ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เพชรมณีหยาดฟ้าแห่งจามร
" แม้นางจะงามเลิศภพจบหล้า แต่นางก็ยังงามสู้นางในใจข้ามิได้ "
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จามร.....เมืองหลวงและเมืองท่าของแค้วนจามรที่กล่าวกันว่า มั่นคง...รุ่งเรือง....โอ่โถง....และยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนใต้ ราชันย์แดนทักษินผู้ไร้พ่าย แต่รักสงบ ปกครองที่นี่มานานปี ด้วยความที่เป็นกษัตริย์ที่ทรง
คุณธรรมจึงทำให้ประชาชนต่างรักใคร่ เคารพเลื่อมใส ส่งเสริมให้บ้านเมืองมีความมั่นคงสงบสุขร่มเย็นมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี
"ชายทะเลยามอาทิตย์อัสดง ดูกี่ครั้งกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ มันยังคงงดงามดุจเดิมเช่นเดียวกับเมื่อสมัยที่ข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ พื้นหญ้านุ่มๆนี่ก็ยังคงให้ความรู้สึกสบายเสมอเวลาที่เอนตัวลงนอน ..........10 ปีได้แล้วกระมังที่ข้า
มาอยู่ที่นี่........... ถ้าอย่างนั้นนี่ข้าก็อายุใกล้จะ 30 แล้วสิเนี่ย.....
เฮ้อ!....เวลานี่ผ่านไปเร็วจริงๆเลย....แต่ยังไงก็เถอะ สาวๆที่นี่ยังคงสวยไม่เปลี่ยน ที่สำคัญ.....เพชรเม็ดงามแห่งเมืองนี้ ก็ช่างสวยหยาดเยิ้มเสียจนตัดใจจะจากที่นี่ไปไม่ได้แม้แต่เพียงชั่วครู่จริงๆ ให้ตายสิ..."
" จิตกาธาร....ท่านคิดอะไรอยู่รึ ? " คำถามนี้ออกมาจากปากของหญิงสาววัย 22 ปีผู้เลอโฉมที่สุดแห่งอาณาจักรจามร ผู้เป็นดังเพชรเม็ดงามที่สุด เป็นดังดวงใจของชาวประชาที่นี่.......
"ข้าย่อมคิดถึงท่าน....องค์หญิงรุ้งรวี "
"อย่ามาล้อข้าเล่นนะ ! ข้าเห็นท่านถอนหายใจ......ท่านกังวลเรื่องใดอยู่หรือ ? " นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแง่งอนพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่คาดคั้นหาความจริง จิตกาธารหลบสายตาหันไปมองยังผืนทรายเบื้องหน้า กล่าวว่า
"น้ำย่อมซัดทรายหาดอยู่ตลอดเวลาไม่ว่างเว้นหยุดนิ่ง"
"นั่นย่อมธรรมดา....ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาด" องค์หญิงเริ่มรู้สึกงุนงงและสงสัยอย่างยิ่งว่าคนรักของนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
"ใช่! นั่นย่อมธรรมดา เพียงแต่พอข้าลองนับจำนวนครั้งที่คลื่นซัดเข้าสู่ชายหาด จึงพบว่ามันซัดเข้ามาเพียงนานๆครั้งเท่านั้นเอง "
"เป็นไปไม่ได้! ข้าเห็นมันซัดเข้าฝั่งตลอดเวลานี่นา..." องค์หญิงแย้งขึ้นมาทันที
"ข้าคิดถึงท่านอย่างน้อย 100 ครั้ง น้ำจึงซัดเข้ามาเพียงครั้งหนึ่ง จะกล่าวว่ามันซัดเข้าชายหาดตลอดเวลาได้อย่างไรกัน" จิตกาธารหันมายิ้มให้กับองค์หญิงรุ้งรวี จ้องมองนางด้วยสายตาที่ลึกซึ้งทำให้นางถึงกับอายจนหน้า
แดงซ่าน ก้มหลบสายตาคู่นั้นแทบจะในทันที แต่ยังไม่วายคอยเหลือบกลับมามองเป็นพักๆ
"ท่านนี่ปากหวานจริงๆเลย..." นางยังคงก้มหน้านิ่งอยู่ จิตกาธารโน้มศีรษะลงมาใกล้ๆ กล่าวว่า
"เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ!"
