ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MinhoxJonghyun] : Our Song

    ลำดับตอนที่ #1 : [Tracks1] Just a Kiss

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 54


    Our song 
    [Tracks1] Just a Kiss

    listening the song    

                              ในคืนอันเหน็บหนาวของคืนก่อนวันวาเลนไทน์แบบนี้ยังมีกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาตั้งแค้มป์ท้าลมหนาวกันอยู่ในป่าลึกที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแล้วในเกาหลี บรรยากาศในป่าตอนกลางคืนที่อบอวนไปด้วยไอรักจากหลายๆคู่ในช่วงเวลาแบบนี้ทำให้คนโสดอย่างผมจึงไม่ค่อยเอ็นจอยนักกับการมาแค้มป์ครั้งนี้สักเท่าไร

     เห้ยเป็นไรไปว่ะจง แมร่งทำหน้าหยั่งกับหมาหงอยรุ่นพี่คนสนิททักผมให้หลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง

    ป่าวฮะพี่แค่เซ็งๆผมตอบพี่อนยูตามความจริง เซ็งที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนมีคู่ เซ็งที่อากาศหนาวแล้วไม่มีใครให้กอด เซ็งที่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์แต่ผมกลับอยู่คนเดียว แมร่งไม่แฟร์เลยรู้งี้ผมไม่น่ามาเลย แล้วไอคนที่ชวนผมนะหรอ มันก็ไปนั่งจู๋จี๋กับแฟนมันสิ แมร่ง! ยิ่งคิดยิ่งแค้น

    มินโฮละ?นั่นไงไม่ขาดคำพี่อนยูก็ถามถึงคนที่ชวนผมมาซะแล้ว

    ไม่รู้แมร่ง ป่านนี้คงไปนั่งจู๋จี๋กับแฟนมันแล้วมั่ง ไม่รู้จะชวนผมมาทำไมประโยคสุดท้ายจงใจพูดเสียงดังเพื่อไอคนชวนมันจะได้ยินแล้วสำนึกสะบ้าง

    พี่กำลังงอนผมอยู่หรอครับ?อยู่ๆไอคนชวนผมก็เดินเข้ามานั่งข้างๆผม

    เห้ยเดี๋ยวพี่ไปหาคีย์ก่อนนะ อยู่ๆพี่อนยูก็ขอตัวไปหาคีย์คนรักเค้าซะดื้อๆ แล้วปล่อยให้ผมอยู่กับมินโฮสองคน

    “มานั่งอะไรตรงนี้ แฟนแกละ?” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูธรรมดาที่สุด แต่คนฟังกลับฟังแล้วมันเหมือนว่าคนตัวเล็กตรงหน้าเขากำลังงอนอยู่มากกว่า

    ก็ผมอยากนั่งตรงนี้มากกว่าหนิครับ..เค้าไปนอนแล้วหล่ะมั้ง เค้าผมว่ามินโฮคงหมายถึงแฟนเขาแฟละครับ

    นี้พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลยนะว่าพี่งอนผมอยู่หรอ?มินโฮถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะยกมือลูบหัวคนตัวเล็ก

    เพื่อนเล่นแกหรอห๊ะ ?ผมแก่กว่ามันตั้งปีจะมาเล่นหัวผมได้ไง ถึงมันกับผมจะสนิทกันแค่ไหนก็เหอะ

    โอ๋ๆขอโทษครับๆ ไม่ทำแล้วๆมินโฮว่าพลางดึงมือผมเข้าไปกุมไว้  ผมรู้ว่ามินโฮเป็นคนขี้อ้อนเข้ากับทุกคนง่าย การถูกเนื้อต้องตัวใครเป็นเรื่องนิสัยของมันอยู่แล้ว ผมสนิทกับมันตั้งแต่เด็กทำไมผมจะไม่รู้ แต่เวลานี้มันไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้ 

