ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อไหร่ใจก็ตามหารัก

    ลำดับตอนที่ #2 : you got mail II (the end)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 49


    แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามหลังจากนั้นอีก 3 วัน  นุชก็ออกเดินทางตามที่ได้บอกไว้กับทุกคนและเมื่อส่งหญิงสาวขึ้นรถไฟไปแล้ว  ทั้งสามสาวก็มานั่งคุยกันที่ร้านอาหารเล็กๆด้วยความค้างคาใจว่าทำไมจู่ๆนุชถึงได้คิดจะเดินทางอีกครั้ง

                    " ไม่เข้าใจ  .. ไม่เข้าใจจริงๆนะ "  เนย่าเอาหลอดทิ่มน้ำแข็งในแก้วด้วยความหงุดหงิดในขณะที่แนทตี้เองก็ตักเค้กในจานกินแก้เซ็งจนหมดเป็นชิ้นที่ 2

                    " อะไรจะขนาดนั้นพวกเธอ " แอ๋วหัวเราะคิกกับอาการของเพื่อนทั้งสองที่กลัดกลุ้มจนยามกินไม่ได้นอนยามนอนไม่ได้กินขนาดนี้

                    " แอ๋ว  เธอรู้อะไรใช่ป่ะ  บอกเรามาเลยนะว่าทำไมพี่นุชถึงจะไปที่นั่นอีก  ไหนเจ๊แกบอกว่าจะไม่ไปเที่ยวแบบนี้อีกแล้วไง "  เนย่าหันมาเค้นคอถามแอ๋วที่ดูเหมือนว่าจะรู้อะไรมากกว่าที่ตนรู้

                    " ชั้นก็แค่เดาๆเอา  "   แอ๋วบอกแล้วถอนหายใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนมองเธออยู่  นี่ถ้าไม่บอกทั้งหมดคงไม่ได้กลับแน่ๆ

                    " โอเค  พวกเธอรู้ไหม  ใครส่ง E-mail มาให้พี่นุชในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา "   แอ๋วตั้งประเด็นถาม  แต่ก็ไม่มีใครตอบ  เธอจึงตั้งประเด็นใหม่

                    " เธอจำได้ไหมว่า  พี่นุชบอกพวกเราเรื่องภาพที่ส่งมาจาก  E-mail  นั้นยังไง "  คราวนี้เนย่ายกมือแล้วตอบ

                    " จำได้  พี่นุชบอกว่าเป็นภาพท้องฟ้า   ทุ่งหญ้าที่ล้อตามลม   ฝนสีทอง   แล้วก็ .... "  ใบหน้าสวยทำท่าคิดแล้วหันไปหาแนทตี้ที่นั่งคาบช้อนอยู่

                    " แล้วรูปอะไรอ่ะ "

                    " หัวใจมั้ง  หัวใจที่ไม่มีสี  ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรเหรอแอ๋ว "  แนทตี้ตอบแล้วหันมาถามแอ๋วที่นั่งยิ้มอยู่

                    " แล้วรู้หรือเปล่าว่า   เมลสุดท้ายคืออะไร "

                    สองสาวส่ายหน้าไม่รู้   แอ๋วยิ้มแล้วหยิบการ์ดใบหนึ่งออกจากกระเป๋าของเธอส่งให้เพื่อนๆดู

                    " การ์ดนี่ไง "  

                    " แล้วรู้มั้ยว่า   ใครคือ  Mountain "  ไม่มีคำตอบจากปากสองสาวอีกครั้ง 

                    " คนนั้นของพี่นุชชื่ออะไร "  แอ๋วใบ้ปริศนาคำ   เนย่าและแนทตี้ทำท่าคิดก่อนที่จะทำตาโต  อ้าปากค้าง   ทำท่าชี้หน้าเหมือนพิธีกรรายการชื่อดัง   แอ๋วหัวเราะคิกกับท่าทางขำๆนั้น 

                    " ไม่แน่นะ  กลับมาคราวนี้  เราอาจจะได้พี่นุชคนเดิมมาก็ได้ " แอ๋วบอกด้วยดวงตาที่พราวระยับในขณะที่สองสาวมองหน้ากัน  ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเนย่าเอ่ยขึ้น

