ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศตวีร์นเรศูร ภาค เตโชช่วงโชติ

    ลำดับตอนที่ #2 : แขไขดาวพราวพร่างฟ้า...นภัคอัคราและอรอินทร์

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 49


    “เปลวไฟย่อมให้ความสว่างกลางใจ แต่ถ้ามันมากเกินไปก็ย่อมทำให้ร้อนรุ่ม”
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    “วันนี้มีคนเจ็บเยอะมั้ยพัฒน์ ?” ภคินเอ่ยถามหัวหน้าพรานป่า ผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขา "อำไพพัฒน์" ค่หูที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ฝึกฝีมือด้วยกัน ออกล่าสัตว์ด้วยกัน ร่ำเรียนมนตราคาถามาด้วยกันตลอดช่วงเวลา 20

    กว่าปีที่ผ่านมา

    “12 คน    แต่ในสิบกว่าวันมานี้มีคนตายไปแล้ว 27 คน....ข้าว่าอาจจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้อีกสอง  บางทีเราอาจจะต้องปรับแผนใหม่นะ ภคิน”
    “ข้าก็คิดแบนั้นเหมือนกัน พัฒน์ พวกมันมีกันเป็นหมื่นๆตัว  คงยากที่จะฆ่าให้หมดได้  แม้ว่าเราจะรวมกำลังจากหมู่บ้านต่างๆได้เยอะแล้วก็จริง แต่ถ้าหากสู้กับมันตรงๆมันก็อันตรายเกินไป ”
    “อื้ม.....ทิ้งพิษของพวกมันและเพลิงโลหิตล้วนอันตรายทั้งนั้น   ตอนนี้เรามีวิหคเพลิงอยู่  800 กว่าตัว ก็เหมือนกับว่าเรามีกำลังหลักอยู่เท่านั้น  ถ้าไม่ขี่วิหคเพลิงล่ะก็พวกเราคงตายเป็นเบือแน่ ๆ”
    “ตอนนี้เราฆ่าพวกมันไปร่วมร้อยแล้วเหมือนกัน  บางทีนะ พัฒน์  ข้าเกรงว่า พวกมันจะรวมกลุ่มกันจำนวนมากเข้าโจมตีหมู่บ้าน  เราคงต้องอพยพคนในหมู่บ้านใกล้เคียงมาก่อน มารวมตัวกันที่นี่แล้วให้คนที่ใช้เวทมนต์

    ขั้นสูงได้คอยป้องกันหมู่บ้านระหว่างที่เราออกไปโจมตีพวกมัน”
    “ดีเหมือนกัน  ข้าคิดว่าหลายวันมานี้ท่านกาเรนทร์เหนื่อยมากเพราะเราต้องออกเดินทางตลอด  อีกอย่างท่านเองก็ชรามากแล้วด้วย”
    หัวหน้านายพรานสองคน ภคินและอำไพพัฒน์ นั่งปรึกษากันถึงเรื่องกาทำศึกกับเหล่านาคาอสูรบนกระท่อมหลังใหญ่กลางหมู่บ้าน สถานการณ์ที่ตึงเครียดทำให้ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักในการต่อสู้ ทั้งการจัดวางเวรยาม

    ตลอดทั้งวันทั้งคืนและการจัดหาเสบียงอาหาร

    “ภคิน  โว้ย!!!!!!!!!! " เสียงนายพรานรักษาการณ์คนหนึ่งตะโกนเรียกอย่างเร่งร้อน
    "พวกข้างหน้ามันส่งเหยี่ยวมาบอกว่า พวกหมู่บ้านท้ายน้ำโน่นขนข้าวขนของขึ้นมากันแน่ะ  ตอนนี้ล่อกับพวกนาคาอสูรซะเลือดกระจายเลย  ไปดูกันหน่อยเว้ยเร็วเข้า!!!”
    “ เออ!!!! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ !!! ภคินกับอำไพพัฒน์ตะโกนขึ้นพร้อมกัน ทั้งคู่รีบวิ่งออกมาจากกระท่อมขึ้นไปบนวิหคเพลิงแล้วบินตามไป
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    “ ตูม!!  ตูม!!  ตูม!!  ตูม!!  …”

    “เฮ้ย !  ตรงนั้นไปเร็วเข้า ”   ภคินตะโกนลั่นพร้อมกับนำฝูงวิหคเพลิงไปยังต้นทางของเสียงระเบิดที่ดังก้องไปทั่วป่า เมื่อไปถึงก็ต้องพบกับศพของพวกชาวบ้านและเหล่านาคาอสูรหลายสิบศพแหลกกระจายไปทั่ว เลือดที่

