ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    >> EXO Short Fiction<< ALL X LAY #อี้ชิงเคะพอ [LuLay KrisLay HunLay KaiLay ChanLay]

    ลำดับตอนที่ #3 : >>3

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 56


     Title : ใกล้...
    Cast : [exo] LULAY
    Director : DRL
    Summary: ความใกล้ชิดไม่ได้ทำให้ความรักเปลี่ยนไป แม้สถานะจะเท่าเดิม....

     

     

                เคยรู้สึกบางไหม.... บางสิ่งที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจกั้นไว้ แต่ในความรู้สึก มันกลับอยู่ห่างกันแสนไกลเหมือนไม่มีวันจะเชื่อมต่อถึงกัน





                ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นสูดอากาศเข้าให้เต็มปอด ลมหายใจร้อนผลัดกันเข้าออกแรงๆเป็นจังหวะด้วยความเหนื่อยหอบ ดวงตาคู่สวยใต้แผงขนตายาวหนาสีน้ำตาลเข้มสอดสายไปมาทั่วห้องซ้อมเพื่อมองหาร่างของใครคนหนึ่ง การกระทำนี้ติดเป็นนิสัยของเจ้าของใบหน้าน่ารักด้วยทุกครั้งไม่ว่าจะเวลาไหนใน ที่ที่ใด เขามักจะคิดถึงและคอยเป็นห่วงใครคนนั้นเสมอมา

                ดวงตาโตของลู่หานสะดุดเข้ากับร่างของคนที่มองหาตรงหน้ากระจกหลังห้องซ้อม ร่างสมส่วนที่ติดจะตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อยกำลังซ้อมท่าเต้นส่วนของตนอยู่เงียบๆคนเดียว ผิวขาวจัดทว่ากลับซีดกว่าที่เคยมีหยาดเหงื่อเกาะพราวไปทั่วรวมไปทั้งเสื้อกล้ามที่สวมอยู่ก็เปียกชุ่มไปหมด ใบหน้าหล่อติดจะสวยละมุนของคนหักโหมมีสีหน้าที่ดูไม่ดีเอาซะเลย ยิ่งเรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนเป็นปมนั้นแล้วด้วยยิ่งทำให้ลู่หานเป็นห่วงกับสภาพร่างกายของคนตัวขาวนี้ขึ้นไปอีก          เอาอีกแล้วอี้ชิง ฝืนตัวเองอยู่อีกแล้ว         

                “จาง อี้ชิง....” เสียงหวานกับสัมผัสเย็นวาบที่แนบอยู่ข้างแก้มขาว ทำให้อีกคนที่มัวแต่นั่งหอบหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องซ้อมถึงกับสะดุ้งเฮือก ใบหน้าซีดเงยขึ้นไปตามมือสวยที่ถือกระป๋องน้ำอัดลมไปจนรู้ว่าใครเป็นเจ้าของมัน

                “ ลู่หาน” มือขาวรับกระป๋องน้ำอัดลมมาเปิดแล้วยกดื่มทันทีด้วยความกระหาย

                “ ก็ใช่หน่ะสิ นายคิดว่าใครกันหล่ะ” ลู่หานทิ้งตัวนั่งลงข้างๆอี้ชิง มองใบหน้าและท่าทางของคนตัวขาวที่ยกน้ำอัดลมดื่มเอาอึกใหญ่ๆแบบไม่กลัวสำลักกันเลยทีเดียว

                “ ค่อยๆกินสิ เดี๋ยวสำลักหรอก....”

