คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 7/2
กองไฟถูกก่อขึ้นเพื่อลดความหนาวเย็นของอากาศยามราตรี พรมชั้นดีถูกจัดวางไว้เกือบรอบกองไฟ มีบางส่วนที่กันเอาไว้สำหรับระบำหน้าท้องที่คณะระบำเดินทางมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
คาลิคนั่งคู่กับฟารุต โดยมีหมอเมลอัสซานั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นจึงเป็นที่นั่งสำหรับหัวหน้าหมู่บ้านที่ได้รับเชิญ อีกฟากหนึ่งคือกลุ่มผู้หญิงที่ติดตามมากับครอบครัวของผู้รับเชิญ มีลาเคย่าและแม่เป็นผู้ให้การต้อนรับ ส่วนวฎิรดาอยู่ในฐานะแขกชาวต่างชาติที่เป็นแขกพิเศษของฟารุตจึงได้รับการดูแลพิเศษกว่าคนอื่นๆ โดยคาลิคเชิญเธอให้มานั่งใกล้กับฟารุต เดียร์นาไม่ได้รับการแนะนำว่าเป็นใคร แต่สายตาหลายๆ คู่ก็จับจ้องมายังเธอเพราะชุดสวยที่เธอสวมใส่บวกกับกิริยาอ่อนหวานชวนให้สงสารช่วยเสริมเสน่ห์ให้เธอมากยิ่งขึ้น
ระบำหน้าท้องเริ่มขึ้นเมื่ออาหารเสิร์ฟมาได้เกือบครึ่งทาง เดียร์นาส่งแก้วเครื่องดื่มให้ฟารุต เขารับมาพลางกล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วหันไปสนใจระบำต่อ เธอถือวิสาสะนั่งลงตรงกลางระหว่างวฎิรดากับฟารุต แม้คาลิคจะหันมามองด้วยสายตาตำหนิแต่เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็นเสีย
“ท่านฟารุตจะรับอะไรอีกหรือเปล่าเดียร์นาจะจัดการให้”
“ไม่แล้วล่ะ อิ่มมากแล้ว คุณต้องการอะไรเพิ่มมั้ยจะให้เดียร์นาจัดการให้” เขาหันมาทางวฎิรดา
“กาแฟขมๆ สักแก้วน่าจะดีนะคะ คุณจะรับด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ล่ะ เดียร์นา ขอกาแฟให้คุณวฎิรดาด้วย”
วฎิรดาวางหน้าเฉยผ่านสายตามองไปยังเดียร์นา สิ่งที่เธอเห็นคือรอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าแสดงว่ายินดีบริการวฎิรดาอย่างเติมใจ แต่แววตาที่เธอแอบส่งมาสบกับวฎิรดานั้นมีเพียงเดียร์นาและวฎิรดาเท่านั้นที่รู้ว่าเธอไม่ได้เต็มใจให้บริการสาวไทย
วฎิรดาขยับเข้าใกล้ฟารุต เพื่อจะดูปฏิกิริยาของสาวน้อยเดียร์นา แต่เธอฉลาดเกินกว่าจะแสดงอารมณ์ต่อหน้าฟารุต
“คุณว่านางรำคนไหนสวย” เธอชวนฟารุตสนทนา
“สวยทุกคน”
“ฉันว่าลูกสาวคนเล็กของหมอเอลอัสซาสวยน่ารักมากนะ คุณว่าอย่างไร”
“สวยแต่ยังเด็กอยู่”
“ไหนเขาบอกว่าชายชาวทะเลทรายชอบมีภรรยาเด็ก”
“คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมไม่ชอบ”
“แล้วคุณชอบแบบไหน” เธอตั้งใจจะต้อนเขาเล่น
“แบบคุณมั้ง” แต่พอได้รับคำตอบกลับทำให้วฎิรดาหน้าแดง
เมื่อการแสดงระบำหน้าท้องจบลง เป็นอันว่างานเลี้ยงคืนนี้ได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน แขกเริ่มขอตัวกลับ คาลิคนั่งรอการคารวะแสดงความขอบคุณจากแขกทุกคนแล้วจึงขอตัวกลับเข้ากระโจมก่อนฟารุต
“ฟารุต ลุงขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะ”
“เชิญลุงคาลิคตามสบาย”
เขาลุกขึ้นค้อมศีรษะทำความเคารพหัวหน้าเผ่า วฎิรดาทำท่าจะชวนลาเคย่ากลับเข้าไปในกระโจม แต่ฟารุตรอจังหวะอยูก่อนแล้วเขาเดินตรงมาหาเธอ
“ไปกับผมหน่อยมีเรื่องจะคุยด้วย”
เขาไม่รอคำตอบเดินนำหน้าออกไปจากลานทันที วฎิรดาเดินตามหลังเขาออกไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
