คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : :: CHAPTER 2 ::
ตลอด 3 วันที่ผ่านมาฮีชอลรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตามเขาไปทุกที่ เสียงชัตเตอร์ที่มาจากไหนสักที่ดูเหมือนจะสร้างความรำคาญให้กับเขาเป็นอย่างมาก และหลายครั้งที่เขาเกือบจะจับได้แต่คนนิรนามคนนั้นกลับหนีไปได้ทุกครั้ง เขาแน่ใจว่าต้องเป็นปาปารัสซี่อย่างแน่นอน..
วันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องเข้าบริษัทเพื่อจะคุยเรื่องงานเปิดตัวในอีกหนึ่งอาทิตย์กว่าๆข้างหน้า รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นมาต้อนรับเมื่อเห็นเฮียวริเดินเข้ามาหาเขาที่ชั้นล่างของอพาร์ทเม้นต์ซึ่งเป็นที่นัดพบระหว่างเขาสองคน
“ มาแล้วหรอครับ “ เขาเอ่ยทักอย่างร่าเริงและพยายามที่จะโผเข้ากอดเฮียวริ แต่ดีที่ว่าเฮียริยกมือปัดห้ามเขาเสียก่อน ชั่วแว่บนึงเขามองเฮียวริด้วยความขุ่นเคืองกับท่าทางเย็นชาของเธอที่กระทำต่อเขา
“ รีบไปบริษัทกันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่นาน “ เธอตัดบทบอกกับชายร่างสูง และเดินนำออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบริษัทก่อน ฮีชอลสบถออกมาเบาๆและตัดสินใจเดินตามออกไป อีกครั้งที่เขารู้สึกถึงเสียงชัตเตอร์ เขาหยุดชะงักและกวาดสายตามองรอบ จนคนที่รออยู่ในรถเปิดกระจกรถลงออกมาถาม
“ หืม มีอะไรหรอ? “
“ เปล่าหรอกฮะ....ผมก็แค่คิดว่าถูกถ่ายรูปแค่นั้นเอง “ ฮีชอลพูดพลางทำสีหน้าให้ดูปกติมากที่สุดพยายามไม่แสดงอาการหัวเสียของเขาออกมาเหมือนเคย เฮียวริทำหน้าสงสัยก่อนที่ฮีชอลจะเปิดประตูรถขึ้นมานั่งข้างหน้าข้างที่นั่งคนขับ
“ คิดไปเองรึเปล่า? “
“ คงงั้นมั้งครับ “ คิดไปเองบ้านเธอสิ...ก็เห็นอยู่ว่าแสงเฟรชมันมีชัดๆ ยังจะบอกว่าคิดไปเอง เหอะ!!!!!
ณ บริษัทเอเจนซี่ยักษ์ในเครือข่ายของตระกูล “ลี”
เมื่อเฮียวริได้พาตัวฮีชอลมาถึงบริษัท ลูกน้องทั้งหลายที่เดินผ่านไปมาก็โค้งทักทายกับผู้เป็นเจ้านายและนายแบบคนใหม่ เธอเพียงแค่เอ่ยรับกับพนักงานซึ่งแตกต่างกับฮีชอลที่ทั้งโค้งตัวอย่างมีมารยาทจนทำให้ใครหลายคนปลื้มใจกับนายแบบคนใหม่คนนี้ และนั่นก็เป็นสิ่งที่เฮียวริพึงพอใจกับการแสดงออกของเขา
“ จากการสำรวจมายอดขายของเสื้อผ้าที่คุณฮีชอลได้ไปเป็นนายแบบให้มียอดขายสูงถึง 80% ทางเจ้าของเขาบอกว่าอยากที่จะได้ตัวคุณฮีชอลไปเป็นแบบให้เขาอีกครั้งหน้าครับ “ เฮียวริยิ้มรับกับข่าวใหม่ ส่วนฮีชอลเองก็ตีหน้านิ่งเหมือนเด็กไร้เดียงสาคนนึง
“ ขอบคุณมากคุณซึงฮยอน แล้วเรื่องการรับงานของฮีชอลล่ะ? ”
