คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [Tracks1] Just a Kiss
ในคืนอันเหน็บหนาวของคืนก่อนวันวาเลนไทน์แบบนี้ยังมีกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาตั้งแค้มป์ท้าลมหนาวกันอยู่ในป่าลึกที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแล้วในเกาหลี บรรยากาศในป่าตอนกลางคืนที่อบอวนไปด้วยไอรักจากหลายๆคู่ในช่วงเวลาแบบนี้ทำให้คนโสดอย่างผมจึงไม่ค่อยเอ็นจอยนักกับการมาแค้มป์ครั้งนี้สักเท่าไร
“เห้ยเป็นไรไปว่ะจง แมร่งทำหน้าหยั่งกับหมาหงอย” รุ่นพี่คนสนิททักผมให้หลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง
“ป่าวฮะพี่แค่เซ็งๆ” ผมตอบพี่ ‘อนยู’ ตามความจริง เซ็งที่มองไปทางไหนก็มีแต่คนมีคู่ เซ็งที่อากาศหนาวแล้วไม่มีใครให้กอด เซ็งที่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์แต่ผมกลับอยู่คนเดียว แมร่งไม่แฟร์เลยรู้งี้ผมไม่น่ามาเลย แล้วไอคนที่ชวนผมนะหรอ มันก็ไปนั่งจู๋จี๋กับแฟนมันสิ แมร่ง! ยิ่งคิดยิ่งแค้น
“มินโฮละ?” นั่นไงไม่ขาดคำพี่อนยูก็ถามถึงคนที่ชวนผมมาซะแล้ว
“ไม่รู้แมร่ง ป่านนี้คงไปนั่งจู๋จี๋กับแฟนมันแล้วมั่ง ไม่รู้จะชวนผมมาทำไม” ประโยคสุดท้ายจงใจพูดเสียงดังเพื่อไอคนชวนมันจะได้ยินแล้วสำนึกสะบ้าง
“พี่กำลังงอนผมอยู่หรอครับ?” อยู่ๆไอคนชวนผมก็เดินเข้ามานั่งข้างๆผม
“เห้ยเดี๋ยวพี่ไปหาคีย์ก่อนนะ” อยู่ๆพี่อนยูก็ขอตัวไปหาคีย์คนรักเค้าซะดื้อๆ แล้วปล่อยให้ผมอยู่กับมินโฮสองคน
“มานั่งอะไรตรงนี้ แฟนแกละ?” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูธรรมดาที่สุด แต่คนฟังกลับฟังแล้วมันเหมือนว่าคนตัวเล็กตรงหน้าเขากำลังงอนอยู่มากกว่า
“ก็ผมอยากนั่งตรงนี้มากกว่าหนิครับ..เค้าไปนอนแล้วหล่ะมั้ง” เค้าผมว่ามินโฮคงหมายถึงแฟนเขาแฟละครับ
“นี้พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลยนะว่าพี่งอนผมอยู่หรอ?” มินโฮถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะยกมือลูบหัวคนตัวเล็ก
“เพื่อนเล่นแกหรอห๊ะ ?” ผมแก่กว่ามันตั้งปีจะมาเล่นหัวผมได้ไง ถึงมันกับผมจะสนิทกันแค่ไหนก็เหอะ
“โอ๋ๆขอโทษครับๆ ไม่ทำแล้วๆ” มินโฮว่าพลางดึงมือผมเข้าไปกุมไว้ ผมรู้ว่ามินโฮเป็นคนขี้อ้อนเข้ากับทุกคนง่าย การถูกเนื้อต้องตัวใครเป็นเรื่องนิสัยของมันอยู่แล้ว ผมสนิทกับมันตั้งแต่เด็กทำไมผมจะไม่รู้ แต่เวลานี้มันไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้