“มีธุรอะไรกับฉันหรือ” เธอเริ่มการสนทนาเมื่อฟารุตหยุดเดิน
“เราไม่มีเวลาคุยกันเลยสองสามวันมานี่ คุณได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพ่อบ้าง”
“ไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก ทราบแต่ว่าชาวเอเชียคนหนึ่งเดินทางไปกับคาราวานเบดูอินที่จะไปหุบเขาเซฮาเนส”
“แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อ”
“ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ คุณล่ะ”
“ผมยังไม่สามารถกลับเมืองหลวงได้ และผมยังยืนยันอยากให้คุณกลับไปเมืองหลวงจะได้ปลอดภัย”
“ฉันอยากจะเดินทางไปที่หุบเขานั้น คุณพอจะช่วยจัดการให้ฉันได้หรือไม่”
“ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีทางรถนอกจากขี่ม้าข้ามทะเลทรายหรือไม่ก็เฮลิคอปเตอร์ ผมคิดว่าคุณเลิกคิดเรื่องการเดินทางไปเซฮาเนสเถอะ มันไม่เหมาะกับคนที่ไม่เคยใช้ชีวิตในทะเลทรายอย่างคุณ”
“มาถึงตรงนี้แล้วฉันไม่อยากทิ้งความหวังที่จะตามหาพ่อไป” เธอยังดื้อรั้น
“คุณจะทำอะไรก็ทำไปเถอะไม่ต้องห่วงฉัน บางทีฉันอาจจะกลับเข้าเมืองหลวงอย่างที่คุณแนะนำ แล้วไปว่าจ้างให้คนตามหา ตอนนี้ฉันยังไม่ตัดสินใจว่าจะใช้วิธีไหนดี”
“ทำไมคุณดื้ออย่างนี้”
“ฉันดื้อกว่านี้มาก ถ้าคุณรู้จักฉันคุณจะไม่ห้ามฉันเลย”
เธอพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในกระโจมทันที
ฟารุตหัวเสียกับความดื้อรั้นของวฎิรดา เขาปล่อยให้เธอเดินเข้ากระโจมไปก่อน ตัวเองออกเดินทอดน่องอยู่ที่ลานหน้ากระโจมด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ยังไม่ทันที่อารมณ์หงุดหงิดจะจางหาย สายตาที่ฉับไวดุจพญาเหยี่ยวของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาแวบๆ ของคนๆ หนึ่งที่หลบวูบหายไปหลังกระโจม เขากระโจนตามไปล็อกคอเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว
“ท่านฟารุตเมตตาเดียร์นาด้วย” เธอร้องด้วยความตกใจ
“เดียร์นาออกมาทำอะไรอีก ทำไมยังไม่กลับเข้าไปนอน”
“ข้านอนไม่หลับเลยออกมาเดินเล่น”
“แล้วหลบทำไม”
“ข้ากลัวท่านจะเห็น เมื่อเห็นท่านเดินมาเลยรีบหลบ” เธอก้มหน้าอธิบาย สายตามองต่ำไปที่พื้นทราย
“ข้าขอโทษที่รบกวนเวลาส่วนตัวของท่าน ข้าไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าท่านเข้านอนไปแล้ว”
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาปรากฏหยดน้ำใสๆ เอ่อจนเกือบล้นขอบตา ฟารุตค่อยๆ ปล่อยมือจากการบีบไหล่
“ไม่ต้องขอโทษหรอก เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อไประวังตัวด้วยอย่าออกมาเดินคนเดียวอย่างนี้มันอันตราย”
เดียร์นาพยักหน้ารับคำสอนอย่างคนที่รู้สถานะตัวเอง
เวลานั้นวฎิรดาที่เดินเข้าไปในกระโจมเดินกลับออกมาเพื่อจะบอกเขาว่าเธอจะเดินทางไปกับเบดูอินที่ลาเคย่าช่วยเจรจาให้ในวันก่อน แต่ภาพที่เธอเห็นทำให้ต้องหันหลังกลับ ขณะเดียวกันฟารุตก็ทันเห็นหลังเธอไวๆ เขาปล่อยมือจากไหล่เดียร์นาแล้วเดินตามเธอเข้าไปในกระโจม
