คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สมาชิกปัจจุบัน
สมาชิกปัจจุบัน
คือสมาชิกระดับสูงของแสงอุษาที่สวมแหวนและแต่งเครื่องแบบเสื้อคลุม ออกปฏิบัติภารกิจลับสำคัญและเป็นอันตรายอย่างสูง
[แก้]เซ็ตซึ
คู่หู : ไม่มี(เพราะมีตัวเองอยู่แล้ว2คนในร่างเดียว)
เซ็ตซึ (ゼツ Zetsu) ทำหน้าที่เป็นสายลับของแสงอุษา ความสามารถของเขาช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่ของเขาทำได้ง่ายเพราะว่าเขาสามารถแทรกตัวเข้าไปในสิ่งต่างๆและเดินทางไปที่ใดก็ได้ทันที เขายังสามารถย้ายร่างกายของเขาและเข้าแทรกแซงระหว่างที่กำลังทำพิธีกรรมลับของแสงอุษาซึ่งต้องการความปลอดภัยสูงไปด้วยได้ ทำให้เขาสามารถเฝ้าระวังแขกไม่ได้รับเชิญในขณะที่กำลังประกอบพิธี และเนื่องจากหน้าที่ที่เขาต้องทำ เซ็ตซึจึงเป็นสมาชิกแสงอุษาคนเดียวที่ไม่มีคู่หู ถึงอย่างนั้น เซ็ตซึก็ยังมีความสำคัญต่อสมาชิกคนอื่นๆ ในการรายงานความเคลื่อนไหว ซึ่งสมาชิกแต่ละคนจะส่งข่าวให้กับเซ็ตสึมากกว่าส่งให้เพนโดยตรง
หัวของเซ็ตซึถูกปกปิดด้วยกาบหอยแครงขนาดใหญ่ ที่ยังคงปกปิดร่างกายส่วนใหญ่ของเขาด้วย เซ็ตซึเป็นพวกกินเนื้อสดๆ คอยกินร่างที่พวกแสงอุษาไม่ต้องการให้ถูกพบเพื่อเก็บรักษาความลับ ทำให้เขามีหน้าที่เป็นนินจานักล่าด้วย เขายังทำหน้าที่เก็บแหวนของสมาชิกแสงอุษาที่ตายไปแล้ว โดยเซ็ตสึมีลักษณะเหมือนคนสองบุคลิกในร่างเดียว ซึ่งจะแบ่งร่างกายฝั่งขวาของเซ็ตซึเป็นสีดำในขณะที่ฝั่งซ้ายเป็นสีขาว จากเนื้อเรื่องจะพบว่าครึ่งสีดำของใบหน้าจะมีเสียงทุ้ม ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจะมีเสียงแหลมกว่า และทั้งสองฝั่งมักจะพูดคุยกันเอง (ทางความคิด) และบ่อยครั้งที่มีความเห็นต่างกัน ในมังงะตอนที่ 553 เซ็ตซึสีขาวตายแล้ว เพราะถูกอุจิวะ ซาสึเกะใช้พลังของเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์
[แก้]โทบิ
ชื่อจริง:อุจิวะ โอบิโตะ คู่หู : เดอิดาระ(เสียชีวิต)
โทบิ (トビ Tobi) เข้าร่วมกับแสงอุษาหลังจากการตายของซาโซริ เขาเข้าแทนที่ในตำแหน่งคู่หูของเดอิดาระ บุคลิกของโทบิต่างจากสมาชิกคนอื่นๆของแสงอุษา ซึ่งมักจะจริงจังและอุทิศตัวเองกับภารกิจ แต่โทบิมีนิสัยที่ตลกขบขันและดูไร้ความกังวล ซึ่งนิสัยนี้สร้างความรำคาญให้กับเดอิดาระ และเขามักจะจัดการโทบิด้วยท่าแก้เผ็ดที่ตลกขบขันในทุกครั้งที่โทบิสร้างความรำคาญให้เขาโดยไม่ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม คิซาเมะกลับชื่นชอบบุคลิกของโทบิที่สร้างความครึกครื้นรื่นเริงให้กับ “องค์กรที่มืดมน” ได้และเป็นผู้ที่นำจิ้งจอกเก้าหางมาบุกโคโนฮะนั่นเอง
หลังจากเหตุการณ์การปะทะกับซาสึเกะของเดอิดาระและโทบิ เขาได้ย้อนกลับไปออกคำสั่งกับ เพน ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแสงอุษา และเขาได้เผยตัวตนออกมาว่าเขาคือ อุจิวะ มาดาระ ในระหว่างการสนทนา จุดประสงค์ที่ มาดาระ ก่อตั้งแสงอุษาขึ้นเพื่อซ่อนความเคลื่อนไหวและจุดประสงค์ในฐานะมาดาระไว้เบื้องหลังองค์กร บุคลิกและการพูดของมาดาระนั้นต่างกับโทบิอย่างสิ้นเชิง โดยมักจะใช้คำที่สุภาพน้อยกว่าและคำพูดแสดงถึงความเย่อหยิ่งของตัวร้าย ตามเนื้อเรื่องนั้นเขายังคงปกปิดตัวจริงและอยู่ในฐานะของโทบิต่อไป ในการปะทะกับกลุ่มของนินจาโคโนฮะในภายหลังจากการเปิดเผยตัวมาดาระกลับไปแสดงนิสัยเหมือนโทบิตามเดิม
ด้วยใบหน้าที่แท้จริงของโทบิยังคงเป็นปริศนา ยกเว้นแต่ผมสีดำที่ชี้ขึ้นเท่านั้น เขาสวมหน้ากากที่ปกปิดใบหน้ายกเว้นตาขวาของเขาที่มีเนตรวงแหวน เขายังมีกลอนหรือเข็มที่แขนเสื้อของชุด ตอนนี้ถูกทับด้วยเสื้อคลุมของแสงอุษา นอกจากนี้โทบิยังเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สวมกระบังหน้าเหมือนนินจาคนอื่น วิชานินจาที่เผยออกมาแล้วคือ วิชานินจาย้ายมิติ ที่สามารถย้ายตนเองหรือผู้อื่นไปอยู่ในมิติที่คล้ายห้องเต็มไปด้วยกล่อง และสามารถไปที่ไหนก็ได้ตามต้องการ วิชานี้ยังสามารถปล่อยให้การโจมตีทะลุผ่านตัวเขาและทนต่อการโจมตีทางกายภาพ ในตอนปะทะกับกลุ่มนินจาโคโนฮะที่ออกตามตัวซาสึเกะและต้องการหลอกใช้ซาสึเกะไปทำลายโคโนฮะถึงแม้อิทาจิจะห้ามไว้แล้วเต่ก็ไม่สำเร็จ