    ซ่านกระเซ็นได้กลบสีใบไม้ที่แห้งกรอบจากเพลิงโลหิต  แต่ชาวบ้านที่มากลับไม่แตกตื่นเสียรูปขบวนแม้แต่น้อย หญิงสาว 2 คนกำลังออกคำสั่งให้ดูแลผู้บาดเจ็บและตรวจดูผู้เสียชีวิต ส่วนชาวบ้านเองต่างก็ช่วยเหลือกัน

    และกันอย่างมีระเบียบ

    ภคินบังคับวิหคเพลิงให้ร่อนลงสู่พื้น อำไพพัฒน์ก็ตามมาติดๆ
    “รออยู่บนนั้นก่อน” ภคินตะโกนสั่งพวกที่เหลือทันทีที่ลงมาถึง เขาเดินเข้าไปหากลุ่มชาวบ้านแล้วพูดว่า
    “พวกท่านรีบเดินทางเข้าเถอะ เดี๋ยวพวกเราจะคอยคุ้มกันให้ ” ภคินกล่าวด้วยน้ำเสียงสภาพนุ่มนวลกับกลุ่มผู้มาเยือน แล้วเสียงเจี้อยแจ้วสดใสของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้น

    “รู้แล้วน่า! ไม่ต้องมาทำเป็นสั่ง !” แล้วอีกเสียงหนึ่งก็ตามมาติดๆ
    “พวกเจ้าน่ะ! แบ่งกำลังอีกส่วนนึงไปดูแลพวกที่กำลังตามมาข้างหลังไป! พวกเราอีกกลุ่มใหญ่ๆกำลังมาสมทบ”
    ภคินกับอำไพพัฒน์เริ่มไม่พอใจเล็กน้อย ทั้งคู่หันมามองยังต้นเสียงทางด้านหลัง  แต่แล้วทั้งสองก็ต้องตกตะลึงตาค้างจนหัวใจตกมาอยู่ที่ตาตุ่ม จนขยับไปไหนไม่ได้  

    “.........นางฟ้า.........”ทั้งคู่คิดในใจ แต่แล้วเสียงตวาดของนางทั้งสองก็รียกสติพวกเขาให้กลับคืนมา

    “นี่เจ้าจะจ้องไปถึงไหน !!! บอกให้พวกนั้นไปซักทีสิ !!!”   นางไม่พูดเปล่ายังเอานิ้วชี้หน้าแล้วตะคอกใส่ด้วย ทำเอาคนทั้งคู่ถึงกับหน้าเสียทันที

    “..............นางมาร..............” ภคินซึ่งได้สติก่อนจึงหันไปสะกิดอำไพพัฒน์  แล้วอำไพพัฒน์ก็หันไปสั่งพวกที่อยู่ข้างบนต่อ
    “ ไป.....ไป.....ไปข้างหลัง.......เดินทางมา......ชาวบ้านแล้ว......” แล้วเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงก็ดังลั่นขึ้นจากกลุ่มชาวบ้านที่ต่างรู้สึกขบขันกับความเปิ่นของเขา  พัฒน์เริ่มอายจนหน้าแดงพยายามหลบสายตาที่จ้อง

    เขม็งของหญิงสาวทั้งคู่ ส่วนภคินเองก็ยังคงตื่นเต้นดีใจไม่หาย

    “ไม่ทราบว่าใครคือหัวหน้าหมู่บ้านครับ” ภคินหันไปกล่าวกับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังเตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง    ชาวบ้านแต่ละคนเพียงส่งยิ้มให้แต่ไม่ได้ตอบอะไร

    “เจ้ามีอะไรจะถามมาถามข้านี่ ! เราสองคนเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน!” หญิงสาวหนึ่งในสองพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห  ยามนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันยิ่งยากที่จะแยกออกว่าใครเป็นใคร  ฝาแฝดสองคนนี้เหมือนกันจนเรียกได้ว่า เหมือนกัน

    จนไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย

    ภคินพลันคิดในใจ   “…………ดูนางทั้งคู่อายุอานามเพียง 18-19 ปีเท่านั้นไฉนเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านได้ ปรกติหัวหน้าหมู่บ้านจะต้องเป็นผู้ใช้เวทย์ขั้นสูงและต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนในหมู่บ้านด้วย..........”