                    " งั้นก็น่ากลัวนา  ถ้าเจ๊นุชกลับมาเป็นคนเดิม  โหดเรียกแม่เชียวนะ "

                    เสียงหัวเราะของทั้งสามคนดังลั่นร้านก่อนจะรีบปิดปากเมื่อเห็นคนในร้านมองมา   แนทตี้ทำท่าเหมือนจะลำลักขนมเมื่อประสานสายตาเข้ากับใครคนหนึ่งที่นั่งห่างออกไปแต่แล้วก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการดึงขนมอีกชิ้นมาตักกิน  แล้วไม่ยอมมองไปทางนั้นอีกครั้ง   เนย่าเองก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังเจ้าหล่อนรีบกดรับแล้วขอตัวออกไปข้างนอกเช่นกัน   ทำให้แอ๋วที่เฝ้ามองอากัปกิริยาแปลกนั้นๆได้แต่หัวเราะคิก  อีกไม่นานเธอจะได้พี่สาวคนเดิมกลับมา  แต่เพื่อนทั้งสองของเธออาจจะเปลี่ยนไปแทนก็ได้กระมัง  

                    แอ๋วเหม่อมองออกไปนอกกระจกอีกครั้ง  วันนี้ท้องฟ้าสดใส  เหมาะแก่การเดินทางจริงๆ  หวังว่าพี่สาวของเธอคงจะปลอดภัยและได้พบกับชีวิตใหม่และประตูทางออกจากวังวนของความเศร้าเสียที

     

                                                    ************************************************************

                   

                    เสียงจอแจของผู้คนที่สถานีรถไฟเริ่มซาลงหลังจากที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน   แต่หญิงสาวคนหนึ่งก็ยังคงนั่งอยู่ที่นั่งพักของผู้โดยสาร  ราวกับกำลังชั่งใจ ในมือของเธอมีการ์ดที่ถูกปรินส์ออกมาจากคอมพิวเตอร์   การ์ดที่ถูกส่งมากับ  E-mail  ฉบับสุดท้ายของ  Mountain

                    การ์ดสีขาว  ที่มีภาพและข้อความใต้ภาพเรียงตามยาวลงมาเหมือนกับหัวข้อภาพของ  E-mail  ที่ส่งมาให้เธอ

     

                    ภาพท้องฟ้าอันงดงาม   กับข้อความใต้ภาพว่า   ...  ท้องฟ้าสีคราม ....

                    ภาพทุ่งหญ้ากว้างที่เอนลู่ตามลม  กับข้อความกำกับ   ...  สายลมสีเขียว ...

                    ภาพสายฝนที่ตกปรอยๆมองผ่านกรอบหน้าต่างเห็นเป็นสีทองด้วยสะท้อนแสงแดดที่ส่องผ่านลงมา  กับคำว่า  ...  สายฝนสีทอง ...

                    และ  .... รูปหัวใจ   ที่ภายในไร้สีสรร  นอกจากกรอบสีชมพูเท่านั้น   และถ้อยคำของภาพนั้นก็คือ   ....  แล้วหัวใจสีอะไร ...

     

                    ดวงตาคู่สวยกวาดมองลงด้านล่างใกล้ขอบกระดาษอีกครั้ง  ข้อความที่ทำให้เธอรู้ว่าใครส่งภาพและการ์ดมาให้  และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางมาที่นี่   มายังสถานที่ที่เป็นความทรงจำอันเจ็บปวด  ความทรงจำของการลาจากในวันนั้น

                   

                    ...  ดอยอินทนนท์    20  ต.ค.  2547  ....

