คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ย้ายทำเนียบ
ได้เวลาเลิกงานแล้ว ราณีดูร่าเริงจนเพื่อนร่วมงานสงสัย ทั้งๆที่เพิ่งโดนเก็กทิ้งให้กลับบ้านคนเดียวแท้ๆ ราณีฮัมเพลงเบาๆ ก่อนแยกตัวเดินกลับบ้านไปขึ้นรถเมล์
ราณีเปิดประตูบ้านด้วยหัวใจที่แช่มชื่นกว่าปกติ รถพายัพยังอยู่ แต่รถเก็กยังไม่มา เอ คำถามเดิมเวียนมาอีกรอบ มันมีอะไรวะ เออ เดี๋ยวกลับมาก็รู้เอง รีบขึ้นบ้านไปดูพายัพดีกว่า ล้า ลา หล่า
ราณีพยายามย่องให้เบาที่สุด เข้าไปที่ครัว ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป สงสัยจะนอนยันเย็นล่ะมั้ง ก็เมาซะขนาดนั้น ราณีเดินต่อขึ้นไปห้องเก็ก เปิดประตู ห้องนอนโล่ง ไม่มีใครอยู่ ห้องน้ำล่ะ เท้าไวเท่าความคิด ประตูไม่ได้ล็อค ไม่มีสรรพเสียงอันใด ราณีตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำช้าๆ ไม่มี พายัพไปไหน
ความคิดวนเวียน เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า เขาจะคิดบ้าๆหรือเปล่า สภาพเมื่อเช้าก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่น่าไปทำงานเล้ย ทิ้งงานสักวันก็คงไม่ทำให้เสียงานหรอก ดูซิ เจ้าเก็กยังลางานได้ครึ่งวันเลย
พายัพ พายัพ หัวใจราณีร่ำร้อง เขาไปอยู่เสียที่ไหนนะ
ราณีเดินอย่างคนหมดแรง กลับมาที่ห้องของตัวเอง วางกระเป๋าลงแล้วทรุดนั่งลงที่เตียง
ว้าบ ราณีลื่นครูดไปกับพื้นเตียงที่ไม่สม่ำเสมอ คนที่นอนอยู่สะดุ้งลุกขึ้นมารับจนต้องกลิ้งลงไปบนที่นอน ราณีถูกทับอยู่เบื้องล่าง หน้าทั้งสองคนเกือบชิดกัน ดีที่ห้องเกือบมืดแล้ว จึงไม่มีใครสังเกตเห็นอาการที่แปลกปร่าไป
“เป็นอะไรหรือเปล่า ราณี” พายัพพูดทั้งที่ยังโอบราณีไว้หลวมๆบนเตียง “ยังซุ่มซ่ามเหมือนเดิมนะ คงไม่เห็นเราล่ะซิ นั่งทับมาเต็มๆเลย ตัวหนักเหมือนกันนะ เห็นตัวเล็กอย่างนี้ก็”
ลมหายใจที่ใกล้กัน ทำเอาราณีพูดไม่ออก
“เป็นอะไรหรือเปล่า ราณี” พายัพถามซ้ำ
“เปล่า”
ราณีพยายามเอามือดันอกของพายัพออกห่างแต่ดูเหมือนไม่เป็นผล พายัพกลับกอดแน่นกว่าเดิม จนใบหน้าเกือบชิดกัน
“ขอเราอยู่อย่างนี้สักครู่นะ”
ได้ ใช่เลย แต่เสียงหัวใจราณีเต้นแรงไม่เป็นส่ำ เหมือนมันจะกระโจนออกมานอกอก
“หัวใจราณีเต้นแรงจัง”
ยังมีหน้ามาบอก แล้วมันจะรู้ตัวไหมเนี่ย ราณีนอนตัวแข็ง ไม่กล้าขยับเขยื้อน