“ อ๋อครับ ตอนนี้มีโฆษณาเคลื่อนไหว 20 แห่ง ติดต่อขอจองคิวตัวคุณฮีชอลมากมายเลยครับ ผมคิดว่าถ้าเราไม่เลื่อนการเปิดตัวของคุณฮีชอลให้เร็วขึ้น ผมคิดว่ามันอาจจะทำให้ความนิยมในตัวของคุณฮีชอลลดลงนะครับ “
เฮียวริรับแฟ้มเอกสารการทำสำรวจจากเลขาที่นั่งอยู่ข้างๆ เปิดดูยอดความนิยมของฮีชอล
“ หืม? ฮีชอลติดอันดับในรายชื่อนักแสดงดาวรุ่งหรอ? “ เธอหันไปถามซึงฮยอนอย่างตกใจซึ่งเป็นสตาฟงานดูแลเรื่องของฮีชอลคนนึง แต่คนที่ตกใจมากกว่ากลับเป็นเจ้าตัวที่นั่งฟังอยู่อย่างเงียบ ริมฝีปากบางยกขึ้นยิ้มอย่างพอใจ
“ ใช่แล้วครับ มีข่าวออกมาว่าทั้งคุณฮีชอลกับลีทึกกำลังเป็นที่นิยมมาก เพราะงั้นแล้วผมคิดว่าคุณเฮียวริน่าจะเปิดตัวคุณฮีชอลให้เป็นทางการให้เร็วนะครับ ไม่แน่คุณฮีชอลอาจจะได้มีโอกาสร่วมงานกับลีทึก....”
“ นายพร้อมแล้วหรือยังล่ะ? “
ฮีชอลกลับทำหน้าเหลอหลาเมื่อถูกเฮียวริถามตัดบทสตาฟ
“ ผม.....หรอ? “ อีกครั้งที่เขาทำหน้าเหลอหลาแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง เอ่ยถามราวกับว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไร เฮียวริยิ้มน้อยๆกับท่าทางอากับกิริยาของฮีชอล
“ นายนี่...น่ารักจริงๆเวลาที่ทำหน้าแบบนั้น “ คนที่ถูกชมถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆแก้ขัดเขินและนั่นมันทำให้เขายิ่งดูมีเสน่ห์น่ารักมากกว่าเดิม
“ แล้วคุณจะเอายังไงกับผม? จะเอาผมไปซ่อนงั้นหรอ? “ คำพูดออกจะดูกวนนิดๆทำให้เฮียวริหัวเราะออกมาบ้าง ก่อนที่จะดันส่งแฟ้มเอกสารรายชื่อดาราดาวรุ่งหน้าใหม่ให้กับฮีชอล
“ ถ้าฉันทำแบบนั้นได้ก็คงจะดี แต่ช่วยไม่ได้นายดันเป็นที่นิยมมากเกินไป ฉันคงจะเก็บนายไปซ่อนไม่ได้แล้วละ “
ฮีชอลรับแฟ้มเอกสารมาทำเป็นเปิดดูถึงแม้ว่าเขาจะรู้เรื่องอยู่แล้ว แต่พอยิ่งเห็นชื่อของเขาที่มีอยู่ในหน้าเดียวกับของลีทึกเขาก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก ดารานักแสดงที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี กับนายแบบหน้าใหม่ที่เปิดตัวในการถ่ายแบบได้ไม่กี่อาทิตย์ก็เกือบจะไล่บี้คนที่มาก่อนได้สำเร็จ หึๆ
“ ว่ายังไงเห็นค่าความนิยมของนายแล้ว อยากที่จะเปิดตัวหรือยังล่ะ? “
ใบหน้าสวยของฮีชอลละจากแฟ้มเอกสารขึ้นมองเฮียวริ และสตาฟที่รอคำตอบจากเขาเช่นกัน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะพูดออกมา
“ ถ้าคุณพร้อมจะให้ผมได้เกิด...ผมก็พร้อมที่จะเกิดในโลกใบใหม่แล้วครับ “
“ อ่า ดีเลยครับคุณฮีชอล งั้นผมจะรีบเร่งจัดเตรียมงานการเปิดตัวของคุณฮีชอลนะครับ “ สตาฟหันมาพูดกับฮีชอล เขายิ้มรับและกล่าวขอบคุณอย่างเป็นทางการกับสตาฟทุกคนอีกครั้ง
ฉันพร้อมมาตั้งนานแล้ว...
