ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แขไขดาวพราวพร่างฟ้า...นภัคอัคราและอรอินทร์
“เปลวไฟย่อมให้ความสว่างกลางใจ แต่ถ้ามันมากเกินไปก็ย่อมทำให้ร้อนรุ่ม”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“วันนี้มีคนเจ็บเยอะมั้ยพัฒน์ ?” ภคินเอ่ยถามหัวหน้าพรานป่า ผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขา "อำไพพัฒน์" ค่หูที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ฝึกฝีมือด้วยกัน ออกล่าสัตว์ด้วยกัน ร่ำเรียนมนตราคาถามาด้วยกันตลอดช่วงเวลา 20
กว่าปีที่ผ่านมา
“12 คน แต่ในสิบกว่าวันมานี้มีคนตายไปแล้ว 27 คน....ข้าว่าอาจจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้อีกสอง บางทีเราอาจจะต้องปรับแผนใหม่นะ ภคิน”
“ข้าก็คิดแบนั้นเหมือนกัน พัฒน์ พวกมันมีกันเป็นหมื่นๆตัว คงยากที่จะฆ่าให้หมดได้ แม้ว่าเราจะรวมกำลังจากหมู่บ้านต่างๆได้เยอะแล้วก็จริง แต่ถ้าหากสู้กับมันตรงๆมันก็อันตรายเกินไป ”
“อื้ม.....ทิ้งพิษของพวกมันและเพลิงโลหิตล้วนอันตรายทั้งนั้น ตอนนี้เรามีวิหคเพลิงอยู่ 800 กว่าตัว ก็เหมือนกับว่าเรามีกำลังหลักอยู่เท่านั้น ถ้าไม่ขี่วิหคเพลิงล่ะก็พวกเราคงตายเป็นเบือแน่ ๆ”
“ตอนนี้เราฆ่าพวกมันไปร่วมร้อยแล้วเหมือนกัน บางทีนะ พัฒน์ ข้าเกรงว่า พวกมันจะรวมกลุ่มกันจำนวนมากเข้าโจมตีหมู่บ้าน เราคงต้องอพยพคนในหมู่บ้านใกล้เคียงมาก่อน มารวมตัวกันที่นี่แล้วให้คนที่ใช้เวทมนต์
ขั้นสูงได้คอยป้องกันหมู่บ้านระหว่างที่เราออกไปโจมตีพวกมัน”
“ดีเหมือนกัน ข้าคิดว่าหลายวันมานี้ท่านกาเรนทร์เหนื่อยมากเพราะเราต้องออกเดินทางตลอด อีกอย่างท่านเองก็ชรามากแล้วด้วย”
หัวหน้านายพรานสองคน ภคินและอำไพพัฒน์ นั่งปรึกษากันถึงเรื่องกาทำศึกกับเหล่านาคาอสูรบนกระท่อมหลังใหญ่กลางหมู่บ้าน สถานการณ์ที่ตึงเครียดทำให้ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักในการต่อสู้ ทั้งการจัดวางเวรยาม
ตลอดทั้งวันทั้งคืนและการจัดหาเสบียงอาหาร
“ภคิน โว้ย!!!!!!!!!! " เสียงนายพรานรักษาการณ์คนหนึ่งตะโกนเรียกอย่างเร่งร้อน
"พวกข้างหน้ามันส่งเหยี่ยวมาบอกว่า พวกหมู่บ้านท้ายน้ำโน่นขนข้าวขนของขึ้นมากันแน่ะ ตอนนี้ล่อกับพวกนาคาอสูรซะเลือดกระจายเลย ไปดูกันหน่อยเว้ยเร็วเข้า!!!”