    พี่ไปนอนแล้ว ปล่อย!” ก่อนที่หน้าผมจะแดงไปกว่านี้จนมันจับได้ ผมเลยรีบชักมือกลับและขอเลี่ยงออกห่างจากมินโฮแทบจะทันที

    พี่จะทิ้งผมไปอีกคนหรอครับ?  ผมอึ้งกับคำพูดของมินโฮ น้ำเสียงมินโฮดีจริงจังไมได้จะแกล้งผม ผมจึงค่อยๆหันกลับมา

    “…”

    เค้าเพิ่งทิ้งผมเมื่อมินโฮเห็นผมไม่พูดอะไรและยังไม่ไปไหนจึงพูดในสิ่งที่อยู่ในใจเขา

    “…” ผมยังคงเงียบเผื่อให้คนตรงหน้าผมได้ระบายอะไรๆที่อยู่ในใจออกมา

    ผมคงแย่มากสินะครับ ผมคงไม่ดูแลไม่ใสใจเขาเลย เขาเลยคิดว่าผมไม่รักเขา เขาเลยคิดว่าคนอื่นรักเขามากกว่าผมไม่ใช่เลย มินโฮดูแลแทมินดีมาก มากจนผมยังอิจฉาในความโชคดีของแทมินที่มีแฟนแบบมินโฮ  อาจจะมีบ้างตามนิสัยของมินโฮที่เข้ากับคนง่าย พูดคุย ขี้แกล้ง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดว่าจะทำให้แทมินหึงเลย มินโฮออกจะขี้อ้อนแฟนด้วยซ้ำไป

    เห้ยคิดมากหน่า แกไม่ไปง้อเขาละ ไปคุยกันให้เคลียๆอย่ามาคิดเองงเออเองผมก็แค่ให้คำปรึกษาได้เท่าที่สถานะพี่ชายอย่างผมจะทำได้แค่นั้น

    พี่รักผมมั้ย?อยู่มินโฮก็โพล่งถามผมขึ้นมา ผมอึ้งไม่น้อยที่ได้ยิน แต่จะให้ผมตอบไงละในเมื่อผมไม่รู้ว่าเขากำลังหมายถึงรักแบบไหนพี่น้อง? หรือคนรัก ?

    “…”  

    เหอะ! ไม่ต้องตอบก็ได้พี่ไปนอนเหอะมินโฮหันมามองหน้าผมแบบไม่พอใจนัก

    “…” ผมยังคงเงียบเพราะผมไม่แน่ใจว่าควรบอกให้รู้ดีมั้ย? ถ้าเกิดผมบอกไปแล้วมินโฮเกิดหัวเราะเยาะผมหรือบางที่มินโฮอาจจะหายไปจากชีวิตผมเลยก็ได้ พระเจ้าผมควรทำไงดีครับ

    อ๊ะผมรู้สึกว่าได้รับสัมผัสอุ่นๆจากด้านหลัง

    ถ้าพี่ยังอ้ำอึ้งอยู่แบบนี้ผมจะถือว่าพี่จะรักผมนะเด็กเอาแต่ใจยังคงกอดผมไว้จากทางด้านหลัง ไม่ให้ผมขยับไปไหน

    เห้ยแกจะบ้าหรอคนเยอะแยะออกไปผมพยายามแกะมือปลาหมึกของเด็กเอาแต่ใจนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ ด้วยแรงที่มีน้อยกว่าหลายเท่าตัว

    เห้ยแกจะพาพี่ไปไหน?  ผมต้องร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อเด็กเอาแต่ใจยังไม่ยอมปล่อยเขาแถมยังกึ่งอุ้มกึ่งลากผมมาในรถที่จอดอยู่ไม่ห่างจากสถานที่ตั้งแค้มป์มากนัก

    “…” ผมยังคงได้ความเงียบเป็นคำตอบจากคนตรงหน้า ไอเด็กนี้มันผีเข้าผีออกจริงๆนึกอยากจะเศร้าก็เศร้าอยากจะกวนก็กวน  ผมเดาใจมันไม่ถูกจริงๆ