โฉมหน้าที่แท้จริงก็เผยขึ้น ตัวจริงของโทบิ นั้นคือ อุจิฮะ โอบิโตะ ซึ่งใครหลายคนคิดว่าตายไปแล้ว
[แก้]อดีตสมาชิก
อดีตสมาชิกคือ สมาชิกที่ถอนตัวออกจากกลุ่ม หรือสมาชิกที่เสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจ
[แก้]โคนัน
สาเหตุ : ถูกโทบิฆ่าตายในมังงะตอนที่ 510
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : เพน (นางาโตะ)
เทพธิดารับใช้ ใช้วิชาเทพผู้ใช้กระดาษ ใช้กระดาษเป็นอาวุธ โคนัน เป็นคุโนะอิจิเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มแสงอุษา มีเอกลักษณ์ที่ดอกไม้ประดับบนผม และมักจะเห็นเธออยู่ข้างเพนเป็นประจำ อดีตของโคนัน เธอและเพื่อนอีกสองคน คือ นางาโตะและยาฮิโกะ เป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไปในสงครามระหว่างแคว้นในหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ และในอดีตนั้นพวกเธอทั้งสามก็ได้พบกับ สามนินจาแห่งโคโนะฮะ ซึ่งหลังจากพบกัน จิไรยะก็ตัดสินใจที่จะดูแลเด็กๆทั้งสามคน และรับเธอกับเพื่อนเป็นศิษย์ชั่วคราว เพื่อให้พวกเขาเข้มแข็งพอที่จะดูแลตัวเองได้ พวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นเวลาสามปี จนถึงวันที่จิไรยะมั่นใจว่าเด็กๆเติบโตขึ้นจนดูแลตัวเองได้แล้ว เขาก็จากมา พร้อมกับย้ำให้เด็กๆรู้ว่า พวกเขาได้เติบโตขึ้นแล้ว และต่อไปในภายหน้าก็ต้องใช้ความสามารถของตัวเองเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านและโลกใบนี้ด้วยตัวเองให้ได้ อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอและเพื่อนถูกเข้าใจว่าตายในสงครามไปแล้ว สำหรับบทบาทในองค์กรแสงอุษา โคนันถือได้ว่าเป็นคนที่มีความสำคัญในฐานะ คู่หูและผู้ช่วยส่วนตัวของหัวหน้า เธอเป็นคนเดียวที่ได้อยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาและไม่เคยเห็นเธอออกไปรับภารกิจข้างนอกเหมือนสมาชิกคนอื่นเลย รวมทั้ง โคนันเป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เรียกชื่อ เพน ห้วนๆได้ด้วย
โคนันมีความสามารถในการใช้กระดาษและสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นกระดาษ ดูเหมือนจะเป็นความสามารถที่มาจากความชอบส่วนตัวของเธอในการพับกระดาษ (origami) เมื่อเธอเปลี่ยนตัวเองเป็นกระดาษแล้ว ก็จะสามารถควบคุมได้แบบแยกเป็นเดียว หรือ รวมกระดาษเหล่านั้นเข้าเป็นรูปร่างต่างๆก็ได้ เช่น ผีเสื้อ ดอกไม้ จรวดกระดาษ หรือ อาวุธโจมตี เป็นต้น นอกจากนี้ เธอยังเคยสร้างปีกทั้งสองข้างจากกระดาษด้วย ซึ่งเมื่อเธอเข้าสู่รูปร่างแบบนี้แล้วก็จะถูกเรียกว่า เทพธิดาผู้ส่งสาร ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักทั่วไปในหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ เนื่องจากเป็นรูปร่างที่จะปรากฏในฐานะผู้ส่งสารของเพน ที่เปรียบเสมือนพระเจ้านั่นเอง อย่างไรก็ตามวิชาของเธอก็มีจุดอ่อนตรงที่ จะถูกน้ำหรือของเหลวไม่ได้ เพราะจะทำให้กระดาษติดกันและสูญเสียความแข็งในการจับยึดตัวเองเข้าด้วยกัน
หมายเหตุ : 1ในลูกศิษย์ของจิไรยะก่อนมินาโตะ
[แก้]โอโรจิมารุ
สถานะ : เนื่องจากเขาขโมยแหวนไปด้วย ทำให้สมาชิกแสงอุษาเหลือเพียง 9 คน และไม่มีใครเข้ามาแทนที่(แต่เพนมาแทนที่ในฐานะหัวหน้าองค์กร
คู่หูในอดีต : ซาโซริ
โอโรจิมารุ (大蛇丸 Orochimaru) นินจาที่ถอนตัวจากโคโนฮะคะกุเระ เขาได้เข้าร่วมแสงอุษาหลังจากที่ออกมาจากโคโนฮะ และจับคู่กับซาโซริโอโรจิมารุพยายามใช้ความสามารถของเขาในการขโมยร่างอิทาจิที่เข้ามาเป็นสมาชิกในตอนหลังเพราะต้องการเนตรวงแหวนของตระกูลอุจิวะและซาโซริต้องการร่างมาเป็นหุ่นของเขา แต่อิทาจิตอบโต้และมีพลังเหนือกว่าโอโรจิมารุ(และอาจเป็นเพราะคนหนึ่งแทนหมู่บ้านหนึ่งก็ได้) และทำให้โอโรจิมารุอับอายจึงคิดหนีออกจากองค์กรหลังจากนั้น โอโรจิมารุได้นำมือข้างที่ขาดจากการต่อสู้และแหวนแสงอุษาที่ใส่อยู่ไปด้วย เนื่องจากเขาเป็นผู้รู้ความลับและแผนการของแสงอุษาหลาย สมาชิกของแสงอุษาจึงมีแผนการที่จะกำจัดเขาอยู่ในกำหนดการด้วยเช่นกัน