     

                    คงไม่มีความหมายอะไรกับข้อความนั้น  ถ้าหากวันเวลาและสถานที่นั้นไม่ใช่วันที่เธอต้องร้างลาจากคนรัก  วันที่เธอตัดสินใจถอยห่างจากเขาทั้งที่ยังผูกพันกัน  และเธอก็เลิกท่องเที่ยวไปโดยสิ้นเชิง

                    " คุณจะรอชั้นอยู่ที่นั่นใช่ไหม "  เธอถามฝากลมไปหาเจ้าของการ์ด  ก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อหารถรับจ้างที่จะพาเธอไปยังจุดหมายที่รออยู่   เธออาจตัดสินใจผิดที่มาที่นี่  แต่นี่อาจจะเป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอปัดเป่าหมอกควันที่ปกคลุมหัวใจมาเนิ่นนานก็เป็นได้

                    และในที่สุดหญิงสาวก็ได้กลับมาเหยี่ยบลงบนแผ่นดินของภูเขาสูง  ส่วนที่สูงสุดของประเทศอีกครั้ง  หากแต่ครั้งนี้เธอกลับมาอย่างเดียวดาย  ผิดจากครั้งก่อนที่มา  หญิงสาวเดินสำรวจไปตามเชิงเขาอย่างเพลิดเพลินกับธรรมชาติจนกระทั่งถึงจุดชมวิว  ที่ศาลาพักนั้น  ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้เธอ  และเหม่อมองออกไปยังเบื้องหน้า   หัวใจของนุชเต้นไม่เป็นส่ำ  สองมือกำแน่นด้วยความตื่นเต้น  พยายามบอกให้ตัวเองใจเย็นๆ  แต่จริงๆแล้วเธอแทบจะกรีดร้องเพื่อระงับความรู้สึกด้วยซ้ำ 

                    เนิ่นนานแค่ไหนเธอไม่รู้  แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที  ชายหนุ่มร่างสูงเบื้องหน้าก็หันกลับมาประจันหน้ากับเธอแล้ว  พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่คุ้นเคยนั้น  เพียงเท่านั้น  น้ำตาที่อุ่นจัดก็ไหลลงอาบแก้มที่เย็นเฉียบอย่างไม่อาจกลั้นและเธอก็ปล่อยให้มันไหลอย่างนั้นโดยไม่คิดจะเช็ดออก จนกระทั่งร่างสูงขยับเข้ามาใกล้และเป็นฝ่ายเช็ดน้ำตานั้นให้

                    " ขี้แยเหมือนเดิมนะ " น้ำเสียงทุ้มอันแสนคิดถึงดังแผ่วยิ่งทำให้น้ำตาไหลทะลักมากขึ้นราวกับมันถูกกักเก็บไว้มานานแสนนาน   ร่างบางสั่นด้วยแรงสะอื้นจนคนร่างสูงต้องดึงคนขี้แยเข้ามาประคองกอดไว้แนบแน่น  ไม่ต้องมีคำพูดอื่นใด  ไม่ต้องมีคำปลอบโยนใดๆ  ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก  เพียงเท่านี้ก็พอแล้วสำหรับคนสองคนที่รักกัน 

                    " ผมดีใจที่คุณมา  อย่าห่างกันอีกเลยนะ "  อ้อมกอดแกร่งที่โอบรัดแนบแน่นและน้ำเสียงทุ้มสั่นเครือ  เจ็บปวดและทุกข์ทนกับการจากลามานานทำให้ร่างในอ้อมกอดยิ่งสั่นสะอื้น  แขนเรียวยกขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้างแน่นเท่าที่จะมีแรงทำได้  สัมผัสอบอุ่นแทนคำตอบได้ชัดเจน   การลากจากทั้งที่รักช่างแสนทรมาน   จบสิ้นกันเสียที  เมื่อรักแล้วทำไมต้องแยกทางกัน  เมื่อรักแล้วทำไมต้องเจ็บปวด  นานเกินพอแล้วกับความรู้สึกอันแสนทุกข์ทน  จบสิ้นกันได้แล้ว

                    " แล้วงานของคุณ .. "  ใบหน้าสวยเงยขึ้น  น้ำตายังเปรอะแก้ม 

                    " ผมยื่นข้อเสนอไปแล้ว  ว่าผมจะทำงานที่นี่  ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ  อยู่กับหัวใจและวิญญาณของผม ผมดีใจที่คุณรู้ว่าเป็นผมที่ส่งเมลมาให้ "   ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆเมื่อร่างในอ้อมกอดทำท่าฮึดฮัด 

