คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในช่วงยุคสมัยที่ยังมีนครต่างๆซึ่งปกครองไปด้วย เทพ ภูต ปิศาจ และมนุษย์ที่ต่ำต้อย เกิดเหตุวิปโยคขึ้น ณ ใจกลางของเมจิกแลนด์ นครเวทมนตร์ที่รุ่งเรือง และมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ ผืนดินที่เคยเขียวชอุ่มชุ่มน้ำกลับแห้งแล้งแม้ต้นหญ้าก็มิอาจขึ้นได้ สายธารเย็นใสกลายเป็นน้ำเดือดสีแดงดุจโลหิต เมฆสีดำที่ปกคลุมทั่วทั้งท้องนภาพร้อมกันกับเสียงหวีดร้องก้องผืนป่าของเหล่าสัตว์ต่างๆนานา
คำทำนายจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คือความหวังสุดท้ายของผู้รอดชีวิต แต่ก็อีกไม่นาน ที่ความตายจะมาเยือน ทุกอณูแห่งชีวิตล้วนมีระเบิดเวลาติดตั้งอยู่ สายน้ำและอากาศเป็นพิษ พื้นดินเพาะปลูกไม่ได้ ฝูงหนูและแมลงวันพาหะนำโรคกรูกันเข้ามา ดังเช่นว่ามนุษย์ได้ถึงจุดจบแล้ว
หากเพียงแต่คำทำนายนั้นได้ออกมาว่า ‘บัดนี้แก้วมนตร์ตราแห่งอำนาจเปรียบเสมือนประตูกั้นมนุษย์กับปิศาจออกจากกันได้แตกสลายด้วยพลังความชั่วร้ายและกระจัดกระจายตกลงสู่นครต่างๆ’
หากเพียงแต่คำทำนายนั้นได้ออกมาว่า ‘บัดนี้แก้วมนตร์ตราแห่งอำนาจเปรียบเสมือนประตูกั้นมนุษย์กับปิศาจออกจากกันได้แตกสลายด้วยพลังความชั่วร้ายและกระจัดกระจายตกลงสู่นครต่างๆ’
‘บัดนี้แก้วมนตร์ตราแห่งอำนาจเปรียบเสมือนประตูกั้นมนุษย์กับปิศาจออกจากกันได้แตกสลายด้วยพลังความชั่วร้ายและกระจัดกระจายตกลงสู่นครต่างๆ’‘ธิดาเทพ โอรสปิศาจ ธิดาภูตวารี และโอรสภูตอัคคี จะถูกเลือกให้เป็นผู้รวบรวบเศษแก้วมนตร์ตรา โอรสปิศาจ ธิดาภูตวารี และโอรสภูตอัคคี จะถูกเลือกให้เป็นผู้รวบรวบเศษแก้วมนตร์ตรา’
‘แต่หากพวกเขารวบรวมไม่สำเร็จก่อนคืนพระจันทร์เต็มดวงคืนสุดท้ายก่อนสิ้นปี โลกทั้งโลกจะตกอยู่ใต้เงามืดของปิศาจไปชั่วกัปชั่วกาล’
- + - + - + - + - + - + -
แสงแดดรำไรมาพร้อมกับไออุ่นยามเช้าทีฉายลอดผ่านหน้าต่างบานสวยเข้ามากระทบกับดวงหน้ารูปไข่เนียนขาวอมชมพู คิ้วเรียวยาวได้รูปกับแพขนตางอนที่ปิดสนิท จมูกโด่ง และริมผีปากรูปกระจับอวบอิ่มสีชมพูอ่อน เส้นผมนุ่มละมุนดุจเส้นไหมสีน้ำตาลไหม้ดูยุ่งเหยิงไม่เล็กน้อยจากการนอนดิ้นไปมา แต่ใครจะรู้ล่ะว่าสาวน้อยรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรที่จมอยู่ในฟูกจนตะวันส่องหน้าคนนี้ คือ เชน่า กาเซีย เจ้าหญิงสุดกวนระบบประสาทแห่งมหานครลอยฟ้าสถานที่สถิตของเหล่าเทพทั้งหลาย มีราชาเชน่า ชาลอต ผู้เป็นที่เกรงขามและนับถือของคนทั่วหล้า และพระราชินีเชน่า รอลิน สตรีผู้เพียบพร้อมในทุกด้านจนเป็นขวัญใจของหญิงทุกวัย ซึ่งไม่ตรงกับสาวน้อยคนนี้เสียเลย....
