล่ะครับหึ





    .................................





    ผมขับรถมาที่มหาลัย วันนี้ที่มหาลัยผมเป็นสนามสอบ กสพท. ผมก็สอบติดแพทย์รอบนี้เหมือนกัน รถในมอเลยติดจนแทบขยับไม่ได้ เด็ก มอปลายที่มาสอบเลยลงจากรถแล้วเดินไปหาอาคารสอบเอา ผมจอดรถติดอยู่บนถนนนานประมาณ 10 นาทีแล้วครับ เริ่มจะมีอารมณ์หงุดหงิด จนเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นหยิบมาดู เบอร์ไอ้เหี้ยบี จึงกดรับ




    “มีไร” 



    “ไอ้คิวมึงถึงยังวะสาสส พวกกูรอมึงนานแล้วนะ” ปลายสายพ่นคำด่าผมรัวๆ



    “กูถึงนานแล้วไอ้เหี้ย รถติดอยู่ในมอเนี่ย” ผมตวาดกลับเลยครับ


    “อ่อเออมึงหาที่จอดรถแล้วรีบๆมาเลยนะโว้ย” 


    “เออ ขยับรถให้ได้ก่อนสัส” พูดจบก็ตัดสายเลยมันทันที คนยิงหงุดหงิดยังเสือกโทรมาเร่ง
    รถผมขับขยับได้ทีละนิดๆเองครับ ผมแม่งอยากจะจอดไว้ตรงนี้แล้วเดินไป นั่งหงุดหงิดอยู่ในรถสายตาผมก็มองออกไปนอกรถเหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายคนนึง ที่เรียกมันว่าเด็กเพราะมันตัวเล็กมากครับ ยืนอยู่ข้างๆรถผม มันมองมาที่รถผมนะ แต่ผมมั่นใจว่ามันไม่เห็นผมเพราะรถผมติดฟิล์มดำ แต่ผมนะมองเห็นมันชัดแจ๋วเลยครับ


    ผู้ชายตัวเตี้ยน่าจะสักประมาณ 164 มันใส่กางเกงขาสั้นพอดีเข่ากับเสื้อยืดลายเท่ๆที่วัยรุ่นทั่วไปชอบใส่กัน มันใส่หมวกนะครับแต่มันเสือกเอาปีกหมวกไปไว้ข้างหลัง แดดเลยส่องหน้ามันเต็ม แก้มมันแดงขึ้นเป็นสีชมพูอ่อนๆ น้ำเหงื่อผุดขึ้นตามไรเส้นผม หน้ามันบึ้งตึงคิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนลังเลอะไรสักอย่าง ผมนั่งมองมันอยู่นานอย่างไม่เข้าใจตัวเอง จนมีเด็กผู้ชายอีกคนตัวสูงว่าไอ้เด็กเตี้ยนั่นแต่ถ้าเทียบกับผมก็เตี้ยกว่าผมอยู่ดี เดินมาจับมือมันแล้วจูงไอ้เตี้ยนั่นข้ามถนน ผมมองแล้วรู้สึกแปลกๆในใจ ผมไม่ชอบเห็นผู้ชายรักกันหรอ ผมไม่ชอบพวกรักร่วมเพศหรอ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเพื่อนที่คณะก็หันมาแดกกันเองเยอะแยะ ผมก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรืออะไร ผมมองมันสองคนจนพวกมันหายไปกับผู้คนเลยหันกลับมาหงุดหงิดกับจราจรตรงหน้าอีกครั้ง





    ....................................





