คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 10
บทที่ 10
รถที่แล่นออกจากตำหนักหลังงามขององค์หญิงเรเนียพาหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับมายังอู่แห่งหนึ่ง รถขับเคลื่อนสี่ล้อสีเทาคันใหม่จอดรออยู่ก่อนแล้ว พลขับบอกกับฟารุตว่า
“องค์หญิงรับสั่งให้กระผมมาส่งท่านที่อู่เพื่อรับรถของท่านที่ซ่อมไว้ ท่านมีอะไรจะใช้กระผมหรือเปล่า หรือท่านจะไปดูรถที่ซ่อมไว้ก่อน ผมจะรอถ้า ยังไม่เสร็จ ท่านจะให้กระผมไปส่งที่ไหนก็ได้ เพราะองค์หญิงทรงกำชับว่าให้ดูแลท่านให้ดีที่สุด”
สิ่งที่พลขับพูดฟารุตประเมินได้ว่าองค์หญิงบอกอะไรกับเขา ฟารุตเดินลงจากรถพร้อมกับส่งเงินให้พลขับเป็นสินน้ำใจไปจำนวนหนึ่ง เขาโค้งคำนับด้วยความดีใจก่อนจะเคลื่อนรถออกจากอู่ไป
พันเอกหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับหายเข้าไปในอู่ซ่อมรถไม่นาน รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อสีเทาก็ค่อยๆ คลานออกจากอู่ซ่อมอย่างเชื่องช้า มุ่งหน้าเข้าไปยังโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ในย่านธุรกิจจอแจของของเมือง ฟารุตหายเข้าไปในโรงแรมระดับสองดาวเพียงไม่นาน รถคันเดิมก็ค่อยๆ คืบคลานออกมาจากลานจอดรถของโรงแรมมุ่งสู่ใจกลางของนครชีร่าห์ดัม แล้วไปจอดสนิทอยู่ ณ ลานจอดรถของโรงแรมชั้นหนึ่ง
แต่คนที่ก้าวลงมาจากรถสีเทาคันงามหาใช่พันเอกฟารุตหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของรัฐบาลชีร่าห์ไม่ กลับกลายเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบท่าทางภูมิฐาน แต่งกายด้วยชุดสากล ทรงผมได้รับการตกแต่งเป็นระเบียบ ใบหน้าเกลี้ยงเกลา หนวดและเคราไม่มีให้เห็น รอยเขียวที่เห็นเพียงรำไรแสดงว่าเพิ่งถูกโกนไปไม่นาน มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าหนังสีดำ ท่าทางการเดินดูสง่าน่าเกรงขาม เขาพาร่างกายที่ดูดีไปทุกส่วนก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องโถงของโรงแรม แล้วหยุดยืนแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังจุดที่เขียนป้ายติดเอาไว้ว่า
‘ติดต่อสอบถาม’
“สวัสดีครับ ผมมาจากยูเนสโก้ เพื่อเข้าร่วมประชุมเรื่องการสำรวจหุบเขา เซฮาเนส” เขาแนะนำตัวเองกับพนักงานต้อนรับเพียงสั้นๆ
“ยินดีต้อนรับครับ ทางโรงแรมได้เตรียมห้องพักไว้แล้ว ท่านจะเข้าห้องพักก่อนหรือจะไปที่ห้องประชุมเลย”
พนักงานโรงแรมที่ยืนกุมมือกล่าวต้อนรับด้วยท่าทีสุภาพ
“เข้าห้องประชุมเลยดีกว่า”
“ทางโรงแรมรบกวนกรอกข้อมูลการเข้าพักด้วยครับ”
ลายมือชื่อและลายเซ็นเป็นภาษาอังกฤษระบุว่า
‘มิสเตอร์ เอลเคยัช เอลมานู ชาวอิสราเอล ตัวแทนองค์การยูเนสโก้’
เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็ได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างดีเยี่ยม
ห้องประชุมได้รับการจัดแต่งอย่างสวยงาม เอลเคยัช เอลมานู กวาดสายตาที่อยู่หลังกรอบแว่นมองผู้คนที่นั่งอยู่รายรอบโต๊ะประชุม เขามาตรงเวลา แต่ก็ช้ากว่าคนของรัฐบาลชีร่าห์ ทุกคนดูมีความพร้อมที่จะเริ่มประชุมในทันทีที่เขามา
รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมที่รับผิดชอบการขุดค้นโบราณสถานแห่งหุบเขาเซฮาเนสลุกขึ้นต้อนรับพร้อมกับเชื้อเชิญให้เอลเคยัชนั่งในตำแหน่งแรกของโต๊ะประชุม ก่อนที่จะนั่งลงเขาค้อมตัวทำความเคารพทุกคนแล้วเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยเสียงที่นุ่มนวล
“มิสเตอร์
ทุกคนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นทักทายแล้วนั่งลง หนึ่งในนั้นนอกจากจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว นายพลชิลฮาวี หัวหน้าหน่วยรบทะเลทรายก็เข้าร่วมประชุมด้วยในฐานะผู้ดูแลความปลอดภัยของคณะสำรวจซึ่งนำการสำรวจโดยนักโบราณคดีที่มีชื่อเสียงของชีร่าห์ นั่นก็คือ ดร.อิสมาเอล
การประชุมเริ่มขึ้นและดำเนินไปเรื่อยๆ มาเสร็จสิ้นเอาก่อนอาหารกลางวัน เอลเคยัช เอลมานู ขอตัวกลับที่พักทันทีที่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ โดยอ้างว่าจะต้องรีบกลับไปรวบรวมรายงานการประชุมครั้งนี้เพื่อนำเสนอองค์การยูเนสโก้
กระเป๋าหนังสีดำถูกวางลงบนเตียงที่ห้องพักอย่างรวดเร็ว เอลเคยัชหายเข้าไปในห้องน้ำเพียงไม่กี่นาทีเขาก็กลับออกมาพร้อมกับเครื่องแต่งกายชุดใหม่ เสื้อยืดสีเข้ม กางเกงยีนส์เก่าๆ แว่นกันแดด และผมที่ยาวขึ้นอย่างรวดเร็วจากวิกที่เตรียมเอาไว้ หมวกแก๊ปสีดำถูกสวมทับช่วยเปลี่ยนชายที่สะอาดและดูดีเช่นนักวิชาการให้เป็นหนุ่มนักท่องเที่ยวได้ในพริบตา เขาเดินปะปนเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรมที่ชิลฮาวีและอิสมาเอลหายเข้าไปก่อนที่เขาจะขอตัวกลับห้องพัก
เอลเคยัชเลือกนั่งโต๊ะที่มีพนักสูงอยู่ไม่ห่างจากคนทั้งสองมากนัก เทปบันทึกเสียงประสิทธิภาพสูงขนาดจิ๋วถูกส่งลอดเข้าไปใต้โต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่ ด้วยระบบท่อส่งอัตโนมัติที่เพียงกดปลายนิ้วเบาๆ ท่อส่งก็ยืดยาวส่งเครื่องบันทึกเสียงให้ไปอยู่ใต้เก้าอี้ตัวที่ชิลฮาวีนั่ง เมื่อคะเนตำแหน่งได้แล้วเขาจึงสัมผัสปุ่มอีกครั้ง ท่อส่งหยุดการทำงานทันที จากนั้นจึงสั่งเครื่องดื่ม และอาหารมานั่งรับประทานอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องออกไปนอกห้องเหมือนหนึ่งโลกนี้มีเขาเพียงคนเดียว ไม่ได้สนใจผู้คนที่อยู่ในห้องอาหารแห่งนี้
หลังจากอาหารพร่องไปครึ่งจาน เครื่องดื่มที่สั่งมาเกือบหมดแก้ว เขาชายตามองผ่านคนสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเรียกบริกรเพื่อจ่ายค่าอาหาร เสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกมายังลานจอดรถขับเจ้ารถสีเทาคันเดิมออกมาจากที่นั่นทันที
เขาหักพวงมาลัยลัดเลี้ยวไปตามซอยเล็กๆ ของนครชีร่าห์ดัมอยู่พักหนึ่งจนแน่ใจว่าปลอดจากการถูกติดตามจึงกลับไปยังโรงแรมเล็กๆ แห่งเดิมแล้วเคาะประตูเบาๆ คนที่อยู่ข้างในลุกมาเปิดประตูให้เขาแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว วางเป้ลงบนเตียง ดึงวิกผมออกโยนทิ้ง
