ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    >> EXO Short Fiction<< ALL X LAY #อี้ชิงเคะพอ [LuLay KrisLay HunLay KaiLay ChanLay]

    ลำดับตอนที่ #7 : >>7

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 60


    Title : เหมือนเดิม...
    Cast : KrisLayLu
    Director : DRL
    Summary: ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน  สิ่งต่างๆรอบตัวจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร  แต่ความผูกพันและมิตรภาพของเราจะยังเหมือนเดิม...

     

     

    ในร้านกาแฟเล็กๆบรรยากาศอบอุ่นที่ตั้งอยู่ระหว่างซอกตึกใหญ่ของโรงแรมระดับห้าดาวและศูนย์การค้าดังใจกลางปักกิ่ง  ด้านในสุดของร้าน ที่โต๊ะตั้งติดกระจก  สามารถมองออกไปด้านนอกร้านได้เป็นมุมส่วนตัวเงียบๆที่ดีไม่น้อยสำหรับร่างโปร่ง  ดวงตาหวานใสเหม่อมองผ่านกระจกไป บนถนนด้านนอกนั้นผู้คนเดินกันขวักไขว่ดูเร่งรีบในการใช้ชีวิตที่วุ่นวาย แต่กลับเรียกรอยยิ้มบางๆกับรอยบุ๋มข้างแก้มให้ใบหน้าละมุนได้ไม่น้อย  ช่วงเวลาที่เขามาทำงานที่ประเทศบ้านเกิดหลายวันมานี้ ถ้ามีเวลาว่างสักนิด  แน่นอนว่าเขาจะมานั่งพักอารมณ์ในมุมนี้ทุกครั้งจนเจ้าของร้านกั๊กมันไว้ให้เป็นที่ของแขกพิเศษอย่างเขาไปเสียแล้ว  การได้นั่งมองความเป็นไปของชีวิตอื่นๆที่ผ่านไปมาหน้าร้านกาแฟนี้เรียกกำลังใจในการทำงานของเขาได้ดีมากทีเดียว  อาจเพราะช่วงที่ผ่านมาเขามีแต่เรื่องทำให้ท้อถอยประดังเข้ามามากมาย การชาร์จแบตของเขาก็เลยเป็นการนั่งจิบอะไรอุ่นๆปล่อยสมองให้โล่งอย่างนี้กระมัง 

     

    เวลาผ่านไปเท่าไรไม่รู้ที่เขานั่งใจลอยไปไหนต่อไหน  เรื่องที่คิดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวเก่าๆกับพี่น้องที่รวมฝ่าฟันอะไรต่างๆมาด้วยกัน  มันอดคิดถึงไม่ได้ ถึงแม้จะติดต่อกันเป็นระยะๆ แต่ช่วงนี้งานเขาก็มากพอดู  ตามข่าวทางอินเตอร์เน็ตทางฝั่งนั้นก็งานล้นมือไม่ต่างจะติดต่อกันก็ไม่มีเวลาคงเหนื่อยทั้งงาน เหนื่อยทั้งข่าวนั่นแหละ  เขาถอนใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมยกแก้วโกโก้ร้อนขึ้นดื่มให้หมดอย่างช่วยไม่ได้  คงต้องกลับที่พักแล้ว....

     

    ร่างโปรงเรียกพนักงานมาคิดเงินเสร็จเรียบร้อยก็เก็บของเข้ากระเป๋าเตรียมลุกจากโต๊ะอย่างอ้อยอิ่ง 

     

    “ เฮ้อออออ...กลับโรงแรมไปก็ไปนั่งเบื่อคนเดียว...เซ็งจะตาย” บ่นกับตัวเองเบาๆ

     

    “ นิสัยขี้บ่นนี่แก้ไม่เคยหายเลยนะอี้ชิง”

     

    เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเมื่อครู่ช้าๆด้วยใจระทึก  ถ้าจำไม่ผิดเสียงที่ได้ยินมันเป็นเสียงของคนที่เขาเพิ่งนั่งคิดถึงไปเมื่อครู่...ตาหวานสบเข้ากับชายผอมสมส่วนที่ใส่ทั้งแมชปิดปาก แว่นตาดำแบรนด์ดัง กับหมวกทรงฮิปฮอปหันปีกไปด้านหลังศีรษะ

     

    “ ลู่หาน!!” อี้ชิงตกใจไม่น้อยที่พี่ชายคนนี้มายืนอยู่ตรงหน้ากะทันหันแบบนี้

     

    “ เบาๆดิ  นี่แอบออกมานะเว้ย  เดี๋ยวได้เป็นข่าวหรอก” ลู่หานดึงแมชกับแว่นดำออกจาหน้าตัวเองมาวางบนโต๊ะพร้อมยิ้มกว้างให้น้องรัก “ นี่คิดถึงมากนะเนี้ย เลยเสี่ยงตายมาหาอ่ะ ฮ่าๆ” เขาว่าพลางหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องสนุก

     

    “ พี่เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย” อี้ชิงรีบถาม แทบไม่ฟังสิ่งที่ลู่หานพูดเมื่อครู่เลยด้วยซ้ำ

     

    “ อะไร ทำไมต้องถามจริงจังขนาดนั้น  นายนี่ยังไงก็ยังเป็น จางอี้ชิง คนเดิมจริงๆ” มือหนายกขึ้นลูบหัวอี้ชิงเบาๆอย่างเอ็นดู “ สบายดีสิ แต่คิดถึงนายมากๆเลยนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย ไม่รู้ว่าดื้ออะไรไปบ้าง” ว่าจบลู่หานก็หันไปสั่งกาแฟกับพนักงานใกล้ๆ ก่อนจะหันมาพูดกับอี้ชิงต่อ“ ว่าแต่นายช่วงนี้ผอมลงไปรึเปล่า ดูซูบๆลงไปนะ” ลู่หานปล่อยมือจากผมนุ่มของอี้ชิงมาจับแก้มน้องรักลูบๆดึงๆอย่างมันมือ

     

    “ แล้ววันนี้พี่ไม่ต้องทำงานหรอ” อี้ชิงปัดมือของลู่หานออกเบาๆด้วยรำคาญ เขาไม่คิดจะฟังคำตอบที่ดูไร้สาระของลู่หานสักเท่าไร เขาก็แค่อยากจะถามทุกคำถามมากมายที่อยู่ในหัวให้ครบ อยากจะรู้ความเป็นไปของพี่รักของเขาให้มากที่สุด เพื่อชดเชยความคิดถึง

     

    ลู่หานหัวเราะเบาๆกับอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดของน้องรักตัวขาวตรงหน้า จางอี้ชิง เด็กน้อยผู้ว่าง่าย แต่เมื่อถูกขัดใจก็จะแสดงทุกอย่างที่รู้สึกออกมาทางสีหน้าอย่างไม่รู้ตัว

     

    “ ใจเย็นน่าอี้ชิง รู้ว่าคิดถึงกัน แต่วันนี้เรามีเวลาทั้งวัน” ว่าจบลู่หานก็ขยับข้อมือขึ้นพลิกดูนาฬิกา นิดหน่อย ก่อนจะยิ้มนุ่มๆกลับมา “ ถ้าหมอนั่นเห็นนายผอมลงขนาดนี้คงตรอมใจ...”

     

    ไม่นานนักพนักงานก็ยกกาแฟที่ลู่หานสั่งมาให้ ช่วงเวลาบ่ายวันนี้ของอี้ชิงค่อยๆเดินไปช้าๆ เขานั่งคุยกับลู่หานในหลายๆเรื่องซึ่งส่วนใหญ่อี้ชิงจะเป็นฝ่ายพูดซะมากกว่า คนเป็นพี่ก็ได้แต่ยิ้มให้กับความช่างจ้อ ไม่รู้เรื่องอะไรบ้าง ที่ฟังๆมาก็ยังจับใจความสักเรื่องไม่ได้เลย ส่วนส่วนใหญ่เหมือนจะบ่นเขากับใครอีกคนที่ตลอดเดือนมานี้ขาดการติดต่อกับอี้ชิงไปเลย...ก็นะ งานมั่นยุ่ง ไหนจะข่าวประปลายที่ออกมา แค่นี้ก็เหนื่อยจะตายแล้ว