    “ไง ไอ้หล่อกว่าจะโพล่หัวมาได้นะมึง”  เสียงไอ้บีตะโกนทักผมมาแต่ไกล




    “คนเยอะฉิบหาย” ผมบ่นอย่างหงุดหงิด ไอ้บีเป็นเพื่อนผมในคณะ ในความคิดผมมันไม่น่าเรียนแพทย์ครับ มันควรจะไปซิ่วกับผม



    “เอาน่าก็ดีแล้วไงมึง จะได้มีคนบริจาคเงินเยอะๆ” มันตบบ่ายิ้มแหยๆให้ผม วันนี้พวกมันจะมาเดินกล่องรับบริจาคเงินจากผู้ปกครองที่พาพวกเด็กมอหกมาสอบเพื่อเอาเงินเข้าโครงการแพทย์อาสาของคณะ ผมเห็นว่าไหนๆก็จะออกแล้วมาช่วยสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไร



    “เออแล้วยืนทำส้นตีนอะไรกันอยู่อะ ไม่ไปสักที” ผมหันไปถามมัน สีหน้าเพื่อนบางคนในคณะไม่ชอบใจในคำพูดผมเท่าไร แต่จะทำไมกูพูดจาแบบนี้รับไม่ได้ก็เรื่องของมึง 



    “เห้ยมึงอย่าเพิ่งโมโหสิวะ เอ้าๆๆพวกมึงไปๆไอ้หล่อมันอุตส่าห์มาช่วยเรียกเงินแล้วนะโว้ยกูอ้อนวอนมันตั้งนานนะโว้ย” ไอ้บีพยายามไก่เกี่ย



    “ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาสิ” เสียงเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่งสวมแว่นอันใหญ่ๆ เธอชื่อฟ้าใสครับ เป็นคนสวยแต่สันดานแย่ สำหรับผม
    นะ ฟ้าใสเคยบอกว่าชอบผมเคยขอคบกับผม ผมก็สนองความต้องการของเธอ มีสาวสวยมาเสนอตัวให้ผมควงทำไมผมต้องปฏิเสธละครับ แต่ตอนผมควงกับฟ้าใสผมก็ยังควงกับผู้หญิงอีกหลายๆคน ฟ้าใสไม่พอใจตามไปเหวี่ยงวีนผม เราคิดต่างกัน ผมแค่ควงเล่นๆแต่ฟ้าใสกลับคิดจริงจัง จนสุดท้ายฟ้าใสทนไม่ไหวมาบอกเลิกผม ผมก็ตรอกกลับไปว่า เคยคบกันหรอ วันนั้นผมโดนตบจนหน้าชาเลยครับ 



    “เอ่อ” ไอ้บีมันมองผมกับฟ้าใสสลับกันเลิกลั่ก ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์ ฟ้าใสหน้าเสียนิดๆ


    “ทำตัวถ่อยๆ ลาออกไปก็ดีเหมือนกัน คณะจะได้สูงขึ้น” ฟ้าใสยังคงเชิดหน้าพูดอย่างหยิ่งพยอง ผมก็ไม่รู้ว่าหล่อนโกรธเกลียดอะไรผมหนักหนานะครับ แขวะทุกครั้งที่เจอหน้า แต่คำพูดบางคำของเธอก็ทำให้ผมมีอารมณ์อยากกระทืบผู้หญิงได้เลยทีเดียว



    “กูออก แต่มึงอยู่ คณะมันก็ไม่ได้สูงขึ้น” ผมพูดจบก็หล่อนกรี๊ดกร๊าดยืนกระทืบพื้นไปมาแบบไม่พอใจ คนอื่นจะมองว่าผมด่าผู้หญิงเป็นหน้าตัวเมียยังไงก็ช่างปะไร ไม่ใช่แม่ผม ผมเดินออกมาหาที่สูบบุหรี่ ไม่ชงไม่ช่วยแม่งแหละ เสียอารมณ์ ไอ้บีเหมือนจะพยายามดึงผมไว้แต่ผมก็เลือกที่จะหันไปตะโกนบอกเพื่อนในคณะว่าให้เริ่มงานกันเลยไม่ต้องรอผมแล้ว


