ท้องนภาที่ยิ่งใหญ่และสูงส่ง ท้องฟ้าที่โอบอุ้มและโอบล้อมทุกสรรพสิ่ง กว้างใหญ่ เจิดจ้า เป็นที่พำนักของดวงตะวันที่แผดเผาร้อนแรง สายลมที่ผันผวน สายฝนที่เย็นฉ่ำ เมฆาที่โดดเดี่ยว อัสนีบาตอันทรงพลัง และสายหมอกอันเร้นลับ นี่คือ....ความน่าหลงใหลของฟากฟ้า
ในยามค่ำคืน เด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งตากลมอยู่เพียงลำพัง เขาเปิดหน้าต่างห้องรับลมเย็นที่พัดเข้ามาเบาๆ อากาศแม้จะเริ่มเย็น แต่ก็ยังไม่จัดว่าหนาวหากเทียบกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ หลายวันมานี้มีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นมากมาย สิ่งที่เขาปฏิเสธมาตลอดและคิดว่ามันไร้สาระกลับกลายเป็นเป้าหมายของใครบางคน ตัวเขาคงจะวิ่งหนีไปแล้ว หากว่าเพื่อนของเขาจะปฏิเสธเรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้เช่นกัน แต่นี่ดูเหมือน...จะไม่มีใครยอมแพ้กันเลยสักคน กระทั่งแรมโบ้ที่เป็นเด็กอายุ 5 ขวบก็ยังต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บ และแม้แต่...ผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนั้น
" ทำไมถึงต้องต่อสู้กันด้วยนะ เพื่ออะไรกัน" ซาวาดะ สึนะโยชิพูดพึมพำกับตนเอง
" เพราะพวกเขาทำเพื่อคุณยังไงล่ะครับ วองโกเล่รุ่นที่ 10" เสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลัง สึนะหันกลับมาในห้อง มีใครบางคนซ่อนตัวอยู่ในเงามืด สึนะพยายามจะเอื้อมมือเปิดไฟ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าสวิทซ์อยู่ที่หน้าประตูต่างหาก
" ฉันจำเสียงนายได้ โรคุโด มุคุโร่" ผู้ถูกเรียกขานว่าวองโกเล่รุ่นที่ 10 เอ่ยขึ้นเพื่อพยายามทำลายความเงียบ แม้ว่าความรู้สึกตอนนี้จะไม่ใช่ความหวาดกลัวขยะแขยงเหมือนเก่าก่อน แต่เขาก็ไม่ได้นึกชอบชายผู้นี้มากมายนักเช่นกัน
" เย็นชาจังนะครับ ผมกับโคลมอุตส่าห์ต่อสู้เพื่อคุณแท้ๆ เพื่อแหวนผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกของคุณ" มุคุโร่เดินออกมาจากเงามืด แสงจันทร์จับไปที่ร่างของเขาซึ่งฉีกรอยยิ้มอย่างอาจหาญเย็นชา เหตุที่เขามายืนอยู่ ณ ที่นี้ได้น่ะหรือ นั่นก็เพราะ.....โคลม ให้โอกาสเขา เด็กสาวคนนั้นรู้ว่าเขาต้องการอะไร และปรารถนาอะไร อยากเห็นหน้ากันตรงๆอีกสักครั้ง อยากสัมผัส แม้จะไม่ใช่ด้วยร่างกายของตัวเอง แต่ก็เป็นร่างกายที่มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก ต้นเหตุแห่งอารมณ์ที่สับสนวุ่นวายนี้คืออะไรกัน เขาไม่ทราบ แต่ต้องการค้นหา
" มาทำอะไรน่ะ อย่าบอกนะว่านายคิดจะแย่งร่างกายของเด็กคนนั้นจริงๆน่ะ" สึนะถามอย่างร้อนใจ
" คุณนี่ยังใจดีเหมือนเดิมนะครับ เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันแท้ๆ"
