ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : จิ้งจอกตัวที่ 6 ผู้ปกป้อง
จิ้งจอกตัวที่ 6 ผู้ปกป้อง
[Kai]
เปลวไฟสีแดง...เลือดสีแดงสด...ทำไมมือของเราถึงมีเลือดล่ะ...ทำไมตัวเราถึงมีแต่เลือดเต็มไปหมด...นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ...เลือดพวกนี้มาจากไหน...คนที่นอนจมกองเลือดสีแดงอยู่นั้นมัน...!!!
"ฮ่า...แฮ่กๆ"เราตื่นขึ้นมาในที่ๆหนึ่งเหงื่อท่วมตัวเต็มไปหมด เรานอนอยู่บนเตียงรอบตัวมีผ้าพันแผลพันอยู่หลายที่...งั้นเมื่อกี้ก็เป็นฝันสินะ...เป็นฝันที่เลวร้ายจริงๆ จริงด้วยเราโดนรถของมนุษย์ชนสินะ...
"ไคคุง!?! ไคคุง!?! ทำใจดีๆไว้นะไคคุง!?!"เสียงของหมอนั่นเต็มไปด้วยความห่วงใยและความเศร้าสร้อยใบหน้าของหมอนั่นมีแต่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ใบหน้านั่นมองมาที่เราแต่ตัวเรากลับขยับไม่ได้เลยเราเห็นทุกอย่างเป็นสีแดงไปหมดได้กลิ่นเลือดด้วย... ตอนนี้แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้วตาก็เริ่มเลือนแล้วสิ...แม้แต่เสียงของหมอนั่นเราก็ไม่ได้ยิน...แต่ทำไมเราถึงรู้สึกโล่งใจขนาดนี้นะ... แล้วเราก็ค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ
"ไคคุง!?! ไคคุงฟื้นสิ!! ไคคุงห้ามเป็นอะไรนะไคคุง!?!"หมอนั่นร้องไห้ฟูมฟายหนักกว่าเดิมที่มือของหมอนั่นมีเลือดของเราติดอยู่เต็มไปหมด
แล้วหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอึกรึเปล่านะ...
เราค่อยๆลุกขึ้นนั่งพิงกับหมอนและเราก็พึ่งจะสังเกตเห็นว่าหมอนั่นนอนหลับอยู่ที่โซฟา ใบหน้ายามหลับดูน่ารักยังไงไม่รู้สิ...แต่การที่หมอนี่มานอนอยู่ที่นี่ก็แปลว่ามาอยู่เฝ้าเราล่ะนะ... เรากำลังจะนอนอีกครั้งหนึ่งแล้วจู่ๆเราก็รู้สึกเหมือนมีคมดาบที่รวดเร็วผ่านหน้าไป พอลองจับที่แก้มดูถึงได้รู้ว่ามีคมดาบที่ทั้งรวดเร็วและเฉียบคมผ่านหน้าของเราไปจริงๆเฉือนแก้มของเราไปนิดหน่อย แต่แผลแค่นี้ไม่นานคงหายไปเองละนะ...
-วันรุ่งขึ้น-
"หืม? เธอนี่สุดยอดไปเลยนะ"เสียงของคุณหมอพูดขึ้นพลางมองไคคุงอย่างสนใจ
"เอ่อ...คุณหมอครับที่ว่าสุดยอดนี่คือ..."ถึงผมจะรู้อยู่แล้วว่าคุณหมอหมายถึงอะไรแต่ผมก็ลองถามไปเพื่อความชัวร์
"เอ่อ...คุณหมอครับที่ว่าสุดยอดนี่คือ..."ถึงผมจะรู้อยู่แล้วว่าคุณหมอหมายถึงอะไรแต่ผมก็ลองถามไปเพื่อความชัวร์
"ก็...แผลของเขาบางส่วนที่ไม่สาหัสมากน่ะหายเป็นปกติแล้วล่ะจ้ะ ส่วนแผลที่สาหัสมากๆก็อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วเลยล่ะ แปลกจริงๆเลยนะทั้งที่ต้องใช้เวลาในการรักษามากกว่านี้แท้ๆแต่นี่แต่คืนเดียวอาการก็ดีขึ้นเยอะเลย"คุณหมอพูดอย่างแปลกใจ
"แหะๆแปลกจังเลยนะครับ"ผมพูดพลางยิ้มเจื่อนๆให้คุณหมอ
"งั้นวันนี้ก็พักผ่อนมากๆล่ะกันนะจ้ะ อย่างพึ่งขยับตัวมากล่ะ เดี๋ยวช่วงบ่ายหมอจะมาดูอาการอีกทีนะ"คุณหมอพูดจบแล้วเดินออกจากห้องไปเหลือผมกับไคคุงอยู่ในห้องแค่สองคน
ผมนั่งเงียบอยู่นานไม่รู้จะคุยอะไรรึพูดอะไรกับไคคุงดี ผมคิดแต่ว่าที่ไคคุงโดนรถชนมันคงเป็นความผิดของผมแน่ๆเพราะผมเอาแต่เหม่อ...แล้วจู่ๆไคคุงก็พูดบางอย่างขึ้นมาเบาๆ
"เจ็บ..."
