ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
และแล้วก็ถึงวันที่ผมต้องมาสอบตรงที่มหาลัย XXXX ถามว่ารู้สึกยังไง ตื่นเต้น กังวล กลัว ประหม่า มือสั่น รู้สึกว่าสมองมันตื้อๆเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในหัวผมเลยตอนนี้ ทั้งที่ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ผมอ่านหนังสืออย่างหนัก และก่อนมาสอบวันนี้ผมก็ไปติวอย่างเข้มข้นกับพี่แมนเพื่อนของไอ้เวย์ วันนี้นั้นมันเข้มข้นจริงๆครับ ไม่ใช่เนื้อหาที่เข้มข้นนะครับ เหล้านี่เข้มข้นมากครับ พี่แมนแม่งติวผมไปจับเหล้ากรอกปากไป อย่างว่าแหละครับ วิศวะกับสุรานี่เป็นของคู่กัน ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังมีจิตเมตตามาติวให้ผม
วันนี้พ่อของผมเป็นคนพาผมมาสอบครับ พ่อขับรถไปเงียบๆ ไม่มีบทสทนาใดระหว่างผมกับพ่อ ไม่ใช่ว่าเราไม่สนิทกันนะครับ แต่วันนี้ผมรู้สึกขี้เกียจพูดซะงั้น เลยเลือกที่จะนอนเอาแรงสักงีบดีกว่า
“รูทๆถึงแล้วแล้วลูก” เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าเบาๆจากพ่อผม ผมลุกขึ้นขยี้ตาให้หายง่วง จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเปิดประตูตามพ่อลงไป
“สอบอาคารไหนล่ะ” พ่อหันมาถามผม
“อาคารเรียนรวมครับ” พ่อพยักหน้าก่อนจะเอื้อมมือมาจูงมือผมเดินตามแกไป
“พ่อ ทำเหมือนกลัวผมจะหลงทางอ่านะ”
“หึ ไอ้เวย์ มันบอกว่าแกเคยหลงที่งานเกษตรแฟร์ไม่ใช่หรือไง ถึงขนาดต้องประกาศตามหา” พ่อหัวเราะในลำคอเบาๆ
“โห้พ่ออย่าล้อปมดิ” ผมจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ เหตุกาณ์วันนั้นไม่มีวันลืมครับ ผมพลัดหลงกับเพื่อนที่งานเกษตรแฟร์ ไอ้เวย์เกณฑ์เพื่อนในภาคกสิบกว่าคนออกตามหาอย่างกับผมเป็นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ แถมช้ำใจสุดก็ตอนที่ได้ยินเสียงประกาศตามสาย “ขอให้เด็กชาย รัชทากร พิไลศิลป์ มาพบผู้ปกครองที่จุดนัดพบด้วยค่ะ” เสียงนั้นยังดังกึกก้องในโสตประสาทผมเสมอ ไอ้เหี้ยยเวย์คือกูใช้นายนำหน้าแล้วโว้ยยยยยยยย คิดถึงไอ้เวย์ทีไรประสาทจะแดก เดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าห้องสอบ พ่อยังคงนั่งรอเป็นเพื่อนผม
“พ่อถ้ารูทสอบไม่ติด พ่อจะเสียใจไหม” ผมถามสิ่งที่ผมคิดมาตลอดออกไป พ่อยิ้มให้ผมก่อนจะบีบมือผมเบาๆ
“ไอ้ลูกหมาเอ้ย คิดไรมาก พ่อไม่เสียใจหรอกถ้าแกสอบไม่ติด แต่พ่อจะเสียใจถ้าแกมาเสียใจกับเรื่องไร้สาระพวกนี้” พ่อพูดกับผมน้ำเสียงกั้วหัวเราะ
“พ่อออ” โผล่เข้ากอดพ่อเลยครับ ณ จุดๆนี้ ผมอยากกอดพ่อ ใครจะมองว่าผมเป็นลูกแง่ยังไงก็ช่าง ตอนนี้แค่รู้สึกอยากกอดพ่อแน่นๆ เติมพลังชีวิตให้เต็มที
“เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ไม่ได้ที่นี่ ก็ต้องมีสักที่ที่เป็นของเรา” พ่อลูบหัวผมเบาๆรู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก
“ครับพ่อ” ผมตอบรับแกยิ้มๆ
“ไปๆ เขาเรียกเข้าห้องสอบแล้ว” พ่อตบหลังผมเบาๆสองสามทีก่อนจดันผมออกจากอก
“งั้นผมไปสอบแล้วนะ กอดอีกที” ผมอ้าแขนกอดพ่ออีกรอบ
“เต็มที่นะไอ้ลูกหมา ถ้าทำไม่ได้ก็ฝนข้อ ค.ควายไว้ รับรองติด” พ่อพูดอย่างอารมณ์ดี
“เกือบซึ้งล่ะพ่อ โอเคผมเชื่อพ่อนะ” ผมยิ้มให้พ่ออีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องสอบตามคนอื่นๆไป
3 ชั่วโมงผ่านไปป สอบ 3 วิชา
“ออกจากห้องสอบได้ค่ะ” เสียงอาจารย์คุมสอบดังขึ้น สิ่งมีชีวิตในห้องสอบต่างกรูกันออกมาข้างนอก เสียงโหกแวกโวยวายที่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังกระหึ่มไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังวิจารณ์ข้อสอบที่เพิ่งทำกันไปเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว
ผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง ถามว่าทำไมผมนิ่ง ผมทำข้อสอบได้หรอ เปล่าเลยผมแค่ไม่มีที่ระบาย เท่านั้น
“ฮัลโหล พ่อสอบเสร็จแล้วพ่ออยู่ไหน” คนแรกที่โทรหาพ่อครับ ผมอยากกลับบ้านมากๆอ่ะตอนนี้
“พ่ออยู่ที่ XXX”
“ห๊ะ!! พ่อไปทำไรที่นั่นอะ” ไม่ตกใจได้ไงครับ ที่ที่พ่ออยู่แม่งโครตไกลจากตรงนี้มากเลยทีเดียว
“มาซื้อของ ลูกเดินเล่นในมอไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นๆพ่อไปรับ”
“เดี๋ยวๆๆพ่อ อะไรนะเดินเล่นในมอ” ประสาทจะกินมันมีไรให้น่าเดินเล่นวะเนี่ยย
“ใช่ๆเดี๋ยวเย็นๆพ่อไปรับนะ พ่อต้องวางแล้ว มีไรโทรมานะ” แล้วพี่ท่านก็ตัดสายผมไปเลย
ผมยังถือโทรศัพท์แนบหูไว้อยู่เลย เข้าใจความรู้สึกคนโดนลอยแพรเลยครับ หึหึ อยากกลับบ้านนน ในเมื่อตอนนี้ต้องรออย่างเดียวผมเลยไปหาอะไรกินแก้หิวก่อนดีกว่าเดินมาถึงโรงอาหารใหญ่ ผมเลือกร้านอาหารจานเดียว สั่งเมนูสิ้นคิดมานั่งกิน กระเพาะไก่ไข่ดาว หึ
ผมเลือกมุมที่คนไม่ค่อยเยอะ ในโรงอาหารจะมีรุ่นพี่บางคณะมาคอยดูแลน้องๆที่มาสอบตรง มานั่งคุยเป็นเพื่อน รุ่นพี่บางคณะถึงกับร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ด้วย นั่งดูแล้วก็ตลกดีครับ ผมหยิบโทรศัพท์มาอัพสเตตัสให้ชาวบ้านได้รู้ความรู้สึกของผมตอนนี้นิดหน่อย
“สอบวันนี้ ฟิสิกส์โครตเหี้ย” กดโพสไปแปปเดียวแจ้งเตือนก็เด้งเลยครับ
“มึงเพิ่งรู้หรอเตี้ย” ไอ้มิกครับ อยากจะตอบมันไปว่า ก็ตอนกูเรียนแม่งไม่เหี้ยแบบนี้แต่ยังไม่ทันตอบแจ้งเตือนก็เด้งอีกครั้ง
“รู้ตัวช้านะเผือก” ไอ้ด้าครับ ไอ้นี่ชอบว่าผมเผือกจริงๆผมไม่ได้ขาวอะไรขนาดนั้น แต่ไอ้ด้ามันเป็นผู้หญิงผิวสีแทนครับ มันดำกว่าผมมันเลยคิดไปเองว่าผมเป็นขาวกว่าปกติ
ผมก็นั่งตอบโพสพวกมันไปเรื่อยๆด่ากันบ้างปลอบกันบ้าง กวนตีนกันบ้างตามประสาเพื่อนสนิทแหละครับ
“เห้ยมึง โต๊ะนี้” เสียงผู้หญิงห้าวๆดังขึ้นข้างหลังผมก่อนจะปรากฏร่างของผู้หญิงใส่แว่นตัดผมประบ่า กระแทกตัวนั่งลงข้างๆผม
“สวัสดีค่ะ น้องมาสอบคณะอะไรคะ” พี่เขาถามพลางยิ้มให้ผม
“อ่อ คะ เครื่องกลพลังงานครับ”ผมที่ยังสตั้นไม่หายก็ตอบไปแบบ งงๆ คือพี่เขามายุ่งกับกูไมวะ
“แอร๊ยย ภาคเดียวกับพวกพี่เลยย เห้ยมึงน้องนี่สอบเครื่องกล” พี่เขาตบบ่าผมดังปัก! แถมหันไปตะโกนเรียกเพื่อนมาอีกฝูงนึง แต่ละคนขอบอกครับ หน้าตาดีเลยทีเดียวว พี่ผู้ชายที่ใส่แว่น เป็นตี๋ๆ ดูท่าทางเฟรนลี่เลยยิ้มให้ผมซะไม่เหลือตา ส่วนพี่ผู้ชายอีกคน แกจะเข้มๆผิวสีแทน ผมเดาว่าแกน่าจะเป็นคนใต้ คมเข้มซะขนาดนั้น และก็มีพี่ผู้หญิงอีกหนึ่งคน ตัวสูงกว่าผมอีกครับ ข้ามไปเลยครับ ผมรู้สึกต่ำต้อย เห้อ.
“น้องคิดไงสอบเครื่องกลครับเนี่ยยยย” ไอ้พี่หน้าตี๋ถามพลางลุกมาจ้องหน้าผมใกล้ๆ แหม ไม่จูบกูเลยล่ะ ถ้าจะใกล้ขนาดนี้
“แหมไอ้ต้น ถามอย่างเดียวก็ได้โว้ยไม่ต้องใกล้ขนาดนั้น” พี่ผู้หญิงที่ทักผมคนแรกจิกหัวไอ้พี่แว่นแล้วดึงไปข้างหลัง
“เหี้ยไหมกูเจ็บนะสัส” ไอ้พี่แว่นโวยวายพลางจัดทรงผมให้เข้าที่
“เอ่อ.” ผมจะตอบคำถามไอ้พี่แว่นนะ แต่ไม่รู้ว่าเขายังจะอยากรู้อีกไหม เสียงมันเลยหายไปในคอซะงั้น
“ว่าแต่น้องชื่อไรคะ” พี่คนชื่อไหมถามผม
“ชื่อรูทครับ” ผมยิ้มให้แกตาหยี
“อ่อน้องรูท พี่ชื่อไหมนะ พี่อยู่เครื่องกล อยู่ปี1”
“อ๋อครับบ”
“ส่วนพี่คนนี้ชื่อพี่ปลา” พี่แกชี้ไปที่พี่ผู้หญิงอีกคน พี่ปลายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ไม่ได้คิดไปเองแต่ว่าผมว่าคู่นี้มีซัมติง ฮ่าๆๆ