"ข้าบอกว่า ท่านปากหวาน........" ไม่ทันพูดจบ จิตกาธารก็รั้งนางเข้ามาใกล้ ประกบปากนางแล้วจุมพิตอย่างดูดดื่มเนิ่นนาน องค์หญิงถูกรุกเร้าจนนางตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก สักพัก จิตกาธารจึงผละออกแล้วกระซิบที่
ข้างหูของนางว่า
"ปากข้าย่อมหวานสู้ปากของท่านไม่ได้" แล้วก้มลงหอมฟอดใหญ่บนปรางค์แก้มที่แดงเรื่อ องค์หญิงโอบโน้มคอของจิตกาธารลงมาแล้วหอมแก้มกลับบ้างก่อนจะพูดว่า
"ท่านย่อมหยอกเอินข้าได้ทุกวัน....แต่มิใช่จุมพิตข้าเยี่ยงนี้.....ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะทำอย่างไรกัน...." จิตกาธารก้มลงจูบนางเบาๆอีกครั้งที่หน้าผาก ก่อนจะพูดขึ้นว่า
"นั่นย่อมไม่แตกต่าง หากแม้นข้าหอมจนแก้มจนแก้มท่านช้ำ ปวงประชาทั่วหล้าย่อมลงประชาทัณฑ์กับข้าฐานทำให้เพชรเม็ดงามแห่งนครต้องมัวหมอง"
"แต่ข้ามิใช่เพชรเม็ดงามของใคร..." นางแย้งขึ้นอย่างแง่งอน
"และข้าว่า....เจ้าคงต้องถูกข้าลงทัณฑ์ด้วยเช่นกัน" จอมราชันย์แห่งแดนใต้ ราชันย์ทักษิน เดินย่างเข้ามาอย่างแช่มช้า ในมือถือดาบไว้เล่มหนึ่ง ที่ฝักที่ดำขลับและที่ด้ามดาบสีเหลืองทองมีอักขระโบราณกำกับไว้
"ฝ่าบาท...." จิตกาธารกล่าวเสียงเรียบอย่างไม่หวั่นเกรงตรงกันข้ามกับองค์หญิงรุ้งรวีที่ร้องเรียก "ท่านพ่อ!! " ด้วยอาการขวัญหนีดีฝ่อ
"เจ้ารู้ตัวหรือไม่! จิตกาธารว่าความผิดของเจ้าน่ะร้ายแรงเพียงใด!! "
"อย่าได้เห็นว่าเจ้าเป็นกุนซืออัจฉริยะ......เสนาธิการชั้นยอด......จอมทัพไร้พ่าย......ข้ารู้ดี......สรรพคุณเจ้าน่ะมันมีมากมาย แต่มันไม่ได้ช่วยให้เจ้ามีชีวิตรอดปลอดภัยได้หรอกนะ " คำแต่ละคำที่เปล่งออกมาล้วนหนัก
แน่นทรงพลังอย่างน่าเกรงขาม แทบไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้มีอายุกว่า 60 ปี ผมเริ่มเป็นสีดอกเลาแล้วจะมีบุคลิกท่าทางที่ทรงอำนาจขนาดนี้
องค์หญิงรุ้งรวีเริ่มสะอื้นไห้....นางเองรู้ว่า บิดาเอาจริง.....และนางเองก็รู้เช่นกันว่านางไม่อาจจะขัดขวางได้เลย
"ข้ายินดีชดใช้ด้วยชีวิต " คำพูดที่อาจหาญท้าทายอำนาจแห่งกษัตริย์ถูกกล่าวออกไปแล้ว จิตกาธารเดินมายังเบื้องหน้าพลันคุกเข่าลงกับพื้น องค์หญิงรุ้งรวีรีบวิ่งมาขวางไว้ทั้งสะอื้นไห้
"ท่านพ่อ......ได้โปรดไว้ชีวิตเค้าด้วย.....ข้า....ข้ารักเค้า!! ท่านได้โปรด.... " แต่ผู้เป็นบิดาดูท่าว่าจะไม่สนใจนางแม้แต่น้อย ชายชรายังคงจ้องมองจิตกาธารอย่างไม่วางตาพร้อมทั้งตั้งคำถาม
"เจ้าแน่ใจหรือว่ายินดีชดใช้ด้วยชีวิต.....แน่ใจหรือว่าจะไม่เสียใจในภายหลัง......ตอนนี้หากเจ้าจะร้องขอชีวิตจากข้าใช่ว่าจะสิ้นไร้โอกาสนะ!!! "
น้ำเสียงนั้นยังแฝงแววเย้ยเยาะน้อยๆ แต่จิตกาธารก็ไม่ได้ร้องขอชีวิต..... เขายังคงก้มหน้านิ่งหลับตาลง เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำท้าทายหรือคำขู่ เขาคิดว่าแม้ถ้าเขาจะขัดขืนชายชราก็ไม่อาจจะต้านทานเขาได้ อย่าว่าแต่องค์