ก็อกๆๆ
“เจ้าหญิงกาเซียเพคะ ตื่นบรรทมได้แล้ว นมยกอาหารเช้ามาถวายเพคะ” น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนบ่งบอกถึงความเมตตา และความเอ็นดูต่อเด็กสาวที่เคยเลี้ยงมาแต้เด็ก
ก่อนแพขนตางอนจะเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาสี*เพริโดต์สดใส ความรู้สึกเดิมๆจะเขามา โครม!!!
ก็อกๆๆ
“เจ้าหญิงกาเซียเพคะ ตื่นบรรทมได้แล้ว นมยกอาหารเช้ามาถวายเพคะ” น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนบ่งบอกถึงความเมตตา และความเอ็นดูต่อเด็กสาวที่เคยเลี้ยงมาแต้เด็ก
ก่อนแพขนตางอนจะเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาสี*เพริโดต์สดใส ความรู้สึกเดิมๆจะเขามา โครม!!!
“เจ้าหญิงกาเซียเพคะ ตื่นบรรทมได้แล้ว นมยกอาหารเช้ามาถวายเพคะ” น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนบ่งบอกถึงความเมตตา และความเอ็นดูต่อเด็กสาวที่เคยเลี้ยงมาแต้เด็ก
ก่อนแพขนตางอนจะเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาสี*เพริโดต์สดใส ความรู้สึกเดิมๆจะเขามา โครม!!!
ก่อนแพขนตางอนจะเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาสี*เพริโดต์สดใส ความรู้สึกเดิมๆจะเขามา โครม!!!
“เจ้าหญิงกาเซียเพคะ!! เป็นอะไรรึเปล่าเพคะ!!” เสียงของแม่นมมีท่าทีตกใจ
“ไม่เป็นไรแม่นม ฉันแค่ตกเตียง ไม่เจ็บอะไรด้วย” เสียงเล็กๆหวานๆลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม วีรกรรมทุกเช้าที่มักเกิดขึ้นตอนตื่นนอนกลายเป็นเรื่องชินบั้นท้ายซะแล้ว (สำหรับใครบ้างคนนะ อิอิ)
ประตูบานใหญ่สูงจรดเพดานถูกเปิดออกรับแม่นมเข้าไปในห้อง บนผนังมีจิตกรรมแต่ง แต้มอย่างวิจิตรพิสดาร เตียงทำจากไม้โอ๊ค 5,000 ปี ฉลุเป็นลายเถาวัลย์พันรอบขาเตียง สิ่งของทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดในห้องนอนของเจ้าหญิงกาเซียคนนี้ก็คือ ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง!!! ไม่มีเสื้อผ้าของผู้หญิงที่จะสวมใส่!!! และที่สำคัญห้องนี้ไม่มีกระจกสักบาน!!!
“ไม่เป็นไรแม่นม ฉันแค่ตกเตียง ไม่เจ็บอะไรด้วย” เสียงเล็กๆหวานๆลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม วีรกรรมทุกเช้าที่มักเกิดขึ้นตอนตื่นนอนกลายเป็นเรื่องชินบั้นท้ายซะแล้ว (สำหรับใครบ้างคนนะ อิอิ)
ประตูบานใหญ่สูงจรดเพดานถูกเปิดออกรับแม่นมเข้าไปในห้อง บนผนังมีจิตกรรมแต่ง แต้มอย่างวิจิตรพิสดาร เตียงทำจากไม้โอ๊ค 5,000 ปี ฉลุเป็นลายเถาวัลย์พันรอบขาเตียง สิ่งของทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดในห้องนอนของเจ้าหญิงกาเซียคนนี้ก็คือ ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง!!! ไม่มีเสื้อผ้าของผู้หญิงที่จะสวมใส่!!! และที่สำคัญห้องนี้ไม่มีกระจกสักบาน!!!