                    " จะไม่รู้ได้ไง  ตั้งชื่อซะตรง  ตาบ้า หัดทำอะไรให้มันโรแมนติกหน่อยสิ "  เสียงกระเง้ากระงอดทำเอาชายหนุ่มหัวเราะลั่น  นั่นสินะ  แต่มันก็เป็นนิสัยของเขา  ที่ตรงไปตรงมาเหมือนกับธรรมชาติ  ที่ไม่ยอมเจือแต่งอะไรทั้งสิ้น

                    " ก็สมกับเป็นผมไง  Mountain  กับ ภูผา  เท่ห์ดีออก  แถมคุณก็เข้าใจด้วย "  เสียงทุ้มบอกพร้อมกับหัวเราะก่อนจะอุ้มร่างในอ้อมกอดเหวี่ยงไปมา  เสียงหัวเราะของสองหนุ่มสาวดังประสานกันอย่างมีความสุข  หัวเราะเสียให้พอกับที่ต้องทนอยู่อย่างไร้หัวใจมานับปี   หัวเราะให้สมกับที่ต้องจากกัน 

     

                                    *****************************************************************************

     

                    " โอ้ย  คนเรานะ  น่าอิจฉา  พอคืนดีกับแฟนได้ก็ทำตัวหน่อมแน้มเชียว "  เนย่าเอ่ยแซวหญิงสาวที่นับวันก็สดชื่นมากขึ้น  คุยมากขึ้น  และสวยมากขึ้นด้วย

                    " แน่นอนสิยะ  ยายเน  ใครจะเหมือนเราล่ะ  ป่วนไปวันๆ  เอ้าไปเก็บทางนู้นด้วย  แอ๋ว  มาเก็บแก้วทางนี้ด้วยนะ "  นุชเขกหัวกลมๆของเนย่าไปหนึ่งทีก่อนจะตะโกนเรียกแอ๋วที่ยังอยู่อีกด้านของร้าน 

                    " อู๊ยยย  เจ็บ  เจ๊มือหนักกว่าเดิมอ่ะ " เนย่าโวยวาย  พร้อมกับเอียงหัวให้แนทตี้ดูว่าปูดมากแค่ไหน 

                    " เจ๊  ว่าแต่เฮียภูผาจะกลับมาอีกเมื่อไหร่อ่ะ " แนทตี้เอานิ้วจิ้มรอยปูดบนหัวเนย่าจนร้องจ๊าก  หันไปถามนุชที่กำลังเช็คเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่

                    " ปีหน้าจ้ะ  เห็นว่าจะกลับไปเคลียร์งานก่อน "  นุชยิ้มตอบ  ตอนนี้เธอทำใจได้แล้วกับการที่คนรักจะต้องไปทำงานต่างประเทศแบบนี้  ทั้งที่ตอนแรกเธอต่อต้านจนกระทั่งต้องเลิกรากันไปแม้ว่าจะยังรักกัน  แต่เธอก็ยังโชคดีที่ยังมีโอกาสได้กลับมาแก้ตัวอีกครั้ง

                    " นี่ละน๊า  คนเราคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันขนาดว่าเลิกกันไปตั้ง 2 ปีกว่าแล้วยังกลับมาหากันได้  เฮียภูผาเองใช่ว่าจะขี้เหร่ทำไมไม่มีใครสนหว่า   หรือว่า .... "  เนย่าทำตาเหล่มาทางนุช  

                    " หรือว่าอะไร "  สามเสียงประสานถาม  เนย่าหัวเราะก่อนจะถอยกรูดไปอยู่ไกลๆเพื่อป้องกันอันตราย

                    " หรือว่าเจ๊จะเล่นคุณไสย์น้ะสิ  อ๊าาาา "  เสียงแหลมร้องกรี๊ด  เมื่อโดนปาด้วยยางลบก่อนจะวิ่งหนีโดยมีนุชวิ่งไล่  แอ๋วกับแนทตี้ได้แต่หัวเราะกับการวิ่งไล่จับยามดึกของสองสาว   แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นสิ่งที่น่ายินดีกว่าที่นุชคืนดีกับคนรักได้นั้นสำหรับแอ๋วก็คือ   การที่ได้เห็นรอยยิ้มของนุชอีกครั้ง   และครั้งนี้เธอมั่นใจว่า  รอยยิ้มนั้นจะไม่หายไปเหมือนสองปีก่อนแน่ๆ