“พี่ไปนอนแล้ว ปล่อย!” ก่อนที่หน้าผมจะแดงไปกว่านี้จนมันจับได้ ผมเลยรีบชักมือกลับและขอเลี่ยงออกห่างจากมินโฮแทบจะทันที
“พี่จะทิ้งผมไปอีกคนหรอครับ?” ผมอึ้งกับคำพูดของมินโฮ น้ำเสียงมินโฮดีจริงจังไมได้จะแกล้งผม ผมจึงค่อยๆหันกลับมา
“
”
“เค้าเพิ่งทิ้งผม” เมื่อมินโฮเห็นผมไม่พูดอะไรและยังไม่ไปไหนจึงพูดในสิ่งที่อยู่ในใจเขา
“
” ผมยังคงเงียบเผื่อให้คนตรงหน้าผมได้ระบายอะไรๆที่อยู่ในใจออกมา
“ผมคงแย่มากสินะครับ ผมคงไม่ดูแลไม่ใสใจเขาเลย เขาเลยคิดว่าผมไม่รักเขา เขาเลยคิดว่าคนอื่นรักเขามากกว่าผม” ไม่ใช่เลย มินโฮดูแล ‘แทมิน’ ดีมาก มากจนผมยังอิจฉาในความโชคดีของแทมินที่มีแฟนแบบมินโฮ อาจจะมีบ้างตามนิสัยของมินโฮที่เข้ากับคนง่าย พูดคุย ขี้แกล้ง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดว่าจะทำให้แทมินหึงเลย มินโฮออกจะขี้อ้อนแฟนด้วยซ้ำไป
“เห้ยคิดมากหน่า แกไม่ไปง้อเขาละ ไปคุยกันให้เคลียๆอย่ามาคิดเองงเออเอง” ผมก็แค่ให้คำปรึกษาได้เท่าที่สถานะพี่ชายอย่างผมจะทำได้แค่นั้น
“พี่รักผมมั้ย?” อยู่มินโฮก็โพล่งถามผมขึ้นมา ผมอึ้งไม่น้อยที่ได้ยิน แต่จะให้ผมตอบไงละในเมื่อผมไม่รู้ว่าเขากำลังหมายถึงรักแบบไหนพี่น้อง? หรือคนรัก ?
“
”
“เหอะ! ไม่ต้องตอบก็ได้พี่ไปนอนเหอะ” มินโฮหันมามองหน้าผมแบบไม่พอใจนัก
“
” ผมยังคงเงียบเพราะผมไม่แน่ใจว่าควรบอกให้รู้ดีมั้ย? ถ้าเกิดผมบอกไปแล้วมินโฮเกิดหัวเราะเยาะผมหรือบางที่มินโฮอาจจะหายไปจากชีวิตผมเลยก็ได้ พระเจ้าผมควรทำไงดีครับ
“อ๊ะ” ผมรู้สึกว่าได้รับสัมผัสอุ่นๆจากด้านหลัง
“ถ้าพี่ยังอ้ำอึ้งอยู่แบบนี้ผมจะถือว่าพี่จะรักผมนะ” เด็กเอาแต่ใจยังคงกอดผมไว้จากทางด้านหลัง ไม่ให้ผมขยับไปไหน
“เห้ยแกจะบ้าหรอคนเยอะแยะ
ออกไป” ผมพยายามแกะมือปลาหมึกของเด็กเอาแต่ใจนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ ด้วยแรงที่มีน้อยกว่าหลายเท่าตัว
“เห้ยแกจะพาพี่ไปไหน?” ผมต้องร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อเด็กเอาแต่ใจยังไม่ยอมปล่อยเขาแถมยังกึ่งอุ้มกึ่งลากผมมาในรถที่จอดอยู่ไม่ห่างจากสถานที่ตั้งแค้มป์มากนัก
“
” ผมยังคงได้ความเงียบเป็นคำตอบจากคนตรงหน้า ไอเด็กนี้มันผีเข้าผีออกจริงๆนึกอยากจะเศร้าก็เศร้าอยากจะกวนก็กวน ผมเดาใจมันไม่ถูกจริงๆ