"เอ๋...อะ...อะไรหรอรึว่าเจ็บแผล"ผมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทำท่าเหมือนเตรียมจะไปตามพยาบาล
"นาย...เจ็บตรงไหนรึเปล่า..."ไคคุงถามผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงกลับดูเหมือนจะเป็นห่วง
"ไม่เลย...ผมไม่ได้เจ็บตรงไหนหรอก..."ผมตอบเบาๆด้วยท่าทางรู้สึกผิด
"งั้นก็ดีแล้ว..."พูดจบไคคุงก็มองมาที่ผม แม้จะแค่แวบเดียวแต่ผมรู้สึกเหมือนดวงตาของไคคุงมีความอ่อนโยนและความห่วงใยอยู่ ทำให้ผมรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
"คะ...ไคคุง...ขะ...ขอโทษ..."ผมพูดเสียงสั่น ผมรู้สึกเหมือนน้ำตากำลังจะไหลออกมา...
"ที่ไคคุงเป็นแบบนี้ก็เพราะผมแท้ๆ ผมมันแย่ที่สุดเลย...ทั้งที่ไคคุงโดนรถชนแทนผม แถมยังมาเป็นห่วงคนอย่างผมอีก...ผมขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ"น้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุด ผมยืนร้องไห้อยู่แบบนั้นไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมหยุดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
"ขอโทษ...ขอโทษ...ขอโทษ...ผมขอโทษ"ผมพูดขอโทษไคคุงซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดพลางเอามือเช็ดน้ำตาที่ยังไม่ยอมหยุดไหล แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มาโอบรอบตัวผมไว้พร้อมกับมีมือมาลูบที่หัวผมอย่างเบาๆและอ่อนโยน
"ขอโทษ...ขอโทษ...ขอโทษ...ผมขอโทษ"ผมพูดขอโทษไคคุงซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดพลางเอามือเช็ดน้ำตาที่ยังไม่ยอมหยุดไหล แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มาโอบรอบตัวผมไว้พร้อมกับมีมือมาลูบที่หัวผมอย่างเบาๆและอ่อนโยน
"นายไม่ต้องร้องหรอก..."ไคคุงที่โอบกอดผมที่กำลังร้องไห้อยู่พูดออกมาเบาๆด้วยใบหน้าเรียบๆแต่ดวงตาดูแล้วชั่งอ่อนโยน ไม่เหมือนกับไคคุงที่ผมเคยรู้จักเลย...ไคคุงที่เป็นคนเย็นชามาตลอดคนนั้นตอนนี้กลับดูอ่อนโยนมากราวกับเป็นคนละคน...
"มันไม่ใช่ความผิดของนาย...นายไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกนะ..."ไคคุงพูดแล้วลูบหัวผมอย่างเบามือ
"ตะ...แต่ผม...ผม..."น้ำตาของผมยังคงไหลไม่หยุด
"ไม่เป็นไรหรอก...แค่นายไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว..."ไคคุงพูดแล้วกอดผมแน่นกว่าเดิม ผมพูดอะไรไม่ออกทำได้เพียงรอให้น้ำตาหยุดไหลเท่านั้น...แล้วผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆที่แผ่วเบามากจนได้ยินไม่ถนัด
"อย่างชั้นน่ะ...ถ้าตายไปมันคงจะดีอยู่แล้วล่ะ..."คำพูดนั้นเบามากจนผมได้ยินไม่ถนัด ผมได้ยินเป็นบางคำเท่านั้นแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่คำที่ผมได้ยินมั้ย...