วฎิรดาหายเข้าไปในส่วนของผู้หญิงเสียแล้ว ฟารุตรู้สึกอึดอัดอยากอธิบายว่าสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่อย่างที่เธอคิดแต่คงไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบาย เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาจะคิดอย่างไรก็ไม่เห็นเป็นไร เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด
เขาเดินออกมานอกกระโจมอีกครั้ง เหม่อมองออกไปยังผืนทะเลทรายที่เวิ้งว้าง คลื่นทรายสะท้อนแสงสว่างจากดวงจันทร์ให้เห็นเป็นสีเงินยวง เขาทรุดลงนั่งบนพื้นทรายแล้วจมอยู่กับห้วงความคิดที่สับสน เรื่องของการถูกตามล่าวนเวียนอยู่ในหัว แต่สิ่งที่แทรกเข้ามาคือใบหน้าของวฎิรดา มันทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
เมื่อเดินกลับเข้ามาในกระโจมสิ่งที่เขาเห็นยิ่งทำให้หงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
ข้าวของของเขาในกระโจมถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย นี่ขนาดในกระโจมหัวหน้าเผ่ายังมีมือดีดอดเข้ามาได้ เขาตรวจข้าวของเห็นว่าไม่มีอะไรสูญหายจึงจัดการเก็บให้เข้าที่แล้วล้มตัวลงนอน ที่นี่ต้องมีอะไรที่คาลิคควบคุมไม่ได้ เขาต้องระวังตัวให้มากกว่านี้เสียแล้ว
นั่นเป็นความคิดสุดท้ายก่อนที่จะข่มตาหลับ
เช้าของวันใหม่ ฟารุตตื่นก่อนฟ้าสาง เขาแต่งตัวแล้วควบม้าตัวเก่งออกไปแต่เช้ามืด เป้าหมายของเขาคือจุดนัดพบเดิม
เดียร์นาแอบมองชายหนุ่มอยู่ข้างกระโจม เมื่อฟารุตขี่ม้าออกไปแล้วเธอจึงออกจากกระโจมแล้วเดินไปยังคอกม้า
“การาม ข้าอยากออกไปขี่ม้าเล่น ท่านพอมีม้าให้ข้ายืมหรือไม่”
เธอพูดกับการามด้วยเสียงที่อ่อนหวาน พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนไปยังการาม หนุ่มน้อยที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบรู้สึกเขินอายกับสายตาของเดียร์นา เขาก้มหน้าลงมองทราย
“ไม่ได้หรอกเดียร์นา เดี๋ยวท่านคาลิคจะว่าเอาได้”
เดียร์นาประชิดถึงตัวทันที มือของเธอกุมมือของการามอย่างจงใจ
“อย่าบอกท่านคาลิคซิ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมาแล้ว”
“ไม่ได้หรอก ท่านต้องไปขออนุญาตท่านคาลิคก่อน ไม่อย่างนั้นข้าจะโดนลงโทษได้”
“ข้ารับรองว่าจะกลับมาก่อนอาหารเช้า ข้าเพียงแค่อยากจะพาคุณวฎิรดาออกไปชมทะเลทรายยามเช้า ถึงท่านคาลิครู้ก็คงไม่ว่าท่านหรอก เพราะคุณวฎิรดาเป็นแขกพิเศษของท่านหัวหน้าเผ่า”
เธอพยายามให้เหตุผล การามลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ
“ก็ได้ แต่ท่านต้องสัญญาว่าจะรีบกลับก่อนอาหารเช้านะ”
“ข้าสัญญา แต่การามอย่าบอกใครนะว่าข้าจะพาแขกของท่านคาลิคไปเที่ยว เพราะคุณวฎิรดาเขาไม่อยากให้ใครรู้”
การามพยักหน้า เดียร์นาจับมือเขาแน่นส่งสายตาขอบคุณที่หวานหยดให้หนุ่มน้อย จนการามต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาด้วยความเขินอาย
“ถ้ามีโอกาสข้าจะมาหาท่านอีกนะการาม มาขอบคุณในน้ำใจของท่าน”
การามพยักหน้า สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่พื้นทราย
เดียร์นาหายเข้าไปในกระโจมของวฎิรดา ไม่นานทั้งสองก็เดินตามกันออกมา เดียร์นาทำหน้าที่บังคับม้าโดยมีวฎิรดานั่งขนาบหลัง ม้าวิ่งออกสู่ทะเลทรายไปคนละเส้นทางกับที่ฟารุตไป