“เห้ยแกจะทำไร” มันเคยนับมั้งมั้ยว่าคืนนี้มันทำให้ผมตกใจไปกี่รอบ อยู่ๆมันก็ถอดเสื้อกันหนาวถอดผ้าพันออก ผมกลัวมันจะเล่นอะไรพิเรนๆ อีกเลยห้ามเสียงดัง
“ชูว์” มินโฮเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากผมเบาเบาก่อนจะทำเสียงชูว์เผื่อให้ผมเงียบ
“ไม่รู้หรือไงว่ากลางคืนในป่ามันหนาวแค่ไหน ทำไมไม่ยอมใส่เสื้อหนาๆมา ดูสิมือเย็นไปหมดแล้ว” มินโฮพูดพลางจัดการใส่เสื้อกันหนาวและพันผ้าพันคอให้ผม ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือผมไว้
นายทำแบบนี้เพื่อไรวะมินโฮ? เหงา? พึ่งทะเลาะกับแฟน? เป็นห่วง? หรืออะไร
“อื้มขอบใจ” ผมตอบอึ้งๆด้วยไม่แน่ใจกับการกระทำของคนตรงหน้า
“
.”ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมอีกครั้ง จนผมรู้สึกอึดอัด
“เออ
พี่โอเคแล้วแหละ” เป็นผมซะเองที่พูดทำลายความเงียบ ก่อนจะชักมือกลับมา ถ้าปล่อยให้นานกว่านี้ใจผมคงจะเต้นแรงมากกว่านี้จนคนตรงหน้าผมจับได้แน่ๆ
“ตกลงว่าไงครับ?”
“ฮะ?” ผมรู้ว่ามินโฮหมายถึงอะไรแต่แกล้งทำเป็นไรรู้ เพราผมแค่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี ตอนนี้หัวสมองผมตีกันไปหมดแล้ว อยากบอกก็อยากบอกเพราะผมไม่ชอบอะไรดีมันค้างๆคาๆแต่อีกใจก็กลัวว่าถ้ามินโฮรู้แล้วจะเปลี่ยนไป อีกอย่างผมไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของมินโฮและแทมินในตอนนี้ เขาสองคนอาจจะแค่ทะเลาะกันเฉยๆก็ได้ ผมยังไม่อยากไปเป็นมือที่สามใครวะ
“ไม่เป็นไรครับ นอนเถอะ” มือโฮว่าจะค่อยๆเปิดประตูรถออกไป
‘หมับ’ ไอมือเวนแกจะเอื้อมไปคว้ามือมันทำไมวะ? ผมยังนึกโมโหตัวเองในใจ
“ครับ?” มินโฮหันมาหาผมก่อนจะทำหน้าสงสัย
“เออ
” แมร่งเอาไงดีวะ
“ถ้าไม่มีอะไรผมไม่กวนแล้วนะครับ”
“เออ ชั้นรักแก”
“
..” มินโฮหยุดยืนฟังผมเงียบๆ
“ที่ตอนแรกไม่บอกเพราะชั้นไม่รู้ว่าแกหมายถึงรักในฐานะไหน แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วชั้นรักแกไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนว่ะ” เห้ยผมบอกเขาไปหมดแล้วหรอ? แมร่งผมโครตขี้แพ้อะ ผมอ่อยด๋อยมากแมร่ง รอรับเสียงหัวเราะเยาะจากเขาได้เลย
“อ๊ะ” อยู่ๆมินโฮก็กระโจนเข้ามากอดผม เขาไม่ล้อผม เขาไม่เกลียดผม เขาไม่ได้หัวเราะเยาะผมสัดนิด แต่เขากลับโอบกอดผมไว้ด้วยซ้ำ
.
.
.
.