ประตูบานใหญ่สูงจรดเพดานถูกเปิดออกรับแม่นมเข้าไปในห้อง บนผนังมีจิตกรรมแต่ง
แต้มอย่างวิจิตรพิสดาร เตียงทำจากไม้โอ๊ค 5,000 ปี ฉลุเป็นลายเถาวัลย์พันรอบขาเตียง สิ่งของทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดในห้องนอนของเจ้าหญิงกาเซียคนนี้ก็คือ ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง!!! ไม่มีเสื้อผ้าของผู้หญิงที่จะสวมใส่!!! และที่สำคัญห้องนี้ไม่มีกระจกสักบาน!!!
“เจ้าหญิงกาเซียเพคะเสวยก่อนนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะแจ้งพระประสงค์ของพระราชาให้ทราบ” แต่ก่อนแม่นมจะพูดจบไปเพียงเสี้ยววินาทีอาหารบนโต๊ะก็อันตรธานหายแว้บ....ไปอยู่ในท้องของกาเซียเรียบร้อยแล้ว OoO’
“เมื่อกี้นมพูดอะไรนะ ฉันไม่ได้ฟังเลยอ่ะ เอื้อก = ^.^ = ” สาวน้อยผู้อิ่มแปร้ลงไปนอนตีพุง ปุ้งๆ อยู่ในฟูกต่อ
“เอ่อ....ไม่มีอะไรเพคะ งั้นนมขอเข้าเรื่องเลยละกัน พระราชาทรงมีพระราชประสงค์ให้ส่งตัวเจ้าหญิงไปศึกษาต่อที่โรงเรียนมหาเวททางตอนเหนือของเมจิกแลนด์เพคะ” พอสาวน้อยที่ตั้งหน้าตั้งตาฟัง (มั้ง) ได้ยินคำว่าส่งไปเรียนที่เมจิกแลนด์ก็โดดโหย่งขึ้น ก่อนจะรีบจัดการกิจวัตรประจำวันอย่างรวดเร็วและไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็พร้อมจะเปิดสงครามน้ำลายกับผู้เป็น “เสด็จพ่อ”
ส่วนทางด้านพระราชาชอลอตเองก็กำลังรบรากับกองเอกสารที่หลั่งไหลมาเหมือนดั่งน้ำฝน แต่ถึงกระนั้นแม้งานหนักเพียงไรก็ยังเสียเวลามาเสวนากับพระธิดาจอมซนที่โผล่มาได้ทุกเมื่อ พูดถึงก็มา ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกแล้วปิดลงพร้อมกับการย่างก้าวเข้ามาที่ไม่สมกับเป็นหญิงเท่าไรนักของเจ้าหญิงกาเซีย “เสด็จพ่อ
!!! จริงหรือที่จะให้ลูกไปอยู่โรงเรียนหมาเวทอะไรนั้นน่ะ!!!” กาเซียเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “มหาเวทลูก
” พระราชาเงยพระพักตร์ขึ้นมาสบกับพระธิดาแสนซน ดวงตาสีเพริโดต์ที่บ่งบอกถึงความขบขันเล็กน้อย กับผมสีบรอนทองซึ่งแตกต่างกับกาเซียโดยสิ้นเชิง ข้างๆโต๊ะทรงงานมีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนยิ้มอย่างเมตตาและเอ็นดู นางเพรียบพร้อมไปเสียหมดทุกอย่าง ทั้งความงาม กิริยา วาจา และน้ำใจพระราชินีรอลิน ต่างกับธิดาของนางที่เป็นม้าดีดกะโหลกมาแต่เด็ก ได้แผลประจำจากการเล่นซน แต่คนคนนี้ก็จะดูแลเอาใจใส่เสมอมา “ลูกคงรู้เรื่องแก้วมนตร์ตราแล้วใช่ไหมจ้ะ?” น้ำเสียงอ่อนนุ่มจากผู้เป็นแม่เอ่ยถาม “ค่ะรู้แล้ว
..เดี๋ยว!!! แล้วมันเกี่ยวยังไงกับลูกล่ะ!!!” กาเซียถาม “ลูกเป็นลูกของพ่อกับแม่