“ส่วนไอ้ดำนี่ ชื่อโอ เห้ยโอ มึงไม่ทำหน้าที่มึงต่อวะ” พี่ไหมแกชี้นิ้วไปที่พี่คมเข้มก่อนจะด่าให้พี่เขาไปทำอะไรสักอย่าง พี่โอทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่เห็นแกพูดอะไรลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบลังกระดาษขึ้นมาแล้วยืนพัดให้ผม
“เอ่อพี่ครับ ไม่เป็นไรครับผมไม่ร้อน” ผมรีบบอกพี่โออย่างเกรงใจเลยครับ อยู่ๆก็ลุกขึ้นมายืนพัดให้ผม
“ไม่เป็นไรครับน้องรูท” พี่แกยิ้มให้ผม โชว์ฟันเคี้ยวขาวๆ เเล้วเเกก็โบกลังกระดาษไปมาเหมือนเดิม
“เอ่อ” ผมหันไปหน้าไปหาพี่ไหมสงสายตาว่าผมเกรงใจผมไม่ร้อน พี่ไม่ต้องให้ใครพัดให้ผมหรอก
“เหี้ยโอ น้องเขาเกรงใจมึงมาพัดให้กูนี่มา” ไอ้พี่แว่นพูดแทรกขึ้นมา เออดีไปเลยไปพัดให้มันเลยกูเกรงใจ
“มึงฝันอยู่หรอไอ้ต้น” พี่โอแยกเขี้ยวใส่พี่ต้น คนละอารมณ์กับยิ้มให้ผมเมื่อกี้เลย
“น้องรูทไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะมันเป็นธรรมเนียมเดี๋ยวน้องก็ต้องทำ”
ห๊ะ เอองั้นพี่พัดไปเลยนะครับ ถ้าปีหน้าผมต้องทำ ปีหน้าผมขอเก็บเกี่ยวบริการนี้ให้ถึงที่สุด ก่อนที่ผมจะต้องมาเป็นคนบริการเอง ฮ่าๆ ไม่เกรงใจแล้วครับ อ่าเย็นสบายดีจัง
“น้องรูทครับ พี่ชื่อต้นนะครับ พี่หล่อที่สุดในภาค สนใจทิ้งเบอร์ไว้ได้นะคร้าบบบบบบบบบบ” แนะนำตัวเองเลยครับไอ้พี่แว่น ผมแอบเห็นพวกพี่ที่เหลือทำหน้าแบบอยากอ้วกเต็มทน
“อ๋อครับบบบ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ยิ้มแจกยิ้มให้พี่ๆทุกคน
“ว่าแต่ทำข้อสอบได้ไหมคะ” เสียงพี่ปลาที่เงียบมานานถามขึ้น
“โห้พี่ ทำไมข้อสอบมอพี่มันยากจังอ่ะ” ผมตอบแบบเซ็งๆ พวกพี่ๆเขาก็ขำน้อยกับอาการของผม
“งี้แหละ พวกพี่ก็จะตายแล้วเนี่ย สอบเข้าว่ายาก มาเรียนยากกว่านะ” พี่ไหมตอบผมขำๆ
“พี่พูดซะ ผมเริ่มไม่อยากมาเรียนแล้วนะเนี่ย”
“เอ้าซะงั้น สู้สิว่ะ ไม่ได้รอบนี้ รอบหน้าได้ ว่าแต่จะเรียนที่นี่จริงเปล่าหรอก”
“อยากได้ที่นี่อ่ะ” ผมตอบ
“เจ๋งงงงงงงงงงงงงงงงง น้องมาเรียนที่นี่เลย เราอยู่กันแบบอบอุ่นครอบครัวเดียวกันน” เสียงไอ้พี่แว่นร่าเริงมากครับบ
“ผมจะพยายามเข้าให้ได้นะ แฮะๆ” ยิ้มแหยๆให้แกไปครับ อะไรมันไม่แน่นอนนี่ครับ ไม่กล้ารับปาก
“แล้วทำไมน้องยังไม่กลับบ้านหรอคะ” พี่ปลาที่นั่งยิ้มอย่างเดียวถามอีกครั้ง ผมชอบรอยยิ้มแกแฮะ น่ารักดี
“พ่อผมไปซื้อของอ่ะครับ เดี๋ยวจะมารับเย็นๆ”
“เอ้าเด็กโดนทิ้งนี่หว่า” พี่ไหมแซวผมขำๆ
“น้องกินข้าวยัง ไอ้ต้นไปซื้อข้าวมาสิ” พี่โอถามครับ
“เชี่ยโอมึงไม่แหกตาดูวะ ว่าจานข้าวแม่งตั้งอยู่ข้างหน้าน้องเขาเนี่ย มึงใช่สมองส่วนไหนถามวะ นึกเรื่องคุยกับน้องเขาไม่ออกแล้วหรือไงวะห๊ะ อยากคุยกับน้องเขา มึงช่วยคิดเรื่องที่มีสาระกว่านี้หน่อยนะ แล้วก็ไม่ต้องมาเดือดร้อนกูเข้าใจป่ะ ” พี่ต้นแม่งแร๊ปด่าพี่โอเลยครับ ผมได้แต่นั่งอ้าปากจะพูดว่า กินแล้ว แต่ไม่ทันพี่ต้นครับ แกแร็ปด่าอย่างกับพี่โอไปเผาบ้านแกอย่างไงอย่างงั้น
“เชี่ยต้น กูพูดนิดเดียวด่ากูเป็นกิโลเลยนะมึงอ่ะ” พี่โอคงหมั่นไส้ครับเอาลังกระดาษฟาดพี่ต้นไปหลายที พี่ต้นก็วิ่งหนีไปทั่วโรงอาหาร พี่โอแกก็ไล่ตาม กลายเป็นภาพที่เกือบจะน่ารักแล้วครับถ้าไม่ติดว่าไอ้พี่ต้นแม่งตะโกนด่าพี่โอด้วยถ้อยคำที่อาจจะพิมพ์ออกอากาศไม่ได้ ผมเห็นพี่ไหมกับพี่ปลาส่ายหัวแบบเอื้อมๆ แกคงจะชินกับอะไรพวกนี้
“งั้นเดี๋ยวพวกพี่นั่งรอเป็นเพื่อนนะคะ” พี่ปลาหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบสิครับ มีคนมีจิตเมตตากับผมอีกแล้ว