    เห้ยแกจะทำไรมันเคยนับมั้งมั้ยว่าคืนนี้มันทำให้ผมตกใจไปกี่รอบ อยู่ๆมันก็ถอดเสื้อกันหนาวถอดผ้าพันออก ผมกลัวมันจะเล่นอะไรพิเรนๆ อีกเลยห้ามเสียงดัง

    ชูว์มินโฮเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากผมเบาเบาก่อนจะทำเสียงชูว์เผื่อให้ผมเงียบ

    ไม่รู้หรือไงว่ากลางคืนในป่ามันหนาวแค่ไหน ทำไมไม่ยอมใส่เสื้อหนาๆมา ดูสิมือเย็นไปหมดแล้วมินโฮพูดพลางจัดการใส่เสื้อกันหนาวและพันผ้าพันคอให้ผม ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือผมไว้

    นายทำแบบนี้เพื่อไรวะมินโฮ? เหงา? พึ่งทะเลาะกับแฟน? เป็นห่วง? หรืออะไร

    อื้มขอบใจผมตอบอึ้งๆด้วยไม่แน่ใจกับการกระทำของคนตรงหน้า

    “….”ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมอีกครั้ง จนผมรู้สึกอึดอัด

    เออพี่โอเคแล้วแหละเป็นผมซะเองที่พูดทำลายความเงียบ ก่อนจะชักมือกลับมา ถ้าปล่อยให้นานกว่านี้ใจผมคงจะเต้นแรงมากกว่านี้จนคนตรงหน้าผมจับได้แน่ๆ

    “ตกลงว่าไงครับ?”

    “ฮะ?” ผมรู้ว่ามินโฮหมายถึงอะไรแต่แกล้งทำเป็นไรรู้ เพราผมแค่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี ตอนนี้หัวสมองผมตีกันไปหมดแล้ว อยากบอกก็อยากบอกเพราะผมไม่ชอบอะไรดีมันค้างๆคาๆแต่อีกใจก็กลัวว่าถ้ามินโฮรู้แล้วจะเปลี่ยนไป  อีกอย่างผมไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของมินโฮและแทมินในตอนนี้  เขาสองคนอาจจะแค่ทะเลาะกันเฉยๆก็ได้ ผมยังไม่อยากไปเป็นมือที่สามใครวะ

     “ไม่เป็นไรครับ นอนเถอะ” มือโฮว่าจะค่อยๆเปิดประตูรถออกไป

    หมับไอมือเวนแกจะเอื้อมไปคว้ามือมันทำไมวะ? ผมยังนึกโมโหตัวเองในใจ

    “ครับ?” มินโฮหันมาหาผมก่อนจะทำหน้าสงสัย

    “เออ” แมร่งเอาไงดีวะ

    ถ้าไม่มีอะไรผมไม่กวนแล้วนะครับ

    “เออ ชั้นรักแก

    …..” มินโฮหยุดยืนฟังผมเงียบๆ

    ที่ตอนแรกไม่บอกเพราะชั้นไม่รู้ว่าแกหมายถึงรักในฐานะไหน แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วชั้นรักแกไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนว่ะ” เห้ยผมบอกเขาไปหมดแล้วหรอ? แมร่งผมโครตขี้แพ้อะ ผมอ่อยด๋อยมากแมร่ง รอรับเสียงหัวเราะเยาะจากเขาได้เลย

    อ๊ะอยู่ๆมินโฮก็กระโจนเข้ามากอดผม เขาไม่ล้อผม เขาไม่เกลียดผม เขาไม่ได้หัวเราะเยาะผมสัดนิด แต่เขากลับโอบกอดผมไว้ด้วยซ้ำ

     

    .

    .

    .

    .

    ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไรแล้วแต่ผมเดาว่ามันคงดึกมากแล้วแหละเพราะฟ้าที่มือสนิทและดาวที่เต็มทองฟ้าแบบนี้ ผมยังคงนั่งอยู่ในรถคันเดิมกับไอเด็กดื้อคนเดิมที่นั่งข้างๆผมอยู่ตอนนี้ 

    Lying here with you so close to me

    ฉันนอนอยู่ตรงนี้โดยมีเธออยู่ใกล้ๆ
    It's hard to fight these feelings

    มันยากนะกับการเก็บความรู้สึกนั้นไว้

     

    มือใหญ่ที่โอบผมไว้ให้หัวผมชิดกับแผงอกแกร่งของเขา เพื่อให้ความอบอุ่นแกผมในคืนอันเหน็บหนาวนี้ จริงๆผมก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยกับการกระทำแบบนี้ของมินโฮ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำให้ใคร แต่มันแปลตรงที่ว่าเขาทำกับผมยังไงละครับ
    อุ่นมั้ยครับ..หื้ม?มินโฮถามผมด้วยเสียงอบอุ่นก่อนจะก้มลงมาหอมกลุ่มผมนุ่มๆของคนตัวเล็กที่สั่นเล็กๆ

    “อื้อ” คนตัวเล็กสงเสียงตอบรับอื้ออึง จนร่างสูงไม่แน่ใจว่าคนบนตักเขาพล่อยหลับไปหรือยัง?

    “หลับแล้วหรอครับ?” มินโฮกระซิบถามคนบนตัก ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    “ยังๆ” เสียงหวานขานตอบแทบจะทันที ไม่รู้เป็นเพราะว่ายังไม่นอนจริงๆหรือเพราะได้ยินเสียงกระซิบอันอ่อนโยนของร่างสูง

    งั้นเรามานับถ้อยหลังต้อนรับวันใหม่กันมั้ยฮะ?’” ร่างสูงเอ่ยชวน ก่อนที่คนบนตักจะดันตัวเองขึ้นมานั่งเพื่อจะได้นับเคาท์ดาวได้สะดวกๆ

    “โหยอะไรแปปๆจะเที่ยงคืนแล้วหรอเนี่ย” คนตัวเล็กบ่นเบาๆก่อนจะจัดผมตัวเองให้เข้าที่

    “เอาล่ะนะ ”

    “5”

    4

    3

    “2” ทั้งสองนับถอยหลังพร้อมกันเบาๆเหมือนอยากจะให้ได้ยินกันเพียงสองคน

     

    Just a kiss on your lips in the moonlight….

    แค่เพียงจุมพิตที่ริมฝีปากของคุณภายใต้แสงจันทร์ 

     

    “อื้อออ” แต่ยังไม่ทันที่จงฮยอนจะได้นับตัวเลขตัวสุดท้าย ก็ถูกร่างสูงปิดปากด้วยปากของร่างสูงเอง ลิ้นร้อนของร่างสูงค่อยๆคว้านหาความหวานจากร่างบางทั่วทั้งปากอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบค่อยๆเก็บความหวานไปทีละนิด เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ปฎิเสธจูบของเขา ร่างสูงจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นจูบที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นหวานของคนทั้งสองพันกันจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ทั้งคู่แลกลิ้มชิมความหวานกันอยู่สักพัก จนร่างบางเริ่มขาดอากาศหายใจ มินโฮจึงค่อยปล่อยคนในอ้อมกอดเป็นอิสระ

     

    Just a touch of the fire burning so bright

    แค่เพียงสัมผัสถึงความร้อนรุ่มที่ส่องสว่าง

     

    จากปากเลื่อนมาเป็นซอกคอขาว..มินโฮไม่รอช้าซุกไซ้หน้าเข้าไปดูดความหวานที่ซอกคอของร่างบางแทบจะทันที

    อื้อออร่างบางครางกระเส่าเมื่อร่างสูงขบเม้มเบาๆที่ซอกคอ ส่วนมือก็เหมือนจะรู้หน้าที่เป็นอย่างดี ค่อยๆแกะกระดุมคนใต้ร่างช้าๆใปพร้อมๆกัน  ใช้เวลาเพียงไม่นาน เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ รวมถึงเสื้อยืดขอคนตัวเล็กก็ถูกกำจัดออกไปให้พ้นสายตา