.ลูกเป็นธิดาเทพและในคำทำนายนั้นก็ออกมาเช่นนี้
..พ่อจึงต้องส่งลูกไปอยู่ที่โรงเรียนมหาเวท
” พระราชาอธิบาย “เพราะที่นั่นเป็นจุดนัดพบของผู้ถูกเลือกงั้นเหรอ?” กาเซียว่าพลางกุมขมับตัวเอง พระราชาและพระราชินีผงกพักตร์พร้อมกัน “ไม่ต้องห่วงจ่ะลูกที่นั่นน่ะเขามีเวทมนตร์ป้องกันตัวเองจากหายนะเป็นบริเวณกว้างเลย อาหารการกินก็สมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยด้วย” พระราชินีรอลินเอ่ยและส่งยิ้มให้ธิดาของตน “ค่อยยังชั่วหน่อย
.งั้นลูกออกเดินทางเลยนะคะ” สาวน้อยที่ตอนแรกไม่ยังกะชอบโรงเรียนนี้เอาเท่าไหร่เลยแต่บัดนี้อาหารอันอุดมสมบูรณ์รออยู่ รู้อย่างเดียวคือต้องรีบไป (อะไรกันเนี่ย) “เหมือนตอนเด็กๆเลยนะ ไม่เคยกลัวอะไรโตมาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนสักนิด เฮ้อ
แล้วอย่างนี้แม่กับพ่อจะได้ลูกเขยไหมเนี่ย
?” พระราชินีเดินเข้าไปสวมกอดเด็กสาวก่อนจะอวยพรให้ “ขอให้ลูกประสบความสำเร็จ คิดสิ่งใดประการใดก็ขอให้สมปรารถนา ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ แล้วอย่าชกหน้าผู้ชายอีกล่ะ” กาเซียยิ้มแห้งๆก่อนจะเตรียมตัวออกเดินทาง ตะวันบ่ายคล่อยของวันนั้นม้าหนุ่มลูกผสมระหว่างเพกาซัสกับยูนิคอนก็ทะยานออกจากนครลอยฟ้าสู่โรงเรียนมหาเวทเลื่องชื่อสถานที่ที่การผจญภัยอันแสนสนุกจะเริ่มต้นขึ้น ______________________________________________________________________________ *เพริโดต์ = เป็นอัญมณีสีเชียว เขียวแกมเหลือง เขียวส้ม
มีความวาวแบบแก้ว มีความวาวแบบแก้ว ส่วนทางด้านพระราชาชอลอตเองก็กำลังรบรากับกองเอกสารที่หลั่งไหลมาเหมือนดั่งน้ำฝน แต่ถึงกระนั้นแม้งานหนักเพียงไรก็ยังเสียเวลามาเสวนากับพระธิดาจอมซนที่โผล่มาได้ทุกเมื่อ พูดถึงก็มา ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกแล้วปิดลงพร้อมกับการย่างก้าวเข้ามาที่ไม่สมกับเป็นหญิงเท่าไรนักของเจ้าหญิงกาเซีย “เสด็จพ่อ
!!! จริงหรือที่จะให้ลูกไปอยู่โรงเรียนหมาเวทอะไรนั้นน่ะ!!!” กาเซียเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “มหาเวทลูก
” พระราชาเงยพระพักตร์ขึ้นมาสบกับพระธิดาแสนซน ดวงตาสีเพริโดต์ที่บ่งบอกถึงความขบขันเล็กน้อย กับผมสีบรอนทองซึ่งแตกต่างกับกาเซียโดยสิ้นเชิง ข้างๆโต๊ะทรงงานมีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนยิ้มอย่างเมตตาและเอ็นดู นางเพรียบพร้อมไปเสียหมดทุกอย่าง ทั้งความงาม กิริยา วาจา และน้ำใจพระราชินีรอลิน ต่างกับธิดาของนางที่เป็นม้าดีดกะโหลกมาแต่เด็ก ได้แผลประจำจากการเล่นซน แต่คนคนนี้ก็จะดูแลเอาใจใส่เสมอมา “ลูกคงรู้เรื่องแก้วมนตร์ตราแล้วใช่ไหมจ้ะ?” น้ำเสียงอ่อนนุ่มจากผู้เป็นแม่เอ่ยถาม “ค่ะรู้แล้ว