พร้อมที่จะเกิดในโลกใหม่ พร้อมที่จะส่งคืนทุกอนูความเจ็บปวดให้กับพวกนั้น
----------------------------------------------------------------------
ภายในร้านกาแฟใบหน้าตึงเครียดของหญิงสาวทำให้ใครอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับเป็นห่วง ความคิดสงสัยที่อยู่ในหัวกลับมีเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องของ คิม ฮีชอล ทำไมทุกครั้งที่เธอตามแอบถ่าย ฮีชอลก็จะจับได้ทุกครั้งถึงแม้ฮีชอลจะยังจับตัวเธอไม่ได้ แต่...ถ้ายังเป็นอยู่อย่างนี้สักวันเธอจะต้องถูกจับจนได้แน่ๆ
“ ฮีเจงคิดอะไรอยู่หรอ? “ คยูฮยอนหนุ่มหน้ามนสะกิดเรียกสติของเพื่อนรัก แต่เธอกลับส่ายหน้าไปมาเฉยๆ แต่ถึงจะแสดงอาการอย่างนั้นเขาเป็นคนที่รู้จักฮีเจงดี ถึงจะมีปัญหาเธอคนนี้ก็ไม่เคยจะยอมปริปากพูดออกมาให้ใครต้องเป็นห่วง หลายครั้งที่เขาหงุดหงิดกับอาการปากแข็งบวกดื้อรั้นของฮีเจง
“ หน้าตาเคร่งเครียดขนาดนั้น ไปบอกเด็กอนุบาลว่าไม่มีอะไรพวกนั้นยังไม่เชื่อเลย “
“ ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ “
“ เอา..ตามใจๆ อยากจะบอกก็บอกไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ฉันไม่มีความสำคัญนี่เป็นแค่เพื่อนสมัยวัยเด็กมาหลายปีก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก “
คยูฮยอนพูดประชดประชันคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดูดอย่างไม่พอใจ เขาเบือนหน้าหนีออกนอกร้าน คนที่นั่งตรงข้ามถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบกล้องถ่ายรูปที่เธอวางไว้บนโต๊ะขึ้นมา..แล้วถ่ายรูปของคยูฮยอน
“ ไม่ตลกเลยนะ!!!!! “ คยูฮยอนโวยวายพยายามคว้าเอากล้องของฮีเจง
“ ใจเย็นๆหน่อยสิ “
“ ฉันไม่ใช่ดารานะ มาแอบถ่ายทำไม “
“ หัดคิดอะไรให้มันเป็นจริงหน่อย ใครแอบถ่ายนายกัน? ฉันไม่ได้หลบอยู่ในมุมมืดแอบถ่ายสักหน่อย นายก็เห็นชัดๆว่าฉันถ่ายรูปนาย แล้วนี่ชีวิตฉันก็ไม่ได้มีแต่การถ่ายรูปหน้าเบื่อพวกนั้นหรอก “
รูปแอบถ่ายพวกนั้นถึงแม้มันจะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของบุคคลทั่วไป แต่สำหรับเธอแล้วภาพเหล่านั้นเป็นเพียงแค่เรื่องน่าเบื่อ...พวกที่เหมือนภาพลวงตา ที่ถ่ายมาเพราะเหตุผลเดียวเท่านั้นก็คือ “เงิน”
“ ระดับอย่างเธอถึงอยู่ใกล้ๆแล้วแอบถ่ายก็ไม่มีใครจับได้หรอก “ ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มให้ ฝีมือระดับฮีเจงเขารู้ดีว่าเก่งแค่ไหน
“ ถ้าฉันเก่งขนาดนั้นจริง แล้วทำไมหมอนั่นถึงรู้ตัวทุกครั้งที่ฉันถ่ายรูปเขาล่ะ... “ ความคิดที่เผลอหลุดออกมาเป็นคำพูดของฮีเจงทำเอาคยูฮยอนที่นั่งคุยด้วยถึงกับเลิกคิ้วสงสัย หืม ฮีเจงกำลังพูดถึงใครกันเนี่ย?
