ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Vanguard]พ่อหนุ่มน่ารัก x คุณจิ้งจอกเย็นชา

    ลำดับตอนที่ #6 : จิ้งจอกตัวที่ 6 ผู้ปกป้อง

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 58


    จิ้งจอกตัวที่ 6 ผู้ปกป้อง
     
     
    [Kai]
     
      เปลวไฟสีแดง...เลือดสีแดงสด...ทำไมมือของเราถึงมีเลือดล่ะ...ทำไมตัวเราถึงมีแต่เลือดเต็มไปหมด...นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ...เลือดพวกนี้มาจากไหน...คนที่นอนจมกองเลือดสีแดงอยู่นั้นมัน...!!!
    "ฮ่า...แฮ่กๆ"เราตื่นขึ้นมาในที่ๆหนึ่งเหงื่อท่วมตัวเต็มไปหมด เรานอนอยู่บนเตียงรอบตัวมีผ้าพันแผลพันอยู่หลายที่...งั้นเมื่อกี้ก็เป็นฝันสินะ...เป็นฝันที่เลวร้ายจริงๆ จริงด้วยเราโดนรถของมนุษย์ชนสินะ...
     
    "ไคคุง!?! ไคคุง!?! ทำใจดีๆไว้นะไคคุง!?!"เสียงของหมอนั่นเต็มไปด้วยความห่วงใยและความเศร้าสร้อยใบหน้าของหมอนั่นมีแต่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ใบหน้านั่นมองมาที่เราแต่ตัวเรากลับขยับไม่ได้เลยเราเห็นทุกอย่างเป็นสีแดงไปหมดได้กลิ่นเลือดด้วย... ตอนนี้แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้วตาก็เริ่มเลือนแล้วสิ...แม้แต่เสียงของหมอนั่นเราก็ไม่ได้ยิน...แต่ทำไมเราถึงรู้สึกโล่งใจขนาดนี้นะ... แล้วเราก็ค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ
    "ไคคุง!?! ไคคุงฟื้นสิ!! ไคคุงห้ามเป็นอะไรนะไคคุง!?!"หมอนั่นร้องไห้ฟูมฟายหนักกว่าเดิมที่มือของหมอนั่นมีเลือดของเราติดอยู่เต็มไปหมด
     
     
    แล้วหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอึกรึเปล่านะ...
     
     
      เราค่อยๆลุกขึ้นนั่งพิงกับหมอนและเราก็พึ่งจะสังเกตเห็นว่าหมอนั่นนอนหลับอยู่ที่โซฟา ใบหน้ายามหลับดูน่ารักยังไงไม่รู้สิ...แต่การที่หมอนี่มานอนอยู่ที่นี่ก็แปลว่ามาอยู่เฝ้าเราล่ะนะ... เรากำลังจะนอนอีกครั้งหนึ่งแล้วจู่ๆเราก็รู้สึกเหมือนมีคมดาบที่รวดเร็วผ่านหน้าไป พอลองจับที่แก้มดูถึงได้รู้ว่ามีคมดาบที่ทั้งรวดเร็วและเฉียบคมผ่านหน้าของเราไปจริงๆเฉือนแก้มของเราไปนิดหน่อย แต่แผลแค่นี้ไม่นานคงหายไปเองละนะ...
     
     
    -วันรุ่งขึ้น-
     
    "หืม? เธอนี่สุดยอดไปเลยนะ"เสียงของคุณหมอพูดขึ้นพลางมองไคคุงอย่างสนใจ
    "เอ่อ...คุณหมอครับที่ว่าสุดยอดนี่คือ..."ถึงผมจะรู้อยู่แล้วว่าคุณหมอหมายถึงอะไรแต่ผมก็ลองถามไปเพื่อความชัวร์
    "ก็...แผลของเขาบางส่วนที่ไม่สาหัสมากน่ะหายเป็นปกติแล้วล่ะจ้ะ ส่วนแผลที่สาหัสมากๆก็อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วเลยล่ะ แปลกจริงๆเลยนะทั้งที่ต้องใช้เวลาในการรักษามากกว่านี้แท้ๆแต่นี่แต่คืนเดียวอาการก็ดีขึ้นเยอะเลย"คุณหมอพูดอย่างแปลกใจ
    "แหะๆแปลกจังเลยนะครับ"ผมพูดพลางยิ้มเจื่อนๆให้คุณหมอ 
    "งั้นวันนี้ก็พักผ่อนมากๆล่ะกันนะจ้ะ อย่างพึ่งขยับตัวมากล่ะ เดี๋ยวช่วงบ่ายหมอจะมาดูอาการอีกทีนะ"คุณหมอพูดจบแล้วเดินออกจากห้องไปเหลือผมกับไคคุงอยู่ในห้องแค่สองคน
     