“เออปลาติวเคมีให้กูหน่อยดิ” พี่ไหมแกหยิบนั่งหนังสือมาขึ้นมาให้พี่ปลาสอนครับ ผมก็นั่งดูพี่เขาติวกันไปกันมา บางทีพี่เขาก็หันมาชวนผมคุยเรื่องนู่นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเหตุผลต่างๆนานาว่าทำไมผมอยากเรียนวิศวกรรมเครื่องกล แกยังเล่าบรรยากาศของมหาลัยนี้จนผมรู้สึกว่าจะต้องมาเรียนที่นี่ให้ได้ เราคุยกันจนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ผมจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาพ่ออีกครั้ง
“ฮัลโหล พ่อลืมไปยังว่าต้องมารับลูกอ่ะ” น้ำเสียงติดงอนๆนิดๆ
“ไอ้ลูกหมาไม่ต้องมางอนไร้สาระนะเว้ยย พ่อไปทำงาน” เสียงพ่อผมตอบมาตามสายย ไม่ได้งอนเฟ่ยย
“แล้วถึงไหนแล้วอ่า รอนานแล้วนะเนี่ย” ผมดัดเสียงให้น่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้
“กำลังจะถึงแล้ว ออกมารอหน้า โรงอาหารใหญ่เลย”
“คร้าบ” ผมตอบรับแล้วก็กดวางสาย เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นพี่ต้นกับพี่โอเดินกอดคอดูดน้ำปั่นกันคนละแก้วเดินตรงมาที่โต๊ะผมนั่ง ผมยิ้มให้พี่แกสองคนก่อนจะเก็บของลงกระเป๋า
“พ่อมาแล้วหรอคะ” พี่ปลาถามผม
“คร้าบบบบ พ่อให้ไปรอหน้า โรงอาหารน่ะ” ผมตอบแกไป พี่ปลายิ้มตอบผมเเต่ไม่ได้พูดอะไร ผมรู้สึกชอบเวลาพี่ปลายิ้มจริงๆนะ
“น้องรูทครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ” ยังไม่ทันไรเสียงไอ้พี่เเว่นก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างควายๆที่ถลาลงมากอดคอผมรั้งให้ผมนั่งกระแทกตูดลงไปที่เดิม พร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ส่งมาให้ผม
“พี่มีคำถามจะถามมมมครับบบบบบบบบ” ผมค่อยยกแขนที่พาดคอผมอยู่ออก แอบเห็นพี่แกหน้าเสียนิดๆก็ยังส่งยิ้มให้ผมเหมือนเดิม
“คำถามอะไรหรอครับ”
“อะไรใหญ่กว่าปลาวาฬ?” พี่แกยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ห๊ะ อะไรใหญ่กว่าปลาวาฬ” ผมทวนคำถามอีกรอบ ผมไม่คิดว่าพี่แกจะถามคำถามที่โครตจะปัญญาอ่อนกับผม คำถามนี้มันโลกแตกมาก ไอ้มิกกับไอ้อีม แม่งถามกันไปจนถึงโรงจอดรถกระทะขนปลาวาฬนู่นเลยครับ
ผมมองหน้าพี่แกที่ส่งยิ้มมาให้ประมาณว่าโครตจะภูมิใจในคำถามปัญญาอ่อนนี้
“เอ่อ ผมไม่รู้หรอกครับว่าอะไรใหญ่กว่าปลาวาฬ” ผมเลือกที่จะไม่ตอบดีกว่า
“แต่ผมถามพี่ได้ไหมว่า ใครเผาอยุธยา?”
“อ๋อพม่าไง” ไอ้พี่แว่นตอบแบบมั่นใจในคำตอบซะเหลือเกินน
“ผิดครับ” ผมยิ้มและยักคิ้วให้แกไปทีนึง
“อ้าว แล้วใครเผาวะ”
“กุ้ง” ผมตอบ
“ห๊ะ กุ้ง?” ไอ้พี่แว่นทำหน้างงแบบสุดขีด
“กุ้งเผาอยุธยาไงพี่!” ไอ้พี่แว่นสตั้นมุกผมไปสามวิ ฮ่าๆๆ สะใจ ผมรีบหยิบกระเป๋ามาสะพาย พวกพี่ๆที่เหลือหัวเราะกันคึกคักที่
ไอ้พี่แว่นโดนผมลบเหลี่ยม ยกนิ้วกดไลค์กดแชร์ให้ผมกันยกใหญ่
"เป็นไงล่ะมึงช๊อกไปเลยสิ" พี่โอหัวเราะพลางขยี้หัวไอ้พี่เเว่นจนยุ่ง ส่วนไอ้พี่เเว่นนี่ก็ยังคงมึนไม่หายย ฮ่าๆสะใจ
“พี่ๆครับผมกลับก่อนนะครับ ขอบคุณที่มานั่งคุยเป็นเพื่อนนะครับ ไปนะครับบบ” ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆเขาก่อนจะวิ่งออกมาทันทีแต่ก็มิวายได้ยินเสียงพวกพี่เขาตะโกนไล่หลังมา
้
“เจอกันวันสัมภาษณ์นะน้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
……………………………………………
และแล้วคำอวยพรก็เป็นจริง
“นายรัชทากร พิไลศิลป์ เป็นผู้มีสิทธ์เข้าศึกษา”
หลังจากวันนั้นถามว่าผมใช้ชีวิตมอปลายยังไง ไม่ต่างอะไรกับเด็กเสเพเลยครับ ไปเรียนแค่อาทิตย์ละสองสามวัน งานการไม่ทำส่ง ไปเรียนก็หลับๆตื่นๆ ผมจะต้องแคร์ทำไมในเมื่อผมสอบติดแล้ว หลังจากสอบติดผมมีเวลาอีก 10 เดือนอะครับกว่าจะเปิดเทอมเข้าปี1 ที่ต้องทำตอนนี้ก็ถูๆไถๆให้จบม.6 ให้ได้ รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก อย่างนี้ละครับที่เขาพูดกันว่า “เหนื่อยก่อนสบายก่อน” ฮ่าๆๆๆ
"TBC"
......................................