(สาเหตุที่อาจเรียกได้ตายแล้วเพราะ ว่าโดนอิทาจิใช้ดาบ1ใน2ตำนานที่โอโรจิมารุต้องการแทงเข้าทำให้เขาอยู่ในโลกแห่งฝันร้ายตลอดกาลไม่สามารถกลับมาได้ ตอนที่อิทาจิปะทะกับซาสึแกะ แต่มีส่วนหนึ่งกลายเป็นงูขาวหนีออกมาจากร่างอุจิวะ ซาสึเกะ แต่ก็โดนเทวีสุริยาของอิทาจิเผาตาย หลังจากที่อิทาจิใช้อิซานามิกับคาบูโตะหยุดคาถาสัมปเวสีคืนชีพ ซาสึเกะได้ใช้ไคจาโฮอินเพื่อเรียกโอโรจิมารุออกมาจากตัวอังโกะ ทำให้อักขระสาปในตัวอังโกะหายไป โดยไม่สนใจในสงคราม และเอาจักระของตัวเองออกจากคาบูโตะ แล้วรร่วมเดินทางไปกับพวกซาสึเกะ
[แก้]เดอิดาระ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : ซาโซริ, โทบิ
เดอิดาระ (デイダラ Deidara) นินจาที่ถอนตัวจากอิวะคะกุเระ ก่อนที่จะเข้าร่วมกับแสงอุษา เดอิดาระเป็นผู้ก่อการร้ายวางระเบิดรับจ้าง ซึ่งงานของเขาดึงดูดความสนใจของเพน และได้ส่งสมาชิกแสงอุษาคนอื่น มารับตัวเดอิดาระมาเป็นสมาชิกใหม่ แม้ว่าเดอิดาระจะปฏิเสธแต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเข้าร่วมกลุ่มหลังจากที่พ่ายแพ้ต่ออิทาจิ นอกจากนี้เดอิดาระยังคงมีตั้งใจที่จะกลับมาเอาชนะอิทาจิให้ได้ในอนาคต จึงได้ฝึกฝนเทคนิกพิเศษเพื่อเอาชนะวิชาลวงตาของอิทาจิไปด้วย เดิมทีเดอิดาระปรากฏตัวเป็นคู่หูของซาโซริ ซึ่งมีความมาสารถทางศิลปะและเข้าใจสิ่งที่เดอิดาระนับถือ เดอิดาระจับคู่กับโทบิหลังการตายของซาโซริ โดยเดอิดาระมองโทบิเหมือนกับรุ่นน้องหรือลูกศิษย์ แม้ว่านิสัยของโทบิจะทำให้เดอิดาระรำคาญ แต่เดอิดาระก็ดูแลโทบิเป็นอย่างดี คอยกันโทบิออกมาจากอันตราย แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาก็ยังระรึกขอโทษโทบิในใจ (ในการระเบิดตัวตายซึ่งกินวงกว้างและอาจจะทำให้โทบิตายไปด้วยเพราะหนีไม่ทัน)
วิชาต่อสู้ของ เดอิดาระ คือใช้ฝ่ามือซึ่งมีปากพิเศษในการสร้างดินระเบิด (起爆粘土 Kibaku Nendo) ดินที่ผสมจักระที่จะระเบิดเมื่อเขาออกคำสั่ง โดยคำสั่งที่เขาใช้ก็คือ คัตสึ (喝 "Scold") โดยแรงระเบิดนั้นขึ้นอยู่กับจักระที่เขาใช้เข้าไปในดิน ดินของเขาสามารถออกมาในรูปแบบใดหรือขนาดใดก็ได้ จากขนาดเล็กมากจนถึงร่างเลียนแบบตัวเขาที่สูงเสียดฟ้า เดอิดาระชอบพูดว่างานสร้างสรรค์ของเขาเป็นศิลปะ เชื่อว่าสิ่งที่สวยงามที่สุดคือการระเบิด ความเลื่อมใสในศิลปะของเขานั้นทำให้เขาเชื่อว่ามันไม่มีทางแพ้ได้และทำให้เขากลายเป็นคนที่มั่นใจมากเกินไป เดอิดาระจะปรับรูปแบบการใช้ระเบิดตามลักษณะของภารกิจ โดยเขาจะกำหนดขนาดระเบิดระหว่าง C1 ถึง C4 ซึ่ง C1 คือระเบิดที่ธรรมดาๆ และ C4 คือระเบิดที่รุนแรงที่สุดและมีการโจมตีที่ซับซ้อนที่สุด นอกจากนี้เดอิดาระยังมีวิชาลับคือปากที่บริเวณหน้าอกที่เมื่อใส่ดินเข้าไปก็จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นระเบิดมีชีวิตที่มีรัศมีการทำลาย 10 กิโลเมตร เดอิดาระตัดสินใจใช้วิชานี้ในการต่อสู้กับซาสึเกะหลังจากพบกับความยากลำบากในการเอาชนะ และเขามั่นใจว่าวิชานี้จะชนะเพื่อพิสูจน์ว่าศิลปะของเขาอยู่ในระดับสูงสุด
[แก้]ฮิดัน
สาเหตุ : ยังไม่ทราบความเป็นตายเพราะ ความอมตะของส่วนหัว
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : คาคุสึ
ฮิดัน (飛段 Hidan) คู่หูปากดีของคาคุสึ ฮิดันเป็นสาวกของศาสนาจาชิน (เทพปีศาจ) เป็นศาสนาที่บูชาเทพเจ้าซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อลัทธิ และเชื่อว่าทุกสิ่งจะอยู่ภายใต้การพิพากษาลงทัณฑ์ของเทพปีศาจ โดย ฮิดันจะต้องภาวนาต่อจาชินทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ เพื่อขอพรสำหรับการสังหารที่ลุล่วงหรือขอการประทานอภัยหากเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าคู่ต่อสู้ โดยหลังจากการต่อสู้ ฮิดันจะทำพิธีกรรมต่ออีกเป็นเวลา 30 นาทีตามความเชื่อทางศาสนาและจบด้วยการแทงตัวเองที่หน้าอกขณะที่นอนอยู่กับพื้น โดยเขาจะได้รับการมีชีวิตอมตะเป็นการตอบแทน