    “อ่าาา” คนใต้ร่างร้องเสียงกระเส่าอีกครั้ง เมื่อคนร่างสูงขบเม้มไปที่ยอดดอกที่กำลังชูชัน

     “พี่ครับผมผมขอนะครับ” ร่างสูงร้องขออย่างเอาใจ

     

    I don't want to mess this thing up

    ผมไม่อยากให้มันยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้
    I don't want to push too far

    ผมไม่อยากให้มันถลำลึกไปมากกว่านี้

     

    ตอนนี้ในสมองของผมโล่งไปหมดแล้ว ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไง สมองบอกผมให้ปฎิเสธไปซะ แต่ดูร่างกายผมสิกลับตอบสนองเขาดีเหลือเกิน

     

    We don't need to rush this

    เราไม่จำเป็นต้องรีบก็ได้นะ
    Let's just take it slow

    ค่อยๆ เป็นไปอย่างช้าๆ เถอะ

     

    “อ่ามะ..มิน..โฮหยุดถะ..เถอะ” ผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้คนตรงหน้าหยุดการกระทำนี้ ผมไม่ควรที่จะรีบร้อนกับเรื่องอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รักมินโฮ ผมรักเขามากตั้งหาก แล้วผมรู้ว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของเขาในคืนเหงาๆอารมณ์เปลี่ยนๆที่ทะเลาะกับแฟนคืนหนึ่ง ถึงมินโฮจะดูโตเป็นผู้ใหญ่ยังไง แต่นิสัยขี้เหงาตามประสาเด็กที่ขาดพ่อมาตั้งแต่เด็กๆเป็นไงผมหน่ะรู้ดี  

    “พี่อ่าาา ผมขอนะครับ” มินโฮถามย้ำกับผมอีกครั้ง เผื่อผมจะเปลี่ยนใจ แต่ในเมื่อผมตัดสินใจแล้วผมจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ถึงจะต้องโดนโกรธหรือมองหน้ากันไม่ติดแต่ยังดีกว่าให้มินโฮต้องมายึดติดกับผม ต้องมารับผิดชอบ รู้สึกผิดกับผม

     

    I don't want to mess this thing up

    ผมไม่อยากให้มันยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้

    “หยุดเหอะมินโฮ”

     

    .

    .

    .

    เวลาผ่านไปยาวนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ ผมที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และมินโฮที่ยังคงนั่งเงียบไม่มีใครเริ่มพูดอะไรหลังจากเหตุการ์ณเมื่อกี้เกิดขึ้น

    หรือเป็นผมที่ควรพูดก่อน? แล้วผมควรพูดอะไรละ? 

    “คือพี่แค่ไม่อยากให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้ ไม่อยากให้แกมาลำบากใจเรื่องพี่ทีหลัง ” และแล้วผมก็พูดมันออกมาสินะ

    “ไม่ใช่พี่หรอก ผมตั้งหากที่ผิด”มินโฮว่าพลางหันมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะทำหน้าหงุดหงิด

    “พี่เองแหละที่ขี้ขลาดพี่กลัวว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ พี่จะยิ่งรักนายวะ พี่อาจจะตัดใจจากนายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พี่ขอโทษที่เห็นแก่ตัว”  ฟังแล้วเหมือนคำสารภาพรักก็ไม่เชิง แต่ในสถาณการณ์แบบนี้ผมกลับว่ามันเป็นการเตือนสติให้คนตรงหน้าผมรู้มากกว่าว่าอะไรเป็นไร

    โธ่เว้ยยยยอยุ่ๆมินโฮก็ตะโกนออกมาเสียงดังแล้วถีบประตูรถออกไป

    ….” ผมได้แต่เดินตามออกไปดูอย่างเป็นห่วง ผมยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ ผมอยากจะปล่อยในเขาได้คิดทบทวนอะไรด้วยตัวเองบ้าง