“ขอบใจมากว่ะเอลเคยัชที่ช่วยเหลือ นี่เป็นเทปบันทึกภาพการประชุมทั้งหมด แกจะเอาไปสรุปนำเสนอนายอย่างไรก็แล้วแต่แกก็แล้วกัน แกรีบแต่งตัวกลับโรงแรมได้แล้ว นี่กุญแจห้องพัก ฉันทำการเปิดในนามของแกไว้เรียบร้อย คืนนี้มีงานเลี้ยงที่รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมจะจัดเลี้ยงขอบคุณก่อนที่แกจะเดินทางกลับ”
เอลเคยัชตัวจริงรับเทปบันทึกการประชุมมาเก็บลงกระเป๋ากางเกง แล้วกล่าวกับเพื่อน
“แกไม่ไปงานเลี้ยงเองล่ะฟารุต ไหนๆ ก็ปลอมตัวซะเนียนแล้วนี่นา”
“ไม่เอาแล้ว แกจัดการเองเถอะ จะอ้างจะแก้ตัวอย่างไรก็แล้วแต่แก สมองขนาดแกฉันไม่ต้องแนะนำก็น่าจะรู้ว่าควรทำอย่างไร จัดการเองนะเพื่อน ฉันต้องรีบไป แกแต่งตัวเลย เดี๋ยวจะออกไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก แกรีบจัดการเรื่องของแกให้เรียบร้อยเถอะ ฉันจัดการตัวเองได้ไม่ต้องห่วง ขอให้โชคดีแก้ปัญหาและจับตัวการให้ได้เร็วที่สุด”
เป็นคำอวยพรจากเอลเคยัชก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องพักไป
รถขับเคลื่อนสี่ล้อสีเทาวิ่งมาจอดในย่านจอแจกลางกรุงชีร่าห์ดัมอีกครั้ง ฟารุตในคราบนักท่องเที่ยวลงจากรถ เขาเดินเข้าซอยที่ซอกแซกจนแน่ใจว่าไม่มีใครติดตามมา จึงเดินออกสู่ถนนใหญ่ เรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งยังตึกที่ตั้งอยู่ห่างจากย่านชุมชนไปเกือบสามกิโลเมตร ชั้นล่างของตึกเป็นร้านตัดผมชาย ฟารุตผลักประตูเข้าไป
“ตัดผมหรือครับ” เสียงทักทายของช่างทำผมประจำร้าน
“อยากโกนแค่หนวด หนวดยาวมาสี่ห้าวันแล้ว”
ช่างทำผมชะงักนิดหนึ่งกับคำพูดของฟารุต แล้วรีบผายมือให้
“งั้นเชิญชั้นบนเลย”
ประตูด้านหลังเปิดออก มีบันไดวนเดินขึ้นชั้นบน ฟารุตเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องๆ หนึ่ง เขาเคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้าไปโดยไม่รอฟังคำอนุญาต คนที่นั่งรออยู่ด้านในลุกขึ้นทำความเคารพ
“ทราบว่าท่านหัวหน้าจะมา ท่านอารีย์สั่งให้มารอท่านที่นี่” เจ้าหน้าที่ของหน่วยสืบราชการลับคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“ขอบใจมาก งั้นรีบจัดการสิ่งนี้ให้ผมหน่อย อันนี้เป็นเทปบันทึกภาพ ส่วนใหญ่เป็นภาพที่นำเสนอด้านหน้าห้องประชุม แต่ผมอยากได้ภาพและเสียงของผู้ร่วมประชุมทั้งหมดขณะที่เขาสนทนากัน คุณพอจะดึงออกมาได้หรือไม่”
ผู้ใต้บังคับบัญชารับของสองสิ่งมาพิจารณา
“ขอตรวจสอบนิดหนึ่งก่อนขอรับท่านหัวหน้า กรุณานั่งรอสักครู่ไม่ถึงห้านาทีคงพอจะทราบว่าจะทำได้ตามที่ท่านต้องการหรือไม่”
“ตามสบายเลย ผมให้สิบนาที จะงีบรอ”
คนเป็นหัวหน้าพูดเสร็จทิ้งตัวลงนอนบนโซฟายาวทันที เขาลืมตาขึ้นมาอีกทีเมือมีเสียงปลุกจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
“ข้อมูลที่ท่านต้องการจะได้ครบถ้วน แต่ต้องขอเวลาในการทำงานประมาณสามชั่วโมงครับผม”