..เดี๋ยว!!! แล้วมันเกี่ยวยังไงกับลูกล่ะ!!!” กาเซียถาม “ลูกเป็นลูกของพ่อกับแม่
.ลูกเป็นธิดาเทพและในคำทำนายนั้นก็ออกมาเช่นนี้
..พ่อจึงต้องส่งลูกไปอยู่ที่โรงเรียนมหาเวท
” พระราชาอธิบาย “เพราะที่นั่นเป็นจุดนัดพบของผู้ถูกเลือกงั้นเหรอ?” กาเซียว่าพลางกุมขมับตัวเอง พระราชาและพระราชินีผงกพักตร์พร้อมกัน “ไม่ต้องห่วงจ่ะลูกที่นั่นน่ะเขามีเวทมนตร์ป้องกันตัวเองจากหายนะเป็นบริเวณกว้างเลย อาหารการกินก็สมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยด้วย” พระราชินีรอลินเอ่ยและส่งยิ้มให้ธิดาของตน “ค่อยยังชั่วหน่อย
.งั้นลูกออกเดินทางเลยนะคะ” สาวน้อยที่ตอนแรกไม่ยังกะชอบโรงเรียนนี้เอาเท่าไหร่เลยแต่บัดนี้อาหารอันอุดมสมบูรณ์รออยู่ รู้อย่างเดียวคือต้องรีบไป (อะไรกันเนี่ย) “เหมือนตอนเด็กๆเลยนะ ไม่เคยกลัวอะไรโตมาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนสักนิด เฮ้อ
แล้วอย่างนี้แม่กับพ่อจะได้ลูกเขยไหมเนี่ย
?” พระราชินีเดินเข้าไปสวมกอดเด็กสาวก่อนจะอวยพรให้ “ขอให้ลูกประสบความสำเร็จ คิดสิ่งใดประการใดก็ขอให้สมปรารถนา ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ แล้วอย่าชกหน้าผู้ชายอีกล่ะ” กาเซียยิ้มแห้งๆก่อนจะเตรียมตัวออกเดินทาง ตะวันบ่ายคล่อยของวันนั้นม้าหนุ่มลูกผสมระหว่างเพกาซัสกับยูนิคอนก็ทะยานออกจากนครลอยฟ้าสู่โรงเรียนมหาเวทเลื่องชื่อสถานที่ที่การผจญภัยอันแสนสนุกจะเริ่มต้นขึ้น ______________________________________________________________________________ *เพริโดต์ = เป็นอัญมณีสีเชียว เขียวแกมเหลือง เขียวส้ม
มีความวาวแบบแก้ว มีความวาวแบบแก้ว
“เอ่อ....ไม่มีอะไรเพคะ งั้นนมขอเข้าเรื่องเลยละกัน พระราชาทรงมีพระราชประสงค์ให้ส่งตัวเจ้าหญิงไปศึกษาต่อที่โรงเรียนมหาเวททางตอนเหนือของเมจิกแลนด์เพคะ” พอสาวน้อยที่ตั้งหน้าตั้งตาฟัง (มั้ง) ได้ยินคำว่าส่งไปเรียนที่เมจิกแลนด์ก็โดดโหย่งขึ้น ก่อนจะรีบจัดการกิจวัตรประจำวันอย่างรวดเร็วและไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็พร้อมจะเปิดสงครามน้ำลายกับผู้เป็น “เสด็จพ่อ”
ส่วนทางด้านพระราชาชอลอตเองก็กำลังรบรากับกองเอกสารที่หลั่งไหลมาเหมือนดั่งน้ำฝน แต่ถึงกระนั้นแม้งานหนักเพียงไรก็ยังเสียเวลามาเสวนากับพระธิดาจอมซนที่โผล่มาได้ทุกเมื่อ พูดถึงก็มา ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกแล้วปิดลงพร้อมกับการย่างก้าวเข้ามาที่ไม่สมกับเป็นหญิงเท่าไรนักของเจ้าหญิงกาเซีย “เสด็จพ่อ