     

    ลู่หานอมยิ้มมองหน้าอี้ชิงที่จ้อไม่หยุด  เขาคิดถึง...คิดถึงทุกๆอย่าง ทั่งเสียงบ่น ทั้งหน้าตาเซ่อๆซื่อๆตอนบ่น ทั้งบรรยากาศรอบๆตัวของอี้ชิงที่ดูเหมือนใครอยู่ใกล้ๆก็จะทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายไปหมด ทั้งความอบอุ่นประหาดที่แผ่ออกมาจากตัวอี้ชิงเหมือนคอยเยียวยาผู้คนใกล้ๆตัว คิดถึงมากๆ  เขาเคยคิดไปเองว่าอี้ชิงคือ “โอเอซิส”  ซึ่งวันนี้ เมื่อเขาได้เจอหน้าน้องชายคนนี้อีกครั้ง เขาก็เชื่อทันทีว่า สิ่งที่คิดมาตลอดคือเรื่องจริง แค่เขาเห็นหน้าอี้ชิงก็สามารถเยียวยาความเหนื่อยล้าตลอดเดือนที่เขาฝ่าพายุร้ายจนบอบช้ำไปทั้งกายทั้งใจ แค่ได้มองหน้า แค่นั่งอยู่ใกล้ แม้ไม่ต้องสัมผัสกันเขาก็รู้สึกถึงความรัก ความห่วงใยที่ค่อยๆแผ่มาเยียวยาใจเขาได้อย่างน่าแปลก มันทำให้เขาค่อยๆรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด

     

    “ พี่... พี่  ลู่หาน!!!” อี้ชิงสักเกตุว่าพี่ชายตาโตนั่งยิ้มเหม่อๆก็เลยลองเรียกดู “ เหม่อจริงๆด้วย รู้เรื่องที่ผมเล่าไปบ้างมั้ยเนี้ย” คนน้องยู่ปากงอนๆอย่างเอาแต่ใจ คิ้วที่ขมวดอยู่ก็เป็นปมชัดกว่าเดิม

     

    “ อย่าเรียกว่า พูดเลยอี้ชิง...เรียกบ่นจะเข้าท่ากว่า” เสียงทุ่มต่ำเป็นเอกลักษณ์ กับร่างสูงๆ ที่ใส่แจ็คเก็ตหนังดำกับกางเกงยืนดำเขาชุด มือใหญ่ค่อยๆยกขึ้นมาถอดแว่นกันแดดดำสุดเท่ออกช้าๆ พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจนิดๆมาให้น้องชายตัวขาว จนคนที่นั่งเป็นหัวหลักหัวตอหมั่นไส้

     

    “ มาก็สายเสือกทำหล่อนะไอ้ฝาน” ลู่หานว่าเสียงห้วน “ มึงจะยืนเก็กหล่ออีกนานมั้ย จะนั่งมั้ยเนี้ย ไม่นั่งก็ออกไปเลย มายืนเด่นเดี๋ยวนักข่าวได้แห่กันมาจะซวยพาลไปถึงอี้ชิง”  ลู่หานก็ขยับเก้าอี้มาชิดอี้ชิงเพื่อเหลือที่ว่างฝั่งตรงข้ามให้  ขยับเสร็จลู่หานก็เงยหน้าขึ้นแสยะยิ้มใส่อี้ฝาดด้วยความสะใจ

     