" นายต่างหากที่ทำตัวยังกับไม่ใช่มนุษย์" สึนะกัดฟันกรอด ถูกต้องที่เขาไม่ต้องการให้ใครเป็นเหยื่อสังเวยของมุคุโร่อีก แต่ความรู้สึกนี้มันก็ พอๆกับที่ไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้ต้องทำความผิดไปมากกว่านี้ แค่นี้....มุคุโร่ ก็รับกรรมอย่างหนักหนาสาหัสพอแล้ว
มุคุโร่ยิ้มเขาเดินเข้ามาประชิดตัวของสึนะ พร้อมกับคว้าจับข้อมือขวาที่เล็กและดูแบบบางไร้กล้ามเนื้อ
" จริงๆคุณก็แข็งแรงขึ้นเยอะนี่ครับ" มุคุโร่วิจารณ์ " ท่าทางคุณครูจะฝึกมาดีนะครับ"
" ไม่ใช่เรื่องของนาย" สึนะพยายามจะสะบัดแขนมุคุโร่ทิ้งแต่ก็ไม่เป็นผล จึงได้แต่ยืนจ้องตาอยู่เช่นนั้น
" ตาของคุณสวยนะครับ" มุคุโร่บอก
" อย่ามาเล่นลิ้นนะมุคุโร่! กลับไปซะ!" สึนะพยายามดิ้นและผลักไส การขึ้นเสียงต่อว่าใครไม่ใช่วิสัยของเขาเลย แต่การมาของเด็กหนุ่มผู้นี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
" ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ...วองโกเล่รุ่นที่ 10 " มุคุโร่โน้มร่างของตนเองลง เขยิบใบหน้าเข้าใกล้เด็กหนุ่ม และ..ค่อยประทับริมฝีปากลงอย่างนุ่มนวล ไม่ใช่การจูบ เป็นแค่การสัมผัสเท่านั้น
" มุคุโร่" สึนะเอ่ยชื่อนั้นขึ้นอย่างยากเย็น รู้สึกแปลกใจที่ตัวเองไม่ได้โกรธ แค่ตกใจเท่านั้น แต่ไม่ใช่แค่สึนะหรอก แม้แต่คู่กรณีของเขาก็นึกแปลกใจอยู่เช่นกัน
" ไม่ขัดขืนหรือครับ ต่อว่าผม เคียดแค้นผม อย่างที่เคยไงครับ" มุคุโร่บอก เขาเชยคางสึนะขึ้นพลางลูบตามใบหน้าเบาๆ ดวงตาคู่นี้ช่างเจิดจ้าราวตะวัน สุกใสส่องประกาย ในความมืดมนอนธการนั่นมีคุณเท่านั้นที่เป็นแสงสว่าง มุคุโร่คิดเช่นนั้นจริงๆ เขากลับมาจากนรก อาจเพียงเพื่อคนผู้นี้ แม้เป็นเวลาสั้นๆที่ได้รู้จัก แต่มันก็มากพอ ว่าที่วองโกเล่รุ่นที่ 10 ผู้นี้มีบางอย่างที่ประทับตราตรึงในใจเขา บางสิ่งที่ไม่อาจสรรหาคำมาอธิบายได้
" นาย ไม่ได้มาร้ายใช่ไหม แล้ว ทำแบบนี้ สร้างร่างกายของตนเองขึ้นมาแบบนี้ ร่างของเด็กคนนี้จะรับได้งั้นเหรอ" สึนะทำหน้าเศร้า เขาจำได้ว่าล่าสุดที่มุคุโร่สร้างร่างตนเองขึ้นมา โคลมถึงกับล้มสลบไป
" เพราะคิดว่าผมไม่ได้มาร้ายจึงไม่ขัดขืนงั้นหรือ คุณลืมไปรึเปล่าว่าผมยอมเป็นผู้พิทักษ์ของคุณเพราะจ้องหาโอกาสยึดร่างกายคุณ นะครับ" เด็กหนุ่มแห่งสายหมอกถาม ไม่เข้าใจเลย เขาไม่มีวันเข้าใจความคิดของวองโกเล่รุ่นที่ 9 ไม่เข้าใจความคิดของผู้ชายที่ขอร้องให้เขาเป็นผู้พิทักษ์ของลูกชายตนเองคน นั้นด้วย สองคนนั่นคิดยังไงถึงจะให้เด็กที่อ่อนต่อโลกและ ซื่อบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้เป็นมาเฟีย โลกนี้มันโสมม แต่เด็กคนนี้ไม่ใช่ ทำไมกัน......