ตอนนี้ยังไม่มีอะไรครับ ไอ้หน้าหล่อยังไม่ออก ฮ่าๆ
ผมอาจจะอัพฟิคไม่บ่อยเเต่สัญญาว่าจะอัพเรื่อยๆครับ ผมอยากเเต่งฟิคนี้ไปเรื่อยๆจริงนะ
ส่วนเรื่องคำผิดถ้ามีผมต้องขอโทษจริงนะครับ ยังไงก็ช่วยบอกผมด้วยนะครับ
ตอนหน้าพระรองออก แฮ่ ใช่หรือเปล่า ก็ไม่รู้สินะ 555
รักรูทกันบ้างไหมครับ? ฮ่าๆๆ
ใครเล่นทวิตก็แอดมาคุยกับผมบ้างนะครับ @rooskieee แอดมาเยอะๆนะครับ
และแล้วก็ถึงวันที่ผมต้องมาสอบตรงที่มหาลัย XXXX ถามว่ารู้สึกยังไง ตื่นเต้น กังวล กลัว ประหม่า มือสั่น รู้สึกว่าสมองมันตื้อๆเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในหัวผมเลยตอนนี้ ทั้งที่ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ผมอ่านหนังสืออย่างหนัก และก่อนมาสอบวันนี้ผมก็ไปติวอย่างเข้มข้นกับพี่แมนเพื่อนของไอ้เวย์ วันนี้นั้นมันเข้มข้นจริงๆครับ ไม่ใช่เนื้อหาที่เข้มข้นนะครับ เหล้านี่เข้มข้นมากครับ พี่แมนแม่งติวผมไปจับเหล้ากรอกปากไป อย่างว่าแหละครับ วิศวะกับสุรานี่เป็นของคู่กัน ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังมีจิตเมตตามาติวให้ผม
วันนี้พ่อของผมเป็นคนพาผมมาสอบครับ พ่อขับรถไปเงียบๆ ไม่มีบทสทนาใดระหว่างผมกับพ่อ ไม่ใช่ว่าเราไม่สนิทกันนะครับ แต่วันนี้ผมรู้สึกขี้เกียจพูดซะงั้น เลยเลือกที่จะนอนเอาแรงสักงีบดีกว่า
“รูทๆถึงแล้วแล้วลูก” เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าเบาๆจากพ่อผม ผมลุกขึ้นขยี้ตาให้หายง่วง จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเปิดประตูตามพ่อลงไป
“สอบอาคารไหนล่ะ” พ่อหันมาถามผม
“อาคารเรียนรวมครับ” พ่อพยักหน้าก่อนจะเอื้อมมือมาจูงมือผมเดินตามแกไป
“พ่อ ทำเหมือนกลัวผมจะหลงทางอ่านะ”
“หึ ไอ้เวย์ มันบอกว่าแกเคยหลงที่งานเกษตรแฟร์ไม่ใช่หรือไง ถึงขนาดต้องประกาศตามหา” พ่อหัวเราะในลำคอเบาๆ
“โห้พ่ออย่าล้อปมดิ” ผมจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ เหตุกาณ์วันนั้นไม่มีวันลืมครับ ผมพลัดหลงกับเพื่อนที่งานเกษตรแฟร์ ไอ้เวย์เกณฑ์เพื่อนในภาคกสิบกว่าคนออกตามหาอย่างกับผมเป็นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ แถมช้ำใจสุดก็ตอนที่ได้ยินเสียงประกาศตามสาย “ขอให้เด็กชาย รัชทากร พิไลศิลป์ มาพบผู้ปกครองที่จุดนัดพบด้วยค่ะ” เสียงนั้นยังดังกึกก้องในโสตประสาทผมเสมอ ไอ้เหี้ยยเวย์คือกูใช้นายนำหน้าแล้วโว้ยยยยยยยย คิดถึงไอ้เวย์ทีไรประสาทจะแดก เดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าห้องสอบ พ่อยังคงนั่งรอเป็นเพื่อนผม
“พ่อถ้ารูทสอบไม่ติด พ่อจะเสียใจไหม” ผมถามสิ่งที่ผมคิดมาตลอดออกไป พ่อยิ้มให้ผมก่อนจะบีบมือผมเบาๆ
“ไอ้ลูกหมาเอ้ย คิดไรมาก พ่อไม่เสียใจหรอกถ้าแกสอบไม่ติด แต่พ่อจะเสียใจถ้าแกมาเสียใจกับเรื่องไร้สาระพวกนี้” พ่อพูดกับผมน้ำเสียงกั้วหัวเราะ
“พ่อออ” โผล่เข้ากอดพ่อเลยครับ ณ จุดๆนี้ ผมอยากกอดพ่อ ใครจะมองว่าผมเป็นลูกแง่ยังไงก็ช่าง ตอนนี้แค่รู้สึกอยากกอดพ่อแน่นๆ เติมพลังชีวิตให้เต็มที
“เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ไม่ได้ที่นี่ ก็ต้องมีสักที่ที่เป็นของเรา” พ่อลูบหัวผมเบาๆรู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก
“ครับพ่อ” ผมตอบรับแกยิ้มๆ
“ไปๆ เขาเรียกเข้าห้องสอบแล้ว” พ่อตบหลังผมเบาๆสองสามทีก่อนจดันผมออกจากอก
“งั้นผมไปสอบแล้วนะ กอดอีกที” ผมอ้าแขนกอดพ่ออีกรอบ
“เต็มที่นะไอ้ลูกหมา ถ้าทำไม่ได้ก็ฝนข้อ ค.ควายไว้ รับรองติด” พ่อพูดอย่างอารมณ์ดี
“เกือบซึ้งล่ะพ่อ โอเคผมเชื่อพ่อนะ” ผมยิ้มให้พ่ออีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องสอบตามคนอื่นๆไป
3 ชั่วโมงผ่านไปป สอบ 3 วิชา