คำว่าสักครู่ กลายเป็นว่าผลอยหลับไปพักใหญ่ คนตัวใหญ่กว่าตื่นก่อน และหันไปเปิดสวิทช์ไฟที่หัวเตียงเพราะว่าบรรยากาศโดยรอบเริ่มมืดจนมองไม่เห็นแล้ว ต้องอาศัยมือคลำทางเอา เพราะไม่อยากผละออกจากอ้อมที่กอดอยู่ เผอิญว่าไม่ใช่ห้องที่คุ้นเคย ดีที่คนในอ้อมกอดยังไม่ตื่น สงสัยจะทำงานเหนื่อยมากไปหน่อย
พายัพขยับตัวมองราณีให้ชัดมากขึ้นกว่าที่เคยมอง ดวงตาหลับพริ้ม ขนตายาวเป็นแพ ใบหน้ารูปไข่ คิ้วรับกับใบหน้า คิ้วสวยเสียจนไม่ต้องแต่งหน้า จมูกเป็นสัน ปากนิดจมูกหน่อย ว่าไปราณีก็สวยเหมือนกัน เสียแต่ความเป็นทอมบอยนั่นแหละ ที่เพื่อนๆไม่เคยคิดว่ามันเป็นผู้หญิง
คนที่ถูกมองเริ่มปรือตาขึ้นมา แล้วเมื่อสายตาทั้งสองประสานกัน แว่ว นี่ฉันยังอยู่ในอ้อมกอดนายอีกเหรอเนี่ย ราณีค่อยๆขยับตัวออกอย่างช้าๆ พายัพก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“ผมขอมาอยู่ที่นี่สักพักได้ไหม”
“ฮื่อ ไม่มีปัญหาหรอก” ตอบเหมือนเดิม แต่ในใจเต้นตูมตาม
“เราไปกินข้างนอกบ้านกันนะ แล้วค่อยไปขนของกัน”
“พรุ่งนี้ก็ได้ วันนี้ใส่ของไอ้เก็กไปก่อน เดี๋ยวเราลงไปทำกับข้าว แป๊ปเดียว”
ราณีสปริงตัวขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ แต่พายัพก็ไวพอที่จะคว้าแขนไว้ได้ทัน
“ไปวันนี้นะ น้องชายผมจะแย่แล้ว ถ้าให้ใส่ซ้ำอีก”
คราวนี้ราณีหัวเราะจนตัวงอเป็นกุ้ง พายัพยืนหน้าง้ำอยู่ตรงนั้น จนราณีหยุดขำพร้อมกับตกลงไปด้วยดี
“ทำไมราณีไม่ซื้อรถสักคันล่ะ”
“อ้าว ก็จะได้นั่งรถพายัพ กับนั่งรถเก็กไง ถ้าซื้อก็ไม่ได้นั่งรถเพื่อนอ่ะดิ อีกอย่าง ประหยัดไง”
“เมื่อความคิดถึงมันห้ามไม่ไหว มันคงห้ามไม่ไหว” เสียงโทรศัพท์ของพายัพดังขึ้น เขามองเบอร์โทรปลายทางก่อนรับสาย
“ว่าไง ไอ้เสือ ทิ้งราณีให้ขึ้นรถเมล์กลับบ้านได้ไงวะ” พายัพระบายอารมณืที่มันร้อนจากที่อื่นลงที่ไอ้เสือน้อย แต่นั่นก็ทำให้ภาณีรู้ว่าใครโทรมา
“ช่วยหน่อยว้า บอกราณีให้หน่อยว่า” ก่อนที่เก็กจะได้พูดอะไร พายัพก็กดปุ่มเปิดเสียงลำโพงของโทรศัพท์ เอาเป็นว่า ได้ยินทั้งราณีและพายัพ
“ว่าอะไร ไอ้เก็ก”
“ลางานให้ด้วยอาทิตย์นึง”
“มึงจะไปไหน ที่สำคัญไปกับใคร”
“ไปเที่ยวทะเล แล้วอย่าบอกเก็กนะโว้ยว่าไปกับหญิง”
“ไอ้เก็ก” เสียงของพายัพเริ่มเข้มขึ้น และก็ต้องหมดหน้าที่ไปเพราะราณีสังเกตเห็นแล้วว่าท่าไม่ค่อยดี ราณีหยิบโทรศัพท์มาพูดเสียเอง