      ผมนั่งเงียบอยู่นานไม่รู้จะคุยอะไรรึพูดอะไรกับไคคุงดี ผมคิดแต่ว่าที่ไคคุงโดนรถชนมันคงเป็นความผิดของผมแน่ๆเพราะผมเอาแต่เหม่อ...แล้วจู่ๆไคคุงก็พูดบางอย่างขึ้นมาเบาๆ
    "เจ็บ..."
    "เอ๋...อะ...อะไรหรอรึว่าเจ็บแผล"ผมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทำท่าเหมือนเตรียมจะไปตามพยาบาล
    "นาย...เจ็บตรงไหนรึเปล่า..."ไคคุงถามผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงกลับดูเหมือนจะเป็นห่วง
    "ไม่เลย...ผมไม่ได้เจ็บตรงไหนหรอก..."ผมตอบเบาๆด้วยท่าทางรู้สึกผิด
    "งั้นก็ดีแล้ว..."พูดจบไคคุงก็มองมาที่ผม แม้จะแค่แวบเดียวแต่ผมรู้สึกเหมือนดวงตาของไคคุงมีความอ่อนโยนและความห่วงใยอยู่ ทำให้ผมรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
    "คะ...ไคคุง...ขะ...ขอโทษ..."ผมพูดเสียงสั่น ผมรู้สึกเหมือนน้ำตากำลังจะไหลออกมา...
    "ที่ไคคุงเป็นแบบนี้ก็เพราะผมแท้ๆ ผมมันแย่ที่สุดเลย...ทั้งที่ไคคุงโดนรถชนแทนผม แถมยังมาเป็นห่วงคนอย่างผมอีก...ผมขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ"น้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุด ผมยืนร้องไห้อยู่แบบนั้นไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมหยุดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
    "ขอโทษ...ขอโทษ...ขอโทษ...ผมขอโทษ"ผมพูดขอโทษไคคุงซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดพลางเอามือเช็ดน้ำตาที่ยังไม่ยอมหยุดไหล แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มาโอบรอบตัวผมไว้พร้อมกับมีมือมาลูบที่หัวผมอย่างเบาๆและอ่อนโยน
    "นายไม่ต้องร้องหรอก..."ไคคุงที่โอบกอดผมที่กำลังร้องไห้อยู่พูดออกมาเบาๆด้วยใบหน้าเรียบๆแต่ดวงตาดูแล้วชั่งอ่อนโยน ไม่เหมือนกับไคคุงที่ผมเคยรู้จักเลย...ไคคุงที่เป็นคนเย็นชามาตลอดคนนั้นตอนนี้กลับดูอ่อนโยนมากราวกับเป็นคนละคน...
    "มันไม่ใช่ความผิดของนาย...นายไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกนะ..."ไคคุงพูดแล้วลูบหัวผมอย่างเบามือ
    "ตะ...แต่ผม...ผม..."น้ำตาของผมยังคงไหลไม่หยุด
    "ไม่เป็นไรหรอก...แค่นายไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว..."ไคคุงพูดแล้วกอดผมแน่นกว่าเดิม ผมพูดอะไรไม่ออกทำได้เพียงรอให้น้ำตาหยุดไหลเท่านั้น...แล้วผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆที่แผ่วเบามากจนได้ยินไม่ถนัด
    "อย่างชั้นน่ะ...ถ้าตายไปมันคงจะดีอยู่แล้วล่ะ..."คำพูดนั้นเบามากจนผมได้ยินไม่ถนัด ผมได้ยินเป็นบางคำเท่านั้นแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่คำที่ผมได้ยินมั้ย...