“ เออนี่นายรู้มั้ยคนเราดูได้จากการถ่ายรูปนะ “ เมื่อได้สติฮีเจงก็เปลี่ยนเรื่องพลางกดดูรูปของคยูฮยอนเมื่อกี้ที่เธอถ่าย แล้วโชว์ให้คยูฮยอนดู
“ ดูอย่างรูปของนาย ถึงแม้ว่านายจะแสดงอารมณ์ออกมาว่าไม่พอใจ แต่สีหน้าของนายก็ยังดูอ่อนโยนอยู่ดี “
“ ไม่ใช่ว่าฉันหน้าตาดีอยู่แล้วหรอกหรอ “ คยูฮยอนพูดทำเอาฮีเจงอยากจะเอาแก้วน้ำปาใส่หัวคยูฮยอนแรงๆสักที
“ เฮ้ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย ฉันรู้นะว่าเธอคิดจะตีฉัน แต่ยังไงฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเธอกำลังจะบอกอะไรฉัน “
“ คนส่วนใหญ่จะแสดงสีหน้าที่หลอกลวงเวลาถ่ายรูป..หรือจะเรียกว่าเสแสร้งก็ได้... “
“ หืม นี่เธอตามถ่ายนายแบบคนใหม่คนนี้อยู่น่ะหรอ? “ แล้วจู่ๆคยูฮยอนก็พูดแทรกขึ้นมาเมื่อเขากดเลื่อนดูรูปจนมาเจอกับรูปของฮีชอล ฮีเจงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนที่เขาจะยื่นกล้องส่งคืนให้กับเธอ
“ อืม “
“ เท่าที่ฉันดู มีแต่รูปดูดีทั้งนั้นเลย เกิดมาเพื่อเป็นดาราจริงๆ “
“ นายรู้อะไรมั้ยรูปดาราที่ฉันตามแอบถ่ายเกือบทุกคนแสดงสีหน้าตัวตนของพวกเขาออกมา แต่กับเจ้าหมอนี่...ฉันไม่เคยถ่ายรูปถึงหน้าที่แท้จริงได้เลย “ และนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอยังค้นคิดหาคำตอบไม่ได้ รู้แต่เพียงอย่างเดียวว่าผู้ชายคนนี้จะต้องมีอะไรแน่...
