คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ความซุกซนของพระธิดาเมืองบาดาล
บรรดาเหล่าสัตว์น้ำภายใต้การดูแลของพญานาคบรรพตต่างมีความยินดีกันถ้วนหน้าหลังจากที่พระองค์มีพระธิดาเป็นพระองค์แรก ถึงแม้ว่าพระองค์จะต้องสูญเสียพระมเหสีหลังจากที่คลอดพระธิดาองค์น้อยได้เพียงไม่กี่วัน เนื่องจากความโสมนัสในการหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตว่าไม่นานนัก พระนางจะต้องสูญเสียพระธิดาองค์น้อย ทำให้พระองค์ทรงตรอมพระทัยไม่อาจรักษาจิตใจให้เป็นปกติได้
คำทำนายที่พญานาคินีให้ไว้กับท่านท้าวบรรพตมีความว่า “สุวรรณเกษรจะเดินทางคนเดียวไปที่บนผืนน้ำ นางจะขอความช่วยเหลือจากพระองค์และนั่นคือลางร้ายที่พระองค์ไม่สามารถปฏิเสธลูกหญิงของพระองค์ได้”
ธรรมดาพญานาคินีทรงเจริญธรรมทั้งเช้าค่ำมิได้ขาด พระนางมีญาณวิเศษสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและสามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อทรงสดับเช่นนี้ พระราชหฤทัยของคนที่เป็นพระมารดาทำให้มิอาจทรงรับได้ ทำให้พระองค์ทรงจากไปก่อนวัยอันควร แต่พระธิดาทรงเติบโตมาด้วยความรัก ความเอาใจใส่จากพระบิดาและพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ สุนันโทนาคราชและสุนันทนาคราช ที่เฝ้าดูแลเอาใจใส่พระธิดาองค์น้อยที่เจริญวัยขึ้นทุกวันๆ สนมในตำหนักที่ดูแลต่างผลัดเปลี่ยนและคัดสรรเข้ามาเพื่อรับใช้ ถึงแม้ความเอาแต่พระทัยและความซุกซนของสุวรรณเกษรจะมีมากน้อยเพียงไร มิได้ทำให้ความน่ารักในวัยเด็กนั้นหายไปแม้แต่น้อย นั่นเพราะว่าสุวรรณเกษรทรงมีพระเมตตา ดังปรากฎในวันหนึ่งที่พระบิดาทรงบริภาสเหล่าพระพี่เลี้ยงน้อยที่ทรงสรรหามาเป็นเพื่อนเล่นของพระธิดาในชันษา 4 พรรษา ความว่า
“ซุกซนจริงนะพวกเจ้า ข้าเคยสั่งห้ามเข้าเขตต้องห้าม ไฉนพวกเจ้ามิเคยฟัง คงต้องให้เจ้ากลับไปบ้านกันล่ะทีนี้” เขตต้องห้าม เป็นเขตที่เหล่าพญานาคต้องออกไปตรวจตราโดยรอบพระนครอันเป็นกิจวัตรนั่นเอง เป็นทางที่จะพาไปสู่พื้นผิวน้ำ โดยที่เด็กๆไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่ด้วยความซุกซนทำให้พลัดหลงเข้าไปโดยบังเอิญ มิได้ตั้งใจขัดพระราชเสาวนีย์เลยแม้แต่น้อย
“เสด็จพ่อเพคะ อย่าไล่พวกนางไปเลย ความจริงเราหลงมาโดยไม่รู้ตัวมาก่อน” สุวรรณเกษรพยายามอธิบาย
“ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเป็นพระพี่เลี้ยงที่คอยดูแลพวกเจ้าน่ะสินะ พ่อลืมไปเลยว่าต้องมีผู้ใหญ่ดูแลเจ้าอยู่ แล้วพวกนางหายไปไหนล่ะ” ครั้งแรกที่เห็นเด็กๆ เข้ามาภายในเขตต้องห้าม ก็ว่าร้ายแรงอยู่ แต่นี่ยิ่งกว่า เพราะพระองค์ลืมไปสนิทใจว่า พระพี่เลี้ยงที่ดูแลพระธิดา นางเหล่านั้นหายไปไหนกันหมด ไม่ใช่ว่ามีแค่หนึ่งหรือสอง แต่มีมากมายตามเวรที่ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ หรือเกิดอะไรที่ร้ายแรงกว่านี้ ทำให้เด็กๆต้องมาอยู่ที่นี่