ฮิดันสามารถรอดชีวิตจากการบาดเจ็บสาหัสได้แม้กระทั่งถูกตัดหัวก็ตาม (แต่ถึงจะรอดชีวิตก็ต้องมีการเย็บเชื่อมต่อมันกลับเข้าหากันเพื่อกลับมาใช้ร่างกายตามปกติ) โดยคาคุสึจะใช้ความสามารถในการช่วยต่อชิ้นส่วนที่จาดจากกันให้และทำให้บาดแผลของเขารักษาได้ทันเวลา การที่ฮิดันมีวีตอมตะไม่ยอมตายนั้นก็เป็นประโยชน์ต่อคาคุสึเช่นกัน เพราะคาคุสึนั้นมักจะอารมณ์ไม่มั่นคงและอาจสังหารคู่หูได้โดยง่าย แต่กับฮิดันเขาสามารถโจมตีฮิดันได้เท่าที่เขาต้องการโดยไม่ต้องกังวลว่าคู่หูจะตาย ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ชอบทำงานร่วมกันและมีปากเสียงกันเสมอ แต่จากความสามารถเหล่านี้ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมในอุดมคติเลยทีเดียว
ระหว่างการต่อสู้ ฮิดันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ศัตรูเกิดบาดแผลเลือดไหลและหาทางสัมผัสกับเลือดนั้น(แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม) หลังจากนั้นเขาจะวาดสัญลักษณ์บนพื้นเพื่อใช้วิชาลับในการเชื่อมต่อร่างกายของเขาเข้ากับศัตรู โดยวิชานี้ ฮิดันจะจำแลงกายคล้ายกับยมทูตและ ร่างกายของตัวเขาเองจะมีความสามารถคล้ายตุ๊กตาวูดู(ตุ๊กตาสาปแช่ง) ทำให้การโจมตีทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของฮิดัน ไปส่งผลบาดเจ็บที่ศํตรูแทน ฮิดันสนุกนานกับการโจมตีร่างกายตัวเองโดยไม่บาดเจ็บและส่งผลไปที่ศํตรูแทน และมักจะจมลงด้วยการแทงที่หัวใจของตัวเองเพื่อสังหารศัตรู โดยวิชานินจานี้จะถูกทำลายถ้าหากฮิดันเคลื่อนที่ออกจากสัญลักษณ์ที่เขาวาดขึ้นบนพื้นและจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งเมื่อกลับเข้าไปอยู่ในเขตของสัญลักษณ์เท่านั้น ชิกามารุคิดหาวิธีต่อกรกับวิชานี้หลังจากที่ฮิดันใช้มันฆ่า ซารุโทบิ อาสึมะ อาจารย์ของเขา และสุดท้ายฮิดันก็ติดกับแผนการที่ชิกามารุวางหมากมาเป็นอย่างดี และถูกนำหัวไปฝังไว้ในหลุมลึกใต้ดินและปิดผนึกไว้ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ ภายในอาณาเขตดูแลของตระกูลนารา แม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าเขาตายหรือไม่ แต่ก็ทำให้เขาสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกของแสงอุษาไป
[แก้]คาคุสึ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : ฮิดัน
คาคุสึ (角都 Kakuzu) นินจาที่ถอนตัวจากทากิคะกุเระ และเป็นคู่หูของฮิดัน เขามีนิสัยโลภและต้องการเงิน(แม้จะอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับองค์กรแสงอุษา) ดังนั้นการหาเงินคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคาคุสึ โดยวิธีหาเงินที่เขาชอบคือการล่าค่าหัว โดยเฉพาะค่าหัวของนินจาฝ่ายดีที่ถูกตั้งขึ้นในตลาดมืด(คล้ายๆการที่มาเฟีย หรือโจรลงขันกันตั้งค่าหัวตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่สำคัญของทางการ) คาคุสึสามารถจดจำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับเงินรางวัลค่าหัวและข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย คาคุสึถูกตั้งฉายาว่า “ขุมทรัพย์แห่งแสงอุษา” เพราะมุมมองเกี่ยวกับเงินทองของเขานี่เอง อย่างไรก็ตามหน้าที่ที่แท้จริงของเขายังเป็นปริศนา แม้ว่าแสงอุษาจะเป็นแหล่งรายได้ที่ดี แต่คาคุสึก็เกลียดความจริงที่ว่าเขาต้องมีคู่หู โดยปกติแล้วเวลาที่คาคุสึเกิดความโมโห เขามักจะเผลอฆ่าทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวรวมถึงคู่หูในทีมด้วย เพราะเหตุนี้ทำให้เขาต้องมาจับคู่จับฮิดัน(ซึ่งมีร่างอมตะ) และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยถูกกันนัก แต่ความเป็นอมตะของฮิดันทำให้เขากลายเป็นคู่หูในฝันของคาคุสึ