“อย่างนั้นอีกสามชั่วโมงผมจะกลับมารับ”
ฟารุตออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ เขาเดินขึ้นไปชั้นสี่ ห้องคอมพิวเตอร์ถูกเปิดออกใช้งาน เขาป้อนข้อมูลของดอกเตอร์อิสมาเอล ประวัติของอิสมาเอลก็ปรากฏขึ้นมา เขาอ่านไปเรื่อยๆ ในช่วงต้นประวัติของดอกเตอร์ทางโบราณคดีคนนี้ก็ไม่มีอะไรพิเศษ แต่พอจะปิดแฟ้มประวัติของอิสมาเอล มีสิ่งหนึ่งที่สะดุดใจของฟารุต
อิสมาเอลเคยรับหน้าที่หัวหน้าหน่วยขุดค้นโบราณสถานหลายแห่ง ที่น่าสังเกตคือสถานที่ที่เขาเคยขุดค้นจะมีประวัติการถูกลักลอบเข้าไปและมีการทำลายโบราณสถานบางส่วนหลังจากการค้นพบผ่านไปไม่เกินหนึ่งปีทุกที่
ฟารุตคลิกเข้าไปตรวจสอบประวัติความเป็นมาของโบราณสถานที่อิสมาเอลสำรวจทุกที่เพื่อยืนยันข้อมูล เขาจมอยู่ในห้องนี้จนครบสามชั่วโมงจึงเดินออกมาเพื่อรับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่คนเดิม รายงานทั้งหมดถูกพิมพ์ออกมาบนกระดาษและเข้าแฟ้มอย่างเรียบร้อย
“ขอบคุณมาก ถ้ามีงานด่วนจะเรียกไปอีก”
“ครับผมท่านหัวหน้า”
ฟารุตไม่รอช้า เขาทรุดตัวลงบนโซฟา เปิดรายงานการถอดเทปขึ้นอ่าน สีหน้าของเขาเริ่มเครียดขึ้นเป็นลำดับ เขาใช้เวลาอยู่กับแฟ้มได้ไม่นานก็เดินตัวปลิวขึ้นไปยังห้องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
ชื่อที่ทำให้เขาแปลกใจและต้องค้นหาคือชายไทยที่อิสมาเอลและชิลฮาวีกล่าวถึงในขณะที่มีการนำเสนอของเจ้าหน้าที่อื่นๆ บนเวทีการประชุม
“ทวีพงษ์ หัสดีวิวัฒน์” บิดาของวฎิรดานั่นเอง เขาเข้ามาเกี่ยวพันกับอิสมาเอลและชิลฮาวีได้อย่างไร?
ภาพของชายชาวไทยมีอยู่ไม่น้อยในแฟ้มข้อมูลทางราชการของชีร่าห์ สิ่งที่ทำให้เขาต้องเพ่งมองด้วยความสับสนและกังวลก็คือ ทวีพงษ์มีลูกสาวคนเดียวชื่อ วฎิรดา หัสดีวิวัฒน์ หญิงชาวไทยที่ช่วยชีวิตเขาไว้ด้วยความบังเอิญจนเขาคิดว่าเธอถูกลอบทำร้ายเพราะการช่วยเหลือเขา
แต่มาบัดนี้ สิ่งที่เขาคิดไม่น่าจะถูกต้อง เธอคือลูกสาวของนักข่าวชาวไทยที่หลงใหลโบราณสถาน จนรู้จักคุ้นเคยกับพ่อค้าขายของเก่าหลายคน ก่อนที่จะหายตัวไปเขาได้ซื้อแผนที่โบราณแผ่นหนึ่งจากพ่อค้าขายของเก่าในเมืองโบราณ ชีรานเนียน จากนั้นอีกสองวันมีการแจ้งความกับทางตำรวจว่า ทวีพงษ์หายไป ทางการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตามหาก็ไม่พบแม้แต่ซากศพ เวลาล่วงเลยมาสองปี วันนี้มีอิสมาเอลกับชิลฮาวีพูดถึงชื่อคนๆ นี้ขึ้นมา ชิลฮาวี เกี่ยวข้องอะไรกับอิสมาเอล นอกจากการเข้ามาฟังรายงานที่ทีมของอิสมาเอลนำเสนอต่อองค์การยูเนสโก้ในฐานะผู้ดูแลความปลอดภัยของทีม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้เลย
แม้จะยังไม่ทราบว่าตัวเองถูกตามล่าด้วยเหตุผลใด แต่ข่าวที่สายแจ้งมาว่าคนที่ล่าตัวเขาเป็นฝีมือของชิลฮาวีหาใช่ประเทศคู่อริของชีร่าห์ไม่ เขาก็ยังไม่สามารถหาเหตุผลมาสนับสนุนได้ แต่อย่างน้อยในวันนี้เขาก็รู้แล้วว่าชิลฮาวีมีความไม่ชอบมาพากลในเรื่องของการขุดค้นโบราณสถานหุบเขาเซฮาเนส ซึ่งเกี่ยวโยงมาถึงแผนที่ลายแทงที่พ่อของวฎิรดาซื้อไป กุญแจดอกต่อไปจะต้องไขให้ได้ว่าทำไมชิลฮาวีจึงตามล่าเขา