"โหๆ...หวานกันใหญ่เชียวนะครับเนี่ย..."จู่ๆเสียงที่ผมกับไคคุงคุ้นเคยก็ดังมาจากทางหน้าต่าง
"คะ...คุณเรน!!"พอผมเห็นคุณเรนผมก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีจนเผลอผลักไคคุงออกไปแล้วรีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว
"อะ...แหมๆไม่ต้องอายหรอกคร้าบ~กอดกันซะแน่นเลยน้า~"คุณเรนพูดด้วยท่าทางหยอกล้อ ก่อนที่จะโดนเลออนคุงที่กระโดดขึ้นมาจากหน้าต่างเขกหัวดัง โป๊ก!! ดูจากลักษณะแล้วผมว่าทั้งคู่คงจะปีนขึ้นมาจากตัวตึกแน่ๆ(สำหรับพวกเขาคงเร็วกว่าใช้ลิฟท์สินะ...)
"โอ๊ย!!"คุณเรนเอามือกุมหัวโดยอัตโนมัติทันที
"จะ...เจ็บนะเลออน"คุณเรนพูดแล้วหันไปมองเลออนคุงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"อย่าไปพูดหยอกล้อคนอื่นแบบนั้นเข้าใจมั้ย ถ้าคนเขาอยากกอดกันก็ปล่อยให้กอดกันไปเราไม่ควร..."เลออนคุงยังพูดไม่ทันจะจบผมก็รีบพูดแทรกทันที
"อย่าไปพูดหยอกล้อคนอื่นแบบนั้นเข้าใจมั้ย ถ้าคนเขาอยากกอดกันก็ปล่อยให้กอดกันไปเราไม่ควร..."เลออนคุงยังพูดไม่ทันจะจบผมก็รีบพูดแทรกทันที
"มะ..ไม่ใช่นะครับ...ผมกับไคคุงไม่ได้กอดกันในแบบที่พวกเลออนคุงคิดนะครับ!!"ผมพูดพร้อมกับหน้าที่แดงก่ำยิ่งกว่ามะเขือเทศ
"งั้นเป็นแบบไหนหรา~"คุณเรนพูดแล้วมองผมกับไคคุงสลับไปมา
"กะ...ก็...คะ...ไคคุงก็พูดอะไรหน่อยสิครับ!!"ผมพูดแล้วมองไปที่ไคคุงที่ยืนเงียบอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้
"อ่า...ชั้นกับไอจิน่ะไม่ได้กอดกันอย่างที่พวกนายคิดหรอก..."ไคคุงพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"เอ๋..."คุณเรนดูจะผิดหวังกับคำตอบ
"อีกอย่าง..."ท่าทางไคคุงยังพูดไม่จบ
"คนแบบหมอนี่นะชั้นไม่กอดให้เมื่อยหรอกตัวก็ไม่ค่อยสูง ที่ชั้นเข้าไปกอดนั้นเพราะไม่อยากเห็นใครร้องไห้ง่ายๆคือแค่เข้าไปกอดเพื่อให้หมอนี่เงียบเสียงร้องไห้ก็เท่านั้นแหละ...แถมเสียงตอนร้องไห้ก็น่ารำคาญด้วย..."คำตอบของไคคุงที่สุดจะยืดยาวนี่มันอัลไลกันแล้วไอที่ว่าตัวไม่ค่อยนี่คือ...
"นี่ไคคุงที่ว่าไม่ค่อยสูงเนี่ยจะบอกว่าผมเตี้ยใช่มั้ย..."ผมพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
"หือ...รู้ด้วยหรอ..."ไคคุงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทำเอาผมหงุดหงิดขึ้นมาทันทีผมเลยรีบเดินไปใกล้ๆไคคุงกะจะเอามือทุบไคคุงสักที2ทีที่มาหาว่าผมเตี้ย แต่ไคคุงเอามือจับที่หัวผมแล้วดันไป
"หนอยแน่!! มาว่าผมเตี้ยได้ยังไงแค่สูงกว่าผมนิดเดียวอย่ามาว่าผมเตี้ยนะ"ผมพูดแล้วพยายามเดินเข้าไปใกล้ๆไคคุงให้ได้
"อะไร...แค่พูดความจริง..."ไคคุงพูดด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเรียบๆ
"หนอยแน่!?!"ผมพยายามเข้าไปมกล้ๆตัวไคคุงมากที่สุดแต่ก็ทำไม่ได้ผมเลยเลิกคิดที่จะเข้าไปทุบไคคุงแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาแทน
"อุแหม...แหมทะเลาะกันแบบเนี่ยเห็นเค้าว่าจะยิ่งรักกันน้า~"คุณเรนพูดด้วยน้ำเสียงชอบใจ
"ไม่มีทางหรอก!?!"ผมกับไคคุงพูดพร้อมกันอย่างจนคุณเรนสะดุ้งแล้วไปหลบหลังเลออนคุงทันที ให้ตายสิไคคุงน่ะอะไรของเขาเดาความคิดไคคุงไม่ออกเลยทั้งที่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ แต่ดันมาว่าผมเตี้ยซะงั้น งั้นไอความอ่อนโยนกับความห่วงใยเมื่อกี้ผมคงคิดไปเองสินะ...