" นายจะไม่ทำแบบนั้นหรอก มุคุโร่ นาย...จริงๆแล้ว นายไม่ใช่คนแบบนั้นนี่ " เสียงของสึนะทำลายห้วงความคิดคำนึงของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มผู้อ่อนโยนจ้องมองดวงตาของอีกฝ่าย เขาไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลย อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่า มุคุโร่.....ไม่ได้น่ากลัว เขาเพียงแต่โดดเดี่ยว แม้รีบอร์นจะบอกให้นึกถึงเรื่องราวที่คนๆนี้เคยทำมา แต่ว่า...ความจริงที่ว่าเรื่องของ โรคุโด มุคุโร่ นั้นช่างน่าเศร้า ก็เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจ
" นี่คุณกำลังเห็นใจศัตรูนะครับ ถ้าคิดจะเป็นมาเฟีย ก็อย่าทำแบบนี้ คุณจะตายเพราะความใจดีของตัวเอง" เด็กหนุ่มใสซื่อผู้นี้คงเห็นบางอย่างสินะ บางอย่างที่เขาพยายามปกปิด แต่ว่าที่วองโกเล่รุ่นที่ 10 ผู้นี้รู้ ให้ตายเถอะ ช่างเป็นบุคคลที่ต่อกรด้วยยากเย็นเสียจริง มุคุโร่คิดเช่นนั้น เพื่อขจัดความคิดที่วุ่นวายซับซ้อน เขาจึงก้มลงสัมผัสริมฝีปากสึนะอีกครั้ง ครั้งนี้เขาโอบกอดเด็กหนุ่ม แนบชิด และสัมผัสถึงไออุ่นจากกาย
" อย่า!มุคุโร่" ว่าที่วองโกเล่รุ่นที่ 10 ร้องขึ้นเบาๆ เขาพยายามผลักไส และถอยห่างด้วยสัญชาตญาณเมื่อเห็นว่าแรงกอดนั้นทวีทับมากขึ้น แต่ทั้งอย่างนั้น....อาจเพราะสงสาร เห็นใจ หรือสมเพชเวทนาก็แล้วแต่ เขากลับไม่กล้าที่จะร้องโวยวายและใช้กำลังขัดขืนมากนัก รู้สึกราวกับว่า มุคุโร่.....
" ถ้าคุณไม่ตั้งใจมากกว่านี้ คุณจะถูกผมกินเอานะครับ วองโกเล่รุ่นที่ 10" มุคุโร่เลียริมฝีปากสึนะ ซึ่งก็ทำให้เด็กหนุ่มแข็งไปทั้งร่าง นี่...เขาควรจะทำอย่างไรดี ไม่ได้อยากถูกรุกรานหรือแตะต้อง ไม่ได้นึกชอบใจด้วย แต่ว่า...