เหตุการณ์ที่ขโมยแอบเข้าบ้านและรื้อค้นสิ่งของในขณะที่เขาถูกตามล่าในทะเลทรายเป็นปมที่ฟารุตให้ความสนใจอย่างยิ่ง แล้วคนที่ค้นสัมภาระของเขาในกระโจมเบดูอินคาลิค เป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่ทำให้คิดว่า ตัวเขาเองต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการขุดค้นและลายแทงอย่างแน่นอน
บ่ายวันเดียวกัน เรอิก พ่อของฟารุต ได้ต้อนรับแขกนักท่องเที่ยวที่มาจากอเมริกาคนหนึ่ง ชายคนนี้ชื่อนิกกี้ เป็นลูกของเพื่อนรักชาวอเมริกันของเรอิก เขายังไม่เคยพบหน้าลูกชายของเพื่อนคนนี้ เพราะทุกครั้งที่เขาเดินทางไปอเมริกามักจะคลาดกันเสมอ เขาจึงรู้จักแต่ชื่อและภาพถ่ายของนิกกี้ วันนี้เรอิกคิดว่าจะได้เจอตัวจริงของพ่อหนุ่มลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเพื่อนรักเสียที บทจะได้พบกันก็แสนง่าย บุกมาให้เห็นหน้าถึงชีร่าห์ดัมเลยทีเดียว เรอิกคิดขณะที่ได้รับการติดต่อจากคณะทัวร์
ทหารรับใช้ที่ถูกชิลฮาวีส่งเข้ามาทำงานในบ้านของเรอิกหลังจากที่ฟารุตหายตัวไปและบ้านของเขาถูกรื้อค้นเดินมาเปิดประตูบ้านให้หลังจากที่รถขับเคลื่อนสี่ล้อสีน้ำเงินค่อยๆ คลานเข้ามาจอดถึงเชิงบันได
ชายวัยสามสิบเศษในชุดกางเกงคล้ายทหารตามสไตล์ที่นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นิยม สวมเสื้อยืดสีดำแขนยาว หมวกผ้าปีกกว้างผูกสายไว้ใต้คางอย่างแน่นหนา แว่นกันแดดสีชา เดินเข้าไปในบ้านตามทางที่ทหารรับใช้นำ ผ่านห้องโถงของตัวบ้านมาทะลุตรงกลางบ้านที่มีสระว่ายน้ำ เก้าอี้นั่งเล่นถูกจัดเอาไว้อย่างมีระเบียบ เขาไม่ได้ถูกเชิญให้นั่งริมสระ แต่ทหารผู้นำทางพาเขาเดินเลยเข้าไปยังตัวอาคารอีกด้านหนึ่งมายังห้องรับแขกสุดหรูที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ภายในห้องได้รับการออกแบบตกแต่อย่างสวยงามลงตัว นิกกี้กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องอย่างชื่นชม ทหารรับใช้มองหน้าเขา แล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ห้องนี้เป็นห้องรับแขกพิเศษของท่านเรอิก ปกติท่านจะรับรองแขกในห้องใหญ่ ท่านคงเป็นคนพิเศษท่านเรอิกจึงให้เชิญมารออยู่ที่นี่ อีกห้านาทีท่านเรอิกจะลงมา กรุณารอสักครู่นะขอรับ”
เป็นคำบรรยายจากปากของทหารรับใช้ที่มีดวงตาใส่ซื่อแต่แฝงไว้ด้วยแววของความฉลาด
“คุณทหารชื่ออะไรหรือครับ” นิกกี้เป็นฝ่ายทำความรู้จัก
“อุสมาน กระผมชื่ออุสมาน เป็นทหารใต้บังคับบัญชาของท่านชิลฮาวี”
เสียงโต้ตอบที่ฉะฉานและการบอกเล่าถึงผู้บังคับบัญชาอย่างภาคภูมิใจทำให้นิกกี้พิจารณาทหารรับใช้คนนี้อย่างตรึกตรองอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันถึงห้านาทีตามที่อุสมานบอก เสียงทักทายของเจ้าของบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ขอต้อนรับสู่ชีร่าห์ดัม นิกกี้”