    “ ไม่อ่ะ กูอยากกอดน้องก่อน คิดถึงจะตายอยู่แล้ว” ว่าจบอี้ฝาน ก็ดึงอี้ชิงขึ้นมากอดแน่นๆอย่างโหยหา เขาไม่ได้ติดต่อน้องเป็นเดือนๆ คิดถึงจะแย่ กลัวน้องคิดมากด้วย ขอกอดให้หายคิดถึงสักนิดก็ยังดี อี้ฝานกอดอีกคนอยู่ครู่ใหญ่จนลู่หานชักขัดใจขึ้นมา

     

    “ มึงเกินหน้าเกินตาไปแล้ว กูมาตั้งแต่บ่ายยังไม่ได้กอดเลยนะ!!!” ลู่หานจับทั้งคู่แยกกันแล้วเขาก็สวมกอดอี้ชิงแน่นๆแทน

     

    “ ไม่เคยยอมเสียเปรียบเลยนะ มึงอ่ะ” อู๋ฝานนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างอีกตัวของโต๊ะ เขามองลู่หานที่นั่งเก้าอี้แล้วแต่ก็ยังกอดฟัดอี้ชิงไม่หยุด  ก็ได้แต่สายหน้าขำๆ จะว่าเป็นความรู้สึกผูกพันก็คงใช่ คิดถึงช่วงเวลาที่เคยใช้ด้วยกันมา ถึงจะไม่ได้เป็นสิบ ยี่สิบปีอย่างที่คนอื่นๆมีกับเพื่อนรักเพื่อนตาย แต่เขาก็มั่นใจว่าความผูกพันของพวกเขามีมากไม่แพ้ใคร  ช่วงเวลาทั้งสุขทั้งทุกที่ฝ่าฟันมาด้วยกันมันมีค่าสำหรับเขามาก มีไม่กี่คนหรอกที่จะอยู่กับเขาในยามทุก ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคืออี้ชิง ที่คอยดูแลกันและกันมาตลอด อี้ชิงที่คอยห่วงความรู้สึกของผู้คนรอบข้างเสมอ อี้ชิงที่คอยให้กำลังใจเขาเสมอ อี้ชิงที่มีบรรยากาศความอบอุ่นจริงใจวนเวียนอยู่รอบตัวเสมอ ขนาดแฟนคลับยังรู้สึกได้ถึงความสุขพวกนี้ แล้วเขาที่เป็นคนใกล้ตัวหน่ะ แน่นอนว่าต้องโดนความอบอุ่นนี้คอยปลอบใจและเคียงข้างตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้เคยยืนอยุ่ข้างๆอี้ชิง...

     

    ทั้งสามนั่งคุยกันไปเลื่อยๆจนท้องฟ้าเริ่มมืดลง เขาว่ากันว่า “เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว” อี้ชิงเองก็รู้ว่าอีกไม่นานเวลาแห่งความสุขนี้ก็จะหมดลง เขาอาจไม่รู้ตัว แต่ว่าความรู้สึกเศร้าของเขามันก็แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างเด่นชัดจนพี่ๆทั้งคู่ได้แต่นั่งมองตากันว่าจะทำยังไงดี ให้อารมณ์น้องดีขึ้น แล้วก็เป็นลู่หานที่เริ่มก่อน

     

    “ อี้ชิง...ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเศร้าสิ เดี๋ยวมีเวลาก็นัดเจอกันอีกก็ได้” ลู่หานกอดคอน้องรักแรงๆจับหัวน้องโยกไปมาเหมือนตุ๊กตาด้วยความหมั่นเขี้ยว

     

    “ ลู่หาน  อย่าแกล้งอี้ชิงแรงสิ ถึงมึงจะบอกว่าทำเบาๆ แต่แรงมึงมันแรงกระทิงเลยนะ” อี้ฝานเอ่ยปรามพี่

     

    “ อะไร!!! มึงอย่ามาแอ๊บ” ลู่หานปล่อยมือจากหัวอี้ชิงมาหยิบที่รองแก้วกระดาษบนโต๊ะปาใส่อี้ฝานทันที “ กูรู้มึงก็อยากแก้ลงน้อง แต่ไม่กล้าไง นี่แกล้งเผื่อเลยนะ ดูดิ๊!! กูดีกับมึงขนาดไหน!” ลู่หานยักคิ้วกวนๆไปให้สองสามทีพร้อมร้อยยิ้มแห่งชัยชนะ