ม้าวิ่งมาได้พักใหญ่วฎิรดาและเดียร์นาก็มาถึงเนินทรายที่มีชายชาวเบดูอินคนหนึ่งรออยู่ก่อนแล้ว เดียร์นาแนะนำว่าเขาชื่อ อัมซิก ทั้งสองพูดคุยกันด้วยภาษาที่วฎิรดาไม่เข้าใจ แล้วเดียร์นาจึงหันมาบอกวฎิรดา
“เราต้องรออยู่ที่นี่ หัวหน้าของเขาให้อัมซิกมารอเราก่อน เขาติดต่อกับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่จะเดินทางไปหุบเขาเซฮาเนสอยู่ เดี๋ยวจะตามมา เขากลัวว่าเราจะไม่รอเลยส่งอัมซิกมาก่อน”
วฎิรดารับฟังคำอธิบายจากเดียร์นาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงยังไม่มีวี่แววหัวหน้าของอัมซิกจะมาถึง วฎิรดาเริ่มหวาดระแวง เธอมองเดียร์นาด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ แต่สีหน้าของเดียร์นาเรียบเฉย เธอสนทนากับอัมซิกไปเรื่อยๆ แล้วหันมาคุยกับเธอบ้างบางครั้ง รออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่มีวี่แววหัวหน้าของอัมซิก เดียร์นาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมือกุมท้องทั้งสองข้าง
“เราปวดท้องอยากทำธุระส่วนตัว ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ เราจะเอาม้าออกไปห่างจากที่นี่หน่อย เดี๋ยวจะกลับมานะ”
เดียร์นาไม่รอคำตอบ เธอบอกวฎิรดาเสร็จก็เดินไปโดดขึ้นหลังม้าทันที แม้จะไม่ไว้ใจเดียร์นาแต่เธอจำยอมนั่งลงและรอต่อไป
เดียร์นากลับมาถึงกระโจมเอาตอนตะวันสายโด่ง เสื้อผ้าของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นทราย รอยฉีกขาดของเสื้อผ้าเหมือนผ่านการต่อสู้กับใครมา พอมาถึงกระโจมก็พบว่าการามรออยู่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ทำไมมาช้า ท่านคาลิคและท่านฟารุตเรียกหาเราแล้วสอบถามว่าท่านไปไหน เราเลยต้องบอกความจริงไปว่าท่านออกไปกับนายผู้หญิงต่างชาติ แล้วนี่ไปโดนอะไรมา แล้วนายผู้หญิงต่างชาติไปไหน” การามมองสำรวจเดียร์นาด้วยความสงสัย
“อย่าเพิ่งถามอะไรข้าตอนนี้เลย แล้วท่านฟารุตว่าอย่างไร”
“ท่านฟารุตหัวเสียมาก เพิ่งออกไปตามเมื่อกี้ก่อนท่านจะกลับมาถึงได้สักพัก”
เดียร์นาไม่รอฟังคำบอกเล่าของการาม เธอวิ่งเข้าไปหาคาลิคในกระโจม
“ท่านหัวหน้าข้าผิดไปแล้ว” เธอเริ่มร้องไห้
“มีอะไรว่ามาซิเดียร์นา” เสียงของคาลิคดุดัน เดียร์นาแสร้งทำตัวสั่นด้วยความกลัว
“ข้าแอบพาวฎิรดาออกไปเที่ยวชมทะเลทรายยามเช้า ไปพบโจรมันไล่ล่าแล้วจับเอาตัววฎิรดาไปแล้วข้าหนีรอดมาได้ ท่านช่วยให้คนออกไปติดตามเธอด้วยเถิด ข้าเสียใจที่ช่วยเธอไม่ได้จึงหนีกลับมาขอความช่วยเหลือจากท่าน”
“งั้นเจ้านำทางข้าเดี๋ยวนี้ ตามไม่รู้จุดจะเจอได้ยังไง ออกไปรอข้างนอกข้าจะเรียกคนของข้าก่อน พวกมันมากันกี่คน” คาลิคถามเพื่อจะประเมินสถานการณ์
“มันมากันสองคนเท่านั้น”
“งั้นไปข้าจะเอาคนของข้าไปห้าคนก็พอ เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน”
ไม่นานคนของคาลิคก็พร้อม เดียร์นาพาทั้งหมดมุ่งหน้าไปคนละทางกับที่เธอทิ้งวฎิรดาเอาไว้ เธอแอบยิ้มด้วยความสะใจที่สามารถกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจออกไปได้
ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าฟารุตชอบหญิงต่างชาติคนนั้น และถ้าไม่มีวฎิรดา ฟารุตจะต้องหันมาสนใจเธออย่างแน่นอน
ความคิดเห็น