    แล้วเขาก็ตัดสินใจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิว่า
    “เจ้าทั้งสองอย่าได้ล้อข้าเล่น  ตอนนี้ข้าพูดเป็นการเป็นงานนะ !”

    หญิงสาวทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน ยิ่งขับเน้นความงามตามธรรมชาติของนางให้มากขึ้นไปอีก  คิ้วที่โก่งงอน  ริมฝีปากที่เรียวได้รูป   ดวงตาที่กลมโตมีประกายสดใส กับสีแดงเรื่อๆที่ปรางค์

    แก้มยามหัวเราะยิ่งน่ารักงดงาม จนภคินและอำไพพัฒน์ต้องตาค้างไปตามๆกัน แล้วนางก็ท่องคาถาขึ้นพร้อมกันทันที

    “.....ปถวี.....วิบัติทั่วหล้า.....” ทันใดนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแล้วทรุดลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ลงไปอย่างรวดเร็ว ยามฉุกระหุกภคินและอำไพพัฒน์ไม่ทันระวังตัวเสียหลังทรุดลงไปพลันตวาดขึ้น

    “......วาโย.....ศุวิน.....” ลมหอบหนึ่งพัดทั้งคู่ลอยขึ้นไป วิหคเพลิงถลาลงมารองรับไว้ไม่ให้ทั้งคู่ตกลงพื้น แล้วรีบบินขึ้นไปรวมกับฝูง  พวกที่อยู่ข้างบนต่างพากันตกใจมีสีหน้าเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก

    “.......อณุภา....อัสนีบาต....” สายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาก่อนที่ภคินกับอำไพพัฒน์จะทรงตัวได้ อำไพพัฒน์กระโดดออกแล้วถีบวิหคเพลิงกระเด็นออกไปคนละทางจนรอดไปได้ แต่ภคินหันขวับ ชูขวานขึ้นพร้อมกับร่ายคาถา

    “......ปถวี.....” ขวานเหล็ก มีเม็ดทรายมาจับกลายเป็นโล่หินแข็งขนาดใหญ่บังตัววิหคเพลิงไว้จนมิด ดูดซับสายฟ้าที่โถมฟาดซัดลงมาจนหมดสิ้น  หญิงสาวที่อยู่เบื้องล่างร่ายคาถาต่อเนื่องทันที

    “.......เตโช....ปถวี.....วาโย....ศุวิน....” มวลอากาศรอบตัวภคินถูกบีบอัดจนเกิดพายุทรายที่รุนแรงและร้อนละอุ พัดม้วนตัวเข้ามา

    “ 3 ลูกเลยเรอะ!” ภคินถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นถึงความสามารถในการใช้เวทย์ขั้นสูงของแฝดสาว พลางหาทางแก้จนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก  แต่สาวน้อยทั้งสองยังคงยิ้มกริ่ม โดยไม่มีทีท่าว่าจะออมมือแม้แต่น้อย

    พายุทรายบีบอัดเข้ามาทุกขณะเสื้อผ้าของภคินบางส่วนเริ่มไหม้และฉีกขาดด้วยความร้อน

    “.........ตายแน่ๆ........”ขณะที่ภคินถอดใจวิหคเพลิงก็แผลงฤทธิ์ขึ้น  
    “ กี้ !!! ”  เสียงวิหคเพลิงร้องลั่น ลมที่แรงกล้ากว่า และไอร้อนที่มากกว่า แผ่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ที่ขี่มันอยู่กลับรู้สึกได้ถึงไอเย็นของมวลอากาศที่ม้วนตัวพัดขึ้นมา  มันรุนแรงจนภคินแทบจะตกลงไป ลมพัดหมุน

    แผ่ออกไปโดยรอบ จนพายุทั้ง 3 ลูกสลายตัวไปในทันที

    ภคินร่ำร้อง   “…โชคดี!.... ”   ในใจ  ส่วนหญิงสาวทั้งสองเริ่มหัวเราะกันอีกครั้ง ซึ่งทำให้ภคินยิ่งหายใจไม่ทั่วท้องทันที

    “......เตโช....อัคคนี.....”เสียงอำไพพัฒน์ร่ายคาถาขึ้นจากพุ่มไม้ด้านข้าง  พื้นดินที่เท้าของสองสาวกลายเป็นลานลาวา ทั้งสองสะดุ้งเฮือกแต่ยังสงบสต่ายคาถาตอบโต้กลับไป