    เดินมาเรื่อยๆก็ถึงจุดที่ให้สูบบุหรี่ สายตาผมไปสะดุดกึก กับไอ้เด็กเตี้ยคนเดิมที่ยืนอยู่ข้างรถเมื่อเช้า มันนั่งอยู่ตรงม้านั่งที่ทางมหาลัยจัดไว้ให้คนมานั่งสูบบุหรี่ มันไม่เห็นผม มันก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ในมือมันอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ผมเดินไปสูบบุหรี่ใกล้ๆมัน ผมไม่ได้เลวนะครับ มันเป็นที่สูบบุหรี่มันมานั่งผิดที่เอง ขนาดนั้นผมมาอยู่ใกล้มันห่างกันประมาน 4 เมตร มันยังไม่รู้เลยครับว่าผมยืนอยู่ 



    “เหี้ย” คำด่าเบาๆออกมาจากปากมันครับ แต่มันก็ยิ้มมุมปากนิดๆแบบคนมีความสุข มันคุยกับใครวะ แฟนมัน? คนเมื่อเช้าไม่ใช่หรอแฟนมัน แล้วผมจะไปสนใจมันทำไมวะเนี่ย
    ผมยืนสูบบุหรี่นั่งมองมันจนจะหมดม้วนแล้วครับมันยังไม่เห็นผมเลย รู้สึกหงุดหงิดอีกแล้วครับ เวลาที่ไม่ได้รับความสนใจเหมือนผมเป็นธาตุอากาศ




    “รูททททท มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ” เสียงของไอ้หน้าจืดที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นแฟนมันดังขึ้น ไอ้เตี้ยเงยหน้าขึ้นไปมองแบบงงๆ มันชื่อรูทครับ หึ



    “อ้าว มึงยังไม่เข้าห้องสอบอีกหรอ” ปากเล็กๆของไอ้เตี้ยเอ่ยถาม



    “กูลืมบัตรประจำตัวสอบ อยู่ในกระเป๋ามึงอะ” พูดจบมันก็เดินมาเปิดกระเป๋าไอ้เตี้ยแล้วก็หยิบบัตรออกมา



    “แล้วมึงมานั่งทำเหี้ยอะไรอยู่ตรงนี้วะ อยากเป็นมะเร็งปอดตายหรือไง” มันพูดจบก็มองมาที่ผม เออดีมึงเพิ่งมาแต่ก็ยังสนใจกู ไอ้เตี้ยนี่นั่งอยู่ตั้งนานยังไม่เห็นกูเลย



    “ทำไมวะ” ไอ้เตี้ยมันทำหน้าเอ๋อๆงงๆ



    “ตรงนี้มันจุดสูบบุหรี่ ฟายยย ” ไอ้หน้าจืดมันบอกหน้าเอือมๆ



    “เอ้าจริงดิ กูถึงว่าได้กลิ่นบุหรี่เหม็น” ไอ้เตี้ยมันตอบแหยๆ ควายถ้ามึงเงยหน้ามามองกูมึงก็น่าจะรู้แหละ กูสูบแกล้งมึงจะสองมวนแล้วสัส



    “ไปๆส่งกูที่หน้าห้องสอบดิ๊“ ไอ้หน้าจืดพูดจบก็ลากไอ้เตี้ยออกไปเลยยย 



    “โอ้ยยมีเพื่อนหรือมีลูกวะเนี่ยยยยยย” เสียงไอ้เตี้ยที่โวยวายได้ยินมาแว่วๆๆครับ


    ผมมองมันจนหายไปกับผู้คนอีกครั้ง สุดท้ายมันก็ยังไม่เห็นผมสินะ แล้วทำไมผมต้องอยากให้มันเห็นผมละ ผมส่ายหัวไปมาสองสามทีไล่ความคิดปัญญาอ่อนของผม บุหรี่มวนที่สองที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งผมเลือกที่หยิบออกจากปากแล้วปาทิ้งเอาปลายเท้าขยี้ให้ดับลง เดินออกมาว่าจะกลับไปนอนต่อที่คอนโดเลยขี้ไปช่วยไอ้บีเดินกล่องแล้ว ไม่ใช่ว่าผมหนีหน้าฟ้าใสนะครับ แต่ผมไม่อยากโดนประนามว่าเป็นผู้ชายคนแรกที่กระทืบผู้หญิง หึ 