“ยินดีที่ได้มาทำความรู้จักคุณพ่อเรอิกเสียที หลังจากที่ควรจะได้พบกันนานแล้ว”
แขกผู้มาเยือนลุกขึ้นจับมือเจ้าของบ้านแล้วหันไปบอกกับทหารรับใช้อย่างสนิทสนม
“อุสมาน เชิญท่านตามสบายนะ เราอยากจะคุยกับพ่อเรอิกตามประสาพ่อลูก”
อุสมานหันมามองเรอิกเหมือนรอรับคำสั่ง
“ไปเถอะอุสมาน ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวมีอะไรฉันจะเรียกคนรับใช้ให้มาดูแลเอง”
เมื่อได้รับคำตอบจากผู้เป็นนายคนใหม่ อุสมานก็เดินก้มตัวออกไปทันที นิกกี้มองตามหลังทหารรับใช้ไปจนลับตา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้คนอยู่แถวนี้เขาจึงเดินไปนั่งเก้าอี้อย่างถือวิสาสะโดยไม่รอให้เจ้าของบ้านเชิญ บุคลิกของแขกคุ้นตาจนเรอิกต้องจับตามองอย่างไม่ละสายตา
“มีอะไรหรือครับ” เสียงนิกกี้ถามด้วยความสงสัยใบหน้ายิ้มนิดๆ อย่างคนอารมณ์ดี
“ท่าทางของนิกกี้เหมือนลูกชายของลุงเลย”
“ลูกชายที่เป็นทหารหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับหรือครับ”
“ใช่”
“เขาไปไหนเสียล่ะ ผมจะมีโอกาสได้รู้จักกับเขาหรือเปล่า” คนถามทำท่าเหมือนอยากรู้จักเสียเต็มประดา
“เขามีเรื่องนิดหน่อย แต่เดี๋ยวเขาก็คงจัดการได้ พ่อเชื่อมั่นในความสามารถของเขาเสมอ”
ผู้มาเยือนลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเรอิก ใบหน้าของเขาอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของเจ้าของบ้าน นิกกี้ค่อยๆ ดึงแว่นกันแดดออก แล้วยิ้มบางๆ ให้กับเจ้าของบ้าน เรอิกตาค้างด้วยความตกใจ แต่ไม่กี่วินาทีเขาก็สามารถปรับสีหน้าได้ ไม่มีเสียงสนทนากันอีกเลย เรอิกเดินนำหน้านิกกี้เข้าไปในห้องหนังสือ แล้วเลื่อนบานประตูปิด ล็อกกลอนด้านในแน่นหนา แล้วหันมาหาผู้มาเยือน
“เข้ามาชีร่าห์ดัมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สองวันแล้ว”
“แล้วเหตุการณ์ต่างๆ เป็นอย่างไรบ้างเล่ามาเลย พ่อร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว”
“เอาไว้ค่อยเล่าได้มั้ยพ่อ เอาเรื่องที่สำคัญที่สุดที่ผมอยากรู้ก่อนได้มั้ยครับ”
“อะไรล่ะ มันเกี่ยวกับการถูกตามล่าครั้งนี้ด้วยหรือเปล่า”
“ผมคิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง”
“ไหนว่ามา”
“ข้อมูลที่ทราบตอนนี้คือชิลฮาวีเป็นผู้บงการการไล่ล่าผม”
คนเป็นพ่อนั่งนิ่งเหมือนหนึ่งว่าเขารู้แล้ว
“มีด็อกเตอร์อิสมาเอลเข้ามาเกี่ยวข้อง มีเรื่องของชายชาวไทยที่ไปได้ลายแทงมาจากพ่อค้าของเก่าย่านเมืองเก่าชีรานเนียน ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกตามล่าอยู่เช่นกัน”
“ข่าวเรื่องที่ว่าประเทศฝ่ายตรงข้ามเราได้ซื้อข่าวจากลูกแล้วส่งคนเข้ามาตามเก็บลูกอีกทีไม่ใช่ความจริง แล้วทางรัฐบาลทราบเรื่องนี้หรือยัง”
“ยังไม่ทราบอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าคงพอจะรู้เบาะแสอยู่บ้าง อารีย์ช่วยเหลือผมอีกแรงในการตามข่าว”
“ได้แวะไปหาองค์หญิงบ้างหรือยัง”