“ก็เล่นซ่อนหา จับคู่ไงล่ะเพคะ เดินไปเดินมาก็ไม่รู้ว่ามาทางนี้ได้อย่างไร เสด็จพ่อทรงอย่าเอาความพวกนี้เลยนะเพคะ” ด้วยความกลัวว่าพระบิดาจะลงโทษเหล่าเพื่อนๆและพระพี่เลี้ยง พระธิดาทรงอธิบายให้พระบิดาทรงวางพระทัย
“จริงๆแล้ว ก็ตั้งใจเดินให้มันตรงทาง แล้วก็มีหมอกลง ไม่รู้ใครไปทางไหนบ้าง พระบิดาช่วยลูกหาหน่อยนะเพคะ คราวหน้าไม่เล่นอย่างนี้แล้วเพคะ สัญญา”
“หมอกลงรึ สุวรรณเกษร ใช่พ่อเลยออกมาดูความเรียบร้อย” พลางคิดในใจว่า หรือจะเป็นตามที่พระมเหสีเคยบอกไว้ ห้ามสุวรรณเกษรมาทางนี้ แต่กรรมเวรที่ตามมาเล่า จะแก้ไขได้ฉันใด พระองค์ต้องกลับไปคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ ทำทางเข้าออกเสียใหม่ วางกำลังตามจุดและคงต้องให้มีทหารคนสนิทที่ไว้ใจได้มาดูแลพระธิดา
“มาพ่อพากลับ แล้วจะสั่งให้ทหารช่วยดูแลและตามหาคนอื่นๆ” ระหว่างทางพญานาคบรรพตทรงรับสั่งให้ทหารออกค้นดูเพื่อนๆของพระธิดาที่อาจพลัดหลงกัน ถึงแม้ว่าพระธิดาจะบอกว่า “พวกหม่อมฉันจับมือกันตลอด ตั้งแต่มีหมอกลงจัดๆเพคะ กลุ่มของเราครบเต็มกำลังพลพะย่ะค่ะ” ทำเสียงเข้มแข็งแบบทหารรายงานตัว
ครั้งนี้ถือว่าเป็นโชคดีที่พระองค์ทรงมีลางสังหรณ์แปลกๆ ทำให้ต้องออกมาดูสถานการณ์ด้วยองค์เอง แต่ครั้งหน้าเล่า จะมีอะไรบอกนะ พระมเหสีเคยบอกไว้ว่า สุวรรณเกษรจะเดินทางคนเดียว ซึ่งไม่น่ามีเหตุการณ์นั้น เพราะเห็นได้จากคราวนี้ที่พระธิดาทรงมีเพื่อนๆติดตามมาด้วย
แต่ถึงกระนั้น พญาคินีก็ยังทรงห่วงพระธิดา โดยคายพิษพญานาคของพระนางให้พระธิดาไว้คุ้มครองภัย ทั้งยังมอบญาณวิเศษของพระองค์ที่ทรงบำเพ็ญตบะความเพียรไว้จนแก่กล้า แต่ว่าต้องขึ้นอยู่กับอายุขัยของสุวรรณเกษร คือต้องครบ 15 พรรษาและต้องบำเพ็ญเพียรเพื่อจะให้ได้ญาณนั้น ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของสุวรรณเกษรเองว่าจะได้ครอบครองญาณที่พระมารดาทรงให้พรไว้หรือเปล่า ในส่วนของพิษพญานาคเป็นสมบัติที่ติดตัวสุวรรณเกษรได้อีกภพชาติหนึ่งเท่านั้น
อันว่าพิษของพญานาคมีมากมาย มีทั้งที่ใช้รักษาและพิษที่ใช้ทำร้าย รุนแรงและบางเบา พระมารดาทรงให้พรไว้กับสุวรรณเกษร ความว่า “ให้เจ้าจงรอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง พบคนที่เจ้ารักสมดังปรารถนา ภัยที่มากล้ำกลายให้คลายด้วยพิษของแม่” เหตุที่พระมารดาให้พรไว้เช่นนั้น เพราะกาลข้างหน้าที่สุวรรณเกษรต้องพานพบประสบนั้น มิใช่เรื่องที่คนธรรมดาสามัญจะผ่านไปได้ง่ายๆ ทั้งยังสามารถช่วยชีวิตคนได้ด้วย และจะคุ้มครองสุวรรณเกษรได้ถึงภพชาติหน้าที่สุวรรณเกษรจะต้องเกิดเป็นคนธรรมดาสามัญ ไม่มีอะไรติดตัวไปเลยในความเป็นมนุษย์นั้น ดังนั้นพรที่พระมารดาทรงให้ไว้กับพระธิดานั้น สามารถสืบต่อไปได้ถึงภพหน้าอีกภพชาติหนึ่งด้วย เป็นความอัศจรรย์ที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้มาก่อน