“ออกจากห้องสอบได้ค่ะ” เสียงอาจารย์คุมสอบดังขึ้น สิ่งมีชีวิตในห้องสอบต่างกรูกันออกมาข้างนอก เสียงโหกแวกโวยวายที่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังกระหึ่มไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังวิจารณ์ข้อสอบที่เพิ่งทำกันไปเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว
ผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง ถามว่าทำไมผมนิ่ง ผมทำข้อสอบได้หรอ เปล่าเลยผมแค่ไม่มีที่ระบาย เท่านั้น
“ฮัลโหล พ่อสอบเสร็จแล้วพ่ออยู่ไหน” คนแรกที่โทรหาพ่อครับ ผมอยากกลับบ้านมากๆอ่ะตอนนี้
“พ่ออยู่ที่ XXX”
“ห๊ะ!! พ่อไปทำไรที่นั่นอะ” ไม่ตกใจได้ไงครับ ที่ที่พ่ออยู่แม่งโครตไกลจากตรงนี้มากเลยทีเดียว
“มาซื้อของ ลูกเดินเล่นในมอไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นๆพ่อไปรับ”
“เดี๋ยวๆๆพ่อ อะไรนะเดินเล่นในมอ” ประสาทจะกินมันมีไรให้น่าเดินเล่นวะเนี่ยย
“ใช่ๆเดี๋ยวเย็นๆพ่อไปรับนะ พ่อต้องวางแล้ว มีไรโทรมานะ” แล้วพี่ท่านก็ตัดสายผมไปเลย
ผมยังถือโทรศัพท์แนบหูไว้อยู่เลย เข้าใจความรู้สึกคนโดนลอยแพรเลยครับ หึหึ อยากกลับบ้านนน ในเมื่อตอนนี้ต้องรออย่างเดียวผมเลยไปหาอะไรกินแก้หิวก่อนดีกว่าเดินมาถึงโรงอาหารใหญ่ ผมเลือกร้านอาหารจานเดียว สั่งเมนูสิ้นคิดมานั่งกิน กระเพาะไก่ไข่ดาว หึ
ผมเลือกมุมที่คนไม่ค่อยเยอะ ในโรงอาหารจะมีรุ่นพี่บางคณะมาคอยดูแลน้องๆที่มาสอบตรง มานั่งคุยเป็นเพื่อน รุ่นพี่บางคณะถึงกับร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ด้วย นั่งดูแล้วก็ตลกดีครับ ผมหยิบโทรศัพท์มาอัพสเตตัสให้ชาวบ้านได้รู้ความรู้สึกของผมตอนนี้นิดหน่อย
“สอบวันนี้ ฟิสิกส์โครตเหี้ย” กดโพสไปแปปเดียวแจ้งเตือนก็เด้งเลยครับ
“มึงเพิ่งรู้หรอเตี้ย” ไอ้มิกครับ อยากจะตอบมันไปว่า ก็ตอนกูเรียนแม่งไม่เหี้ยแบบนี้แต่ยังไม่ทันตอบแจ้งเตือนก็เด้งอีกครั้ง
“รู้ตัวช้านะเผือก” ไอ้ด้าครับ ไอ้นี่ชอบว่าผมเผือกจริงๆผมไม่ได้ขาวอะไรขนาดนั้น แต่ไอ้ด้ามันเป็นผู้หญิงผิวสีแทนครับ มันดำกว่าผมมันเลยคิดไปเองว่าผมเป็นขาวกว่าปกติ
ผมก็นั่งตอบโพสพวกมันไปเรื่อยๆด่ากันบ้างปลอบกันบ้าง กวนตีนกันบ้างตามประสาเพื่อนสนิทแหละครับ
“เห้ยมึง โต๊ะนี้” เสียงผู้หญิงห้าวๆดังขึ้นข้างหลังผมก่อนจะปรากฏร่างของผู้หญิงใส่แว่นตัดผมประบ่า กระแทกตัวนั่งลงข้างๆผม
“สวัสดีค่ะ น้องมาสอบคณะอะไรคะ” พี่เขาถามพลางยิ้มให้ผม
“อ่อ คะ เครื่องกลพลังงานครับ”ผมที่ยังสตั้นไม่หายก็ตอบไปแบบ งงๆ คือพี่เขามายุ่งกับกูไมวะ
“แอร๊ยย ภาคเดียวกับพวกพี่เลยย เห้ยมึงน้องนี่สอบเครื่องกล” พี่เขาตบบ่าผมดังปัก! แถมหันไปตะโกนเรียกเพื่อนมาอีกฝูงนึง แต่ละคนขอบอกครับ หน้าตาดีเลยทีเดียวว พี่ผู้ชายที่ใส่แว่น เป็นตี๋ๆ ดูท่าทางเฟรนลี่เลยยิ้มให้ผมซะไม่เหลือตา ส่วนพี่ผู้ชายอีกคน แกจะเข้มๆผิวสีแทน ผมเดาว่าแกน่าจะเป็นคนใต้ คมเข้มซะขนาดนั้น และก็มีพี่ผู้หญิงอีกหนึ่งคน ตัวสูงกว่าผมอีกครับ ข้ามไปเลยครับ ผมรู้สึกต่ำต้อย เห้อ.
“น้องคิดไงสอบเครื่องกลครับเนี่ยยยย” ไอ้พี่หน้าตี๋ถามพลางลุกมาจ้องหน้าผมใกล้ๆ แหม ไม่จูบกูเลยล่ะ ถ้าจะใกล้ขนาดนี้
“แหมไอ้ต้น ถามอย่างเดียวก็ได้โว้ยไม่ต้องใกล้ขนาดนั้น” พี่ผู้หญิงที่ทักผมคนแรกจิกหัวไอ้พี่แว่นแล้วดึงไปข้างหลัง
“เหี้ยไหมกูเจ็บนะสัส” ไอ้พี่แว่นโวยวายพลางจัดทรงผมให้เข้าที่
“เอ่อ.” ผมจะตอบคำถามไอ้พี่แว่นนะ แต่ไม่รู้ว่าเขายังจะอยากรู้อีกไหม เสียงมันเลยหายไปในคอซะงั้น
“ว่าแต่น้องชื่อไรคะ” พี่คนชื่อไหมถามผม
“ชื่อรูทครับ” ผมยิ้มให้แกตาหยี
“อ่อน้องรูท พี่ชื่อไหมนะ พี่อยู่เครื่องกล อยู่ปี1”
“อ๋อครับบ”
“ส่วนพี่คนนี้ชื่อพี่ปลา” พี่แกชี้ไปที่พี่ผู้หญิงอีกคน พี่ปลายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ไม่ได้คิดไปเองแต่ว่าผมว่าคู่นี้มีซัมติง ฮ่าๆๆ