“ เออ!!!! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ !!! ภคินกับอำไพพัฒน์ตะโกนขึ้นพร้อมกัน ทั้งคู่รีบวิ่งออกมาจากกระท่อมขึ้นไปบนวิหคเพลิงแล้วบินตามไป
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ ตูม!! ตูม!! ตูม!! ตูม!! …”
“เฮ้ย ! ตรงนั้นไปเร็วเข้า ” ภคินตะโกนลั่นพร้อมกับนำฝูงวิหคเพลิงไปยังต้นทางของเสียงระเบิดที่ดังก้องไปทั่วป่า เมื่อไปถึงก็ต้องพบกับศพของพวกชาวบ้านและเหล่านาคาอสูรหลายสิบศพแหลกกระจายไปทั่ว เลือดที่
ซ่านกระเซ็นได้กลบสีใบไม้ที่แห้งกรอบจากเพลิงโลหิต แต่ชาวบ้านที่มากลับไม่แตกตื่นเสียรูปขบวนแม้แต่น้อย หญิงสาว 2 คนกำลังออกคำสั่งให้ดูแลผู้บาดเจ็บและตรวจดูผู้เสียชีวิต ส่วนชาวบ้านเองต่างก็ช่วยเหลือกัน
และกันอย่างมีระเบียบ
ภคินบังคับวิหคเพลิงให้ร่อนลงสู่พื้น อำไพพัฒน์ก็ตามมาติดๆ
“รออยู่บนนั้นก่อน” ภคินตะโกนสั่งพวกที่เหลือทันทีที่ลงมาถึง เขาเดินเข้าไปหากลุ่มชาวบ้านแล้วพูดว่า
“พวกท่านรีบเดินทางเข้าเถอะ เดี๋ยวพวกเราจะคอยคุ้มกันให้ ” ภคินกล่าวด้วยน้ำเสียงสภาพนุ่มนวลกับกลุ่มผู้มาเยือน แล้วเสียงเจี้อยแจ้วสดใสของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้น
“รู้แล้วน่า! ไม่ต้องมาทำเป็นสั่ง !” แล้วอีกเสียงหนึ่งก็ตามมาติดๆ
“พวกเจ้าน่ะ! แบ่งกำลังอีกส่วนนึงไปดูแลพวกที่กำลังตามมาข้างหลังไป! พวกเราอีกกลุ่มใหญ่ๆกำลังมาสมทบ”
ภคินกับอำไพพัฒน์เริ่มไม่พอใจเล็กน้อย ทั้งคู่หันมามองยังต้นเสียงทางด้านหลัง แต่แล้วทั้งสองก็ต้องตกตะลึงตาค้างจนหัวใจตกมาอยู่ที่ตาตุ่ม จนขยับไปไหนไม่ได้
“.........นางฟ้า.........”ทั้งคู่คิดในใจ แต่แล้วเสียงตวาดของนางทั้งสองก็รียกสติพวกเขาให้กลับคืนมา
“นี่เจ้าจะจ้องไปถึงไหน !!! บอกให้พวกนั้นไปซักทีสิ !!!” นางไม่พูดเปล่ายังเอานิ้วชี้หน้าแล้วตะคอกใส่ด้วย ทำเอาคนทั้งคู่ถึงกับหน้าเสียทันที
“..............นางมาร..............” ภคินซึ่งได้สติก่อนจึงหันไปสะกิดอำไพพัฒน์ แล้วอำไพพัฒน์ก็หันไปสั่งพวกที่อยู่ข้างบนต่อ
“ ไป.....ไป.....ไปข้างหลัง.......เดินทางมา......ชาวบ้านแล้ว......” แล้วเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงก็ดังลั่นขึ้นจากกลุ่มชาวบ้านที่ต่างรู้สึกขบขันกับความเปิ่นของเขา พัฒน์เริ่มอายจนหน้าแดงพยายามหลบสายตาที่จ้อง
เขม็งของหญิงสาวทั้งคู่ ส่วนภคินเองก็ยังคงตื่นเต้นดีใจไม่หาย
“ไม่ทราบว่าใครคือหัวหน้าหมู่บ้านครับ” ภคินหันไปกล่าวกับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังเตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง ชาวบ้านแต่ละคนเพียงส่งยิ้มให้แต่ไม่ได้ตอบอะไร
“เจ้ามีอะไรจะถามมาถามข้านี่ ! เราสองคนเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน!” หญิงสาวหนึ่งในสองพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห ยามนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันยิ่งยากที่จะแยกออกว่าใครเป็นใคร ฝาแฝดสองคนนี้เหมือนกันจนเรียกได้ว่า เหมือนกัน
จนไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย
ภคินพลันคิดในใจ “…………ดูนางทั้งคู่อายุอานามเพียง 18-19 ปีเท่านั้นไฉนเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านได้ ปรกติหัวหน้าหมู่บ้านจะต้องเป็นผู้ใช้เวทย์ขั้นสูงและต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนในหมู่บ้านด้วย..........”