“ไปมาแล้วเอาผู้หญิงชาวไทยที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ไปฝากกับองค์หญิง จะพามาไว้ที่นี่ให้มาชรีดูแลเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย”
“ดีแล้ว”
“มาชรีไปไหนแล้วพ่อ”
คนมาเยือนเพิ่งจะนึกได้ มัวแต่ห่วงเรื่องข้อมูลจนลืมถามถึงผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
“ไปตำหนักองค์หญิงยังไม่กลับ”
“อ้าว ถ้าอย่างนั้นป่านนี้มาชรีก็อาจจะรู้จักเธอแล้ว”
เรอิกมองหน้าบุตรชายเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง แล้วก็หันมาสนทนาเรื่องเก่าต่อ
“แล้วที่อยากรู้คือข้อไหนอีก”
“ชายชาวต่างชาติถูกตามล่าเพราะมีลายแทง แต่ผมถูกตามล่าด้วยสาเหตุอะไร แล้วทำไมมันแอบมาค้นที่บ้านนี้ และในกระโจมท่านลุงคาลิคสัมภาระของผมก็ถูกค้น พ่อมีความคิดเห็นอย่างไร”
เรอิกนิ่งอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะเอ่ยกับบุตรชายด้วยสีหน้ากังวล
“ตระกูลของเรามีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าเป็นผู้ที่เก็บความลับเรื่องขุมทรัพย์ในหุบเขากลางทะเลทรายมานานเกือบสองร้อยปี แต่ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลเราเก็บความลับนั้นมาอย่างไร ความเชื่อและเรื่องที่บรรพบุรุษเล่าต่อกันมาอาจจะมีผลต่อการถูกตามล่าของลูกก็ได้ ลูกคิดอย่างไร”
“นิทานโบร่ำโบราณประจำตระกูลที่พ่อเคยเล่าให้ผมฟังตอนเด็กๆ น่ะหรือ ผมลืมไปหมดแล้ว” ฟารุตถามขึ้นด้วยสีหน้ามีแววขันเล็กน้อย
“ถึงตอนนี้พ่อชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า มันจะเป็นแค่นิทานประจำตระกูโบร่ำโบราณ”
ชายหนุ่มหยุดยิ้มทันที
“เรื่องมันเป็นอย่างไรช่วยเล่าให้ผมฟังด้วย”
เรอิกเดินกลับมายังโต๊ะอ่านหนังสือที่เขานั่งเป็นประจำ ลูกชายในคราบของนิกกี้เดินตามมาติดๆ แล้วนั่งลงตรงข้าม
“ก่อนที่พ่อจะเล่า ลูกควรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟังก่อน”
เรื่องราวในหลายวันที่ผ่านมา การตามล่าของศัตรูที่ไม่รู้ตัวตน ชีวิตที่ระหกระเหินกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ถูกถ่ายทอดให้เรอิกผู้เป็นพ่อฟังอย่างต่อเนื่อง แม้แต่เรื่องสาวไทยที่ช่วยชีวิตเขา และเขาได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ก็ถูกถ่ายทอดจนหมดสิ้น
“ลูกจะทำอย่างไรต่อ”
“อีกไม่นานผมคงจะรวบรวมหลักฐานได้หมด ผมจะเอาคนชั่วที่คิดร้ายเข้าคุกให้ได้ แต่ตอนนี้เราต้องคอยระวัง อย่าให้คนในบ้านรู้เป็นอันขาดว่าผมกลับมา นอกจากพ่อและมาชรีเท่านั้น เราไว้ใจใครไม่ได้เลย แม้แต่ในกระโจมท่านลุงคาลิคยังมีการแอบค้นข้าวของ แสดงว่าศัตรูรู้เรา แต่เราไม่รู้เขา ต่อไปนี้มันจะไม่รู้เรา แต่เราจะรู้เขาให้มาก ผมจึงระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว”