    ตึง งง [เสียงไลน์ดัง] 


    ผมหยิบขึ้นมาดู  ไอ้บีไลน์มา มันบอกให้ผมอยู่รอมันในมอก่อนไม่ต้องมาช่วยก็ได้แต่ว่าเสร็จแล้วมันจะกลับพร้อมผม มันไม่ได้เอารถมา ไอ้บีมันอยู่คอนโดเดียวกับผมครับ ผมรอมันอยู่ที่ร้านกาแฟประมาณสองชั่วโมง จนแบตโทรศัพท์ผมจะหมด มันก็ไลน์มาว่ารอผมอยู่ที่รถแล้ว 




    “มึงช้า” คำแรกที่ผมพูดกับมัน



    “อีหนิงอ่ะดิ มันเสือกบังคับให้กูไปขายสมุดให้หมดไม่งั้นไม่ยอมให้กูกลับ” ไอ้บีมันโวยวาย ผมหัวเราะหึในลำคอก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในรถด้านคนขับ ไอ้บีก็เปิดประตูตามเข้ามาด้านข้างคนขับ คาดสายนิรภัยแต่ปากก็ยังบ่นไม่หยุด



    “ดีนะมึงกูได้น้องคนนึงมาช่วยขายไม่งั้นนานกว่านี้แน่” ผมสะดุดกับคำพูดมันเลยหันเหลือบไปมองมันนิดๆ



    “สนใจแหม่ สนใจกูพูดตั้งนานไม่เห็นสนใจพอมีบุคคลที่สามโพล่มาทำสนใจนะมึง” ไอ้บีมันพูดล้อเลียนผม ผมหั นหน้าไปจ้องถนนต่อขี้เกียจจะเถียงกับมัน



    “ทำเป็นเก็กไอ้หล่อ มึงไม่ต้องทำสนใจหรอก น้องเขาเป็นผู้ชายโว้ย เสียใจด้วย” ไอ้บีมันยังพล่ามต่อ


    “แค่กูบอกว่าถ้าซื้อแล้วมาช่วยกูขายด้วย เพื่อนของเขาจะสอบติดแพทย์น้องเขาก็รีบมาช่วยกูเลยว่ะ” 



    “มึงก็ทำสันดานไปหลอกเด็ก” ผมด่ามันไป


    “เด็กมันหน้าน่ารักกูเลยหลอก” มันยักคิ้วกวนๆให้ผม


    “มึงชอบผู้ชาย?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่ามันจะมีรสนิยมแบบนี้


    “เปล่าว่ะ แต่น้องรูทเขาน่ารักดี” 


    “รูท” สะดุดกับชื่อนี้จริงๆครับ และผมมั่นใจว่าเป็นคนๆเดียวกัน 



    “เออน้องเขาชื่อรูท เห็นว่าสอบติดวิศวะแล้วนะ กูถามมา” ไอ้บีมันหันมาบอกผม



    “วิศวะหรอวะ” ผมแปลกใจเลยครับไอ้เตี้ยสภาพไม่ให้จริง


    “เออ กูว่าน้องเขาน่าไปเรียน พวกนิเทศน์ อักษรอะไรเถือกนั้นมากกว่า มึงต้องเห็นอะน้องน่ารัก” เออกูเห็นแล้วไอ้บีมึงไม่ต้องทำหน้าเคลิ้มขนาดนั้น แล้วกูก็เห็นด้วยกับมึงไอ้เตี้ยสภาพไม่ให้ ไอ้บีพล่ามเรื่องไอ้เตี้ยอยู่สักพักก็เปลี่ยนเรื่องไปพูดเรื่องอื่นตามประสาคนพูดมากแหละครับ ผมขับรถมาถึงคอนโดต่างคนต่างแยกย้ายกลับห้องพอถึงห้องผมก็นอนยาวๆ จนเย็น วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนที่โรงเรียนเก่าสมัยมัธยมที่ผับแห่งหนึ่ง 