     

    “ กวนตีนตลอดเลยมึงเนี้ย” มือใหญ่หยิบที่รองแก้วอันเดิมขึ้นมาปาใส่ลู่หานบ้าง “ มีมือเหมือนกันเว้ย อย่าคิดว่าเกิดก่อนไม่กี่เดือนจะไม่กล้ารังแกนะเว้ย” มุมปากแสยะยิ้มชั่วร้ายส่งคืนบ้าง หลังจากนั้นก็มีสงครามขนาดย่อมเกิดขึ้นโดยมีอี้ชิงคอยห้ามทัพเด็กโข่งทั้ง2ที่เล่นกันไม่ดูสถานที่เอาเสียเลย

     

    อี้ชิงที่ห้ามทั้งสองจนเหนื่อยแต่กลับไร้ผลก็ได้แต่นั่งหัวเราะลู่หานที่พยายามดึงเก้าอี้ของอู้ฝานออกมาห่างจากโต๊ะหน้าดำหน้าแดง ส่วนเจ้าของเก้าอี้ก็นั่งยิ้มกอดอกสบายใจ แต่ก็ได้ไม่นานเพราะลู่หานเปลี่ยนแผนเดินมาเตะเข้าที่หน้าแข้งของอี้ฝานแทน

     

    คนตัวขาวนั่งยิ้มกับภาพตรงหน้าเงียบๆ อยากจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด ไม่ใช่ว่าเขากลัวว่าจะไม่ได้เจอพี่ทั้งสองอีกเลย แต่เขากลัวว่าการเจอกันครั้งต่อไปจะยาวนาน นานเกินกว่าที่เขาจะทนความเหงาของตัวเองได้ เพราะอี้ชิงรู้ว่าความเหงาจะทำให้เขาอ่อนแอ และถ้าเขาแสดงความอ่อนแอออกมา คนที่เจ็บปวดจะไม่ใช่แค่เขาแต่คนที่รักเขาและคนที่เขารักจะเจ็บปวดเช่นกัน และแน่นอนว่าเขายอมอดทนคนเดียวดีกว่าจะทำให้คนที่เขารักต้องเจ็บปวดไปด้วย....

     

    ลู่หานและอี้ฝานที่หยอกกันอย่างรุนแรงจนเจ้าของร้านแทบจะเดินมาขอความกรุณาให้หยุดเล่นกันในร้านสักที การกระทำเหล่านี้ไม่ได้ทำเอาสะใจเหมือนทุกๆที พวกเขาแค่อยากให้อี้ชิงรู้สึกว่า พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนไป พวกเขายังเหมือนเดิม ยังเป็นพี่ที่รักและห่วงอี้ชิงเหมือนเดิม

    พวกเขารู้ว่าสิ่งที่อี้ชิงต้องการตอนนี้คือกำลังใจและความรู้สึกอบอุ่นใจ แม้พวกเขาจะไม่เหมือนอี้ชิงที่แค่อยู่ใกล้ๆก็ทำให้อบอุ่นในใจได้ แต่พวกเขาก็พยายามในแบบของเขาที่จะให้อี้ชิงรู้สึกดีขึ้นให้มากที่สุด และมันก็ทำให้อี้ชิงดีขึ้นได้จริงๆ

     

                หัวค่ำมาถึง ทั้งสามต้องแยกย้ายกันกลับเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ด้วยกลัวว่าจะเป็นข่าว แล้วคนที่ซวยที่สุดก็คงไม่พ้นอี้ชิง อี้ฝานคิดผลได้ผลเสียแล้ว ถึงจะเสียดาย แต่เขาก็หว่านล้อมลู่หานไม่ให้ไปส่งอี้ชิงที่โรงแรมได้สำเร็จ

     