" ถ้าทำแบบนั้นแล้วสามารถปลดปล่อยนายได้.....ก็เอาเถอะ" นั่นคือคำตอบที่แม้แต่มุคุโร่ก็ต้องเบิกตาโพลง
" คุณเวทนาผมอย่างนั้นหรือ!" มุคุโร่ขึ้นเสียง รู้สึกขุ่นเคืองที่ถูกมองกลับมาด้วยแววตานุ่มนวลเช่นนั้น มันไม่ใช่ !ดวงตาที่มองมา มันควรจะเป็นแววตาดุดันแห่งความอาฆาตมาดร้ายและเคืองแค้นสิ
" ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้เวทนานะ แค่รู้สึกว่า น่าจะเป็นแบบนั้น แล้วก็คิดว่า นายจะไม่ทำแบบนั้น " เด็กหนุ่มตอบอย่างพาซื่อ ไอ้การพูดด้วยถ้อยคำสลักสลวยไม่ได้เหมาะกับเขาอยู่แล้ว และยิ่งคนตรงหน้าคือ โรคุโด มุคุโร่ ยิ่งต้อนเขาให้อับจนคำพูด สิ่งที่เปล่งออกมาจึงเป็นเพียงความรู้สึกลึกๆ
" แล้วคุณจะรู้ว่าผมทำได้ยิ่งกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ!" ความเดือดดาลปะทุขึ้นอย่างจัง น้ำคำที่อบอุ่นแบบนี้ เปี่ยมด้วยความไว้วางใจเช่นนี้ ทำไมมันถึงบาดหูยิ่งกว่าคำต่อว่ากร่นด่ากันนะ เขาผลักร่างของสึนะลงกับพื้นห้อง แม้จะมีท่าทีตกใจ แต่สึนะก็ไม่ได้หวาดกลัว แม้จะรู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่ความรังเกียจ อาจเพราะ....นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง อย่างที่เขาเคยเป็น ไม่ต้องปกป้องใคร ไม่ได้ถูกคาดหวังให้ทำอะไร ถ้าแบบนี้แล้วดีสำหรับมุคุโร่...มันก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
" นายไม่ได้มาทำร้ายใครจริงๆนั่นล่ะ ดีจังนะ" สึนะแค่นยิ้ม และยินยอมให้มุคุโร่ทาบกายลงมาบนตัวเขาอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มแห่งมายาจุมพิตและลูบไล้เส้นผมของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล นี่คือสัมผัสอย่างนั้นหรือ ช่างอ่อนโยนและอบอุ่น เด็กหนุ่มแห่งนภาผู้นี้ยินยอมให้เขากอด เพียงเพราะความรู้สึกสงสารแค่นั้นน่ะหรือ ที่ไม่แค้นเคือง ไม่โมโห นั่นก็เพราะ...เขาไม่ได้ทำร้ายใครล่ะสินะ ใช่...ตอนนั้น เด็กหนุ่มที่อ่อนแอกลับลุกขึ้นสู้กับเขาอย่างสุดชีวิตเพื่อช่วยเหลือพวกพ้อง คำพูดด่าทอและน้ำเสียงเคร่งขรึมนั่น เพื่อพวกพ้อง .....ตอนนั้นก็เช่นกัน แหวนที่ถูกฉกชิงไปเพราะความอ่อนโยน แค่ชีวิตเด็กคนเดียวถึงกับยอมทิ้งโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่มี และ....ยังอุตส่าห์ขอบคุณได้แม้กระทั่งศัตรู อา.....รู้แล้ว นี่อาจเป็น สิ่งที่เขาข้องใจมาตลอด คนๆนี้ มีในสิ่งที่เขาไม่มีนั่นเอง