รักษ์ฝีมือดีหลายสิบคนเลย ต่อให้มาเป็นร้อยๆก็ไม่แน่ว่าเขาจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่ขัดขืน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะ เงียบ!......เขายินดีที่จะยอมวัดดวงสักครั้งหนึ่ง เพราะเชื่อแน่ว่า องค์กษัตริย์จะไม่ประหารเค้าอย่างแน่นอน
ความเย็นของดาบพาดผ่านมาที่ลำคอ เขารู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งของมันจนลำคอของเขาสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย ปลายดาบยังคงทาบแน่นิ่งไม่ขยับ และด้วยความคมของดาบวิเศษ เพียงออกแรงเล็กน้อยมัน
ก็อาจจะเชือดเฉือนลำคอของเขาให้ขาดวิ่น แต่ด้วยพลังและความเชี่ยวชาญด้านเวทย์มนตราที่มี หากถึงคราวอับจนจริงๆเขาก็คงพอจะหลบได้ และก็ไม่แน่นักว่าดาบจะฟันคอของเขาเข้า
องค์หญิงรุ้งรวีร่ำไห้หนักกว่าเดิม นางพยายามเข้าไปขัดขวาง บิดาและร้องขอชีวิตด้วยเสียงที่สั่นเครือมากขึ้นทุกขณะ
"เจ้าควรจะชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้า...จิตกาธาร...." จอมราชันย์กล่าว พร้อมกับหลับตาลง จิตกาธารเองยังคงแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว องค์หญิงรุ้งรวีกรีดร้องอย่างสุดเสียงทำอะไรไม่ถูก
"ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!...................." องค์ราชันย์และจิตกาธารลืมตาขึ้นพร้อมกัน ดาบถูกเลื่อนออกมาห่างจากลำคอเล็กน้อยก่อนที่ผู้ที่ถือมันอยู่จะตวัดมันกลับเข้าไปหาลำคอของผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่อีกครั้ง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จามร.....เมืองหลวงและเมืองท่าของแค้วนจามรที่กล่าวกันว่า มั่นคง...รุ่งเรือง....โอ่โถง....และยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนใต้ ราชันย์แดนทักษินผู้ไร้พ่าย แต่รักสงบ ปกครองที่นี่มานานปี ด้วยความที่เป็นกษัตริย์ที่ทรง
คุณธรรมจึงทำให้ประชาชนต่างรักใคร่ เคารพเลื่อมใส ส่งเสริมให้บ้านเมืองมีความมั่นคงสงบสุขร่มเย็นมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี
"ชายทะเลยามอาทิตย์อัสดง ดูกี่ครั้งกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ มันยังคงงดงามดุจเดิมเช่นเดียวกับเมื่อสมัยที่ข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ พื้นหญ้านุ่มๆนี่ก็ยังคงให้ความรู้สึกสบายเสมอเวลาที่เอนตัวลงนอน ..........10 ปีได้แล้วกระมังที่ข้า
มาอยู่ที่นี่........... ถ้าอย่างนั้นนี่ข้าก็อายุใกล้จะ 30 แล้วสิเนี่ย.....
เฮ้อ!....เวลานี่ผ่านไปเร็วจริงๆเลย....แต่ยังไงก็เถอะ สาวๆที่นี่ยังคงสวยไม่เปลี่ยน ที่สำคัญ.....เพชรเม็ดงามแห่งเมืองนี้ ก็ช่างสวยหยาดเยิ้มเสียจนตัดใจจะจากที่นี่ไปไม่ได้แม้แต่เพียงชั่วครู่จริงๆ ให้ตายสิ..."
" จิตกาธาร....ท่านคิดอะไรอยู่รึ ? " คำถามนี้ออกมาจากปากของหญิงสาววัย 22 ปีผู้เลอโฉมที่สุดแห่งอาณาจักรจามร ผู้เป็นดังเพชรเม็ดงามที่สุด เป็นดังดวงใจของชาวประชาที่นี่.......