“เดี๋ยวจัดการให้ ไม่ต้องห่วง แค่นี้นะ บาย” ราณีกดตัดสายไปเรียบร้อย
คนที่โทรมาหน้าเสีย ก่อนที่จะปรับหน้าให้เป็นปกติ หันมาบอกกับหญิงว่า “เท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อย” ทั้งๆที่ในใจยังกังวลอยู่บ้าง แต่ราณีพูดเองนี่นาว่า อย่าไปกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ว่าไป ราณีก็มีอิทธิพลกับเขามากเหมือนกัน สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกับมัน ก็ดีเหมือนกันแฮะ เก็กโอบหญิงไว้ในอ้อมกอด เบื้อหน้าเป็นทะเลที่ยังคงมีเสียงคลื่นกระทบฝั่งไม่ขาดหาย
แต่คนที่อยู่ในรถกลับสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ทำไมเก็กทำแบบนี้กับราณี มันกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทิ้งราณีแบบนี้ได้ยังไง” เสียงพายัพขุ่นๆ ราณีอยากบอกว่าดีใจที่เขาแคร์ความรู้สึกเธอ แต่เขาเข้าใจผิด
“เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“สามเดือนที่มันอกหัก เพื่อนๆไม่มีใครไม่รู้ว่ามันคิดยังไงกับเธอ เธอคงไม่ปฏิเสธว่าเธอไม่รู้หรอกนะ”
“เราเป็นคนสอนมันว่า กับคนบางคน คำว่าเพื่อนมันจะยาวนานกว่า แล้วเราก็เปลี่ยนความรู้สึกให้ลบคำว่าเพื่อนออกไปไม่ได้ เก็กก็เข้าใจนะ มันก็พยายามบ้าง” ราณีหัวเราะนิดนึง “แต่ไม่สำเร็จว่ะ”
“หรือ่าเธอเป็นทอมของจริง”
“ไอ้บ้า” คราวนี้ราณีพูดอย่างไม่ต้องคิด
“แล้วไป” พายัพถอนหายใจอย่างโล่งอก
“หมายความว่าไง ห๊า”
“ก็เคยคิดว่าแกจะไปแปลงเพศน่ะสิ ไป ถึงบ้านแล้ว ไปช่วยกันขนของ งานนี้ใช้แรง เอาแค่ของจำเป็นก่อนก็แล้วกัน”
“เออ” ราณีคิดอยู่ในใจ ทีใช้แรงล่ะคิดถึงฉัน ทีใช้ใจล่ะ คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า แล้วราณีก็คิดถึงเพลงสายเข้าของเขา
“เมื่อความคิดถึงมันห้ามไม่ไหว มันคงห้ามไม่ไหว”
โชคดีที่ราณียังคงรออยู่ และยังสามารถห้ามใจได้อยู่ คอยมองเขาคนนั้นอยู่เงียบๆ เก็บเขาไว้ในหัวใจมานานแสนนาน ตราบเท่าที่คำว่าเพื่อนจะทำหน้าที่ให้มันเป็นไปได้ ฉันเห็นแก่ตัวหรือเปล่านะ ราณีส่ายหัวอย่างคนใช้ความคิด บังเอิญว่าพายัพหันมาเห็นพอดี
“ใช้เก็บของแค่นี้ ส่ายหัวเลยเหรอ ฮึ” ท้ายเสียงสูงประมาณหยอกล้อกลายๆ
“...” ราณีไม่ได้โต้ตอบอะไร เดินตามเจ้าของบ้านเข้าไป