                “ อึก!!! แค่ก... แค่กๆๆ” พูดไม่ทันจะขาดคำดีคนตัวเล็กกว่าก็สำลักทันทีด้วยแก๊สที่ผสมในกระป๋องตีขึ้นจมูก อี้ชิงสำลักตัวโยนน้ำหูน้ำตาไหล ไอโขกจนหายใจแทบไม่ทัน มือเรียวลูบหลังลูบไหล่น้องรักอย่างเป็นห่วงแต่ก็อดขำไม่ได้ ทั้งที่เตือนไปไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ

                “ หึหึหึ  บอกแล้วให้ค่อยๆกิน” เสียงดุเข้มๆไม่จริงจังนักถูกส่งไปให้คนสำลักที่ตอนนี้นอนตะแคงไอจนตัวงอไปกับพื้นห้องซะแล้ว

                “ แค่กๆ แฮ่ก แฮ่ก ก็ .....ก็นาย ทำ ฉัน ขำอ่ะ” เสียงงอนๆไม่ประติดประต่อ ของอี้ชิงพูดขึ้นอย่างยากลำบาก อี้ชิงลุกขึ้นนั่งหอบหายใจแรงๆ แล้วหันไปยิ้มให้อีกคนจนตาแทบปิด

                “ เฮ้อ.... สำลักจนเกือบขาดอากาศตาย  เพราะนายเลยเสี่ยวลู่” อี้ชิงตีไหล่ของอีกคนเบาๆเหมือนเป็นการเอาคืน คนตัวซีดหัวเราะชอบใจที่ได้เอาคืนพี่คนสนิทหน้าหวานข้างๆโดยไม่ได้รู้เลยว่าพี่ชายร่างโปรงข้างๆนิ่งมองเขาด้วยสายตาแบบไหน

     

                อี้ชิงไม่เคยรู้เลยว่า รอยยิ้มสวยกับลักยิ้มที่บุ๋มอยู่บนสองข้างแก้มขาวของเขามันมีอิทธิพลต่อลู่หานขนาดไหน ....จริงๆแล้วไม่ใช่แค่รอยยิ้มหรอก แต่เป็นจางอี้ชิงต่างหากที่มีอิทธิพลต่อชีวิตลู่หาน ไม่ว่าจะอะไรขอแค่เป็นอี้ชิงคนนี้ ก็สามารถทำให้เค้าปั่นป่วนได้ นานเท่าไรกันแล้วที่เค้าเอาแต่คอยดูแลเด็กดื้อคนนี้กัน

     

                “สวัสดี ฉันชื่อจางอี้ชิง” รอยยิ้มหวานสวยและรอยบุ๋มข้างแก้มที่เป็นเอกลักษณ์ จากคนตรงหน้าช่างดูชวนให้อบอุ่นหัวใจอย่างหน้าประหลาด

                “ หวัดดี ฉันลู่หาน” เด็กหนุ่มตอบกลับไปพร้อมๆกับร้อยยิ้มของตน มันเหมือนกับต้องมนต์ที่ตาโตน่ารักนั่นไม่สามารถละสายตาออกจากดวงหน้าที่ดูละมุนละไม รอยยิ้มที่นุ่มนวลที่ส่งมาให้ก็ทำเอาในหัวเบาหวิวและอบอุ่นซะจนไม่อยากให้คนตรงหน้าหุบยิ้มเสียเลย

     

                นั่นเป็นความประทับใจแรกที่ลู่หานมีต่อจางอี้ชิง และยิ่งร่างโปรงได้อยู่กับอี้ชิงมากขึ้นก็ทำให้ได้รู้จักอี้ชิงมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ เจ้าตัวเป็นคนดื้อเงียบ ทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลา ไม่ชอบให้ใครเอาใจใส่เป็นพิเศษเพราะไม่ชอบให้ใครเห็นด้านอ่อนแอ ปากแข็ง และที่สำคัญชอบฝืนตัวเอง จะมีก็แต่ลู่หานนี่แหละที่อี้ชิงจะยอมปรึกษาทุกอย่างหรือระบายหลายๆเรื่องที่ไม่สบายใจให้ฟัง แต่ก็เพราะความไว้ใจอีกนั่นแหละ ที่ทำให้ลู่หานคนนี้ไม่อยากล้ำเส้นทำลายความไว้ใจนั้นด้วยความรักข้างเดียว