"ข้าย่อมคิดถึงท่าน....องค์หญิงรุ้งรวี "
"อย่ามาล้อข้าเล่นนะ ! ข้าเห็นท่านถอนหายใจ......ท่านกังวลเรื่องใดอยู่หรือ ? " นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแง่งอนพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่คาดคั้นหาความจริง จิตกาธารหลบสายตาหันไปมองยังผืนทรายเบื้องหน้า กล่าวว่า
"น้ำย่อมซัดทรายหาดอยู่ตลอดเวลาไม่ว่างเว้นหยุดนิ่ง"
"นั่นย่อมธรรมดา....ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาด" องค์หญิงเริ่มรู้สึกงุนงงและสงสัยอย่างยิ่งว่าคนรักของนางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
"ใช่! นั่นย่อมธรรมดา เพียงแต่พอข้าลองนับจำนวนครั้งที่คลื่นซัดเข้าสู่ชายหาด จึงพบว่ามันซัดเข้ามาเพียงนานๆครั้งเท่านั้นเอง "
"เป็นไปไม่ได้! ข้าเห็นมันซัดเข้าฝั่งตลอดเวลานี่นา..." องค์หญิงแย้งขึ้นมาทันที
"ข้าคิดถึงท่านอย่างน้อย 100 ครั้ง น้ำจึงซัดเข้ามาเพียงครั้งหนึ่ง จะกล่าวว่ามันซัดเข้าชายหาดตลอดเวลาได้อย่างไรกัน" จิตกาธารหันมายิ้มให้กับองค์หญิงรุ้งรวี จ้องมองนางด้วยสายตาที่ลึกซึ้งทำให้นางถึงกับอายจนหน้า
แดงซ่าน ก้มหลบสายตาคู่นั้นแทบจะในทันที แต่ยังไม่วายคอยเหลือบกลับมามองเป็นพักๆ
"ท่านนี่ปากหวานจริงๆเลย..." นางยังคงก้มหน้านิ่งอยู่ จิตกาธารโน้มศีรษะลงมาใกล้ๆ กล่าวว่า
"เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ!"
"ข้าบอกว่า ท่านปากหวาน........" ไม่ทันพูดจบ จิตกาธารก็รั้งนางเข้ามาใกล้ ประกบปากนางแล้วจุมพิตอย่างดูดดื่มเนิ่นนาน องค์หญิงถูกรุกเร้าจนนางตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก สักพัก จิตกาธารจึงผละออกแล้วกระซิบที่
ข้างหูของนางว่า
"ปากข้าย่อมหวานสู้ปากของท่านไม่ได้" แล้วก้มลงหอมฟอดใหญ่บนปรางค์แก้มที่แดงเรื่อ องค์หญิงโอบโน้มคอของจิตกาธารลงมาแล้วหอมแก้มกลับบ้างก่อนจะพูดว่า
"ท่านย่อมหยอกเอินข้าได้ทุกวัน....แต่มิใช่จุมพิตข้าเยี่ยงนี้.....ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะทำอย่างไรกัน...." จิตกาธารก้มลงจูบนางเบาๆอีกครั้งที่หน้าผาก ก่อนจะพูดขึ้นว่า
"นั่นย่อมไม่แตกต่าง หากแม้นข้าหอมจนแก้มจนแก้มท่านช้ำ ปวงประชาทั่วหล้าย่อมลงประชาทัณฑ์กับข้าฐานทำให้เพชรเม็ดงามแห่งนครต้องมัวหมอง"
"แต่ข้ามิใช่เพชรเม็ดงามของใคร..." นางแย้งขึ้นอย่างแง่งอน
"และข้าว่า....เจ้าคงต้องถูกข้าลงทัณฑ์ด้วยเช่นกัน" จอมราชันย์แห่งแดนใต้ ราชันย์ทักษิน เดินย่างเข้ามาอย่างแช่มช้า ในมือถือดาบไว้เล่มหนึ่ง ที่ฝักที่ดำขลับและที่ด้ามดาบสีเหลืองทองมีอักขระโบราณกำกับไว้
"ฝ่าบาท...." จิตกาธารกล่าวเสียงเรียบอย่างไม่หวั่นเกรงตรงกันข้ามกับองค์หญิงรุ้งรวีที่ร้องเรียก "ท่านพ่อ!! " ด้วยอาการขวัญหนีดีฝ่อ
"เจ้ารู้ตัวหรือไม่! จิตกาธารว่าความผิดของเจ้าน่ะร้ายแรงเพียงใด!! "
"อย่าได้เห็นว่าเจ้าเป็นกุนซืออัจฉริยะ......เสนาธิการชั้นยอด......จอมทัพไร้พ่าย......ข้ารู้ดี......สรรพคุณเจ้าน่ะมันมีมากมาย แต่มันไม่ได้ช่วยให้เจ้ามีชีวิตรอดปลอดภัยได้หรอกนะ " คำแต่ละคำที่เปล่งออกมาล้วนหนัก