"ไม่มีทางหรอก!?!"ผมกับไคคุงพูดพร้อมกันอย่างจนคุณเรนสะดุ้งแล้วไปหลบหลังเลออนคุงทันที ให้ตายสิไคคุงน่ะอะไรของเขาเดาความคิดไคคุงไม่ออกเลยทั้งที่ผมอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ แต่ดันมาว่าผมเตี้ยซะงั้น งั้นไอความอ่อนโยนกับความห่วงใยเมื่อกี้ผมคงคิดไปเองสินะ...
"ไง"แล้วจู่ๆมิวะคุงก็เปิดประตูเข้ามา
"อ่ะสวัสดีครับมิวะคุง"ผมเริ่มทักทายก่อน
"งาย~มิวี้~"คุณเรนพูดอย่างสดใส
"ไงมิวะ..."เลออนคุงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ส่วนไคคุงไม่ได้พูดอะไร...
"หวัดดีๆ แล้วมิวี้นี่มันอะไรห๊ะ..."มิวะคุงพูดแล้วหันไปมองคุณเรน
"อาราย~เล่าก็มันน่ารักดีนี่ทำไมอ่ะเรียกไม่ได้หรอ"คุณเรนพูดแล้วมองมิวะคุง
"ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้แต่มันฟังดูแปลกๆ"มิวะคุงตอบแล้วยิ้มเจื่อนๆ
"อ่อจริงสิไคมีคนสำคัญมาหาแหนะ"มิวะคุงหันไปมองไคคุง แล้วจู่ๆก็โยนดาบไปให้ไคคุงพร้อมกับมีคนๆหนึ่งพุ่งมาหาไคคุงอย่างรวดเร็วจากทางประตูจนมองแทบไม่ทันรู้ตัวอีกทีผมก็เห็นไคคุงกับคนๆนั้นยืนถือดาบฟันกันซะแล้ว ผมยืนอึ๊งอยู่แปปนึงก่อนที่จะทำท่สเหมือนจะเดินเข้าไปห้ามแต่คุณเรนจับแขนผมไว้
"ยังทักทายได้รุนแรงเหมือนเดิมเลยนะ..."ไคคุงพูดแล้วจ้องไปที่คนๆนั้นเขม็ง
"หึ...อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าฝีมือของนายไม่ได้ด้อยลงแม้แต่น้อยล่ะนะ"คนๆนั้นพูดแล้วเก็บดาบ
"เอ๋...อะ...อะไรกันครับเนี่ย"ผมเริ่มงง
"อ่อนี่ ไกยาร์ล เป็นเพื่อนของพวกเราเหมือนกันแล้วหมอนี่ก็ยังเป็นคู่ซ้อมให้ไคตอนที่หมอนี่ฝึกใช้ดาบด้วยน่ะ"มิวะคุงช่วยพูดให้ผมคลายความสงสัย ผมมองไปที่ไกยาร์ลคุงที่ตอนนี้เขายืนจ้องไคคุงอยู่จนเหมือนว่ายังไม่เห็นผมด้วยซ้ำไปผมสีฟ้าเข้มๆของเขาและสีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูแล้วงดงาม เขาใส่ชุดกิโมโนแถมมีเขาด้วยดูแล้วเท่ดีเหมือนกันนะ... ไกยาร์ลคุงเหมือนจะมองเห็นผมแล้ว เขามองผมตาไม่กระพริบเลย ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาเลิกมองไคคุงแล้วเดินมาหาผมอย่างรวดเร็ว
"งามนัก..."ไกยาร์ลคุงมองผมแล้วพูดออกมาเบาๆก่อนที่จะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผมแล้วจับมือผมไปจุ๊ฟหนึ่งทีทำเอาผมหน้าแดงขึ้นมาทันที
"ท่านชั่งเป็นคนที่งามนัก ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตามปกป้องท่านจนกว่าชีวิตนี้จะหมดลม"อะไรกันเนี่ยคำพูดของไกยาร์ลไคคุงทำเอาผมงงแล้วใจเต้นไปหมดแต่ทุกคนกลับมองมาที่ผมกับไกยาร์ลคุงอย่างอึ๊งๆนอกจากไคคุงที่ทำหน้าไร้อารมณ์