ร่างกายของคาคุสึถูกปกคลุมด้วยเส้นใยประหลาดสีดำและหนาทึบจำนวนมาก ซึ่งมีประโยชน์ในการต่อสู้ทั้งในระยะใกล้และไกล นอกจากนี้มันยังมีปลายแหลมและพุ่งเข้าทิ่มแทงเนื้อได้โดยอัตโนมัติ คาคุสึสามารถขโมยและยึดเอาหัวใจของศํตรูมาไว้ในร่างกายตัวเองได้ด้วย เขาสามารถเก็บหัวใจอื่นไว้กับตัวเองได้ถึง4ดวงและใช้หัวใจที่สดใหม่เข้ามาเปลี่ยนเป็นพลังงานชีวิตไปเรื่อยๆได้อย่างไม่จำกัดโดยผนึกมันไว้ที่หน้าการรูปสัตว์บริเวณหลัง4อัน หัวใจเหล่านี้ยังมีประโยชน์ทำให้คาคุสึสามารถใช้วิชานินจาธาตุต่างๆตามเจ้าของเดิมได้ และแต่ละหน้ากากสามารถแยกจากร่างกายของเขาออกไปสร้างเป็นร่างโจมตีได้อย่างอิสระและสามารถยิงระเบิดธาตุที่ทรงพลังใส่คู่ต่อสู้ได้ คาคุสึสามารถใช้หัวใจแต่ละอันทดแทนหัวใจที่อาจจะถูกทำลายไปได้ด้วย โดยปกติคาคุสึจะใช้พลังธาตุดินในการป้องกันซึ่งทำให้เขาทนทานต่อการโจมตีทางกายภาพอย่างมาก คาคุสึพ่ายแพ้จากการต่อสู้กับกลุ่มนินจาโคโนฮะที่ทำลายหน้ากากทั้งหมดลง หลังจากสิ้นท่าเพราะการโจมตีอันรุนแรงของนารุโตะทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวหนีไปไหนได้
[แก้]ซาโซริ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา(แทนที่โดย โทบิ
คู่หูในอดีต : เดอิดาระ, โอโรจิมารุ
ซาโซริ (サソリ Sasori) นินจาที่ถอนตัวจากซึนะคะกุเระ ซาโซริก็อยู่ในการดูแลของ จิโย ย่าของเขาหลังจากการตายของพ่อแม่ของเขา ซึ่ง จิโยเป็นผู้ที่สอนเขาทุกอย่างเกี่ยวกับการใช้คาถาหุ่นเชิดในการต่อสู้ และด้วยความรู้ใหม่ที่เขาได้รับนี้ เขาจึงสร้างหุ่นเชิดที่คล้ายพ่อแม่ของเขาออกมาเพื่อที่จะรับรู้ถึงความรักจากพวกเขา แต่ว่าพวกมันก็เป็นแค่หุ่นกระบอกที่ไม่มีความรู้สึก เขารู้สึกว่าเป็นความพยายามที่ล้มเหลวและหลังจากนั้นซาโซริก็ได้ทิ้งพวกมันไว้และออกจากหมู่บ้านไปเข้าร่วมกับแสงอุษา และจับคู่กับโอโรจิมารุ โดยเขาเป็นหนึ่งในคนที่วางแผนสังหารโอโรจิมารุภายหลังจากการถอนตัวออกจากองค์กรของโอโรจิมารุด้วย ภายหลังซาโซริจับคู่กับ เดอิดาระและค่อนข้างเข้าคู่ทำงานร่วมกันได้ดีกว่าแต่ก่อนเช่นการที่เดอิดาระค่อนข้างมความนับถือในความสามารถของซาโซริ แม้ว่าทั้งสองคนจะมีมุมมองของศิลปะที่แตกต่างกัน เป็นต้น (เดอิดาระชื่นชมงานปั้นที่ถูกทำลายด้วยระเบิดในทันที แต่ซาโซริชื่นชมงานสร้างหุ่นกระบอกที่คงอยู่ยาวนาน) เดอิดาระยอมรับซาโซริในฐานะอาจารย์ของเขาจนถึงวาระสุดท้าย แม้ว่าซาโซริจะไม่เคยชื่นชมความคิดของเขา
ซาโซริเชี่ยวชาญในการสร้างหุ่นเชิดที่ทำมาจากศพและกระดูกคน โดยการเอาเครื่องในออกและใช้วิธีถนอมรักษา(สตาฟ)มันไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย ปกติซาโซริจะอยู่กับหุ่นเชิดฮิรูโกะ (ヒルコ Hiruko)ซึ่งเป็นหุ่นเชิดที่เขาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างในเหมือนกับชุดสวมในการแสดงละคร โดยหุ่นที่เขาชอบใช้ในการต่อสู้มากที่สุดและถือเป็นไพ่ตายอย่างหนึ่งก็คือหุ่นของคาเสะคาเงะรุ่นที่ 2 อดีตผู้นำแห่งซึนะคะกุเระที่ถูกลักพาตัวและสังหารก่อนที่เดอิดาระจะออกมาจากหมู่บ้าน เนื่องจากซาโซริรู้จักกับรุ่นที่ 2 เมื่อครั้งยังมีชีวิตทำให้ซาโซริสามารถใช้ความสามารถเลียนแบบได้เหมือนจริงและสมบูรณ์มาก กระนั้นหุ่นมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือร่างกายของเขาเองเนื่องมาจากเขาได้ดัดแปลงร่างกายของเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดเช่นกัน เหตุนี้ทำให้เขาคงความหนุ่มที่ผิดธรรมชาติไว้ได้ และร่างกายหุ่นเชิดของซาโซริยังมีความสามารถที่จะควบคุมหุ่นเชิดได้ถึงร้อยตัวพร้อมกัน ซาโซริก็สร้างกล่องสำหรับเก็บหัวใจและผนึกไว้ที่หน้าอกของตุ๊กตาที่ใช้เป็นร่างกายของตัวเอง โดยหากเกิดการโจมตีที่ไม่ส่งผลให้กล่องหัวใจนี้ได้รับความเสียหาย ซาโซริก็จะยังคงรอดชีวิตไม่มีวันตายและย้ายมันไปยังร่างตุ๊กตาใหม่อื่นๆได้เสมอทำให้เขาไม่มีวันตายเช่นกัน นอกจากนี้อาวุธที่หุ่นเชิดใช้(รวมทั้งอาวุธที่ซ่อนอยู่ในกลไกต่างๆของหุ่น) ยังเป็นอาวุธที่มีพิษและเป็นพิษที่ซาโซริเป็นคนผสมเองโดยมีพิษที่ร้ายแรงขนาดทำให้ร่างกายของเป้าหมายอัมพาตและจะตายลงหลังจากนั้นภายใน 3 วัน ซาโซริพ่ายแพ้และเสียชีวิตหลังจากการต่อสู้ที่นาวนานกับอย่าของเขาที่ร่วมมือกับซากุระ ในระหว่างการปะทะกับนินจาของโคโนฮะที่ออกติดตามชิงตัว กาอาระ ที่ถูกลักพาตัวไปกลับคืนมา