แน่นทรงพลังอย่างน่าเกรงขาม แทบไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้มีอายุกว่า 60 ปี ผมเริ่มเป็นสีดอกเลาแล้วจะมีบุคลิกท่าทางที่ทรงอำนาจขนาดนี้
องค์หญิงรุ้งรวีเริ่มสะอื้นไห้....นางเองรู้ว่า บิดาเอาจริง.....และนางเองก็รู้เช่นกันว่านางไม่อาจจะขัดขวางได้เลย
"ข้ายินดีชดใช้ด้วยชีวิต " คำพูดที่อาจหาญท้าทายอำนาจแห่งกษัตริย์ถูกกล่าวออกไปแล้ว จิตกาธารเดินมายังเบื้องหน้าพลันคุกเข่าลงกับพื้น องค์หญิงรุ้งรวีรีบวิ่งมาขวางไว้ทั้งสะอื้นไห้
"ท่านพ่อ......ได้โปรดไว้ชีวิตเค้าด้วย.....ข้า....ข้ารักเค้า!! ท่านได้โปรด.... " แต่ผู้เป็นบิดาดูท่าว่าจะไม่สนใจนางแม้แต่น้อย ชายชรายังคงจ้องมองจิตกาธารอย่างไม่วางตาพร้อมทั้งตั้งคำถาม
"เจ้าแน่ใจหรือว่ายินดีชดใช้ด้วยชีวิต.....แน่ใจหรือว่าจะไม่เสียใจในภายหลัง......ตอนนี้หากเจ้าจะร้องขอชีวิตจากข้าใช่ว่าจะสิ้นไร้โอกาสนะ!!! "
น้ำเสียงนั้นยังแฝงแววเย้ยเยาะน้อยๆ แต่จิตกาธารก็ไม่ได้ร้องขอชีวิต..... เขายังคงก้มหน้านิ่งหลับตาลง เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำท้าทายหรือคำขู่ เขาคิดว่าแม้ถ้าเขาจะขัดขืนชายชราก็ไม่อาจจะต้านทานเขาได้ อย่าว่าแต่องค์
รักษ์ฝีมือดีหลายสิบคนเลย ต่อให้มาเป็นร้อยๆก็ไม่แน่ว่าเขาจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่ขัดขืน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะ เงียบ!......เขายินดีที่จะยอมวัดดวงสักครั้งหนึ่ง เพราะเชื่อแน่ว่า องค์กษัตริย์จะไม่ประหารเค้าอย่างแน่นอน
ความเย็นของดาบพาดผ่านมาที่ลำคอ เขารู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งของมันจนลำคอของเขาสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย ปลายดาบยังคงทาบแน่นิ่งไม่ขยับ และด้วยความคมของดาบวิเศษ เพียงออกแรงเล็กน้อยมัน
ก็อาจจะเชือดเฉือนลำคอของเขาให้ขาดวิ่น แต่ด้วยพลังและความเชี่ยวชาญด้านเวทย์มนตราที่มี หากถึงคราวอับจนจริงๆเขาก็คงพอจะหลบได้ และก็ไม่แน่นักว่าดาบจะฟันคอของเขาเข้า
องค์หญิงรุ้งรวีร่ำไห้หนักกว่าเดิม นางพยายามเข้าไปขัดขวาง บิดาและร้องขอชีวิตด้วยเสียงที่สั่นเครือมากขึ้นทุกขณะ
"เจ้าควรจะชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้า...จิตกาธาร...." จอมราชันย์กล่าว พร้อมกับหลับตาลง จิตกาธารเองยังคงแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว องค์หญิงรุ้งรวีกรีดร้องอย่างสุดเสียงทำอะไรไม่ถูก
"ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!...................." องค์ราชันย์และจิตกาธารลืมตาขึ้นพร้อมกัน ดาบถูกเลื่อนออกมาห่างจากลำคอเล็กน้อยก่อนที่ผู้ที่ถือมันอยู่จะตวัดมันกลับเข้าไปหาลำคอของผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่อีกครั้ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น