!!! จริงหรือที่จะให้ลูกไปอยู่โรงเรียนหมาเวทอะไรนั้นน่ะ!!!” กาเซียเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “มหาเวทลูก
” พระราชาเงยพระพักตร์ขึ้นมาสบกับพระธิดาแสนซน ดวงตาสีเพริโดต์ที่บ่งบอกถึงความขบขันเล็กน้อย กับผมสีบรอนทองซึ่งแตกต่างกับกาเซียโดยสิ้นเชิง ข้างๆโต๊ะทรงงานมีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนยิ้มอย่างเมตตาและเอ็นดู นางเพรียบพร้อมไปเสียหมดทุกอย่าง ทั้งความงาม กิริยา วาจา และน้ำใจพระราชินีรอลิน ต่างกับธิดาของนางที่เป็นม้าดีดกะโหลกมาแต่เด็ก ได้แผลประจำจากการเล่นซน แต่คนคนนี้ก็จะดูแลเอาใจใส่เสมอมา “ลูกคงรู้เรื่องแก้วมนตร์ตราแล้วใช่ไหมจ้ะ?” น้ำเสียงอ่อนนุ่มจากผู้เป็นแม่เอ่ยถาม “ค่ะรู้แล้ว
..เดี๋ยว!!! แล้วมันเกี่ยวยังไงกับลูกล่ะ!!!” กาเซียถาม “ลูกเป็นลูกของพ่อกับแม่
.ลูกเป็นธิดาเทพและในคำทำนายนั้นก็ออกมาเช่นนี้
..พ่อจึงต้องส่งลูกไปอยู่ที่โรงเรียนมหาเวท
” พระราชาอธิบาย “เพราะที่นั่นเป็นจุดนัดพบของผู้ถูกเลือกงั้นเหรอ?” กาเซียว่าพลางกุมขมับตัวเอง พระราชาและพระราชินีผงกพักตร์พร้อมกัน “ไม่ต้องห่วงจ่ะลูกที่นั่นน่ะเขามีเวทมนตร์ป้องกันตัวเองจากหายนะเป็นบริเวณกว้างเลย อาหารการกินก็สมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยด้วย” พระราชินีรอลินเอ่ยและส่งยิ้มให้ธิดาของตน “ค่อยยังชั่วหน่อย
.งั้นลูกออกเดินทางเลยนะคะ” สาวน้อยที่ตอนแรกไม่ยังกะชอบโรงเรียนนี้เอาเท่าไหร่เลยแต่บัดนี้อาหารอันอุดมสมบูรณ์รออยู่ รู้อย่างเดียวคือต้องรีบไป (อะไรกันเนี่ย) “เหมือนตอนเด็กๆเลยนะ ไม่เคยกลัวอะไรโตมาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนสักนิด เฮ้อ
แล้วอย่างนี้แม่กับพ่อจะได้ลูกเขยไหมเนี่ย
?” พระราชินีเดินเข้าไปสวมกอดเด็กสาวก่อนจะอวยพรให้ “ขอให้ลูกประสบความสำเร็จ คิดสิ่งใดประการใดก็ขอให้สมปรารถนา ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ แล้วอย่าชกหน้าผู้ชายอีกล่ะ” กาเซียยิ้มแห้งๆก่อนจะเตรียมตัวออกเดินทาง ตะวันบ่ายคล่อยของวันนั้นม้าหนุ่มลูกผสมระหว่างเพกาซัสกับยูนิคอนก็ทะยานออกจากนครลอยฟ้าสู่โรงเรียนมหาเวทเลื่องชื่อสถานที่ที่การผจญภัยอันแสนสนุกจะเริ่มต้นขึ้น ______________________________________________________________________________ *เพริโดต์ = เป็นอัญมณีสีเชียว เขียวแกมเหลือง เขียวส้ม
มีความวาวแบบแก้ว มีความวาวแบบแก้ว
ส่วนทางด้านพระราชาชอลอตเองก็กำลังรบรากับกองเอกสารที่หลั่งไหลมาเหมือนดั่งน้ำฝน แต่ถึงกระนั้นแม้งานหนักเพียงไรก็ยังเสียเวลามาเสวนากับพระธิดาจอมซนที่โผล่มาได้ทุกเมื่อ พูดถึงก็มา ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกแล้วปิดลงพร้อมกับการย่างก้าวเข้ามาที่ไม่สมกับเป็นหญิงเท่าไรนักของเจ้าหญิงกาเซีย