" คุณ ไม่ได้คิดจะทำอะไรเพื่อตัวเองเลยรึครับ" นั่นคือคำถามของมุคุโร่
" อย่างไหน คือเพื่อตัวเองที่นายว่า ฆ่าฟัน ต่อสู้ ทำร้ายกัน อย่างนั้นน่ะเหรอ"
" จะอย่างนั้นหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่คุณที่เป็นแบบนี้น่ะ..ช่างน่าหมั่นไส้จริงๆนะครับ" มุคุโร่ฉีกยิ้มเย็นชาให้
" ฉัน ไม่ได้นึกอยากได้อะไร ก็แค่อยากอยู่กับคุณแม่ อยากให้เคียวโกะจังชอบ ถ้าได้คำชมจากคุณครูสักนิดก็ดี และได้อยู่ร่วมกับเพื่อนสนิท ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ทำการบ้านหรือเรียนเสริมด้วยกันบ้าง มันไม่ดีตรงไหนอย่างนั้นหรือ เพราะอะไร......บอกฉันหน่อยสิ มุคุโร่ ! ทำไม ทั้งยามาโมโตะ โกคุเทระ คุณพี่ แรมโบ้ คุณฮิบาริ หรือแม้แต่นาย ถึงต้องสู้เพื่อแหวนพวกนี้ด้วย! ฉันไม่แคร์เสียหน่อยว่ามันจะตกเป็นของใคร และก็ไม่ได้อยากเป็นวองโกเล่รุ่นที่ 10 อะไรนี่ด้วย!" พอโพล่งออกมาแบบนี้ น้ำตาก็อดที่จะไหลลงอาบแก้มไม่ได้ นี่คง...เป็นสิ่งที่เขาอยากพูดมาตลอดสินะ ทั้งที่พูดกับใครไม่ได้ แต่ทำไม ถึงยอมบอกคนที่เคยเป็นศัตรูง่ายๆแบบนี้นะ
" เพื่อคุณยังไงล่ะครับ ซาวาดะ สึนะโยชิ" มุคุโร่ตอบพลางใช้นิ้วปาดน้ำตาของเด็กหนุ่ม
" เพื่อฉัน! แบบนั้นก็เลิกสู้ซะสิ!" สึนะโต้
" ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ยังไงล่ะครับ พวกเขาถึงต้องปกป้องคุณ"
" ปกป้อง?!"
" ลองคิดดูสิครับ ถ้าคุณเข้มแข็งพอ ก็คงไม่มีใครต้องหลั่งเลือด แต่เพราะคุณมันอ่อนแอไร้ความสามารถ พวกนั้นถึงต้องพยายามแทบล้มประดาตาย" มุคุโร่ยิ้มให้แต่วาจานั้นช่างแดกดันเหลือคณา เขาลุกขึ้นยืน ปล่อยให้สึนะนอนร้องไห้อยู่บนพื้น
" เพราะฉัน..อ่อนแอ" ใช่....ถ้าเขาแข็งแกร่งกว่านี้ ถ้าทำให้วองโกเล่ยอมรับว่าตนเองมีคุณสมบัติที่จะเป็นวองโกเล่รุ่นที่ 10 ตั้งแต่ต้น แซนซัสก็คงไม่มาที่นี่ ไม่เกิดศึกนี้ และ...จะไม่มีใครบาดเจ็บ
" ผมถึงได้บอกให้คุณมอบร่างกายให้ผมซะเถอะครับ ถ้าเป็นผม ก็จะไม่มีใครปฏิเสธสถานะของรุ่นที่ 10 ได้" มุคุโร่สำทับอีก
" ไม่!" สึนะตะโกนตอบโต้ เขายันร่างตนเองขึ้น และยืนจ้องหน้าสายหมอกมายานั้นอีกครั้ง " ถ้าเป็นนาย นายจะทำยังไงกับศึกนี้ล่ะ"
" ง่ายๆครับ.....ผมก็จะฆ่าทุกคนที่ขวางทางซะ เมื่อได้แหวนแห่งวองโกเล่มาครบ เรื่องก็จบ ง่ายใช่ไหมล่ะครับ"
" ไม่ได้! ฉันจะไม่ยอมให้นายทำแบบนั้น นายจะทำร้ายคนอื่น เรื่องแบบนั้น..."