    "โหๆ...หวานกันใหญ่เชียวนะครับเนี่ย..."จู่ๆเสียงที่ผมกับไคคุงคุ้นเคยก็ดังมาจากทางหน้าต่าง 
    "คะ...คุณเรน!!"พอผมเห็นคุณเรนผมก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีจนเผลอผลักไคคุงออกไปแล้วรีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว
    "อะ...แหมๆไม่ต้องอายหรอกคร้าบ~กอดกันซะแน่นเลยน้า~"คุณเรนพูดด้วยท่าทางหยอกล้อ ก่อนที่จะโดนเลออนคุงที่กระโดดขึ้นมาจากหน้าต่างเขกหัวดัง โป๊ก!! ดูจากลักษณะแล้วผมว่าทั้งคู่คงจะปีนขึ้นมาจากตัวตึกแน่ๆ(สำหรับพวกเขาคงเร็วกว่าใช้ลิฟท์สินะ...)
    "โอ๊ย!!"คุณเรนเอามือกุมหัวโดยอัตโนมัติทันที
    "จะ...เจ็บนะเลออน"คุณเรนพูดแล้วหันไปมองเลออนคุงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
    "อย่าไปพูดหยอกล้อคนอื่นแบบนั้นเข้าใจมั้ย ถ้าคนเขาอยากกอดกันก็ปล่อยให้กอดกันไปเราไม่ควร..."เลออนคุงยังพูดไม่ทันจะจบผมก็รีบพูดแทรกทันที
    "มะ..ไม่ใช่นะครับ...ผมกับไคคุงไม่ได้กอดกันในแบบที่พวกเลออนคุงคิดนะครับ!!"ผมพูดพร้อมกับหน้าที่แดงก่ำยิ่งกว่ามะเขือเทศ
    "งั้นเป็นแบบไหนหรา~"คุณเรนพูดแล้วมองผมกับไคคุงสลับไปมา
    "กะ...ก็...คะ...ไคคุงก็พูดอะไรหน่อยสิครับ!!"ผมพูดแล้วมองไปที่ไคคุงที่ยืนเงียบอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้
    "อ่า...ชั้นกับไอจิน่ะไม่ได้กอดกันอย่างที่พวกนายคิดหรอก..."ไคคุงพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
    "เอ๋..."คุณเรนดูจะผิดหวังกับคำตอบ
    "อีกอย่าง..."ท่าทางไคคุงยังพูดไม่จบ  
    "คนแบบหมอนี่นะชั้นไม่กอดให้เมื่อยหรอกตัวก็ไม่ค่อยสูง ที่ชั้นเข้าไปกอดนั้นเพราะไม่อยากเห็นใครร้องไห้ง่ายๆคือแค่เข้าไปกอดเพื่อให้หมอนี่เงียบเสียงร้องไห้ก็เท่านั้นแหละ...แถมเสียงตอนร้องไห้ก็น่ารำคาญด้วย..."คำตอบของไคคุงที่สุดจะยืดยาวนี่มันอัลไลกันแล้วไอที่ว่าตัวไม่ค่อยนี่คือ...
    "นี่ไคคุงที่ว่าไม่ค่อยสูงเนี่ยจะบอกว่าผมเตี้ยใช่มั้ย..."ผมพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
    "หือ...รู้ด้วยหรอ..."ไคคุงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทำเอาผมหงุดหงิดขึ้นมาทันทีผมเลยรีบเดินไปใกล้ๆไคคุงกะจะเอามือทุบไคคุงสักที2ทีที่มาหาว่าผมเตี้ย แต่ไคคุงเอามือจับที่หัวผมแล้วดันไป
    "หนอยแน่!! มาว่าผมเตี้ยได้ยังไงแค่สูงกว่าผมนิดเดียวอย่ามาว่าผมเตี้ยนะ"ผมพูดแล้วพยายามเดินเข้าไปใกล้ๆไคคุงให้ได้
    "อะไร...แค่พูดความจริง..."ไคคุงพูดด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเรียบๆ
    "หนอยแน่!?!"ผมพยายามเข้าไปมกล้ๆตัวไคคุงมากที่สุดแต่ก็ทำไม่ได้ผมเลยเลิกคิดที่จะเข้าไปทุบไคคุงแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาแทน
    "อุแหม...แหมทะเลาะกันแบบเนี่ยเห็นเค้าว่าจะยิ่งรักกันน้า~"คุณเรนพูดด้วยน้ำเสียงชอบใจ
    "ไม่มีทางหรอก!?!"ผมกับไคคุงพูดพร้อมกันอย่างจนคุณเรนสะดุ้งแล้วไปหลบหลังเลออนคุงทันที ให้ตายสิไคคุงน่ะอะไรของเขาเดาความคิดไคคุงไม่ออกเลยทั้งที่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ แต่ดันมาว่าผมเตี้ยซะงั้น งั้นไอความอ่อนโยนกับความห่วงใยเมื่อกี้ผมคงคิดไปเองสินะ...
    "ไง"แล้วจู่ๆมิวะคุงก็เปิดประตูเข้ามา
    "อ่ะสวัสดีครับมิวะคุง"ผมเริ่มทักทายก่อน
    "งาย~มิวี้~"คุณเรนพูดอย่างสดใส
    "ไงมิวะ..."เลออนคุงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ส่วนไคคุงไม่ได้พูดอะไร...
    "หวัดดีๆ แล้วมิวี้นี่มันอะไรห๊ะ..."มิวะคุงพูดแล้วหันไปมองคุณเรน
    "อาราย~เล่าก็มันน่ารักดีนี่ทำไมอ่ะเรียกไม่ได้หรอ"คุณเรนพูดแล้วมองมิวะคุง
    "ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้แต่มันฟังดูแปลกๆ"มิวะคุงตอบแล้วยิ้มเจื่อนๆ
    "อ่อจริงสิไคมีคนสำคัญมาหาแหนะ"มิวะคุงหันไปมองไคคุง แล้วจู่ๆก็โยนดาบไปให้ไคคุงพร้อมกับมีคนๆหนึ่งพุ่งมาหาไคคุงอย่างรวดเร็วจากทางประตูจนมองแทบไม่ทันรู้ตัวอีกทีผมก็เห็นไคคุงกับคนๆนั้นยืนถือดาบฟันกันซะแล้ว ผมยืนอึ๊งอยู่แปปนึงก่อนที่จะทำท่สเหมือนจะเดินเข้าไปห้ามแต่คุณเรนจับแขนผมไว้
    "ยังทักทายได้รุนแรงเหมือนเดิมเลยนะ..."ไคคุงพูดแล้วจ้องไปที่คนๆนั้นเขม็ง
    "หึ...อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าฝีมือของนายไม่ได้ด้อยลงแม้แต่น้อยล่ะนะ"คนๆนั้นพูดแล้วเก็บดาบ 
    "เอ๋...อะ...อะไรกันครับเนี่ย"ผมเริ่มงง
    "อ่อนี่ ไกยาร์ล เป็นเพื่อนของพวกเราเหมือนกันแล้วหมอนี่ก็ยังเป็นคู่ซ้อมให้ไคตอนที่หมอนี่ฝึกใช้ดาบด้วยน่ะ"มิวะคุงช่วยพูดให้ผมคลายความสงสัย ผมมองไปที่ไกยาร์ลคุงที่ตอนนี้เขายืนจ้องไคคุงอยู่จนเหมือนว่ายังไม่เห็นผมด้วยซ้ำไปผมสีฟ้าเข้มๆของเขาและสีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูแล้วงดงาม เขาใส่ชุดกิโมโนแถมมีเขาด้วยดูแล้วเท่ดีเหมือนกันนะ... ไกยาร์ลคุงเหมือนจะมองเห็นผมแล้ว เขามองผมตาไม่กระพริบเลย ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาเลิกมองไคคุงแล้วเดินมาหาผมอย่างรวดเร็ว 
    "งามนัก..."ไกยาร์ลคุงมองผมแล้วพูดออกมาเบาๆก่อนที่จะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผมแล้วจับมือผมไปจุ๊ฟหนึ่งทีทำเอาผมหน้าแดงขึ้นมาทันที