(เห็นว่ามีท่าลับที่ไม่ได้ใช้คือวิชาเชิดวิญญาณ)
[แก้]อิทาจิ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : โฮชิงากิ คิซาเมะ
อุจิวะ อิทาจิ (うちは イタチ Uchiha Itachi) เป็นนินจาที่ถอนตัวจาก โคโนฮะคะกุเระ และมีคู่หูคือ โฮชิกาคิ คิซาเมะ โดยระหว่างที่เขายังอยู่ที่โคโนฮะ เขาเป็นนินจาที่มีพรสววรค์และพัฒนาจนกลายเป็นนินจาที่เก่งกาจอย่างรวดเร็ว และทำให้กลายเป็นคนที่เด่นและได้รับความสนใจจากคนในตระกูลเป็นอย่างมาก สัตว์อัญเชิญของอิทาจิคืออีกา
อิทาจิ เดิมเป็นนินจาในหน่วยลับของ โคโนฮะงาคุเระ และมีความเป็นอัจฉริยะสูงมากได้เข้าหน่วยตั้งแต่อายุยังน้อย อิทาจิเกิดปัญหาขัดแย้งกับคนในตระกูลโดยเดิมที เขาถูกสงสัยว่าเป็นผู้สังหาร อุจิวะ ชิซุย เพื่อนสนิทและเป็นญาติในตระกูลอุจิวะด้วยกัน เพื่อเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา และต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรผู้ฆ่าล้างตระกูล ทำให้ต้องถอนตัวออกจากหมู่บ้านไปเป็นนินจาถอนตัว และเข้าร่วมกับองค์กร แสงอุษาในที่สุด โดยมีเพียง ซาสึเกะ น้องชายแท้ๆเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ในครั้งนั้น
แม้ว่าสถานะของเขาจะเป็นอาชญากรที่ต้องการตัวและฆาตกร อิทาจิก็ไม่ได้แสดงออกถึงความชื่นชอบในความรุนแรงหรือการต่อสู้ อิทาจิมักจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ และเลือกต่อสู้เท่าที่จำเป็นทำนั้น โดยหากหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วเขาก็จะจบมันอย่างรวดเร็วที่สุด อิทาจิมักจะคงลักษณะสงบนิ่งไม่แสดงออกแม้ในยามที่ต่อสู้ เขามักจะอยู่ในลักษณะตั้งรับและคอยสวนกลับการโจมตีเสมอ อิทาจิสามารถจับการเคลื่อนไหวของศัตรูด้วยเนตรวงแหวน(เช่นเดียวกับผู้ใช้เนตรคนอื่นๆ) โดยใช้มันเพื่อประเมินท่าทางของคู่ต่อสู้และโต้ตอบอย่างรวดเร็วด้วยเนตรวงแหวน กระจกเงาหมื่นบุปผาซึ่งเป็นวิชาเนตรพิเศษของเขา และด้วยเนตรพิเศษนี้ยังทำให้อิทาจิสามารถใช้วิชาเนตรพิเศษอื่นๆ เช่น อ่านจันทรา (Tsukuyomi 月読) วิชาคาถาลวงตาที่สร้างเหตุการณ์จำแลงแต่สามารถสร้างความเสียหายทางร่างกายและจิตใจของศัตรูได้, เทวีสุริยา (Amaterasu 天照) วิชาทรงพลังที่เรียกเปลวเพลิงสีดำที่ร้อนกว่าดวงอาทิตย์ 10 เท่าและสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่งตามทิศทางที่ดวงตามองเห็น และจะเผาผลาญไม่หยุดจนกว่าเป้าหมายจะดับสิ้น และเทพวายุ (Susanoo 須佐能乎) วิชาลับขั้นสูงของเนตรพิเศษที่จะอัญเชิญดาบและโล่ของเทพเจ้ามาใช้ในการต่อสู้ด้วย อิทาจิมีความชานาญในพื้นฐานวิชาลวงตาเป็นอย่างดี และยังสามารถหลอกคู่ต่อสู้ด้วยการสบตาเท่านั้น นอกจากนี้เขายังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะการทำสัญลักษณ์มือเพื่อสร้าง"อิน" และใช้วิชานินจาได้โดยศัตรูไม่ทันระวังตัว ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วหลังจากการต่อสู้กับซาสึเกะ และได้ถ่ายทอดวิชาเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผาให้กับซาสึเกะไว้ โดยวิชาเนตรนี้จะทำงานอัตโนมัติกลายเป็นเทวีสุริยาทุกครั้งเมื่อสบตากับเนตรวงแหวนของโทบิ เพื่อป้องกันมาดาระไม่ให้เข้าใกล้ซาสึเกะ
หลังจากการเสียชีวิตของอิทาจิ ซาสึเกะได้ฟังการเล่าเรื่องของโทบิเกี่ยวกับอิทาจิว่า แท้จริงการสังหารหมู่ครั้งนั้นเกิดจากการที่อิทาจิต้องการปกป้องหมู่บ้านโคโนฮะ เพราะตระกูลอุจิวะคิดจะก่อสงครามเพื่อปฏิวัติรัฐประหารยึดครองอำนาจในหมู่บ้าน อิทาจิต่อสู้โดยได้รับความช่วยเหลือจากโทบิเพื่อหยุดยั้งคนในตระกูล และปกปิดเรื่องทั้งหมดเป็นความลับพร้อมถอนตัวออกจากหมู่บ้านและทำสัญญากับโฮคาเงะรุ่นที่3 ให้ช่วยดูแลซาสึเกะ ซึ่งเรื่องทั้งหมดมีเหตุมาจากความบาดหมางของตระกูลอุจิวะ กับโฮคาเงะรุ่นที่1 ผู้นำตระกูลเซ็นจูที่โทบิเล่าว่าต้องการทำลายตระกูลอุจิวะ โทบิเล่าให้ซาสึเกะฟังเพื่อโน้มน้าวซาสึเกะมาเป็นพวกและร่วมกันก่อสงครามกับโคโนฮะ ส่วนสาเหตุที่อุจิวะ ชิซุย เพื่อไม่ให้เกิดศึกแย่งชึงเนตรของชิซุย