    “แมร่งเอ้ยย” มินโฮสถบกับตัวเอง

    “เห้ย ทำไรวะหยุดนะเว้ย” ผมรีบเข้าไปห้ามมินโฮที่ตอนนี้กำลังแลกหมัดอยู่กับต้นไม้

    “แมร่งงงง” มินโฮไม่พูดอะไรด้แต่สถบกับตัวเองอยู่อย่างนั้น

    “มินโฮใจเย็นดิวะ แกเป็นไรบอกพี่ๆ” ผมดึงตัวมินโฮมาสงบสติอารมณ์ในรถอีกครั้ง

    “ฮือออ” พระเจ้า ! ครั้งแรกที่ผมเห็นมินโฮร้องไห้ มินโฮเป็นคนเข้มแข็งไม่เคยร้องไห้ออกมาง่ายๆ ขนาดตอนพ่อของเขาตายเขายังไม่ร้องไห้สักแอะ

    “พี่..ฮึก..ผมขอโทษ” มินโฮพยายามสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล ก่อนจะซบลงมาที่อกของผม

    “ผมมันเลวพี่รักผมพี่คิดถึงแต่ผม แต่ผมมันคอยแต่จะคิดถึงแต่ตัวเอง ผมมันเห็นแก่ตัว”

    “ไม่เป็นไรเว้ยๆ ไม่ต้องร้อง แกไม่เคยร้องไห้ง่ายๆนี่หว่า” ผมพูดปลอมเด็กขี้แงก่อนจะยกมือลูบหัวเบาๆ

    “ทำไม

    ทำไม?ผมทวนคำถาม

    “ทำไมพี่ไม่ด่าผม ต่อยผมก็ได้ ” มินโฮว่าพลางเงยหน้าขึ้นมาจะให้ผมต่อย

    “เอ๊าไอนี้หน้าหล่อๆดีๆไม่ชอบอยากให้ปากมีสีหรอไงวะ?” ผมถามติดตลก

    “ถ้ามันจะพอลบความผิดของผมได้ ผมยอมครับ” มินโฮตอบเสียงนิ่ง

    “แกก็ขอโทษแล้วไง จริงๆฉันก็ผิดด้วยแหละ อย่าโทษตัวเองดิวะ ”

    “แต่

    “เอางี้ถือซะว่ามันเป็นจูบราตรีสวัสดิ์ก็ได้”

     

    So baby I'm alright with just a kiss

    ที่รัก แค่จุมพิตราตรีสวัสดิ์ก็เพียงพอแล้ว

     

    “แค่นี้สบายใจแล้วนะ แล้วอย่าไปคิดมากโทษตัวเองอีกหล่ะ” ผมระบายยิ้มเมื่อเห็นมินโฮมีสีหน้าที่ดีขึ้น

    แค่นี้แหละที่ผมอยากได้ขอแค่ให้เขาไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องผม ไม่ต้องเอาเรื่องคืนนั้นหรือจูบไหนมาคิดให้มินโฮต้องสับสน ผมว่าผมคิดถูกแล้วนะที่ให้จูบนั่นเป็นเพียงแค่จูบราตรีสวัสดิ์

     

    No I don't want to say goodnight

    ไม่ ผมไม่อยากบอกลาเขาเลย
    I know it's time to leave but you'll be in my dreams tonight

    ผมรู้ว่ามันเป็นเวลาที่ต้องไปแล้ว แต่เขาจะอยู่ในความฝันของผมในคืนนี้


    -----END-------



     





    SMALL TALK : เป็นไงกับ(เพลง)เรื่องแรกคะ ช่วยคอมเม้นกันด้วยนะคะ ส่วนเพลงอื่นๆกำลังจะตามมาคะ ^^v ขอโทษถ้าบางคนอาจจะไม่ชอบตอนจบที่มันไม่ Happy ending .... TT'  *กราบ*  
     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×