" คุณต่อต้านผมไม่ได้นานหรอกครับ"
" ต้องได้สิ โรคุโด มุคุโร่ ฉันจะไม่มีวันมอบร่างกายนี้ให้นายเด็ดขาด!" สึนะประกาศกร้าว
" โฮ่ กล้าดีนี่ครับ แล้วถ้าผมจะแย่งร่างกายของคุณตอนนี้ ไม่ทราบว่าจะต่อต้านยังไงรึครับ" เด็กหนุ่มแห่งสายหมอกกอดอก อมยิ้มอย่างมาดมั่น ดวงตาข้างขวาเริ่มส่องประกาย ตามปกติ สึนะคงจะต้องร้องเรียกรีบอร์นแล้ว แต่ตอนนี้ เขารู้ดีว่า การเอาตัวรอดโดยหนีไปเรื่อยๆนั้น...เป็นไปไม่ได้ แม้จะไม่มีหนทาง แต่สึนะก็ยืนอยู่เช่นนั้น จ้องไปที่ดวงตาอีกฝ่าย หากมีการเคลื่อนไหว เขาก็จะหลบ อย่างน้อยมุคุโร่ก็คงอาศัยร่างของโคลมอยู่ได้ไม่นานหรอก ทว่า....
" เอาเถอะ จะยอมรามือไปก่อนนะครับ" มุคุโร่ยิ้มให้ รู้สึกขมขื่นระคนดีใจอย่างหาสาเหตุให้ตนเองมิได้
" เอ๋!"
" ก็ผมยังนึกไม่ออกว่าควรจะกินคุณก่อนหรือยึดร่างกายคุณก่อนดีนี่ครับ วองโกเล่รุ่นที่ 10" ประกายไฟที่ดวงตาหายไปแล้ว เด็กหนุ่มเบื้องหน้าสึนะได้แต่อมยิ้มและสาวเท้าก้าวเข้ามาใกล้อีกครั้ง คราวนี้เขาคุกเข่าลง ดึงมือขวาของเด็กหนุ่มแห่งนภาขึ้นจุมพิตอย่างแผ่วเบา
" อะ......"
" จนกว่าจะถึงเวลาที่ผมตัดสินใจได้ กรุณารีบๆเข้มแข็งขึ้นด้วยนะครับ ท้องนภาของผม" สิ้นประโยค สึนะรู้สึกเหมือนมีลมกรรโชกแรงผ่านเข้ามา ไม่สิ...มันเหมือนม่านหมอกมากกว่า หมอกมายาที่ไร้ตัวตนครอบคลุมไปทั่วสติสัมปชัญญะของเขา .......สึนะล้มลงในอ้อมกอดของมุคุโร่ เด็กหนุ่มหลับใหลไปเสียแล้ว
มุคุโร่อุ้มร่างนั้นวางลงบนเตียงพิศดูใบหน้านั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโน้ม ลงจุมพิตที่ริมฝีปากอีกครั้ง เพราะเป็นฟากฟ้าที่สูงส่งจึงมิอาจทำสิ่งใดตามแต่ใจ เพราะเป็นท้องฟ้าที่ต้องแบกรับทุกสิ่งจึงต้องเป็นผู้ที่ใจกว้างและอ่อนโยน ยิ่งกว่าผู้ใด หากนภามิได้เป็นเช่นนั้น ไฉนเลย สิ่งที่ขัดแย้ง เอาแต่ใจ และต่างก็เย่อหยิ่งจองหองอย่าง แสงตะวัน วายุ พิรุณ เมฆา อัสนี และสายหมอก จะได้ยอมสวามิภักดิ์ด้วย
" ทั้งที่มีคุณสมบัติแห่งนภาแท้ๆ แต่กลับไม่มีความทะเยอทะยานเลยนะครับ ซาวาดะ สึนะโยชิ" เงาร่างของมุคุโร่หายไปราวสายหมอก ลึกลับ น่าสะพรั่นพรึง แต่ก็โอบล้อมและคอยพิทักษ์มิห่างกาย จะเป็นเช่นนี้ตราบนานเท่านาน ไม่ใช่เพื่อพวกมาเฟีย ไม่ใช่เพื่อวองโกเล่ ไม่ใช่เพื่อเพื่อนพ้องหรือความสำนึกผิด หากแต่....เพียงเพื่อฟากฟ้าอันสูงส่งนี้...เท่านั้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น