    “ฮิ้วววว พวกเรายืนขึ้นรับเสด็จไอ้คุณชายหน่อยเร็วววววววว” เสียงโห่แซวดังขึ้นทันทีที่ผมเหยียบเข้ามาในบริเวณร้าน ผมดินเไปที่พวกมันก่อนจะยกนิ้วกลางให้



    “กูอายไหมสัส” พวกมันหัวเราะสะใจไม่สะทกสะท้าน พลางกระดกเหล้าเข้าปากต่อผมนั่งลงข้างๆไอ้เมี่ยง เพื่อนสนิทผมเองครับ ตอนนี้มันเรียนสถาปัตย์อยู่ที่มหาลัย XXXX ผมว่าจะซิ่วไปเรียนที่เดียวกับมันนี่ละ



    “ไงมึงหายหน้าหายตา” ไอ้เมี่ยงทักผม



    “กูคิดว่ากูเพิ่งเจอมึงที่สนามเมื่อสองวันที่แล้วป่ะไอ้เมี่ยง” ผมตบหัวมันไปทีนึงข้อหาพูดจาโอเว่อร์



    “ไอ้คิวมึงจะซิ่วหรอวะ เป็นแพทย์ดีๆไม่ชอบเสือกอยากเป็นสถาปนิก ฉีกกฏไปป่ะวะ” ไอ้ฟาร์มันนั่งตรงข้ามผมถามขึ้น มันเรียน
    นิติศาสตร์อยู่ที่มหาลัยแห่งหนึ่งมีชื่อเสียงพอสมควร



    “อะไรคือกฏของมึงวะ” ผมถามมันกลับไป ตรรกะอะไรที่คนเอามาวัดกับเรื่องพวกนี้



    “มึงอย่าไปสนใจคำพูดไอ้ฟาร์มากตั้งแต่แม่งเรียนนิติศาสตร์แม่งพูดจาอยู่แต่ในกรอบในกฏ” เสียงไอ้อ้วนตะโกนบอกผม ไอ้นี่ชื่ออ้วนแต่จริงมันเป็นคนรูปร่างดีมากครับ มันเป็นนักเทคอนโด้ทีมชาติเลยนะครับ ผมก็เรียนนะครับแต่ผมไม่เสือกทางสายนี้ ผมเรียนไว้ป้องกันตัวมากกว่า



    “เหี้ยอ้วนกูก็แค่แปลกใจเฉยๆโว้ย” ไอ้ฟาร์หันไปด่าไอ้อ้วนผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาจับแก้วเหล้าขึ้นซดให้หายอยาก



    “คิวแล้วมึงจะย้ายไปอยู่กับไอ้เมี่ยงเนี่ยนะ มึงยอมโดนมันรับน้องหรอวะ สถาปัตย์มออื่นก็มี” ไอ้ฟิวส์ เพื่อนสนิทผมอีกคน ที่มองหน้าผมอยู่นานถามขึ้น



    “หึ ลองมันรับกูสิ” ผมสถบในลำคอเบา



    “คิวมึงไม่ต้องห่วงเพื่อนเมี่ยงคนนี้จะรับขวัญมึงให้ถึงใจเลย” ไอ้เมี่ยงเริ่มเมาแล้วครับมันตบบ่าผมดังป้าบ




    “ถ้ากูถึงใจเมื่อไร มึงก็ถึงตายเมื่อนั้นแหละไอ้เมี่ยงง” ผมตบหน้ามันเบาๆส่งยิ้มกวนตีนให้มัน




    “เหี้ยนี่เพื่อนฝูงแม่งก็ไม่เว้น” ไอ้เมี่ยงมันผลักมือผมออก ก่อนจะหยิบเหล้ากรอกปากต่อ



    “หึหึ”