แล้วเขาก็ตัดสินใจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิว่า
“เจ้าทั้งสองอย่าได้ล้อข้าเล่น ตอนนี้ข้าพูดเป็นการเป็นงานนะ !”
หญิงสาวทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน ยิ่งขับเน้นความงามตามธรรมชาติของนางให้มากขึ้นไปอีก คิ้วที่โก่งงอน ริมฝีปากที่เรียวได้รูป ดวงตาที่กลมโตมีประกายสดใส กับสีแดงเรื่อๆที่ปรางค์
แก้มยามหัวเราะยิ่งน่ารักงดงาม จนภคินและอำไพพัฒน์ต้องตาค้างไปตามๆกัน แล้วนางก็ท่องคาถาขึ้นพร้อมกันทันที
“.....ปถวี.....วิบัติทั่วหล้า.....” ทันใดนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแล้วทรุดลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ลงไปอย่างรวดเร็ว ยามฉุกระหุกภคินและอำไพพัฒน์ไม่ทันระวังตัวเสียหลังทรุดลงไปพลันตวาดขึ้น
“......วาโย.....ศุวิน.....” ลมหอบหนึ่งพัดทั้งคู่ลอยขึ้นไป วิหคเพลิงถลาลงมารองรับไว้ไม่ให้ทั้งคู่ตกลงพื้น แล้วรีบบินขึ้นไปรวมกับฝูง พวกที่อยู่ข้างบนต่างพากันตกใจมีสีหน้าเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก
“.......อณุภา....อัสนีบาต....” สายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาก่อนที่ภคินกับอำไพพัฒน์จะทรงตัวได้ อำไพพัฒน์กระโดดออกแล้วถีบวิหคเพลิงกระเด็นออกไปคนละทางจนรอดไปได้ แต่ภคินหันขวับ ชูขวานขึ้นพร้อมกับร่ายคาถา
“......ปถวี.....” ขวานเหล็ก มีเม็ดทรายมาจับกลายเป็นโล่หินแข็งขนาดใหญ่บังตัววิหคเพลิงไว้จนมิด ดูดซับสายฟ้าที่โถมฟาดซัดลงมาจนหมดสิ้น หญิงสาวที่อยู่เบื้องล่างร่ายคาถาต่อเนื่องทันที
“.......เตโช....ปถวี.....วาโย....ศุวิน....” มวลอากาศรอบตัวภคินถูกบีบอัดจนเกิดพายุทรายที่รุนแรงและร้อนละอุ พัดม้วนตัวเข้ามา
“ 3 ลูกเลยเรอะ!” ภคินถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นถึงความสามารถในการใช้เวทย์ขั้นสูงของแฝดสาว พลางหาทางแก้จนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก แต่สาวน้อยทั้งสองยังคงยิ้มกริ่ม โดยไม่มีทีท่าว่าจะออมมือแม้แต่น้อย
พายุทรายบีบอัดเข้ามาทุกขณะเสื้อผ้าของภคินบางส่วนเริ่มไหม้และฉีกขาดด้วยความร้อน
“.........ตายแน่ๆ........”ขณะที่ภคินถอดใจวิหคเพลิงก็แผลงฤทธิ์ขึ้น
“ กี้ !!! ” เสียงวิหคเพลิงร้องลั่น ลมที่แรงกล้ากว่า และไอร้อนที่มากกว่า แผ่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ที่ขี่มันอยู่กลับรู้สึกได้ถึงไอเย็นของมวลอากาศที่ม้วนตัวพัดขึ้นมา มันรุนแรงจนภคินแทบจะตกลงไป ลมพัดหมุน
แผ่ออกไปโดยรอบ จนพายุทั้ง 3 ลูกสลายตัวไปในทันที
ภคินร่ำร้อง “…โชคดี!.... ” ในใจ ส่วนหญิงสาวทั้งสองเริ่มหัวเราะกันอีกครั้ง ซึ่งทำให้ภคินยิ่งหายใจไม่ทั่วท้องทันที
“......เตโช....อัคคนี.....”เสียงอำไพพัฒน์ร่ายคาถาขึ้นจากพุ่มไม้ด้านข้าง พื้นดินที่เท้าของสองสาวกลายเป็นลานลาวา ทั้งสองสะดุ้งเฮือกแต่ยังสงบสต่ายคาถาตอบโต้กลับไป
“......อาโป...ธารา....”