“ หืม พูดอย่างนี้แสดงว่าเธอกำลังสนใจหมอนี่งั้นหรอ? ฉันก็เกือบคิดแล้วว่าเธอจะไม่ชอบผู้ชายซะอีก “
“ ปากหรอนั่น - -“” และใช่ ฉันสนใจหมอนั่น “
“ ห๊า!!!!!!!!!! “
“ แต่ไม่ได้สนใจในตัวของหมอนั่นเหมือนพวกผู้หญิงคนอื่นๆหรอกนะ ก็แค่มีความรู้สึกว่าหมอนี่มีอะไรมากกว่าที่เห็น...ไม่รู้สิ “
“ งั้นก็แล้วไป...เออ เดี๋ยวคืนนี้เราไปเที่ยวผับกันมั้ย? “ แน่นอนว่าฮีเจงส่ายหน้าทันที
“ ทำไมล๊า~ วันนี้ฉันได้เงินจากการไปตามหาข่าวของนางแบบที่ชื่อมีเรมา ข่าวเด็ดเลยล่ะ “
“ ข่าวเด็ด? “
“ ก็ไอ้เรื่องข่าวลือที่ว่าตอนนี้เธอกำลังคบหาอยู่กับลีทึกมันคือความจริงนะสิ เพราะงั้นบอสเลยให้ค่าตอบแทนมาซะเยอะแยะเลย เหอๆ “
ใช่แล้วคยูฮยอนเป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง เขาก็มีการใช้ชีวิตไปไม่ต่างกับฮีเจงสักเท่าไหร่ที่ต้องคอยหาเลี้ยงตัวเอง หลังจากที่พ่อแม่ของเขาเองสังเวยชีวิตให้กับอุบัติเหตุเครื่องบินตกในช่วงที่เขามีอายุได้เพียง 10 ขวบ ในเวลานั่นเขาถึงเขาจะรู้สึกเศร้าเสียใจหรือท้อแท้ แต่เขาก็ยังมีฮีเจงที่คอยพูดและให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ จึงทำให้เขาดูจะรักและติดฮีเจงมากกว่าใครเพื่อน...เพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวที่เขาไว้ใจ
“ นะ ไปฉลองกับความสำเร็จเป็นเพื่อนฉันไม่ได้เลยหรอ “ คยูฮยอนแกล้งตีหน้าเศร้า ความจริงแล้วเขาแค่ไม่อยากให้ฮีเจงหมกมุ่นอยู่กับงานมากเกินไป หลายวันมานี้ตั้งแต่รู้ข่าวว่าฮีเจงได้รับมอบหมายงานให้ทำใหม่ก็ดูเธอเครียดมากกว่าทุกครั้ง ก็แค่อยากให้ฮีเจงร่าเริงกว่านี้สักหน่อย...
“ ก็ได้ๆ แค่ไปเป็นเพื่อนนายก็พอแล้วใช่มั้ย? “
“ ฉันรักเธอที่สุดเลย เย้!!!!!!! “
ฮีเจงเอามือปิดหน้าทันทีเหมือนคยูฮยอนดันตะโกนดังลั่นร้าน ทำให้ลูกค้าในร้านต่างหันควับมองมาที่โต๊ะของพวกเขาเป็นตาเดียว ไอ้คนที่ตะโกนดันไม่รู้สึกอะไร...แต่ไอ้คนที่นั่งอยู่เดียวแทบจะมุดโต๊ะหนี
----------------------------------------------------------------------
“ ขอโทษค่ะ ห้องออดิชั่นไปทางไหนค่ะ? ” หญิงสาวมีนามว่า ลีโบซอก กำลังเดินวุ่นอยู่ภายในตึกบริษัทค่ายเพลง PJB Entertainment ที่เธอไม่เคยมีเหยียบที่นี่เลยสักครั้ง ไม่แปลกที่ตอนนี้เธอยังคงหาทางไปออดิชั่นไม่เจอ ถึงแม้ว่าในใบสมัครจะบอกสถานที่วันเวลามาเรียบร้อยแต่ก็ไม่ได้บอกว่าอยู่ห้องไหนเพียงแต่บอกแค่ว่าอยู่ชั้น 8 ของตึก บริษัททั้งใหญ่โตมโหฬาลห้องหับก็เยอะแยะมากมายกับคนที่เพิ่งเคยจะมาเป็นครั้งแรกแบบเธอก็คงยังหาสถานที่ไม่เจอ เมื่อไปถามใครต่อใครกลับได้สีหน้าที่ไม่รับแขกกลับมา..
“ อะไรกันบอกแค่นี้หน่อยก็ไม่ได้ “ โบซอกบ่นออกมาทันทีเมื่อเข้าไปถามกับพนักงานที่เดินผ่านมาพอดีถึงเรื่องสถานที่ของการออดิชั่น แต่คนนั้นกลับเดินจากไปราวกับว่ามองไม่เห็นเธอด้วยซ้ำ เธอจึงตัดสินใจเดินตรวจเช็คทีละห้อง..