เพราะเนตรของชิซุยสามารถสร้างคาถาลวงตาที่สามารถควบคุมคนได้ทันที โดยที่คนโดนแทบไม่รู้สึกตัว ครั้งสุดท้ายที่อิทาจิเจอชิซุย ชิซุยโดนดันโซชิงเนตรข้างขวาไปแล้ว ส่วนข้างซ้ายมอบห้อิทาจิเพื่อปกป้องหมู่บ้าน แล้วก็ตายจากไปอย่างเงียบๆ อิทาจิฝังเนตรไว้ในอีกาและเก็บไว้ในตัวนารูโตะ โดยอิทาจิตั้งใจใช้กับซาสึเกะเมื่อซาสึเกะคิดจะทำลายหมู่บ้านแต่ใช้เลยไม่ได้เพราะต้องรออีก 10 ปี ถูกใช้ในมังงะตอนที่ 549 ตอนที่อิทาจิโดนคาถาสัมปเวสีคืนชีพของคาบูโตะควบคุมให้สู้กับนารูโตะและบี ซึ่งอิทาจิโดนคาถาลวงตาเนตรของชิซุยทำให้คาถาสัมปเวสีคืนชีพของคาบูโตะถูกยกเลิดหลังจากที่ผนึกนางาโตะได้อิทาจิก็ทำลายอีกาที่มีเนตรของชิซุย และแยกทางกับนารูโตะและบี เพื่อไปหาคาบูโตะเพื่อที่จะสั่งให้หยุดคาถาสัมปเวสีคืนชีพโดยซาสึเกะตามเพื่ออยากรู้ความจริงแต่ต้องร่วมมือกันเพื่อสู้กับคาบูโตะ อิทาจิใช้อิซานามิกับคาบูโตะหยุดคาถาสัมปเวสีคืนชีพ และได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่ทำไปนั้น แล้วก็หายจากไป ตามทุกคนที่โดนคาถาสัมปเวสีคืนชีพ ยกเว้น อุจิวะ มาดาระ
[แก้]เพน
สาเหตุ : เสียชีวิตเพราะใช้จักระหมด
สถานะ : อดีตหัวหน้าแสงอุษา
คู่หูในอดีต : โคนัน
หมายเหตุ : 1ในลูกศิษย์ของจิไรยะก่อนนารูโตะ
เพนปัจจุบันยังรอด (ペイン Pain) หัวหน้าของแสงอุษา วิชาลับของเขาคือการมีร่าง 6 ร่างที่ใช้จิตเดียวกัน รู้จักกันในชื่อ เพน 6วิถี (ペイン六道 Pain Rikudō) ลักษณะที่เหมือนกันคือผมสีส้ม มีการเจาะจำนวนมากตามร่างกาย และทุกร่างมีเนตรสังสาระ (輪廻眼 Rinnegan) เนตรสังสาระ เชื่อกันว่าเป็นวิชาเนตรดั้งเดิมที่ถูกค้นพบในโลกนินจาเป็นวิชาแรก มีรูปร่างเป็นวงกลมซ้อนกันหลายชั้นในดวงตา มีความสามารถช่วยให้ผู้ครอบครองสามารถใช้วิชานินจาได้ทุกชนิดและควบคุมจักระได้ทั้งหมด 6 ชนิด และยังทำให้ร่างทั้ง 6 ใช้ทัศนะวิสัยร่วมกันในการมอง ทำให้ร่วงทั้ง 6 สามารถร่วมมือกันโจมตีและป้องกันการโจมตีจากศัตรู โดยร่างแต่ละร่างของเพนในปัจจุบัน ล้วนเป็นนินจาที่จิไรยะเคยพบระหว่างที่เขาเดินทางไปยังที่ต่างๆ ตัวอย่างความสามารถของแต่ละร่าง ดังนี้ 1.วิถีสวรรค์ สามารถใช้ 1.1 ข่ายเขตพิชิตฟ้า ผลักทุกอย่างออกไปได้ทั้ง คาถา การโจมตีทางกายภาพรวมถึงผู่คนด้วย นอกจากนี้วิชานี้เพนยังสามารถรวมรวมจักระแล้วพลักอย่างรุนแรง เหมือนระเบิดได้ซึงเพนใช้กับ โคโนฮะ แต่แลกกับการสูญเสียพลัง ช่วงเวลานึง 1.2 ชื่อหมื่นลักษร์เหนี่ยวสวรรค์ สามารถดูดคนและสิ่งของให้เข้ามาหาตัวเพนได้ 1.3 ดาราสวรรค์ระเบิดพิภพ เพนจะปล่อยลูกบอลสีดำ เพื่อสร้างแรงดึงดูดมหาศาล โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ บอลนั้น นอกจากนี้เพนร่างนี้ยังสามารถควบคุมฝนได้ 2.วิถีอสูร ร่างนี้เหมือน มนุษย์ดัดแปลง ร่างกายเป็นอาวุธ เช่น ยิงแขน ปล่อยจวรด เป็นต้น 3.วิถีเปรต ร่างนี้สามารถดูดพลังนินจาทุกอย่างได้ 4.วิถีมนุษย์ ร่างนี้สามารถ อ่านความคิดของคนที่โดนจับและดูดวิณญานได้ 5.วิถีเดรัชฉาน สามารถอันเชิญสัตว์ต่างๆออกมาได้ เช่น ปู นก กระทิง สุนัขสามหัว แรด เป็นต้น 6.วิถีนรก ร่างนี้มีความสามารถชุบชุบชีวิต เพนร่างอื่นได้ และยังทำอย่างอื่นได้อีกด้วย
เดิมทีผู้ครอบครองเนตรสังสาระคนแรกที่จิไรยะพบคือนางาโตะ (長門 Nagato) เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งจากหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ ที่ระเห็จจากสงครามเช่นเดียวกับยาฮิโกะและโคนัน โดยพวกเขาพบกับจิไรยะและทีม(ได้แก่โอโรจิมารุและ ซึนาเดะ)หลังทีมจิไรยะเสร็จภารกิจและเดินทางกลับโคโนฮะ จิไรยะได้ดูแลและสอนวิชานินจาพื้นฐานให้พวกเขาเพื่อเอาตัวรอด ก่อนที่จะย้อนกลับไปยังหมู่บ้านโคโนฮะ เหตุการณ์ที่เชื่อว่าเกิดชึ้นหลังจากนั้นไม่นานคือ นางาโตะเริ่มเชื่อว่าวัยเด็กที่ทรมานของเขาได้สอนเขา และเริ่มมองเห็นตัวเองเป็นพระเจ้าที่สอนให้โลกรู้จักการต่อสู้อย่างไร้ความหมาย หลังจากนั้นพวกนางาโตะก็เริ่มเคลื่อนไหวเป็นองค์กรขนาดเล็กและถูกพวกฮันโซและดันโซแห่งหน่วยลับหักหลัง เป็นเหตุให้ยาฮิโกะต้องตาย