     

                “ แล้วจะกลับหอตอนไหน” ร่างโปร่งเอนหัวซบที่ไหล่ของคนอายุน้อยกว่า ดวงตาโตหลับพริ่มลงด้วยความเหนื่อยล้า

                “ กลับเลยมั๊ย? ท่าทางนายดูเหนื่อยมากเลย เป็นอะไรรึเปล่าเสี่ยวลู่?” เสียงใสเอ่ยถามอย่างห่วงใย มือขาวเล็กลูบเบาๆลงบนกลุ่มผมนิ่มของพี่ชายหน้าหวานช้าๆเหมือนปลอบประโลมและให้กำลังใจไปพร้อมๆกัน

                “ เหนื่อยมากเลยมั๊ย? พักก่อนก็ได้ ลู่หานดูแลฉันมาตลอด คอยให้กลังใจฉันมาตอลด ถึงคราวที่ฉันจะดูแลลูหานบาง” เลียงพูดเจื่อยแจ้วดังไปเรื่อยๆ ไม่ดังไป ไม่เบาไปราวกับบทเพลงขับกล่อม ปัดเป่าความเหนื่อยล้าให้ปลิวหายไป ความทุกในใจที่มีอยู่ค่อยๆละลายลงช้าๆจนหมดลง

                “ นั่นสิ กลับตอนนี้เลยดีกว่า เดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วงอีก” ลู่หานเงยหน้าขึ้นจากไหล่ขาวจ้องใบหน้าของอีกคนพรางยิ้มหวาน

                “ เด็กดื้อ” ริมฝีปากนุ่มทาบทับลงบนหน้าผากมนของอี้ชิงเบาๆอย่างทะนุถนอมเพียงชั่วครุ่แล้วผละออกลุกขึ้นไปเก็บของบนโต๊ะใส่กระเป๋าเป้สีครีมใบโปรดอย่างอารมณ์ดี

     

    อีกคนที่นั่งดูอาการของพี่ชายหน้าหวานก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆที่ยากจะเดาได้ของร่างโปรง แม้จะอยู่ด้วยกันมานานแต่ก็ไม่เคยจะเข้าใจสักทีว่าลู่หานคิดอะไรอยู่ คอยว่าเขาว่าดื้ออย่างนั้นอย่างนี้ แต่คนที่ทั้งดื้อทั้งรั้นหน่ะมันลู่หานต่างหาก

    “ อะไรอี้ชิง อมยิ้มมองฉันทำไม มีอะไรหน้าขำรึไง?” คนหน้าหวานเลิกคิ้วถามยิ้มๆ

    “ เปล่า แค่คิดว่าลู่หานต่างหากที่ดื้อ” คนตัวเล็กเดินไปเก็บกระเป๋าของตัวเองบ้าง

                “ ฉันดื้อตรงไหนกัน” เสียงนุ่มงึมงำยู่ปากใส่งอนๆ

                “ ก็ตรงนี้นี่แหละ ฮ่าๆๆๆ” มือเล็กเอื้อมไปจับปากยื่นๆของอีกคนอย่างหมันไส้ ลู่หานเป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่อยู่ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจความคิดของพี่ชายคนนี้แต่เขาก็มั่นใจว่าพี่ชายคนนี้หวังดีกับเขาเสมอ

                “นายกล้าแกล้งคนที่อายุมากว่าอย่างฉันหรออี้ชิง!!” ลู่หานคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายแล้วเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กทันที

                “ อะไรนายแกล้งฉันได้คนเดียวรึไง” อี้ชิงได้แต่หัวเราะเอิ้กอั้กกับท่าทางของพี่ชายหน้าหวาน

                “ มากไปแล้วจางอี้ชิง” ร่างโปรงจิ้มไปที่จมูกสวยเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะจับมือเล้กพาเดินออกจากห้องซ้อมไป

     