“ส่วนไอ้ดำนี่ ชื่อโอ เห้ยโอ มึงไม่ทำหน้าที่มึงต่อวะ” พี่ไหมแกชี้นิ้วไปที่พี่คมเข้มก่อนจะด่าให้พี่เขาไปทำอะไรสักอย่าง พี่โอทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่เห็นแกพูดอะไรลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบลังกระดาษขึ้นมาแล้วยืนพัดให้ผม
“เอ่อพี่ครับ ไม่เป็นไรครับผมไม่ร้อน” ผมรีบบอกพี่โออย่างเกรงใจเลยครับ อยู่ๆก็ลุกขึ้นมายืนพัดให้ผม
“ไม่เป็นไรครับน้องรูท” พี่แกยิ้มให้ผม โชว์ฟันเคี้ยวขาวๆ เเล้วเเกก็โบกลังกระดาษไปมาเหมือนเดิม
“เอ่อ” ผมหันไปหน้าไปหาพี่ไหมสงสายตาว่าผมเกรงใจผมไม่ร้อน พี่ไม่ต้องให้ใครพัดให้ผมหรอก
“เหี้ยโอ น้องเขาเกรงใจมึงมาพัดให้กูนี่มา” ไอ้พี่แว่นพูดแทรกขึ้นมา เออดีไปเลยไปพัดให้มันเลยกูเกรงใจ
“มึงฝันอยู่หรอไอ้ต้น” พี่โอแยกเขี้ยวใส่พี่ต้น คนละอารมณ์กับยิ้มให้ผมเมื่อกี้เลย
“น้องรูทไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะมันเป็นธรรมเนียมเดี๋ยวน้องก็ต้องทำ”
ห๊ะ เอองั้นพี่พัดไปเลยนะครับ ถ้าปีหน้าผมต้องทำ ปีหน้าผมขอเก็บเกี่ยวบริการนี้ให้ถึงที่สุด ก่อนที่ผมจะต้องมาเป็นคนบริการเอง ฮ่าๆ ไม่เกรงใจแล้วครับ อ่าเย็นสบายดีจัง
“น้องรูทครับ พี่ชื่อต้นนะครับ พี่หล่อที่สุดในภาค สนใจทิ้งเบอร์ไว้ได้นะคร้าบบบบบบบบบบ” แนะนำตัวเองเลยครับไอ้พี่แว่น ผมแอบเห็นพวกพี่ที่เหลือทำหน้าแบบอยากอ้วกเต็มทน
“อ๋อครับบบบ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ยิ้มแจกยิ้มให้พี่ๆทุกคน
“ว่าแต่ทำข้อสอบได้ไหมคะ” เสียงพี่ปลาที่เงียบมานานถามขึ้น
“โห้พี่ ทำไมข้อสอบมอพี่มันยากจังอ่ะ” ผมตอบแบบเซ็งๆ พวกพี่ๆเขาก็ขำน้อยกับอาการของผม
“งี้แหละ พวกพี่ก็จะตายแล้วเนี่ย สอบเข้าว่ายาก มาเรียนยากกว่านะ” พี่ไหมตอบผมขำๆ
“พี่พูดซะ ผมเริ่มไม่อยากมาเรียนแล้วนะเนี่ย”
“เอ้าซะงั้น สู้สิว่ะ ไม่ได้รอบนี้ รอบหน้าได้ ว่าแต่จะเรียนที่นี่จริงเปล่าหรอก”
“อยากได้ที่นี่อ่ะ” ผมตอบ
“เจ๋งงงงงงงงงงงงงงงงง น้องมาเรียนที่นี่เลย เราอยู่กันแบบอบอุ่นครอบครัวเดียวกันน” เสียงไอ้พี่แว่นร่าเริงมากครับบ
“ผมจะพยายามเข้าให้ได้นะ แฮะๆ” ยิ้มแหยๆให้แกไปครับ อะไรมันไม่แน่นอนนี่ครับ ไม่กล้ารับปาก
“แล้วทำไมน้องยังไม่กลับบ้านหรอคะ” พี่ปลาที่นั่งยิ้มอย่างเดียวถามอีกครั้ง ผมชอบรอยยิ้มแกแฮะ น่ารักดี
“พ่อผมไปซื้อของอ่ะครับ เดี๋ยวจะมารับเย็นๆ”
“เอ้าเด็กโดนทิ้งนี่หว่า” พี่ไหมแซวผมขำๆ
“น้องกินข้าวยัง ไอ้ต้นไปซื้อข้าวมาสิ” พี่โอถามครับ
“เชี่ยโอมึงไม่แหกตาดูวะ ว่าจานข้าวแม่งตั้งอยู่ข้างหน้าน้องเขาเนี่ย มึงใช่สมองส่วนไหนถามวะ นึกเรื่องคุยกับน้องเขาไม่ออกแล้วหรือไงวะห๊ะ อยากคุยกับน้องเขา มึงช่วยคิดเรื่องที่มีสาระกว่านี้หน่อยนะ แล้วก็ไม่ต้องมาเดือดร้อนกูเข้าใจป่ะ ” พี่ต้นแม่งแร๊ปด่าพี่โอเลยครับ ผมได้แต่นั่งอ้าปากจะพูดว่า กินแล้ว แต่ไม่ทันพี่ต้นครับ แกแร็ปด่าอย่างกับพี่โอไปเผาบ้านแกอย่างไงอย่างงั้น
“เชี่ยต้น กูพูดนิดเดียวด่ากูเป็นกิโลเลยนะมึงอ่ะ” พี่โอคงหมั่นไส้ครับเอาลังกระดาษฟาดพี่ต้นไปหลายที พี่ต้นก็วิ่งหนีไปทั่วโรงอาหาร พี่โอแกก็ไล่ตาม กลายเป็นภาพที่เกือบจะน่ารักแล้วครับถ้าไม่ติดว่าไอ้พี่ต้นแม่งตะโกนด่าพี่โอด้วยถ้อยคำที่อาจจะพิมพ์ออกอากาศไม่ได้ ผมเห็นพี่ไหมกับพี่ปลาส่ายหัวแบบเอื้อมๆ แกคงจะชินกับอะไรพวกนี้
“งั้นเดี๋ยวพวกพี่นั่งรอเป็นเพื่อนนะคะ” พี่ปลาหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบสิครับ มีคนมีจิตเมตตากับผมอีกแล้ว
“เออปลาติวเคมีให้กูหน่อยดิ” พี่ไหมแกหยิบนั่งหนังสือมาขึ้นมาให้พี่ปลาสอนครับ ผมก็นั่งดูพี่เขาติวกันไปกันมา บางทีพี่เขาก็หันมาชวนผมคุยเรื่องนู่นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเหตุผลต่างๆนานาว่าทำไมผมอยากเรียนวิศวกรรมเครื่องกล แกยังเล่าบรรยากาศของมหาลัยนี้จนผมรู้สึกว่าจะต้องมาเรียนที่นี่ให้ได้ เราคุยกันจนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ผมจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาพ่ออีกครั้ง