เพนปรากฏตัวในอาเมะคะกุเระและเริ่มสงครามกลางเมืองกับรัฐบาลในตอนนั้น เพนยุติสงครามโดยการสังหารผู้นำหมู่บ้าน ฮันโซ และมีการปฏิบัติภารกิจอย่างเด็ดขาดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ที่จะกลับมาแก้แค้นเหลืออยู่ในหมู่บ้าน เพนฆ่าครอบครัว, เพื่อน, และคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของฮันโซ และสถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้า โดยมีนินจาจำนวนมากหันมาจงรักภักดีต่อเพน และทำสัญลักษณ์ขีดฆ่าที่กระบังหน้าเข้าร่วมเป็นแสงอุษาโดยยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านและยินดีปฏิบัติตามคำสั่งของเพนทุกประการ โดยเพนใช้หมู่บ้านเป็นฐานทัพของเขาในการปฏิบัติงานของแสงอุษา ซึ่งแม้ว่าเขาจะสั่งการให้กับสมาชิกคนอื่นๆ โดยตรง และมีอำนาจเหนือพวกสมาชิกอื่นในฐานะหัวหน้า แต่โดยพฤติกรรมแล้วเพนก็ได้รับคำสั่งมาจากโทบิ(ในนามแห่ง อุจิวะ มาดาระ) อีกทอดหนึ่ง
เพนที่ยังรอดก็เพราะได้ข้อแลกเปลี่ยนกับนารูโตะว่าถ้าชุปชีวิตให้กับคนในหมู่บ้านที่เพนเข้ามาบุกแล้วนารูโตะจะต้องปล่อยเขาไป(จิไรยะคนเดียวที่ไม่สามารถชุปชีวิตได้เพราะไม่ได้โดนเพนฆ่าแต่จมน้ำตาย)
[แก้]คิซาเมะ
สาเหตุ : ถูก 8หาง และไรคาเงะฆ่า (ยังไม่ตายเข้าไปอยู่ในดาบหนังฉลามเพื่อหลอกให้คิลเลอร์ บี ตายใจ คิลเลอร์ บี คิดว่าตายแล้ว แล้วก็เอาดาบติดตัวกลับหมู่บ้านไปด้วย เพื่อล้วงความลับของฝ่ายธรรมะ)แต่ปัจจุบันได้ตายไปแล้วจริงๆ โดยการฆ่าตัวตาย
คู่หูในอดีต : อุจิวะ อิทาจิ (เสียชีวิต)
สถานะ : สมาชิกแสงอุษา
โฮชิงากิ คิซาเมะ (干柿 鬼鮫 Hoshigaki Kisame) คือนินจาที่ถอนตัวจาก คิริคะกุเระ มีลักษณะนิสัยชอบที่จะต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรงเสมอในขณะที่ อิทาจิคู่หูของเขากลับเลือกที่จะสู้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น คิซาเมะ ทำงานกับอิทาจิได้เข้าขากันเป็นอย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่หูทีมอื่นๆในแสงอุษา เขามีความเคารพและยินดีทำสิ่งที่อิทาจิบอกให้ทำทันทีและมักจะเป็นห่วงในสุขภาพของอิทาจิเสมอ อดีตแคว้นของเขาคือ มิซึโนะคุนิ (ดินแดนแห่งน้ำ) ซึ่งควานหาตัวเขาอย่างหนักเพราะว่า คิซาเมะเคยวางแผนที่จะล้มล้างอำนาจของรัฐบาลและมีส่วนในเหตุการณ์สังหารหมู่ของแคว้น เดิมที คิซาเมะ ทำงานให้คิริงากุเระ ในฐานะสมาชิกกลุ่ม เจ็ดนักดาบแห่งสายหมอก ซึ่งเป็นกลุ่มแห่งนินจาที่ใช้อาวุธขนาดยักษ์ในการต่อสู้ อาวุธของคิซาเมะมีชื่อว่า ซาเมะฮาดะ (鮫肌, "หนังฉลาม") เป็นดาบที่ปกคลุมด้วยเกล็ดที่ใช้โกนผิวหนังแทนที่การตัดและมันสามารถดูดจักระได้ โดยดาบซาเมะฮาดะจะยอมรับให้คิซาเมะถือเท่านั้น ถ้ามีคนอื่นๆ พยายามที่จะถือมัน หนามแหลมจะแทงออกมาจากด้ามจับและมันจะกลับไปหาคิซาเมะทันที นิสัยของเขาซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นนิสัยของพวกเจ็ดนักดาบแห่งสายหมอกคือชื่นชอบการตัดส่วนต่างๆ ของคู่ต่อสู้ เช่นกรณี ที่คิซาเมะบอกว่าการตัดขาของอุซึมากิ นารุโตะจะทำให้เขาแบกได้ง่ายขึ้น
คิซาเมะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายฉลาม มีผิวสีน้ำเงินทั้งตัว ตาสีขาวคู่เล็ก ใบหน้ามีครีบอยู่ด้วย และฟันรูปสามเหลี่ยม แม้แต่ชื่อของเขา คิซาเมะ แปลว่า ฉลามปีศาจ รูปร่างที่คล้ายฉลามของเขายังสัมพันธ์ต่อความสามารถที่เขาใช้ในการต่อสู้ด้วย เช่น เขาจะก่อให้น้ำกลายเป็นร่างฉลามเพื่อทำการโจมตีคู่ต่อสู้ ถ้าหากไม่มีน้ำในที่ที่เขาต่อสู้ คิซาเมะสามารถใช้ คาถาน้ำ คลื่นน้ำระเบิดจู่โจม (水遁・爆水衝波 Suiton: Bakusui Shōha) เพื่อสร้างทะเลสาบเพื่อใช้ในการโจมตี คิซาเมะยังมีจักระจำนวนมหาศาล และมีมากที่สุดในบรรดาสมาชิกของแสงอุษา เขามักจะใช้พลังแค่ 30% ในการต่อสู้ ซึ่งก็เทียบเท่ากับพลังสถิตของจิ้งจอกเก้าหางของนารุโตะในตอนที่ใช้ระหว่างสอบจูนิน คิซาเมะ นั้นมีร่างปีศาจเมื่อรวมร่างกับดาบหนังฉลามซึ่งเทียบเท่าพลังสถิตร่าง มีร่างเป็นปีศาจฉลามและได้รับฉายาว่า สัตว์หางที่ไม่มีหาง
ความคิดเห็น