    “......อาโป...ธารา....”   
    “อย่า!!!!!”  ทันทีทีหญิงสาวคนหนึ่งร่ายคาถาอีกคนหนึ่งก็ร้องห้ามทันที แต่ช้าไปเสียแล้ว น้ำจำนวนมากไหลออกจากพื้น ที่จริงมันควรจะทำให้พื้นเย็นลงแต่เมื่อถูกลาวาที่มีความร้อนสูงมากมันกลับระเหยกลายเป็นไอและ

    เดือดพล่านอย่างรุนแรง  

    “......วาโย.....ศุวิน.....”   ร่างของทั้งคู่พุ่งขึ้นไปเหนือพื้นหลายเมตรแต่ไอน้ำร้อนยังคงพวยพุ่งตามไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ทั้งสองถูกไอน้ำลวกจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนทั่วทั้งตัว  ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วงลงมาวิหคเพลิงของ

    ภคินและอำไพพัฒน์ ได้บินโฉบ รับทั้งสองออกมายังที่ปลอดภัยไว้ได้ทันท่วงที

    ภคิน จับแขนของสตรีนางหนึ่งไว้แน่นนางจ้องหน้าเขาเขม็งไม่พูดไม่จา   จนกระทั่งถึงพื้น

    “ปล่อยข้าได้รึยัง !” นางตวาดพร้อมกับกระชากแขนออก  แต่ภคิน ยังคงตกอยู่ในภวังค์เผลอปล่อยมือไปโดยไม่ได้คิด นางจึงเสียหลักตกจากวิหคเพลิง ภคินรีบเอื้มมือไปคว้าไว้แต่กลับกลายเป็นว่าถูกนางรั้งดึงจนเสียหลัก

    กลิ้งตกไปด้วย  โดยไม่คาดฝันภคินร่วงลงกระแทกกับพื้นแล้วถูกนางกลิ้งลงมาทับอีกครั้งหนึ่งทั้งคู่กลิ้งต่อไปหลายตลบ จนศีรษะของภคินกระแทกเข้ากับหินก้อนใหญ่อย่างรุนแรงจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ แล้วสลบไป มือทั้ง

    สองข้างยังคงโอบกอดหญิงสาวที่นอนทับเขาไว้แน่น

    เมื่อเหตุการณ์แปรเปลี่ยนเป็นดังนั้นสาวน้อยก็เริ่มอายจนหน้าแดงและหัวเสีย สะบัดตัวจนหลุดออกจากอ้อมกอดแล้วตบหน้าภคินไปมาอย่างรุนแรงหลายฉาด
    “ปล่อยสักทีสิ! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า!....” นางตบไปหลายทีแต่ภคินยังคงไม่ได้สติ มือของนางเปื้อนเลือดเต็มไปหมด  อำไพพัฒน์รีบวิ่งเข้ามาคว้าข้อมือของนางไว้ แล้วกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า
    “พอแล้วๆๆ  ร...เราขอโทษ.... เราขอโทษพวกเจ้าด้วย .. เค้า .. บาดเจ็บอยู่...ได้โปรดยั้งมือด้วย...”

    พอดีกับที่สตรีคู่แฝดอีกนางหนึ่งวิ่งมาถึง จึงเข้ามาโอบกอดนางไว้ กล่าวด้วยความตกใจว่า
    “พอแล้วพี่! พอแล้ว! เค้าบาดเจ็บมากรีบรักษาเค้าก่อนเถอะ !”  นางพลันฉุกคิดได้ค่อยผลักน้องสาวออก พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า
    “พี่ขอโทษ...นภัค....พี่....พี่ตกใจมากไปหน่อย...” ไม่มีคำตอบจากนภัคผู้เป็นน้อง สาว นางกำลังง่วนอยู่กับการร่ายเวทย์รักษาอาการบาดเจ็บของภคินอยู่  กลุ่มนายพราน ลงจากวิหคเพลิงแล้วรีบกรูกันเข้ามาอย่างรีบร้อน  

    อำไพพัฒน์ชิงกล่าวตัดหน้าก่อนว่า
    “ เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก พวกเจ้ากลับขึ้นไปก่นเถอะ ” เขารู้สึกเสียใจที่ภคินไปดูแคลนแฝดสาว แต่ดูท่าว่า คนอื่นๆยังไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   เหล่านายพรานหลายร้อยคนยังคงมีแววตาอำมหิต และเกลียดชัง จ้องมองมายังสองสาว...........

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×