ตระกูลอัชชิราน์ เป็นตระกูลใหญ่ที่เชื่อกันว่าต้นตระกูลสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ชีร่าห์โบราณ เรื่องเล่าของขุมทรัพย์เซฮาเนสในหุบเขากลางทะเลทรายเป็นตำนานที่น้อยคนนักจะเคยได้ยินและเชื่อว่ามันมีขุมทรัพย์อยู่ใต้ผืนทรายจริง นอกจากนิทานปรัมปราที่เล่าต่อๆ กันมาในตระกูลเท่านั้น ที่สำคัญกษัตริย์องค์ปัจจุบันก็ไม่ได้มีเชื้อสายที่สืบมาจากต้นตระกูลอัชชิราน์ แม้แต่ในตำราก็ไม่เคยมีการระบุว่า ตระกูลอัชชิราน์ เป็นต้นกระกูลของกษัตริย์ในยุคไหนๆ ตำนานจึงยังคงเป็นเพียงตำนานที่ไม่มีหลักฐานใดๆ
“พ่อคิดอย่างไรเรื่องลายแทงกับคำบอกเล่าเกี่ยวกับต้นตระกูลของเราและขุมทรัพย์แห่งทะเลทราย”
“ถ้าพ่อไม่รู้จักไม่เคยเห็น มันน่าจะเป็นเรื่องผิดพลาด แต่ก็น่าสงสัยว่า ด็อกเตอร์อิสมาเอลเป็นนักโบราณคดีที่เชี่ยวชาญ ถ้ามันเชื่อว่ามีจริง เราคงต้องค้นหากันดูว่ามันคืออะไร อยู่ที่ไหน ก่อนที่ไอ้พวกนั้นมันจะหาเจอแล้วทำร้ายเรา”
“มีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ของการส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นของครอบครัวเราบ้างเท่าที่พ่อทราบ”
ฟารุตตั้งคำถามให้พ่อคิด
“ที่พ่อได้รับมาส่วนมากเป็นเครื่องประดับ สร้อย แหวน ไม่มีสักชิ้นที่เป็นกระดาษหรืออะไรที่จะสื่อว่ามันเป็นลายแทง แต่เราก็เก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัยทุกชิ้น ถ้าลูกอยากเห็นเราจะไปดูกัน”
เรอิกเดินไปที่ผนังห้อง จับตุ๊กตาทองเหลืองที่วางโชว์อยู่ในตู้บิดเบาๆ ผนังด้านนั้นก็เปิดออก มีช่องเล็กๆ บรรจุกล่องที่ทำด้วยทองเหลืองเช่นกันวางอยู่ เรอิกเปิดมันด้วยกุญแจที่ติดอยู่ตรงผนังด้านบนเหมือนจงใจซ่อน
เมื่อฝากล่องเปิดออก ภายในที่ฟารุตมองเห็นคือสร้อยเงินพร้อมจี้รูปหัวใจเล็กๆ สำหรับผู้หญิงเส้นสองเส้น
“ของแค่นี้พ่อถึงขนาดเก็บใส่เซฟเชียวหรือ” ฟารุตสงสัย
เรอิกขยับดึงเอากล่องทองเหลืองออกมานิดหนึ่ง ด้านหลังยังมีโพรงสำหรับบรรจุของได้ เขาล้วงเข้าไปดึงกล่องกำมะหยี่ออกมา
“เซฟมีไว้เก็บของเก่าด้วย แต่ของมีค่าที่พ่อหามาเก็บเอาไว้ราคามันไม่ได้น้อยเลยนะลูก มีทั้งเพชร ทับทิม สิ่งเหล่านี้ลูกจะได้ใช้มันแน่ถ้าพ่อจะมีลูกสะใภ้ ส่วนสร้อยของเก่านี้ เราได้รับสืบต่อกันมา ถ้ามีลูกสาวให้ใส่สร้อยเงินจี้รูปหัวใจ แต่ถ้ามีลูกชายก็ให้ใส่สร้อยที่เป็นรูปเลขสามซึ่งจะมีอยู่อย่างละสองชิ้น ที่ลูกใส่อยู่นั่นไง แต่อีกชิ้นหนึ่งไม่รู้ว่าสูญหายไปตั้งแต่ช่วงไหน มาถึงรุ่นพ่อสร้อยของเด็กชายเหลือเพียงชิ้นเดียว แต่ของเด็กหญิงยังมีอยู่สองชิ้นครบถ้วน เสียดายพ่อไม่มีลูกสาวเลยต้องเก็บเอาไว้ในนี้”
ฟารุตหยิบสร้อยเก่าแก่ขึ้นมาพิจารณาก่อนจะวางมันลงเช่นเดิม เขารู้สึกผิดหวังที่ยังหาหลักฐานอะไรเกี่ยวกับการถูกตามล่าของตัวเองไม่ได้
ทั้งสองเดินกลับมายังห้องหนังสือ พูดคุยกันต่ออีกไม่นาน ฟารุตในคราบนิกกี้ก็ขอตัวกลับ ทหารรับใช้เดินมาส่งเขาถึงรถ เปิดประตูให้ โค้งคำนับเขาก่อนปิดประตู
ฟารุตนำรถออกจากบ้านของตัวเอง ก่อนจะเลี้ยวซอกแซกไปในซอยต่างๆ ตามวิธีที่เขาทำมาตลอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ถูกติดตามจึงกลับไปยังที่พัก
ความคิดเห็น