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไรแล้วแต่ผมเดาว่ามันคงดึกมากแล้วแหละเพราะฟ้าที่มือสนิทและดาวที่เต็มทองฟ้าแบบนี้ ผมยังคงนั่งอยู่ในรถคันเดิมกับไอเด็กดื้อคนเดิมที่นั่งข้างๆผมอยู่ตอนนี้
Lying here with you so close to me
ฉันนอนอยู่ตรงนี้โดยมีเธออยู่ใกล้ๆ
It's hard to fight these feelings
มันยากนะกับการเก็บความรู้สึกนั้นไว้
มือใหญ่ที่โอบผมไว้ให้หัวผมชิดกับแผงอกแกร่งของเขา เพื่อให้ความอบอุ่นแกผมในคืนอันเหน็บหนาวนี้ จริงๆผมก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยกับการกระทำแบบนี้ของมินโฮ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำให้ใคร แต่มันแปลตรงที่ว่าเขาทำกับผมยังไงละครับ
“อุ่นมั้ยครับ..หื้ม?” มินโฮถามผมด้วยเสียงอบอุ่นก่อนจะก้มลงมาหอมกลุ่มผมนุ่มๆของคนตัวเล็กที่สั่นเล็กๆ
“อื้อ” คนตัวเล็กสงเสียงตอบรับอื้ออึง จนร่างสูงไม่แน่ใจว่าคนบนตักเขาพล่อยหลับไปหรือยัง?
“หลับแล้วหรอครับ?” มินโฮกระซิบถามคนบนตัก ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ยังๆ” เสียงหวานขานตอบแทบจะทันที ไม่รู้เป็นเพราะว่ายังไม่นอนจริงๆหรือเพราะได้ยินเสียงกระซิบอันอ่อนโยนของร่างสูง
“งั้นเรามานับถ้อยหลังต้อนรับวันใหม่กันมั้ยฮะ?’” ร่างสูงเอ่ยชวน ก่อนที่คนบนตักจะดันตัวเองขึ้นมานั่งเพื่อจะได้นับเคาท์ดาวได้สะดวกๆ
“โหยอะไรแปปๆจะเที่ยงคืนแล้วหรอเนี่ย” คนตัวเล็กบ่นเบาๆก่อนจะจัดผมตัวเองให้เข้าที่
“เอาล่ะนะ ”
“5”
“4”
“3”
“2” ทั้งสองนับถอยหลังพร้อมกันเบาๆเหมือนอยากจะให้ได้ยินกันเพียงสองคน
Just a kiss on your lips in the moonlight
.
แค่เพียงจุมพิตที่ริมฝีปากของคุณภายใต้แสงจันทร์
“อื้อออ” แต่ยังไม่ทันที่จงฮยอนจะได้นับตัวเลขตัวสุดท้าย ก็ถูกร่างสูงปิดปากด้วยปากของร่างสูงเอง ลิ้นร้อนของร่างสูงค่อยๆคว้านหาความหวานจากร่างบางทั่วทั้งปากอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบค่อยๆเก็บความหวานไปทีละนิด เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่ปฎิเสธจูบของเขา ร่างสูงจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นจูบที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นหวานของคนทั้งสองพันกันจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ทั้งคู่แลกลิ้มชิมความหวานกันอยู่สักพัก จนร่างบางเริ่มขาดอากาศหายใจ มินโฮจึงค่อยปล่อยคนในอ้อมกอดเป็นอิสระ
Just a touch of the fire burning so bright