“อย่า!!!!!” ทันทีทีหญิงสาวคนหนึ่งร่ายคาถาอีกคนหนึ่งก็ร้องห้ามทันที แต่ช้าไปเสียแล้ว น้ำจำนวนมากไหลออกจากพื้น ที่จริงมันควรจะทำให้พื้นเย็นลงแต่เมื่อถูกลาวาที่มีความร้อนสูงมากมันกลับระเหยกลายเป็นไอและ
เดือดพล่านอย่างรุนแรง
“......วาโย.....ศุวิน.....” ร่างของทั้งคู่พุ่งขึ้นไปเหนือพื้นหลายเมตรแต่ไอน้ำร้อนยังคงพวยพุ่งตามไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทั้งสองถูกไอน้ำลวกจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนทั่วทั้งตัว ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วงลงมาวิหคเพลิงของ
ภคินและอำไพพัฒน์ ได้บินโฉบ รับทั้งสองออกมายังที่ปลอดภัยไว้ได้ทันท่วงที
ภคิน จับแขนของสตรีนางหนึ่งไว้แน่นนางจ้องหน้าเขาเขม็งไม่พูดไม่จา จนกระทั่งถึงพื้น
“ปล่อยข้าได้รึยัง !” นางตวาดพร้อมกับกระชากแขนออก แต่ภคิน ยังคงตกอยู่ในภวังค์เผลอปล่อยมือไปโดยไม่ได้คิด นางจึงเสียหลักตกจากวิหคเพลิง ภคินรีบเอื้มมือไปคว้าไว้แต่กลับกลายเป็นว่าถูกนางรั้งดึงจนเสียหลัก
กลิ้งตกไปด้วย โดยไม่คาดฝันภคินร่วงลงกระแทกกับพื้นแล้วถูกนางกลิ้งลงมาทับอีกครั้งหนึ่งทั้งคู่กลิ้งต่อไปหลายตลบ จนศีรษะของภคินกระแทกเข้ากับหินก้อนใหญ่อย่างรุนแรงจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ แล้วสลบไป มือทั้ง
สองข้างยังคงโอบกอดหญิงสาวที่นอนทับเขาไว้แน่น
เมื่อเหตุการณ์แปรเปลี่ยนเป็นดังนั้นสาวน้อยก็เริ่มอายจนหน้าแดงและหัวเสีย สะบัดตัวจนหลุดออกจากอ้อมกอดแล้วตบหน้าภคินไปมาอย่างรุนแรงหลายฉาด
“ปล่อยสักทีสิ! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า!....” นางตบไปหลายทีแต่ภคินยังคงไม่ได้สติ มือของนางเปื้อนเลือดเต็มไปหมด อำไพพัฒน์รีบวิ่งเข้ามาคว้าข้อมือของนางไว้ แล้วกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า
“พอแล้วๆๆ ร...เราขอโทษ.... เราขอโทษพวกเจ้าด้วย .. เค้า .. บาดเจ็บอยู่...ได้โปรดยั้งมือด้วย...”
พอดีกับที่สตรีคู่แฝดอีกนางหนึ่งวิ่งมาถึง จึงเข้ามาโอบกอดนางไว้ กล่าวด้วยความตกใจว่า
“พอแล้วพี่! พอแล้ว! เค้าบาดเจ็บมากรีบรักษาเค้าก่อนเถอะ !” นางพลันฉุกคิดได้ค่อยผลักน้องสาวออก พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า
“พี่ขอโทษ...นภัค....พี่....พี่ตกใจมากไปหน่อย...” ไม่มีคำตอบจากนภัคผู้เป็นน้อง สาว นางกำลังง่วนอยู่กับการร่ายเวทย์รักษาอาการบาดเจ็บของภคินอยู่ กลุ่มนายพราน ลงจากวิหคเพลิงแล้วรีบกรูกันเข้ามาอย่างรีบร้อน
อำไพพัฒน์ชิงกล่าวตัดหน้าก่อนว่า
“ เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก พวกเจ้ากลับขึ้นไปก่นเถอะ ” เขารู้สึกเสียใจที่ภคินไปดูแคลนแฝดสาว แต่ดูท่าว่า คนอื่นๆยังไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหล่านายพรานหลายร้อยคนยังคงมีแววตาอำมหิต และเกลียดชัง จ้องมองมายังสองสาว...........
