ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุวรรณเกษร

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 นอกวังบาดาลครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 50


    เมื่อพระธิดาสุวรรณเกษรมีพระชันษาได้ประมาณ 5 พรรษา แอบหนีออกมาจากตำหนัก เห็นพระเชษฐา สุนันโทนาคราชและเหล่าบรรดาทหารจำนวนหนึ่งกำลังเตรียมตัวออกเดินทาง จึงมีรับสั่งถามสุนันโทนาคราชพระเชษฐาว่า

                    เด็จไหนเพคะ เด็จด้วย

                    เด็จด้วย ไม่ได้หรอก พี่ออกไปลาดตระเวณ เดี๋ยวกลับมาเล่นด้วยนะ

                    เพคะ พระโอษฐ์ทรงตอบคำถามแต่พระเนตรกลับแอบมองว่าพระเชษฐาจะเสด็จพระราชดำเนินไปทางใด

                    ไป พี่ไปส่งที่ตำหนักก่อน ป่านนี้เค้าคงหาตัวกันให้วุ่นวายกระมัง อุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ในวงแขน ก่อนส่งให้พระพี่เลี้ยงที่ตำหนัก ก็หอมน้องซักฟอด พลางหันไปบอกพระพี่เลี้ยงว่า ดูแลน้องหญิงด้วยนะ อย่าเผลอ

                    เพคะ

                    ในเมืองบาดาล จะมีการลาดตระเวณ ณ พื้นที่ที่อยู่ในอาณัติบริเวณของการปกครองของตนเองอยู่เสมอเป็นประจำ พญานาคและบริวารที่ขึ้นสู่ผิวน้ำ จะมีสถานที่ที่ต้องแปลงกายร่างกายก่อนที่จะขึ้นสู่บริเวณผิวน้ำ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ชาวบ้านแถบนั้นๆ ตกใจ แต่ก็มีบางครั้งที่มีพญานาคบางตนนำผู้คนจากพื้นดินลงไปเที่ยวชมเมืองบาดาลบ้างเช่นกัน

                    ลักษณะโดยทั่วไปที่เมืองบาดาล เหล่าประชากรที่เมืองนี้ นุ่งขาวห่มขาว รักษาพระธรรมและรักษาศีลอย่างเคร่งครัด มีบ้างบางตนที่ปฏิบัติตนผิดแผกแตกต่างจากตนอื่น แต่ก็มีอยู่ไม่มากนัก บ้านเมืองก็คล้ายๆกับที่พื้นดินที่คนทั่วไปอาศัยอยู่ ผิดก็แต่ท้องฟ้าแทนที่จะเป็นสีฟ้า แต่ที่เมืองบาดาลจะเป็นเหมือนผิวน้ำ เวลาที่เรามองจากสระน้ำขึ้นมา เป็นดังนี้แล

              วันนี้พระบิดาต้องออกไปบำเพ็ญเพียรบารมีเหมือนเช่นเคย แต่รู้สึกมีลางสังหรณ์ประหลาด แต่ยังนึกไม่ออกว่าเหมือนเคยมีอะไรเกิดขึ้นถ้าทรงมีความรู้สึกอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้กังวลใจมากนัก ทรงพระราชดำเนินตามปกติ

    พระธิดาพระองค์น้อยทรงระลึกได้เสมอว่าพระเชษฐาจะต้องออกไปลาดตระเวณภายนอกอาณาบริเวณพระราชตำหนักเสมอ ความช่างสังเกตทำให้ทรงทราบว่าเมื่อใด เวลาใดที่พระเขษฐาจะต้องทรงพระราชดำเนินออกไปข้างนอก มาบัดนี้ ล่วงมาจนพระชันษาได้ 9 ขวบ ความซุกซนก็พอที่จะเล้นลอดพระพี่เลี้ยงจนแอบหนีเสด็จตามพระเชษฐา โดยที่พระองค์มิได้ทรงทราบ แต่เกิดพลัดหลงในช่วงที่ต้องเปลี่ยนร่าง ณ สถานที่ที่จะทรงขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้พระธิดามิได้ทรงเปลี่ยนร่างเหมือนกับตนอื่นที่ตามออกมา

                    โอ้ย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย นี่อะไร ออกก็ไม่ได้ พระเชษฐาช่วยด้วย ทรงดิ้นไป ร้องไห้ไป ด้วยมิเคยทรงเสด็จออกนอกพระราชวังที่พำนักเลยแม้แต่ครั้งเดียว

                    แท้จริงแล้ว พระธิดาทรงหารู้ไม่ว่า ทรงติดแหของตากับยายที่อยู่ใกล้หนองน้ำนั่นเอง และนี่คงเป็นหนึ่งในล้านของความโชคดี หรือทรงเป็นชะตากำหนดก็ไม่อาจทราบได้ ที่ทำให้ทั้ง สองคนและหนึ่ง พญานาคมาบังเอิญได้เจอกัน ตากับยายเวลาที่ออกหาปลา ถ้าเจอเต่าหรืออะไรที่ไม่ได้เอาไปประกอบอาหาร ก็จะปล่อยทิ้งลงน้ำ แต่คราวนี้ รู้สึกแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นอะไรที่เป็นตัวอย่างนี้มาก่อน นั่นก็เพราะว่า ตัวประหลาดที่จับได้นี้ เป็นปลาที่แปลกมาก ลำตัวสีเขียว เกล็ดเป็นประกายส่องแสงวาววับอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ถึงแม้ว่าอายุจะมากปูนนี้ทั้งคู่แล้วก็ตาม แต่ตากับยายก็ยังคงเหมือนเดิม คือถ้าไม่ได้ทำอาหารก็จะปล่อยคืนลงสู่หนองน้ำ

                    ตา ฉันว่าปล่อยมันไปเถอะนะ น่าสงสาร ตัวเล็กนิดเดียว ปล่อยมันลงไปหาพ่อกับแม่เถอะนะ

                    ตาก็เห็นชอบด้วย ดังนั้น จึงเตรียมปล่อยปลาประหลาด แต่ก่อนที่จะปล่อยปลา ตาพูดขึ้นว่า กลับบ้านเจ้านะ ป่านนี้ พ่อกับแม่คงเป็นห่วง ตัวเล็กนิดเดียวเอง สงสัยจะพลัดกัน

                    พระธิดาองค์น้อยได้ยินความดังนั้น ก็หยุดดิ้น ฟังที่ตาพูด จากที่เคยกลัว กลับเป็นความดีใจ จากที่กำลังตกใจ กลับเป็นความอบอุ่นใจอย่างแปลกๆที่มีให้กับตายายคู่นี้

                    เมื่อตากับยายปล่อยพระธิดากลับลงสู่แม่น้ำ เป็นเวลาเดียวกับที่พระเชษฐากำลังจะกลับเมืองบาดาล เพราะว่าวันนี้รู้สึกแปลกๆ ไม่อยากเที่ยวชมพื้นที่ จึงเร่งพาผู้ติดตามลงสู่เมืองบาดาล พระธิดาพลันเหลือบไปเห็น จึงทรงดีพระทัยเป็นหนักหนาแอบตามลงกลับไปด้วยเช่นกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×