    "ท่านชั่งเป็นคนที่งามนัก ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตามปกป้องท่านจนกว่าชีวิตนี้จะหมดลม"อะไรกันเนี่ยคำพูดของไกยาร์ลไคคุงทำเอาผมงงแล้วใจเต้นไปหมดแต่ทุกคนกลับมองมาที่ผมกับไกยาร์ลคุงอย่างอึ๊งๆนอกจากไคคุงที่ทำหน้าไร้อารมณ์
    "เอ่อ...ไกยาร์ลนายพูดเรื่องบ้าอะไรน่ะ..."เลออนคุงถามพลางเหงื่อตก
    "จะอะไรล่ะ...ตั้งแต่นี้ไปชั้นจะรับใช้และคอยปกป้องเด็กหนุ่มคนนี้เอง"ไกยาร์ลคุงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    "อะ...เอ๋ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะครับ"ผมเริ่มลำบากใจ
    "ก็...ขะ...ข้าไม่ขอบอกเหตุผล ว่าแต่ท่านชื่ออะไร"ไกยาร์ลคุงหน้าแดงขึ้นมานิดๆ
    "อ่ะ...เซ็นโด ไอจิครับ"ผมตอบ
    "งั้นตั้งแต่นี้ไปท่านไอจิข้าจะเรียกท่านแบบนี้ไม่สิตอนนี้ข้าควรจะแทนตัวเองว่าผมมากกว่าสินะ"ไกยาร์ลคุงดูจะจริงจังมาก จนตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว
    "ไกยาร์ลนายจะปกป้องหมอนี่ทำไม..."ไคคุงพูดออกมาเบาๆ
    "มะ...มันเรื่องของชั้นไม่เกี่ยวกับนาย"
    "เอ่อ...แต่ผมว่าไกยาร์ลคุงไม่ต้องปกป้องผมหรอกนะครับจะลำบากเปล่าๆ"ผมพูดแทรกขึ้นมาแล้วยิ้มเจื่อนๆให้
    "พะ...พูดอะไรอย่างนั้นท่านไอจิมันไม่ได้ลำบากอะไรผมเลยนะครับ อีกอย่างถ้าผมตัดสินใจไปแล้วผมก็จะทำให้ถึงที่สุดครับ!!"ไกยาร์ลคุงพูดอย่างหนักแน่นแววตาของเขาดูจริงจังมากจนผมเริ่มไม่กล้าปฏิเสธ ปิ๊งแล้วแน่ๆ...คุณเรนกับเลออนคุงคิดอยู่ในใจแล้วพยักหน้าให้กันแสดงว่าพวกเขาคิดเหมือนกัน
    "แหะๆไอจิหมอนี่เป็นพวกจริงจังแบบสุดๆน่ะ"มิวะคุงมากระซิบที่หูผม พอผมได้ยินแบบนั้นผมก็ตัดสินใจได้
    "ขะ...เข้าใจแล้วครับไกยาร์ลคุง"ผมพูดแล้วเหงื่อตก
    "ผมจะยอมให้ปกป้องก็ได้ครับแต่อย่าเกินคสามจำเป็นนะ"ผมพูดแล้วยิ้มเจื่อนๆ
    "ขอบคุณครับท่านไอจิ"แล้วไกยาร์ลคุงก็เอามือผมไปจุ๊ฟอีกหนึ่งที ก่อนที่จะโดนไคคุงเอามือเขกหัวดัง โป๊ก!!
    "ทะ...ทำอะไรของนายเนี่ย!!"ไกยาร์ลคุงเอามือกุมหัวโดยอัตโนมัติแล้วหันไปตะโกนใส่ไคคุง
    "ไม่รู้สิ...ร่างกายมันไปเอง..."ไคคุงพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
    "หา...อะไรของนายน่ะ..."ไกยาร์ลคุงพูดแล้วทำหน้างง
    "แต่ชั้นรู้สึกไปเองรึเปล่ารู้สึกเหมือนนายมีอะไรเปลี่ยนไปนะ..."ไกยาร์ลคุงพูดแล้วจ้องหน้าไคคุงเขม็ง
    "เปล่านี่..."ไคคุงตอบเสียงเรียบแล้วเดินไปนั่งบนเตียง
    "งั้นหรอ...สงสัยชั้นจะคิดไปเองจริงๆสินะ"ไกยาร์ลคุงพูดแล้วถอนหายใจ เอ...ที่บอกว่าไคคุงเปลี่ยนไปนี่หมายความว่ายังไงนะ? 
     
     
    ทำไมเราถึงรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้นะ...


    #ขอโทษที่อัพช้าน้า~
    CR.SHL

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×