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“วันนี้มีคนเจ็บเยอะมั้ยพัฒน์ ?” ภคินเอ่ยถามหัวหน้าพรานป่า ผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขา "อำไพพัฒน์" ค่หูที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ฝึกฝีมือด้วยกัน ออกล่าสัตว์ด้วยกัน ร่ำเรียนมนตราคาถามาด้วยกันตลอดช่วงเวลา 20
กว่าปีที่ผ่านมา
“12 คน แต่ในสิบกว่าวันมานี้มีคนตายไปแล้ว 27 คน....ข้าว่าอาจจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้อีกสอง บางทีเราอาจจะต้องปรับแผนใหม่นะ ภคิน”
“ข้าก็คิดแบนั้นเหมือนกัน พัฒน์ พวกมันมีกันเป็นหมื่นๆตัว คงยากที่จะฆ่าให้หมดได้ แม้ว่าเราจะรวมกำลังจากหมู่บ้านต่างๆได้เยอะแล้วก็จริง แต่ถ้าหากสู้กับมันตรงๆมันก็อันตรายเกินไป ”
“อื้ม.....ทิ้งพิษของพวกมันและเพลิงโลหิตล้วนอันตรายทั้งนั้น ตอนนี้เรามีวิหคเพลิงอยู่ 800 กว่าตัว ก็เหมือนกับว่าเรามีกำลังหลักอยู่เท่านั้น ถ้าไม่ขี่วิหคเพลิงล่ะก็พวกเราคงตายเป็นเบือแน่ ๆ”
“ตอนนี้เราฆ่าพวกมันไปร่วมร้อยแล้วเหมือนกัน บางทีนะ พัฒน์ ข้าเกรงว่า พวกมันจะรวมกลุ่มกันจำนวนมากเข้าโจมตีหมู่บ้าน เราคงต้องอพยพคนในหมู่บ้านใกล้เคียงมาก่อน มารวมตัวกันที่นี่แล้วให้คนที่ใช้เวทมนต์
ขั้นสูงได้คอยป้องกันหมู่บ้านระหว่างที่เราออกไปโจมตีพวกมัน”
“ดีเหมือนกัน ข้าคิดว่าหลายวันมานี้ท่านกาเรนทร์เหนื่อยมากเพราะเราต้องออกเดินทางตลอด อีกอย่างท่านเองก็ชรามากแล้วด้วย”
หัวหน้านายพรานสองคน ภคินและอำไพพัฒน์ นั่งปรึกษากันถึงเรื่องกาทำศึกกับเหล่านาคาอสูรบนกระท่อมหลังใหญ่กลางหมู่บ้าน สถานการณ์ที่ตึงเครียดทำให้ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักในการต่อสู้ ทั้งการจัดวางเวรยาม
ตลอดทั้งวันทั้งคืนและการจัดหาเสบียงอาหาร
“ภคิน โว้ย!!!!!!!!!! " เสียงนายพรานรักษาการณ์คนหนึ่งตะโกนเรียกอย่างเร่งร้อน
"พวกข้างหน้ามันส่งเหยี่ยวมาบอกว่า พวกหมู่บ้านท้ายน้ำโน่นขนข้าวขนของขึ้นมากันแน่ะ ตอนนี้ล่อกับพวกนาคาอสูรซะเลือดกระจายเลย ไปดูกันหน่อยเว้ยเร็วเข้า!!!”