ว่าไป ราณีไม่เคยมาที่นี่มาก่อน พายัพย้ายมาอยู่ที่นี่กับแฟนของเขา ซึ่งบัดนี้ดูว่างเปล่า เหมือนไม่มีใครอยู่ เธอไม่เคยคิดจะมาเหยียบที่นี่เลย ได้ฟังข่าวคราวจากปากของเพื่อนๆเท่านั้น
มันระคายใจ มันแสลงใจ มัน.........รู้สึกทั้งหมดอย่างว่านั่นแหละ
อย่างว่า แค่เพื่อน จะเอาอะไรมากวะ แต่ตอนนี้ที่พายัพเลือกที่จะมาที่นี่ มาหาเรา แค่นี้ก็หรูมากแล้ว
ในยามที่เธอไม่มีใคร ให้เธอคิดถึงฉันเป็นคนแรก
ราณีมักจะพูดคำนี้อยู่เสมอกับเพื่อนๆ ซึ่งจะมีมาใช้บริการไม่บ่อยนัก แต่ทุกคนก็เลือกที่มาหาเธอ
ราณีอดนึกขำอยู่ในใจไม่ได้
ความคิดเพลินๆ กลับถูกชะงักด้วยคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเบรคสนิทอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราณีกระแทกแผ่นหลังกว้างอย่างจัง
“อุ้บ” เสียงราณีดังขึ้น แต่ไม่สะดุดใจเท่าคนเบื้องหน้าเหมือนไม่รู้สึกตัว
“อะไร” ราณีคิดในใจ เดินเบี่ยงออกมาดู รูปหน้าห้อง รูปของพายัพกับแฟนของเขา ความจำของราณียังดี ยังจำได้
ราณีเดินนำหน้า เปิดประตูบานนั้นออก ภาพนั้น ลอยคว้างหายไปอยู่ด้านหลังของประตู พายัพจึงเดินต่อไปข้างหน้าได้
“โธ่เอ๊ย มียันต์กันผีก็ไม่บอก กลัวหรือไง”
คนถูกท้าเงียบสนิท เดินเหมือนไม่มีความรู้สึก พายัพเก็บอของที่คิดว่าจำเป็น ราณียืนเก้ๆกังๆอยู่ ไม่รู้ว่าจะหยิบจับอะไร จนกระทั่ง พ่อน้ำแข็งที่เริ่มละลายพูดขึ้น
“ไปนั่งรอตรงไหนก่อนก็ได้ ขอเวลาสักพักนะ”
เอาเป็นว่าราณีนั่งรอที่ห้อง เห็นมันเก็บของ (คงไม่ใช่แค่จำเป็นหรอก แต่ไม่อยากขัด กระเป๋าใบเบ้อเร่อ เหมือนไม่อยากกลับมาที่นี่อีก) แล้วเธอก็หาหนังสืออ่านคั่นเวลา
กว่าพายัพจะเก็บของเสร็จก็ค่อนคืนไปแล้ว ราณีหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พายัพพยายามที่จะอุ้มเธอออกไป พอดีกับที่เธอตื่นรู้สึกตัว กระโดดหนีออกมาทัน เดินตัวตรงก่อนหันกลับมาถาม
“เก็บของเสร็จแล้วเหรอ หาว” ยืดตัวบิดขี้เกียจก่อนยกมือปิดปากหาวหวอด โดยที่ยังไม่ได้สังเกตว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตาช้ำบวมแดงขนาดไหน พอหันมามอง ราณีอดไม่ได้ที่จะกอดคนตัวโตกว่าให้เข้ามาแนบ
“ไป ไปอยู่บ้านฉันก่อน ฉันจะดูแลแกเอง ไปกันเถอะ”
แล้วราณีก็ได้เด็กชายคนใหม่เข้ามาอยู่ที่บ้านเมตตาเพิ่มอีกหนึ่งคน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ความคิดเห็น