แค่เพียงสัมผัสถึงความร้อนรุ่มที่ส่องสว่าง
จากปากเลื่อนมาเป็นซอกคอขาว..มินโฮไม่รอช้าซุกไซ้หน้าเข้าไปดูดความหวานที่ซอกคอของร่างบางแทบจะทันที
“อื้อออ” ร่างบางครางกระเส่าเมื่อร่างสูงขบเม้มเบาๆที่ซอกคอ ส่วนมือก็เหมือนจะรู้หน้าที่เป็นอย่างดี ค่อยๆแกะกระดุมคนใต้ร่างช้าๆใปพร้อมๆกัน ใช้เวลาเพียงไม่นาน เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ รวมถึงเสื้อยืดขอคนตัวเล็กก็ถูกกำจัดออกไปให้พ้นสายตา
“อ่าาา” คนใต้ร่างร้องเสียงกระเส่าอีกครั้ง เมื่อคนร่างสูงขบเม้มไปที่ยอดดอกที่กำลังชูชัน
“พี่ครับผมผมขอนะครับ” ร่างสูงร้องขออย่างเอาใจ
I don't want to mess this thing up
ผมไม่อยากให้มันยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้
I don't want to push too far
ผมไม่อยากให้มันถลำลึกไปมากกว่านี้
ตอนนี้ในสมองของผมโล่งไปหมดแล้ว ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไง สมองบอกผมให้ปฎิเสธไปซะ แต่ดูร่างกายผมสิกลับตอบสนองเขาดีเหลือเกิน
We don't need to rush this
เราไม่จำเป็นต้องรีบก็ได้นะ
Let's just take it slow
ค่อยๆ เป็นไปอย่างช้าๆ เถอะ
“อ่ามะ..มิน..โฮหยุดถะ..เถอะ” ผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้คนตรงหน้าหยุดการกระทำนี้ ผมไม่ควรที่จะรีบร้อนกับเรื่องอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รักมินโฮ ผมรักเขามากตั้งหาก แล้วผมรู้ว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของเขาในคืนเหงาๆอารมณ์เปลี่ยนๆที่ทะเลาะกับแฟนคืนหนึ่ง ถึงมินโฮจะดูโตเป็นผู้ใหญ่ยังไง แต่นิสัยขี้เหงาตามประสาเด็กที่ขาดพ่อมาตั้งแต่เด็กๆเป็นไงผมหน่ะรู้ดี
“พี่อ่าาา ผมขอนะครับ” มินโฮถามย้ำกับผมอีกครั้ง เผื่อผมจะเปลี่ยนใจ แต่ในเมื่อผมตัดสินใจแล้วผมจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ถึงจะต้องโดนโกรธหรือมองหน้ากันไม่ติดแต่ยังดีกว่าให้มินโฮต้องมายึดติดกับผม ต้องมารับผิดชอบ รู้สึกผิดกับผม
I don't want to mess this thing up
ผมไม่อยากให้มันยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้
“หยุดเหอะมินโฮ”
.
.
.
เวลาผ่านไปยาวนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ ผมที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และมินโฮที่ยังคงนั่งเงียบไม่มีใครเริ่มพูดอะไรหลังจากเหตุการ์ณเมื่อกี้เกิดขึ้น
หรือเป็นผมที่ควรพูดก่อน? แล้วผมควรพูดอะไรละ?