“ เออ!!!! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ !!! ภคินกับอำไพพัฒน์ตะโกนขึ้นพร้อมกัน ทั้งคู่รีบวิ่งออกมาจากกระท่อมขึ้นไปบนวิหคเพลิงแล้วบินตามไป
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ ตูม!! ตูม!! ตูม!! ตูม!! …”
“เฮ้ย ! ตรงนั้นไปเร็วเข้า ” ภคินตะโกนลั่นพร้อมกับนำฝูงวิหคเพลิงไปยังต้นทางของเสียงระเบิดที่ดังก้องไปทั่วป่า เมื่อไปถึงก็ต้องพบกับศพของพวกชาวบ้านและเหล่านาคาอสูรหลายสิบศพแหลกกระจายไปทั่ว เลือดที่
ซ่านกระเซ็นได้กลบสีใบไม้ที่แห้งกรอบจากเพลิงโลหิต แต่ชาวบ้านที่มากลับไม่แตกตื่นเสียรูปขบวนแม้แต่น้อย หญิงสาว 2 คนกำลังออกคำสั่งให้ดูแลผู้บาดเจ็บและตรวจดูผู้เสียชีวิต ส่วนชาวบ้านเองต่างก็ช่วยเหลือกัน
และกันอย่างมีระเบียบ
ภคินบังคับวิหคเพลิงให้ร่อนลงสู่พื้น อำไพพัฒน์ก็ตามมาติดๆ
“รออยู่บนนั้นก่อน” ภคินตะโกนสั่งพวกที่เหลือทันทีที่ลงมาถึง เขาเดินเข้าไปหากลุ่มชาวบ้านแล้วพูดว่า
“พวกท่านรีบเดินทางเข้าเถอะ เดี๋ยวพวกเราจะคอยคุ้มกันให้ ” ภคินกล่าวด้วยน้ำเสียงสภาพนุ่มนวลกับกลุ่มผู้มาเยือน แล้วเสียงเจี้อยแจ้วสดใสของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้น
“รู้แล้วน่า! ไม่ต้องมาทำเป็นสั่ง !” แล้วอีกเสียงหนึ่งก็ตามมาติดๆ
“พวกเจ้าน่ะ! แบ่งกำลังอีกส่วนนึงไปดูแลพวกที่กำลังตามมาข้างหลังไป! พวกเราอีกกลุ่มใหญ่ๆกำลังมาสมทบ”
ภคินกับอำไพพัฒน์เริ่มไม่พอใจเล็กน้อย ทั้งคู่หันมามองยังต้นเสียงทางด้านหลัง แต่แล้วทั้งสองก็ต้องตกตะลึงตาค้างจนหัวใจตกมาอยู่ที่ตาตุ่ม จนขยับไปไหนไม่ได้
“.........นางฟ้า.........”ทั้งคู่คิดในใจ แต่แล้วเสียงตวาดของนางทั้งสองก็รียกสติพวกเขาให้กลับคืนมา
“นี่เจ้าจะจ้องไปถึงไหน !!! บอกให้พวกนั้นไปซักทีสิ !!!” นางไม่พูดเปล่ายังเอานิ้วชี้หน้าแล้วตะคอกใส่ด้วย ทำเอาคนทั้งคู่ถึงกับหน้าเสียทันที
“..............นางมาร..............” ภคินซึ่งได้สติก่อนจึงหันไปสะกิดอำไพพัฒน์ แล้วอำไพพัฒน์ก็หันไปสั่งพวกที่อยู่ข้างบนต่อ
“ ไป.....ไป.....ไปข้างหลัง.......เดินทางมา......ชาวบ้านแล้ว......” แล้วเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงก็ดังลั่นขึ้นจากกลุ่มชาวบ้านที่ต่างรู้สึกขบขันกับความเปิ่นของเขา พัฒน์เริ่มอายจนหน้าแดงพยายามหลบสายตาที่จ้อง
เขม็งของหญิงสาวทั้งคู่ ส่วนภคินเองก็ยังคงตื่นเต้นดีใจไม่หาย
“ไม่ทราบว่าใครคือหัวหน้าหมู่บ้านครับ” ภคินหันไปกล่าวกับกลุ่มชาวบ้านที่กำลังเตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง ชาวบ้านแต่ละคนเพียงส่งยิ้มให้แต่ไม่ได้ตอบอะไร
“เจ้ามีอะไรจะถามมาถามข้านี่ ! เราสองคนเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน!” หญิงสาวหนึ่งในสองพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห ยามนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันยิ่งยากที่จะแยกออกว่าใครเป็นใคร ฝาแฝดสองคนนี้เหมือนกันจนเรียกได้ว่า เหมือนกัน
จนไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย
ภคินพลันคิดในใจ “…………ดูนางทั้งคู่อายุอานามเพียง 18-19 ปีเท่านั้นไฉนเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านได้ ปรกติหัวหน้าหมู่บ้านจะต้องเป็นผู้ใช้เวทย์ขั้นสูงและต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนในหมู่บ้านด้วย..........”
แล้วเขาก็ตัดสินใจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิว่า
“เจ้าทั้งสองอย่าได้ล้อข้าเล่น ตอนนี้ข้าพูดเป็นการเป็นงานนะ !”
หญิงสาวทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน ยิ่งขับเน้นความงามตามธรรมชาติของนางให้มากขึ้นไปอีก คิ้วที่โก่งงอน ริมฝีปากที่เรียวได้รูป ดวงตาที่กลมโตมีประกายสดใส กับสีแดงเรื่อๆที่ปรางค์
แก้มยามหัวเราะยิ่งน่ารักงดงาม จนภคินและอำไพพัฒน์ต้องตาค้างไปตามๆกัน แล้วนางก็ท่องคาถาขึ้นพร้อมกันทันที
“.....ปถวี.....วิบัติทั่วหล้า.....” ทันใดนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแล้วทรุดลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ลงไปอย่างรวดเร็ว ยามฉุกระหุกภคินและอำไพพัฒน์ไม่ทันระวังตัวเสียหลังทรุดลงไปพลันตวาดขึ้น
“......วาโย.....ศุวิน.....” ลมหอบหนึ่งพัดทั้งคู่ลอยขึ้นไป วิหคเพลิงถลาลงมารองรับไว้ไม่ให้ทั้งคู่ตกลงพื้น แล้วรีบบินขึ้นไปรวมกับฝูง พวกที่อยู่ข้างบนต่างพากันตกใจมีสีหน้าเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก
“.......อณุภา....อัสนีบาต....” สายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาก่อนที่ภคินกับอำไพพัฒน์จะทรงตัวได้ อำไพพัฒน์กระโดดออกแล้วถีบวิหคเพลิงกระเด็นออกไปคนละทางจนรอดไปได้ แต่ภคินหันขวับ ชูขวานขึ้นพร้อมกับร่ายคาถา
“......ปถวี.....” ขวานเหล็ก มีเม็ดทรายมาจับกลายเป็นโล่หินแข็งขนาดใหญ่บังตัววิหคเพลิงไว้จนมิด ดูดซับสายฟ้าที่โถมฟาดซัดลงมาจนหมดสิ้น หญิงสาวที่อยู่เบื้องล่างร่ายคาถาต่อเนื่องทันที
“.......เตโช....ปถวี.....วาโย....ศุวิน....” มวลอากาศรอบตัวภคินถูกบีบอัดจนเกิดพายุทรายที่รุนแรงและร้อนละอุ พัดม้วนตัวเข้ามา
“ 3 ลูกเลยเรอะ!” ภคินถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นถึงความสามารถในการใช้เวทย์ขั้นสูงของแฝดสาว พลางหาทางแก้จนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก แต่สาวน้อยทั้งสองยังคงยิ้มกริ่ม โดยไม่มีทีท่าว่าจะออมมือแม้แต่น้อย
พายุทรายบีบอัดเข้ามาทุกขณะเสื้อผ้าของภคินบางส่วนเริ่มไหม้และฉีกขาดด้วยความร้อน
“.........ตายแน่ๆ........”ขณะที่ภคินถอดใจวิหคเพลิงก็แผลงฤทธิ์ขึ้น
“ กี้ !!! ” เสียงวิหคเพลิงร้องลั่น ลมที่แรงกล้ากว่า และไอร้อนที่มากกว่า แผ่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ที่ขี่มันอยู่กลับรู้สึกได้ถึงไอเย็นของมวลอากาศที่ม้วนตัวพัดขึ้นมา มันรุนแรงจนภคินแทบจะตกลงไป ลมพัดหมุน
แผ่ออกไปโดยรอบ จนพายุทั้ง 3 ลูกสลายตัวไปในทันที
ภคินร่ำร้อง “…โชคดี!.... ” ในใจ ส่วนหญิงสาวทั้งสองเริ่มหัวเราะกันอีกครั้ง ซึ่งทำให้ภคินยิ่งหายใจไม่ทั่วท้องทันที
“......เตโช....อัคคนี.....”เสียงอำไพพัฒน์ร่ายคาถาขึ้นจากพุ่มไม้ด้านข้าง พื้นดินที่เท้าของสองสาวกลายเป็นลานลาวา ทั้งสองสะดุ้งเฮือกแต่ยังสงบสต่ายคาถาตอบโต้กลับไป
“......อาโป...ธารา....”