    นี่แหละครับกลุ่มผมสมัยมัธยมร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ไอ้ฟิวส์ ไอ้เมี่ยง ไอ้อ้วน ไอ้ฟาร์ หลายคนบอกว่ากลุ่มผมคัดหน้าตาคน
    เข้ากลุ่มหรือเปล่า รวมกลุ่มกันทีไรออร่าจับ ขนาดนั่งอยู่ในร้านนี้ก็ยังมีผู้หญิงหลายโต๊ะให้ความสนใจโต๊ะผม




    “เห้ยย แม่หญิงคนนั้นสนใจผู้ใดในโต๊ะเราวะ” ไอ้เมี่ยงมันชี้ไปยังโต๊ะที่มีผู้หญิงใส่เดรสสั้นๆสีดำเซ็กซี่ หน้าตาสวยไฮโซมาก เธอมองมาทางโต๊ะผมนานแล้วครับแต่ไม่รู้มองใคร จนไอ้เมี่ยงชี้ไปทางโต๊ะเธอนั่นแหละ เธอเลยก้าวขาเรียวๆมุ่งตรงมาที่โต๊ะผม




    “มาแล้วโว้ยๆๆ แจ๊ตพอตจะแตกที่ใคร” เสียงฟาร์ลุ้นอย่างตื่นเต้น




    “ขอโทษนะคะ นั่งด้วยได้ไหมคะ” สาวเดรสสั้นก้มหน้าลงถามผมที่นั่งอยู่ริมสุดโซฟา นมแทบฟาดหน้าแน่ะ



    “ครับผม”  ผมตอบรับยิ้มให้เล็กน้อยของดีมาห้ามปฏิเสธครับ ผมขยับตัวให้เธอนั่งนิดนึง แต่เธอกลับนั่งลงบนตักผมซะงั้น มือเรียวยกขึ้นคล้องคอผม ผมว่าเธอเป็นคนสวยมากๆเลยนะครับ




    “อู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เสียงโห่ของเพื่อนๆผมดังขึ้นทันที ผมหันไปยักคิ้วให้พวกมันทีนึงอย่างถือชัยชนะ



    “เบื่อเชี่ยคิวมาทีไรกู อดแดกกกกกกกกกกกกกกก” ไอ้เมี่ยงโวยวายย



    “มึงก็ไปศัยกรรมทำหน้าให้เหมือนมันสิวะ” ไอ้ฟิวส์บอกให้เมี่ยงติดตลก   



    “กูต้องหล่อด้วยตัวกูเองโว้ยย เดี๋ยวกูจะไปวุฒิศักดิ์เป๊ะ ไอ้เชี่ยคิวมึงเตรียมตัวดับได้เลย” ไอ้เมี่ยงชี้หน้าคาดโทษผมแบบฮาๆ ผม
    ยิ้มรับมันสื่อให้มันรู้ว่าทำได้ก็เอา ฮ่าๆ



    “ชื่อคิวหรอคะ” เสียงสาวเดรสสั้นบนตักผมถามขึ้น


    “ครับ” พ่อสอนมาถ้าจะลากให้พูดน้อยๆ หึ



    “ชื่อพิ้งนะคะ “ พิ้งกระซิบข้างหูผม ชาวาบเลยครับ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับจะได้ไม่รู้สึกอะไร


    “เพื่อนคิวนี่ตลกจังเลยค่ะ” พิ้งหัวเราะยั่วๆผม



    “อ๋อครับบ” ผมยิ้มมุมปากให้พิ้ง


    “คิวพูดน้อยจังเลยค่ะ ตื่นเต้นหรอคะ” พิ้งเลิกคิ้วถามผมอย่างสงสัย



    “เก็บเสียงไว้คืนนี้ครับ” ผมยักคิ้วแบบมีเลศนัยให้พิ้ง พิ้งยิ้มรับแบบอายๆเอาหน้าซบไหล่ผม หึ


    โตๆกันแล้วครับ พูดแค่นี้ก็คงเข้าใจ 



    .........................................

    อีกตอนนะครับ 

    Twitter : @rooskieee
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×