    “ ลู่หาน ฉันกำลังคิดอยู่นะว่าถ้าไม่มีนายคอยอยู่ข้างๆ ฉันจะมาถึงตรงนี้รึเปล่า” เสียงใสเอ่ยขึ้นแต่ใบหน้าสวยยังคงมองตรงไปตามถนนที่เดิน

    “ ไม่จริงหรอกอี้ชิง นายอาจจะเหนื่อย อาจจะท้อ แต่นายเข้มแข็งมากนะ นายมีสิ่งเป็นแรงผลักดันอยู่แล้ว ถึงไม่มีฉันนายก็สามารถลุกขึ้นเดินต่อไปเองได้” เสียงนุ่มตอบกลับ ใบหน้าหวานแต้มด้วยร้อยยิ้มละมุน ส่งสายตาอบอุ่นมาให้อีกคน

    “ทำไมหล่ะ นายคอยอยู่ข้างๆฉันเป็นกำลังใจให้ฉันตลอดนะ” อี้ชิงหันไปมองหน้าร่างโปรงข้างอย่างสงสัย

    “ ยิ้มสิอี้ชิง” เสี่ยงลู่หานสั่งขึ้นทันทีที่อีกคนหันมา คนความรู้สึกช้านิ่งไปครู่ก่อนจะคลี่ยิ้มสวยจนเห็นรอยบุ๋มที่แก้มอย่างชัดเจน อี้ชิงค้างยิ้มไว้สักครู่แล้วก็หุบลงอย่างลวดเร็ว

    “ ยิ้มแล้ว แต่ให้ยิ้มทำไมอ่ะ??” ใบหน้าขาวเอียงนิดๆอย่างไม่เข้าใจ

     

    ใบหน้าหวานเดินยิ้มไปเรื่อยๆไม่ได้ตอบอะไรออกมาอีก .....นายคิดว่าฉันคอยดูแลนายอยู่ข้างๆ นายเลยได้กำลังใจจากฉันหรออี้ชิง เปล่าเลย มันตรงกันข้ามต่างหาก ตอนแรกฉันก็คิดว่าอยากเป็นคนที่อยู่ข้างๆนายเวลาที่เหนื่อยไม่มีใครจะดูแลนายไปตลอด แต่ยิ่งฉันทำอย่างนั่น ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าคนที่ได้กำลังใจได้ความอบอุ่นใจคือฉัน ฉันมีความสุขได้เพราะนายกับรอยยิ้มของนาย อี้ชิงเป็นเหมือนโอเอซิส ทั้งร้อยยิ้ม ทั้งคำพูด ทั้งความห่วงใย มันทำให้ความเหนื่อยล้าละลายหายไปได้หมดจริงๆ.....  ลู่หานกับอี้ชิงเดินบนทางเท้าที่ใช้กลับหออยู่ทุกวัน ความมืดค่อยๆโรยตัวลงมาเรื่อยๆ ไฟบนเสาข้างทางที่ส่องสว่างเป็นระยะๆให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้มองเห็นทาง สองร่างที่เดินจับมือเคียงคู่ไปบนถนนเส้นเล็กที่ทอดยาวจนสุดตา

     

    แม้จะไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของคนทั้งสอง แต่รอยยิ้มบนใบหน้าทั้งคู่คงบ่งบอกได้ดีว่า พวกเขามีความสุขมากเพียงใดในตอนนี้










    จบแล้วค่ะลู่เลย์

    คอนเสปจริงๆอยากให้ดูละมุนละไมนะคะ

    แต่ถ้าอ่านแล้วมันตะขิดตะขวงใจก็ขอโทษด้วย

    เราชอบพี่ลู่แบบนี้นะ ไม่ได้เป็นอะไรกับน้องแต่คอนดูแลน้องทุกครั้งที่มีปัญหา

    ติชมได้นะคะ เพราะเราว่าฟิคเราต้องแก้อีกหลายจุด555

                ขอบคุณที่ยังติดตามค่ะ

     

    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×