“เสด็จพ่อ !!! จริงหรือที่จะให้ลูกไปอยู่โรงเรียนหมาเวทอะไรนั้นน่ะ!!!” กาเซียเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“มหาเวทลูก ” พระราชาเงยพระพักตร์ขึ้นมาสบกับพระธิดาแสนซน ดวงตาสีเพริโดต์ที่บ่งบอกถึงความขบขันเล็กน้อย กับผมสีบรอนทองซึ่งแตกต่างกับกาเซียโดยสิ้นเชิง ข้างๆโต๊ะทรงงานมีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนยิ้มอย่างเมตตาและเอ็นดู นางเพรียบพร้อมไปเสียหมดทุกอย่าง ทั้งความงาม กิริยา วาจา และน้ำใจพระราชินีรอลิน ต่างกับธิดาของนางที่เป็นม้าดีดกะโหลกมาแต่เด็ก ได้แผลประจำจากการเล่นซน แต่คนคนนี้ก็จะดูแลเอาใจใส่เสมอมา
“ลูกคงรู้เรื่องแก้วมนตร์ตราแล้วใช่ไหมจ้ะ?” น้ำเสียงอ่อนนุ่มจากผู้เป็นแม่เอ่ยถาม
“ค่ะรู้แล้ว ..เดี๋ยว!!! แล้วมันเกี่ยวยังไงกับลูกล่ะ!!!” กาเซียถาม
“ลูกเป็นลูกของพ่อกับแม่ .ลูกเป็นธิดาเทพและในคำทำนายนั้นก็ออกมาเช่นนี้ ..พ่อจึงต้องส่งลูกไปอยู่ที่โรงเรียนมหาเวท ” พระราชาอธิบาย
“เพราะที่นั่นเป็นจุดนัดพบของผู้ถูกเลือกงั้นเหรอ?” กาเซียว่าพลางกุมขมับตัวเอง พระราชาและพระราชินีผงกพักตร์พร้อมกัน
“ไม่ต้องห่วงจ่ะลูกที่นั่นน่ะเขามีเวทมนตร์ป้องกันตัวเองจากหายนะเป็นบริเวณกว้างเลย อาหารการกินก็สมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยด้วย” พระราชินีรอลินเอ่ยและส่งยิ้มให้ธิดาของตน
“ค่อยยังชั่วหน่อย .งั้นลูกออกเดินทางเลยนะคะ” สาวน้อยที่ตอนแรกไม่ยังกะชอบโรงเรียนนี้เอาเท่าไหร่เลยแต่บัดนี้อาหารอันอุดมสมบูรณ์รออยู่ รู้อย่างเดียวคือต้องรีบไป (อะไรกันเนี่ย)
“เหมือนตอนเด็กๆเลยนะ ไม่เคยกลัวอะไรโตมาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนสักนิด เฮ้อ แล้วอย่างนี้แม่กับพ่อจะได้ลูกเขยไหมเนี่ย ?” พระราชินีเดินเข้าไปสวมกอดเด็กสาวก่อนจะอวยพรให้
“ขอให้ลูกประสบความสำเร็จ คิดสิ่งใดประการใดก็ขอให้สมปรารถนา ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ แล้วอย่าชกหน้าผู้ชายอีกล่ะ” กาเซียยิ้มแห้งๆก่อนจะเตรียมตัวออกเดินทาง
ตะวันบ่ายคล่อยของวันนั้นม้าหนุ่มลูกผสมระหว่างเพกาซัสกับยูนิคอนก็ทะยานออกจากนครลอยฟ้าสู่โรงเรียนมหาเวทเลื่องชื่อสถานที่ที่การผจญภัยอันแสนสนุกจะเริ่มต้นขึ้น
______________________________________________________________________________
*เพริโดต์ = เป็นอัญมณีสีเชียว เขียวแกมเหลือง เขียวส้ม
มีความวาวแบบแก้ว
มีความวาวแบบแก้ว
ความคิดเห็น