                “ วุ๊!!! มึงแม่งกลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง” ลู่หานบ่นกระปอดกระแปด อยุ่ที่ประตูร้าน

     

                “ หรือมึงอยากให้น้องเดือดร้อน เลือกมา!! เอาความสุขของตัวเอง หรือความสงบสุขของน้อง!!” อี้ฝานพูดเสียงหน่ายก่อนจะหันไปหาอี้ชิง “ อี้ชิง พี่ส่งได้แค่นี้ นายเข้าใจนะ” ร่างสูงค่อยๆสวมกอดน้องเล็กแน่นๆอยู่เป็นนาที

     

                “ อะไร!!! มีจังหวะเป็นไม่ได้เลยนะมึง เอาเปรียบกูตลอด” ลู่หานว่าจบก็โอบแขนกอดทั้งอี้ฝานทั้งอี้ชิงแน่นๆ “ คงอีกนานกว่าจะได้นัดกันอีก รักษาสุภาพตัวเองด้วยนะอี้ชิง ไอ้ฝาน” ถึงเขาจะขี้แกล้งเอาแต่ใจ แต่ยังไงเขาก็คือพี่ใหญ่ เขารักน้องของเขาทุกคน

     

                “ รักษาสุภาพดีๆแล้วก็ดูแลหัวใจตัวเองด้วยนะอี้ชิง เหนื่อยก็พัก ยังไงก็มีพวกพี่ให้ระบายเรื่องทุกใจอยู่” อี้ฝานพูดเบาๆแล้วค่อยๆคลายอ้อมกอดออก

     

                “ พวกพี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ แล้วเจอกัน” อี้ชิงยิ้มให้พี่ทั้งสองแล้วหันหลังดินไปยังโรงแรมข้างๆที่เขาเช็คอินไว้ ลู่หานและอี้ฝานหลังจากที่เห็นอี้ชิงหายเข้าโรงแรมไปแล้ว พวกเขาก็แยกกันไปอีกคนละทางเพื่อกันข่าวที่จะทำให้เดือดร้อนอีก

     

                แม้จะเดินแยกทางกันไปแต่ใบหน้าของทั้งสามก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข หัวใจที่พองโต กับความรู้สึกที่ว่า ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาก็มีแรงที่จะสู้ต่อเพราะพวกเขาไม่ได้สู้ตัวคนเดียว แต่ยังมีพี่น้องและมิตรภาพที่คอยเป็นกำลังให้อยู่

     

                ถึงอี้ชิง อี้ฝาน ลู่หาน จะไม่ได้ก้าวเดินเคียงข้างไปพร้อมๆกันบนทางสายนี้เหมือนเมื่อก่อน แต่ขอให้มั่นใจเถอะว่าสักวัน พวกเขาจะได้กลับมายืนเคียงข้างกันอีกครั้งบนเส้นทางสายนี้พร้อมกับมิตรภาพที่สวยงามดังเดิม...

     

     

     

    END.

     

    ตั้งแต่กลางเรื่องคือ รีบแต่งกลัวไม่จบค่ะ

    ถ้างงๆก็ขออภัยด้วย ;__;))

    แต่งได้แค่ 8หน้า A4เองง่ะ ปกติ ฟิคสั้นเราจะ14หน้าค่ะ แต่นี่กลัวไม่จบจริงๆ ปั่นซ้า

    ฟิคเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจจาก อี้ชิงใส่เสื้ออิพี่กลับเกาหลีค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟ

    คือ...มันดีย์อ่ะ!!!!  อารมณ์คิดถึงหม่นๆด้วย

    อยากแต่ให้สนุกกว่านี้อต่อารมณ์มันมาได้แค่นี้จริงๆค่ะ 5555

    ขอให้อ่านแล้วได้ความสุขกลับไปบ้างนะคะ

    ขอบคุณค่ะ

     

    Ps.ฟิคเรื่องนี้เราแต่งก่อนน้องเทามีเรื่องนะคะ ในเรื่องเลยไม่มีน้อง ขอโทษด้วยค่ะ

    © themy  butter
    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×