“ เดินเปิดทีละห้องแบบนี้ ไม่เจอก็ให้มันรู้ไปสิ -.,- “
ถึงจะทำอย่างนั้นแต่ห้องหับก็มีเยอะแยะมากมายเพราะงั้นบางห้องก็ไม่เจออะไร บางห้องก็เจอคนที่นั่งอยู่แต่ดูก็รู้ว่านั่นไม่ใช่สถานที่ออดิชั่นแน่นอน อาจเป็นเพราะว่าที่นี่เปิดให้ออดิชั่นทั้งวันจึงไม่ค่อยมีใครนัก ส่วนมากเมื่อออดิชั่นเสร็จก็กลับแล้วทางบริษัทก็จะส่งผลกลับว่าติดหรือไม่ติด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะดูเงียบขนาดนี้ และเมื่อเธอมาถึงห้องสุดท้ายที่มีป้ายติดว่า “ ห้องพัก “
“ นี่ก็ห้องสุดท้ายแล้วยังไงก็หน้าด้านเข้าไปถามดีกว่า “ และก็ทันอย่างที่สมองคิด โบซอกจับลูกบิดประตูก่อนที่จะเปิดออก...ยังไม่ทันที่จะอ้าปากถามเธอก็ต้องตาค้างอึ้งและตะลึงกับภาพตรงหน้า มือข้างที่ถือใบสมัครอยู่ก็เหมือนจะอ่อนแรงขึ้นมาจนทำให้แผ่นกระดาษนั้นหลุดมือไปอย่างไม่รู้ตัว
ชายหญิงคู่นึงกำลังแลกจูบกันอย่างดุเดือด..และเมื่อพวกเขาสังเกตุและรับรู้ถึงแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ก่อนที่จะหันไปมองโบซอกก็รีบวิ่งหนีกลับไปทันที ทั้งลีทึกและมีเรต่างก็งุนงงเพราะไงในชั้นนี้เขาไม่ให้ใครขึ้นมานอกจากพวกพนักงานที่เขาสนิทด้วยไม่ใช่หรอ?
“ แย่แล้ว.. “ มีเรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นว่าวิตกกังวล เพราะเธอแน่ใจว่าคนคนนั้นไม่ใช่คนในบริษัทแน่นอน พนักงานที่ไหนจะบ้าแบกกีต้าร์เข้ามาแบบนั้นล่ะ
“ กลัวหรอ? มีข่าวกับฉันมันไม่ดีหรือไง? “ ลีทึกโต้กลับด้วยอารมณ์ไม่พอใจสักเท่าไหร่กับความคิดไร้สาระ มีเรที่อยู่ข้างๆกลับดึงลีทึกเข้ามากอด
“ ฉันกลัวว่าจะทำให้นายเสียหาย... “
“ เรื่องนั้นจะไปกลัวอะไร “
“ แล้วถ้าหากคนนั้นเอาเรื่องของเราเปิดเผยล่ะ “ มีเรเอียงคอถามจ้องหน้าลีทึกอย่างไร้เดียงสา
“ ไม่ดีหรอ? มีข่าวกับฉันเธอจะได้ดังไปด้วย “ ลีทึกพูดออกมาอย่างขำๆ มีเรเองก็ปล่อยหัวเราะออกมาเบาๆถึงกระนั้นคำพูดของลีทึกก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี เออ..ไม่ดังบ้างให้มันรู้ไปสิ หึ
“ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงวันเปิดเทอมแล้ว นายจะมาหรือเปล่า? ” มีเรหยิบยกเรื่องการเรียนขึ้นมาแทน ลีทึกมองก่อนที่จะตอบแบบยิ้มๆ
“ ถ้าไม่มีงานด่วนเข้ามา ก็คงจะไป “
“ อืม ถึงตอนนั้นฉันก็คงจะไม่ค่อยมีโอกาสเจอนายแน่เลย ดาราดังอย่างนายคงจะมีคิวรัดตัว ถ้าได้ทำงานด้วยกันก็คงจะดีสินะ.... ” ใบหน้าหวานของหญิงสาวที่ดูหมองลงทำเอาลีทึกแทบจะจับเธอเข้ามาจูบอีกครั้ง ชอง มีเร แค่อยู่เฉยๆก็ดูมีเสน่ห์จนน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน
“ ฉันจะบอกกับพ่อให้เธอกับฉันได้ทำงานร่วมกัน ดีมั้ยล่ะ? “ มีเรยิ้มกว้างขึ้นมาทันที และผลที่ได้มาก็ดูจะเป็นไปตามแผนของเธอ
“ จริงหรอ! นายต้องให้ฉันได้ทำงานกับนายนะ แค่ให้ฉันอยู่ใกล้ๆนายบ้างแค่นั้นฉันก็พอใจแล้ว “ ลีทึกพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะถูกมีเรโผเข้ากอดอย่างแนบแน่น
“ อ่า..ฉันต้องไปถ่ายแบบต่อแล้วล่ะ มันเลยมาสิบนาทีแล้ว “ มีเรดันตัวเองออกจากอ้อมกอดเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บ่งบอกว่าเธอเลยการถ่ายแบบมาเยอะแล้ว
“ ถ้าหากอยู่กับฉันจะเลยสักสองชั่วโมง ใครมันจะกล้าว่ากันห๊ะ? “ ลีทึกพูดรั้งมีเรแกมอ้อนๆ แต่มีเรส่ายหน้าไปมา
“ ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ งานต้องมาก่อนสิ ถึงแม้ว่าความจริงฉันอยากอยู่กับนายมากกว่าก็ตาม “ ลีทึกหน้ามุ่ย
“ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันไม่สบายใจนะ “
“ ก็ได้... “ แล้วลีทึกก็ฉีกยิ้มอย่างฝืนๆดูก็รู้ว่ายังไงก็เป็นยิ้มที่ไม่เต็มใจเลยสักนิด มีเรยืดตัวขึ้นหอมแก้มชายหนุ่มหนึ่งฟอดแล้วยิ้ม
“ เด็กน้อยของฉัน... “ พูดได้แค่นั้นเธอก็เดินออกจากห้องไป และเมื่อประตูปิดลงก่อนที่เธอจะเดินจากไปเธอก็เหลือบมองเห็นกระดาษใบสมัครของใครสักคนที่ทำตก แต่เพราะว่าเธอสายมามากพอกับงานถ่ายแบบดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเท่าไหร่นัก
ลีทึกเองเมื่อโดนผู้จัดการส่วนตัวโทรเรียกตัวให้ลงมาสัมภาษณ์กับนักข่าว เขาก็ได้เจอกับแผ่นกระดาษใบเดียวกันกับที่มีเรเจอในตอนแรก แต่เขาต่างจากมีเร..
ร่างสูงก้มลงหยิบใบกระดาษขึ้นมา การประมวลผลจากเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เขามั่นใจว่าเธอคนที่เป็นเจ้าของใบสมัครนี้จะต้องเป็นคนที่มาแอบดูเขากับมีเรแน่ๆ
“ เหอะ สงสัยเป็นพวกอยากรู้อยากเห็น แบบนี้ต้องแกล้งเล่นสักหน่อย “ เขากระตุกยิ้มพลางเก็บใบสมัครของโบซอกยัดใส่ลงกระเป๋าด้านหลังของกางเกง
----------------------------------------------------------------------
อ่า..มาอีกตอนนึงแล้ว
คราวนี้อาจจะไม่สั้นแต่ก็ไม่ยาว แบ่งเป็นสามตอน คึ
ตอนหน้าจะเอามาให้ครบๆ ใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป :P
อีกครั้งเรียวต้องขอโทษด้วย
ถ้าหากมีการพิมพ์หรือใช้ภาษาที่ผิดพลาด
เพราะตอนแต่งเรียวเองก็ยังมึนๆเบลอๆ
ฮ่า ฮ่า!
Vote และคอมเม้นด้วยก็ดีนะ! :P
ความคิดเห็น