“ฮัลโหล พ่อลืมไปยังว่าต้องมารับลูกอ่ะ” น้ำเสียงติดงอนๆนิดๆ
“ไอ้ลูกหมาไม่ต้องมางอนไร้สาระนะเว้ยย พ่อไปทำงาน” เสียงพ่อผมตอบมาตามสายย ไม่ได้งอนเฟ่ยย
“แล้วถึงไหนแล้วอ่า รอนานแล้วนะเนี่ย” ผมดัดเสียงให้น่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้
“กำลังจะถึงแล้ว ออกมารอหน้า โรงอาหารใหญ่เลย”
“คร้าบ” ผมตอบรับแล้วก็กดวางสาย เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นพี่ต้นกับพี่โอเดินกอดคอดูดน้ำปั่นกันคนละแก้วเดินตรงมาที่โต๊ะผมนั่ง ผมยิ้มให้พี่แกสองคนก่อนจะเก็บของลงกระเป๋า
“พ่อมาแล้วหรอคะ” พี่ปลาถามผม
“คร้าบบบบ พ่อให้ไปรอหน้า โรงอาหารน่ะ” ผมตอบแกไป พี่ปลายิ้มตอบผมเเต่ไม่ได้พูดอะไร ผมรู้สึกชอบเวลาพี่ปลายิ้มจริงๆนะ
“น้องรูทครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ” ยังไม่ทันไรเสียงไอ้พี่เเว่นก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างควายๆที่ถลาลงมากอดคอผมรั้งให้ผมนั่งกระแทกตูดลงไปที่เดิม พร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ส่งมาให้ผม
“พี่มีคำถามจะถามมมมครับบบบบบบบบ” ผมค่อยยกแขนที่พาดคอผมอยู่ออก แอบเห็นพี่แกหน้าเสียนิดๆก็ยังส่งยิ้มให้ผมเหมือนเดิม
“คำถามอะไรหรอครับ”
“อะไรใหญ่กว่าปลาวาฬ?” พี่แกยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ห๊ะ อะไรใหญ่กว่าปลาวาฬ” ผมทวนคำถามอีกรอบ ผมไม่คิดว่าพี่แกจะถามคำถามที่โครตจะปัญญาอ่อนกับผม คำถามนี้มันโลกแตกมาก ไอ้มิกกับไอ้อีม แม่งถามกันไปจนถึงโรงจอดรถกระทะขนปลาวาฬนู่นเลยครับ
ผมมองหน้าพี่แกที่ส่งยิ้มมาให้ประมาณว่าโครตจะภูมิใจในคำถามปัญญาอ่อนนี้
“เอ่อ ผมไม่รู้หรอกครับว่าอะไรใหญ่กว่าปลาวาฬ” ผมเลือกที่จะไม่ตอบดีกว่า
“แต่ผมถามพี่ได้ไหมว่า ใครเผาอยุธยา?”
“อ๋อพม่าไง” ไอ้พี่แว่นตอบแบบมั่นใจในคำตอบซะเหลือเกินน
“ผิดครับ” ผมยิ้มและยักคิ้วให้แกไปทีนึง
“อ้าว แล้วใครเผาวะ”
“กุ้ง” ผมตอบ
“ห๊ะ กุ้ง?” ไอ้พี่แว่นทำหน้างงแบบสุดขีด
“กุ้งเผาอยุธยาไงพี่!” ไอ้พี่แว่นสตั้นมุกผมไปสามวิ ฮ่าๆๆ สะใจ ผมรีบหยิบกระเป๋ามาสะพาย พวกพี่ๆที่เหลือหัวเราะกันคึกคักที่
ไอ้พี่แว่นโดนผมลบเหลี่ยม ยกนิ้วกดไลค์กดแชร์ให้ผมกันยกใหญ่
"เป็นไงล่ะมึงช๊อกไปเลยสิ" พี่โอหัวเราะพลางขยี้หัวไอ้พี่เเว่นจนยุ่ง ส่วนไอ้พี่เเว่นนี่ก็ยังคงมึนไม่หายย ฮ่าๆสะใจ
“พี่ๆครับผมกลับก่อนนะครับ ขอบคุณที่มานั่งคุยเป็นเพื่อนนะครับ ไปนะครับบบ” ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆเขาก่อนจะวิ่งออกมาทันทีแต่ก็มิวายได้ยินเสียงพวกพี่เขาตะโกนไล่หลังมา
้
“เจอกันวันสัมภาษณ์นะน้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
……………………………………………
และแล้วคำอวยพรก็เป็นจริง
“นายรัชทากร พิไลศิลป์ เป็นผู้มีสิทธ์เข้าศึกษา”
หลังจากวันนั้นถามว่าผมใช้ชีวิตมอปลายยังไง ไม่ต่างอะไรกับเด็กเสเพเลยครับ ไปเรียนแค่อาทิตย์ละสองสามวัน งานการไม่ทำส่ง ไปเรียนก็หลับๆตื่นๆ ผมจะต้องแคร์ทำไมในเมื่อผมสอบติดแล้ว หลังจากสอบติดผมมีเวลาอีก 10 เดือนอะครับกว่าจะเปิดเทอมเข้าปี1 ที่ต้องทำตอนนี้ก็ถูๆไถๆให้จบม.6 ให้ได้ รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก อย่างนี้ละครับที่เขาพูดกันว่า “เหนื่อยก่อนสบายก่อน” ฮ่าๆๆๆ
"TBC"
......................................
ตอนนี้ยังไม่มีอะไรครับ ไอ้หน้าหล่อยังไม่ออก ฮ่าๆ
ผมอาจจะอัพฟิคไม่บ่อยเเต่สัญญาว่าจะอัพเรื่อยๆครับ ผมอยากเเต่งฟิคนี้ไปเรื่อยๆจริงนะ
ส่วนเรื่องคำผิดถ้ามีผมต้องขอโทษจริงนะครับ ยังไงก็ช่วยบอกผมด้วยนะครับ
ตอนหน้าพระรองออก แฮ่ ใช่หรือเปล่า ก็ไม่รู้สินะ 555
รักรูทกันบ้างไหมครับ? ฮ่าๆๆ
ใครเล่นทวิตก็แอดมาคุยกับผมบ้างนะครับ @rooskieee แอดมาเยอะๆนะครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น