พญาคินีทรงแลกพรที่ให้ไว้กับพระธิดาด้วยอายุขัยของพระองค์เอง พระมารดาสุวรรณรัศมีไม่เคยกลัวต่อความยากลำบากในการที่จะให้พรพระธิดาองค์น้อย นางกลัวแต่ว่าพรที่ให้นั้น สุวรรณเกษรจะสามารถรับไว้ได้แค่ไหน เพราะสุวรรณเกษรต้องบำเพ็บเพียรเพื่อให้ได้มาเช่นกัน การแลกด้วยอายุขัยนั้นหมายความถึงการที่พระนางสุวรรณรัศมีต้องถูกกักบริเวณที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นที่ไหน เมื่อไรจะสามารถหลุดพ้นจากสถานที่นั้น เป็นที่ที่มืดมิด ไม่อาจกลับมาสู่โลกปัจจุบัน จนกว่าจะพ้นจากกรรมที่พระองค์ทรงเลือกไปก่อนวัยอันควรเพื่อแลกกับสิ่งที่มารดาทุกคนจะให้กับลูกคนหนึ่งที่มีเวรกรรมที่หนักหนาสาหัส และเตรียมการณ์นั้นเพื่อให้ลูกของตนเองมีความสุขให้มากที่สุดได้
ความเชื่ออย่างหนึ่งที่พระนางสุวรรณรัศมีมีก็คือ ความเชื่อมั่นในท่านท้าวพญาบรรพต และพระโอรสทั้งสองพระองค์ว่า จะสามารถดูแลพระธิดาองค์น้อยด้วยความรักโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีพระนางอยู่ดูแล จึงเลือกที่จะสละชีวิตตัวเอง ประทานพรให้พระธิดา
ทางเดินที่คดเคี้ยวค่อยๆกลับสู่ทางเดินที่คุ้นเคย หมอกก็ค่อยๆบางตาลง เห็นทางเดินหน้าพระราชวัง พระธิดาถึงกับออกพระโอษฐ์ว่า
“ถึงว่า หม่อมฉันเมื๊อย เมื่อยขา เพื่อนหม่อมฉันก็เหมือนกัน ที่แท้เราออกไปนอกวังนี่เอง เดินไปก็ไม่เห็นใครเลย”
“เดินไหวไหม” พระบิดาทรงหันมาถามเลียงอ่อนโยนพูดพลางอุ้มพระธิดา แต่พระธิดาทรงดำรัสว่า “เดินไหวเพคะ เพื่อนหม่อมฉันยังเดินไหวเลย หม่อมฉันเก่ง แล้วเด็จพ่อเดินไหวไหม” เป็นห่วงพระบิดา เพราะตัวเองเริ่มเหนื่อย เป็นกังวลว่าพระบิดาจะทรงเหนื๊อย เหนื่อยเหมือนกัน
พระบิดาทรงวางพระธิดาลง พระธิดาบอกว่า “เราเป็นเพื่อนกัน ต้องไม่เอาเปรียบกัน ถ้าไม่ไหว หม่อมฉันจะบอก ว่าแต่พระบิดาไม่ลงโทษใครเลยได้ไหม จริงๆแล้วเป็นเพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้เราหลงทาง” สุวรรณเกษรยังไม่ลืมเรื่องที่พระบิดาทรงดำรัสก่อนหน้านี้
พระองค์หันมาบอกทหารที่ติดตามว่า “พวกเจ้าพาเพื่อนๆของพระธิดาไปพักผ่อนก่อน แล้วตรวจดูให้แน่ใจว่าทุกคนอยู่ครบ สำหรับพระธิดา เราจะไปส่งเอง”
“พะย่ะค่ะ” เหล่าทหารรับคำ แล้วพาทุกคนกลับที่พัก
พระบิดาทรงย่อตัวลงและจับพระธิดาหันหน้ามา
“ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของบรรดาเหล่าพระพี่เลี้ยงนั่นคือสิ่งที่นางไม่อาจพ้นผิดไปได้ ความยุติธรรมเป็นสิ่งที่เราต้องธำรงไว้ ลูกเข้าใจไหม”