“อย่า!!!!!” ทันทีทีหญิงสาวคนหนึ่งร่ายคาถาอีกคนหนึ่งก็ร้องห้ามทันที แต่ช้าไปเสียแล้ว น้ำจำนวนมากไหลออกจากพื้น ที่จริงมันควรจะทำให้พื้นเย็นลงแต่เมื่อถูกลาวาที่มีความร้อนสูงมากมันกลับระเหยกลายเป็นไอและ
เดือดพล่านอย่างรุนแรง
“......วาโย.....ศุวิน.....” ร่างของทั้งคู่พุ่งขึ้นไปเหนือพื้นหลายเมตรแต่ไอน้ำร้อนยังคงพวยพุ่งตามไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทั้งสองถูกไอน้ำลวกจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนทั่วทั้งตัว ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วงลงมาวิหคเพลิงของ
ภคินและอำไพพัฒน์ ได้บินโฉบ รับทั้งสองออกมายังที่ปลอดภัยไว้ได้ทันท่วงที
ภคิน จับแขนของสตรีนางหนึ่งไว้แน่นนางจ้องหน้าเขาเขม็งไม่พูดไม่จา จนกระทั่งถึงพื้น
“ปล่อยข้าได้รึยัง !” นางตวาดพร้อมกับกระชากแขนออก แต่ภคิน ยังคงตกอยู่ในภวังค์เผลอปล่อยมือไปโดยไม่ได้คิด นางจึงเสียหลักตกจากวิหคเพลิง ภคินรีบเอื้มมือไปคว้าไว้แต่กลับกลายเป็นว่าถูกนางรั้งดึงจนเสียหลัก
กลิ้งตกไปด้วย โดยไม่คาดฝันภคินร่วงลงกระแทกกับพื้นแล้วถูกนางกลิ้งลงมาทับอีกครั้งหนึ่งทั้งคู่กลิ้งต่อไปหลายตลบ จนศีรษะของภคินกระแทกเข้ากับหินก้อนใหญ่อย่างรุนแรงจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ แล้วสลบไป มือทั้ง
สองข้างยังคงโอบกอดหญิงสาวที่นอนทับเขาไว้แน่น
เมื่อเหตุการณ์แปรเปลี่ยนเป็นดังนั้นสาวน้อยก็เริ่มอายจนหน้าแดงและหัวเสีย สะบัดตัวจนหลุดออกจากอ้อมกอดแล้วตบหน้าภคินไปมาอย่างรุนแรงหลายฉาด
“ปล่อยสักทีสิ! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า! เจ้าบ้า!....” นางตบไปหลายทีแต่ภคินยังคงไม่ได้สติ มือของนางเปื้อนเลือดเต็มไปหมด อำไพพัฒน์รีบวิ่งเข้ามาคว้าข้อมือของนางไว้ แล้วกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า
“พอแล้วๆๆ ร...เราขอโทษ.... เราขอโทษพวกเจ้าด้วย .. เค้า .. บาดเจ็บอยู่...ได้โปรดยั้งมือด้วย...”
พอดีกับที่สตรีคู่แฝดอีกนางหนึ่งวิ่งมาถึง จึงเข้ามาโอบกอดนางไว้ กล่าวด้วยความตกใจว่า
“พอแล้วพี่! พอแล้ว! เค้าบาดเจ็บมากรีบรักษาเค้าก่อนเถอะ !” นางพลันฉุกคิดได้ค่อยผลักน้องสาวออก พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า
“พี่ขอโทษ...นภัค....พี่....พี่ตกใจมากไปหน่อย...” ไม่มีคำตอบจากนภัคผู้เป็นน้อง สาว นางกำลังง่วนอยู่กับการร่ายเวทย์รักษาอาการบาดเจ็บของภคินอยู่ กลุ่มนายพราน ลงจากวิหคเพลิงแล้วรีบกรูกันเข้ามาอย่างรีบร้อน
อำไพพัฒน์ชิงกล่าวตัดหน้าก่อนว่า
“ เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก พวกเจ้ากลับขึ้นไปก่นเถอะ ” เขารู้สึกเสียใจที่ภคินไปดูแคลนแฝดสาว แต่ดูท่าว่า คนอื่นๆยังไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหล่านายพรานหลายร้อยคนยังคงมีแววตาอำมหิต และเกลียดชัง จ้องมองมายังสองสาว...........
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น