"เอ่อ...ไกยาร์ลนายพูดเรื่องบ้าอะไรน่ะ..."เลออนคุงถามพลางเหงื่อตก
"จะอะไรล่ะ...ตั้งแต่นี้ไปชั้นจะรับใช้และคอยปกป้องเด็กหนุ่มคนนี้เอง"ไกยาร์ลคุงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"อะ...เอ๋ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะครับ"ผมเริ่มลำบากใจ
"ก็...ขะ...ข้าไม่ขอบอกเหตุผล ว่าแต่ท่านชื่ออะไร"ไกยาร์ลคุงหน้าแดงขึ้นมานิดๆ
"อ่ะ...เซ็นโด ไอจิครับ"ผมตอบ
"งั้นตั้งแต่นี้ไปท่านไอจิข้าจะเรียกท่านแบบนี้ไม่สิตอนนี้ข้าควรจะแทนตัวเองว่าผมมากกว่าสินะ"ไกยาร์ลคุงดูจะจริงจังมาก จนตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว
"ไกยาร์ลนายจะปกป้องหมอนี่ทำไม..."ไคคุงพูดออกมาเบาๆ
"มะ...มันเรื่องของชั้นไม่เกี่ยวกับนาย"
"เอ่อ...แต่ผมว่าไกยาร์ลคุงไม่ต้องปกป้องผมหรอกนะครับจะลำบากเปล่าๆ"ผมพูดแทรกขึ้นมาแล้วยิ้มเจื่อนๆให้
"พะ...พูดอะไรอย่างนั้นท่านไอจิมันไม่ได้ลำบากอะไรผมเลยนะครับ อีกอย่างถ้าผมตัดสินใจไปแล้วผมก็จะทำให้ถึงที่สุดครับ!!"ไกยาร์ลคุงพูดอย่างหนักแน่นแววตาของเขาดูจริงจังมากจนผมเริ่มไม่กล้าปฏิเสธ ปิ๊งแล้วแน่ๆ...คุณเรนกับเลออนคุงคิดอยู่ในใจแล้วพยักหน้าให้กันแสดงว่าพวกเขาคิดเหมือนกัน
"แหะๆไอจิหมอนี่เป็นพวกจริงจังแบบสุดๆน่ะ"มิวะคุงมากระซิบที่หูผม พอผมได้ยินแบบนั้นผมก็ตัดสินใจได้
"แหะๆไอจิหมอนี่เป็นพวกจริงจังแบบสุดๆน่ะ"มิวะคุงมากระซิบที่หูผม พอผมได้ยินแบบนั้นผมก็ตัดสินใจได้
"ขะ...เข้าใจแล้วครับไกยาร์ลคุง"ผมพูดแล้วเหงื่อตก
"ผมจะยอมให้ปกป้องก็ได้ครับแต่อย่าเกินคสามจำเป็นนะ"ผมพูดแล้วยิ้มเจื่อนๆ
"ขอบคุณครับท่านไอจิ"แล้วไกยาร์ลคุงก็เอามือผมไปจุ๊ฟอีกหนึ่งที ก่อนที่จะโดนไคคุงเอามือเขกหัวดัง โป๊ก!!
"ทะ...ทำอะไรของนายเนี่ย!!"ไกยาร์ลคุงเอามือกุมหัวโดยอัตโนมัติแล้วหันไปตะโกนใส่ไคคุง
"ไม่รู้สิ...ร่างกายมันไปเอง..."ไคคุงพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"หา...อะไรของนายน่ะ..."ไกยาร์ลคุงพูดแล้วทำหน้างง
"แต่ชั้นรู้สึกไปเองรึเปล่ารู้สึกเหมือนนายมีอะไรเปลี่ยนไปนะ..."ไกยาร์ลคุงพูดแล้วจ้องหน้าไคคุงเขม็ง
"เปล่านี่..."ไคคุงตอบเสียงเรียบแล้วเดินไปนั่งบนเตียง
"งั้นหรอ...สงสัยชั้นจะคิดไปเองจริงๆสินะ"ไกยาร์ลคุงพูดแล้วถอนหายใจ เอ...ที่บอกว่าไคคุงเปลี่ยนไปนี่หมายความว่ายังไงนะ?
ทำไมเราถึงรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้นะ...
#ขอโทษที่อัพช้าน้า~
#ขอโทษที่อัพช้าน้า~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น