“แล้วเด็จพ่อจะลงโทษพวกนางยังไงเพคะ” เสียงอ่อนลง เพราะตัวเองเป็นคนที่ชวนให้เล่น “หม่อมฉันก็ต้องมีความผิดเหมือนกัน เพราะเป็นคนที่ชวนทุกคนเล่นนะเพคะ หม่อมฉันก็ขอรับการลงโทษด้วยนะเพคะ”
“ลูกคิดว่ายังไง” ถามหยั่งใจพระธิดา
“ก็ต้องลงโทษหัวหน้าเป็นตัวอย่าง”
“แล้วไงลูก”
“คนที่เป็นหัวหน้าโดนองค์เดียวพอ เพราะเป็นหัวหน้า ถ้าไม่สั่งลูกน้องก็ไม่กล้าทำ ลงโทษหม่อมฉันแค่กักบริเวณซัก.....” นึกไม่ออก ชอบเสด็จเที่ยวเล่นรอบๆบริเวณอยู่เป็นประจำ ทำให้เจ้าตัวน้อยก็อึ้งได้เหมือนกัน
เสด็จพ่อจึงรับสั่งว่า “1 อาทิตย์เป็นไงลูก”
“ดีเพคะ” รีบรับคำอย่างว่าง่าย 1 อาทิตย์ก็ดีกว่าเหล่าพระพี่เลี้ยงกับเพื่อนๆจะเดือดร้อน แค่อาทิตย์เดียวเองคงไม่เหงาเท่าไรหรอก เดินหมุนไปหมุนมาในตำหนักก่อนก็แล้วกัน “งั้นเรากลับกันเลยนะเพคะ แล้วลูกก็สัญญาว่าจะไม่เล่นแบบนี้อีกเพคะ” เจ้าตัวน้อยสัญญาอย่างว่าง่ายและตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สุวรรณเกษรก็ไม่เคยเล่นจับคู่ ซ่อนหาอีกเลย
“ดีมาก” ยิ้มอย่างพอพระทัยพลางอุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดพาไปส่งที่ตำหนัก
ในระหว่างที่พระธิดาสุวรรณเกษรโดนกักบริเวณหนึ่งสัปดาห์นั้น เสด็จพี่ทั้งสองพระองค์ สุนันโทนาคราชและสุนันทนาคราช ต่างหาเวลาที่ว่างจากราชกิจมาอยู่เป็นเพื่อนพระขนิษฐารวมถึงพระบิดาที่มักหาเวลาว่างมากกว่าปกติมาอยู่กับพระธิดาเช่นกัน ทำให้ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วและรู้สึกว่าความสุขนั้นช่างยาวนานไม่รู้จักลืม
“ลูกอยากเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของหม่อมฉันไว้ตราบนานเท่านาน” สุวรรณเกษรเปรยขึ้นเมื่อครบกำหนดการกักบริเวณหนึ่งสัปดาห์
พระบิดา ท่านท้าวบรรพต และพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ ต่างหันมาสบพระพักตร์กันอย่างไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากทรงนึกถึงความที่พระมารดาเคยตรัสบอกไว้
“ทำไมเจ้าพูดเช่นนั้น” พระบิดาตรัสถามสุวรรณเกษร
“ก็ลูกรู้สึกว่า ชีวิตนี้ช่างมีความสุขยิ่งนักเพคะ พระบิดา”
“พ่อ ก็อยากให้เจ้ามีความสุขเช่นนี้ตลอดไป”
“ขอบพระทัยเพคะ” สุวรรณเกษรหันไปสวดกอดและหอมแก้มพระราชบิดาและพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ด้วยความรัก ความสุขครั้งนี้คงเป็นที่จดจำของสุวรรณเกษรไปอีกนานเท่านาน ตราบที่นางยังสามารถจำความในชาตินี้ได้เท่านั้น ถึงแม้ว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้นนักสำหรับทุกพระองค์ แต่การที่มีเวลาที่แสนดีเช่นนี้ บางครั้ง ในชีวิตหนึ่งที่ได้ถือกำเนิดเกิดมา ยังดีเสียกว่าที่จะไม่มีวันเวลาดีๆเลยแม้สักครั้งเดียว สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดของราชวงศ์นี้ฉันใดก็ฉันนั้น
ความคิดเห็น