“
”
“คือพี่แค่ไม่อยากให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้ ไม่อยากให้แกมาลำบากใจเรื่องพี่ทีหลัง ” และแล้วผมก็พูดมันออกมาสินะ
“ไม่ใช่พี่หรอก ผมตั้งหากที่ผิด”มินโฮว่าพลางหันมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะทำหน้าหงุดหงิด
“พี่เองแหละที่ขี้ขลาด
พี่กลัวว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ พี่จะยิ่งรักนายวะ พี่อาจจะตัดใจจากนายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พี่ขอโทษที่เห็นแก่ตัว” ฟังแล้วเหมือนคำสารภาพรักก็ไม่เชิง แต่ในสถาณการณ์แบบนี้ผมกลับว่ามันเป็นการเตือนสติให้คนตรงหน้าผมรู้มากกว่าว่าอะไรเป็นไร
“โธ่เว้ยยยย” อยุ่ๆมินโฮก็ตะโกนออกมาเสียงดังแล้วถีบประตูรถออกไป
“
.” ผมได้แต่เดินตามออกไปดูอย่างเป็นห่วง ผมยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ ผมอยากจะปล่อยในเขาได้คิดทบทวนอะไรด้วยตัวเองบ้าง
“แมร่งเอ้ยย” มินโฮสถบกับตัวเอง
“เห้ย ทำไรวะหยุดนะเว้ย” ผมรีบเข้าไปห้ามมินโฮที่ตอนนี้กำลังแลกหมัดอยู่กับต้นไม้
“แมร่งงงง” มินโฮไม่พูดอะไรด้แต่สถบกับตัวเองอยู่อย่างนั้น
“มินโฮใจเย็นดิวะ แกเป็นไรบอกพี่ๆ” ผมดึงตัวมินโฮมาสงบสติอารมณ์ในรถอีกครั้ง
“ฮือออ” พระเจ้า ! ครั้งแรกที่ผมเห็นมินโฮร้องไห้ มินโฮเป็นคนเข้มแข็งไม่เคยร้องไห้ออกมาง่ายๆ ขนาดตอนพ่อของเขาตายเขายังไม่ร้องไห้สักแอะ
“พี่..ฮึก..ผมขอโทษ” มินโฮพยายามสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล ก่อนจะซบลงมาที่อกของผม
“ผมมันเลว
พี่รักผม
พี่คิดถึงแต่ผม แต่ผมมันคอยแต่จะคิดถึงแต่ตัวเอง ผมมันเห็นแก่ตัว”
“ไม่เป็นไรเว้ยๆ ไม่ต้องร้อง แกไม่เคยร้องไห้ง่ายๆนี่หว่า” ผมพูดปลอมเด็กขี้แงก่อนจะยกมือลูบหัวเบาๆ
“ทำไม
”
“ทำไม?” ผมทวนคำถาม
“ทำไมพี่ไม่ด่าผม ต่อยผมก็ได้ ” มินโฮว่าพลางเงยหน้าขึ้นมาจะให้ผมต่อย
“เอ๊าไอนี้หน้าหล่อๆดีๆไม่ชอบอยากให้ปากมีสีหรอไงวะ?” ผมถามติดตลก
“ถ้ามันจะพอลบความผิดของผมได้ ผมยอมครับ” มินโฮตอบเสียงนิ่ง
“แกก็ขอโทษแล้วไง จริงๆฉันก็ผิดด้วยแหละ อย่าโทษตัวเองดิวะ ”
“แต่
”
“เอางี้ถือซะว่ามันเป็นจูบราตรีสวัสดิ์ก็ได้”
So baby I'm alright with just a kiss
ที่รัก แค่จุมพิตราตรีสวัสดิ์ก็เพียงพอแล้ว
“แค่นี้สบายใจแล้วนะ แล้วอย่าไปคิดมากโทษตัวเองอีกหล่ะ” ผมระบายยิ้มเมื่อเห็นมินโฮมีสีหน้าที่ดีขึ้น
แค่นี้แหละที่ผมอยากได้ขอแค่ให้เขาไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องผม ไม่ต้องเอาเรื่องคืนนั้นหรือจูบไหนมาคิดให้มินโฮต้องสับสน ผมว่าผมคิดถูกแล้วนะที่ให้จูบนั่นเป็นเพียงแค่จูบราตรีสวัสดิ์
No I don't want to say goodnight
ไม่ ผมไม่อยากบอกลาเขาเลย
I know it's time to leave but you'll be in my dreams tonight
ผมรู้ว่ามันเป็นเวลาที่ต้องไปแล้ว แต่เขาจะอยู่ในความฝันของผมในคืนนี้
-----END-------
SMALL TALK : เป็นไงกับ(เพลง)เรื่องแรกคะ ช่วยคอมเม้นกันด้วยนะคะ ส่วนเพลงอื่นๆกำลังจะตามมาคะ ^^v ขอโทษถ้าบางคนอาจจะไม่ชอบตอนจบที่มันไม่ Happy ending .... TT' *กราบ*
ความคิดเห็น