                    " แล้วตกลงพีนุชได้คำตอบหรือยังว่า   หัวใจของพี่นุช  สีอะไร "  แอ๋วเอ่ยถามทำให้นุชที่จับเนย่าได้แล้วต้องชะงัก  ทำให้เนย่าหลุดไปได้   หญิงสาวทำท่าคิดแต่ไม่ยอมตอบ 

                    " ไม่บอกหรอก  ความลับ "  นุชยิ้มก่อนจะหันไปวิ่งไล่เด็กซนต่อแต่แล้วเสียงสัญญาณบางอย่างก็ดังขึ้น  ทำให้เธอต้องรีบวิ่งกลับไปที่คอมพิวเตอร์

                    ติ๊ดดด

     

                                                    ......  You  got  mail  ...

     

                    แก้มเนียนใสแดงเรือ    ทำให้สามสาวทำตาโตยิ้มกริ่ม  รู้ทันทีว่าใครส่งมา  แต่เมื่อทำท่าจะมาขอมีส่วนร่วมด้วยก็โดนสายตาสวยดุมองจ้องมาเสียก่อนทำให้ต้องทำไม่รู้ไม่ชี้ทำงานไป  แต่ก็ไม่วายเลียบๆเคียงๆมาใกล้ให้โดนดุกันอีกจนได้

                    นุชถอนหายใจเหนื่อยๆเมื่อไล่แม่สาวซ่าส์ทั้งหลายกลับไปได้  หญิงสาวปิดร้านก่อนจะเดินมาที่คอมพิวเตอร์  แล้วยิ้มเมื่อนึกถึงคำถามของแอ๋ว

                    ....  ตกลงได้คำตอบหรือยังว่า  หัวใจของพี่นุช  สีอะไร  ....

                   

                    " นั่นสินะ  สีอะไรน๊า "  หญิงสาวรำพึงกับตัวเองก่อนจะคลิกเมาส์เข้าไปอ่านเมลล์อย่างมีความสุข    หัวใจของเธอสีอะไรอย่างนั้นเหรอ  นั่นสินะ   หญิงสาวคิดเล่นๆ  ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นข้อความในเมลจากคนรัก  

                    " ตาบ้า !! "  นุชบ่นคนรักก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป  สำหรับคนอื่น  อาจต้องการได้ยินเสียงคนรักตลอดเวลา  หรืออยากอยู่กับคนรักตลอดเวลาเหมือนเธอเมื่อสองปีก่อน  แต่วันนี้  ตอนนี้  ขอแค่ได้อ่านข้อความจาก  E-mail  ของเขาทุกวัน  เพียงแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว  ขอเพียงทุกวันได้ยินสัญญาณนี้   และข้อความนี้   เธอก็เต็มตื้นในหัวใจ  ขอแค่นี้ก็มีกำลังใจที่จะเฝ้ารอคนรักกลับมาเคียงใกล้   และกับคำถามที่ว่า  หัวใจของเธอนั้นสีอะไร   ก็ยังเป็นคำถามที่เธอเองก็ยังค้นหาคำตอบอยู่เหมือนกัน  เพราะความรักก็เปรียบเหมือนสีสรรที่มาแต่งแต้มหัวใจ  บางครั้งก็สีสดใส  แต่บางครั้งก็สีออกทึม   แล้วแบบนี้จะให้บอกได้ยังไงว่าหัวใจของเธอสีอะไร   รู้แต่ว่า  นับวันๆ  หัวใจของเธอจะยิ่งดวงโตและสดใสมากขึ้นๆ  ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงสัญญาณจากเครื่องคอมพิวเตอร์  และข้อความแจ้งเตือน

     

                    ติ๊ดดด

                                                    ......  You  got  mail  ...

     

                    แค่นี้  ก็แทบอยากจะหาสีอะไรก็ได้ที่ทั้งสวย  สดใสและสว่างอบอุ่นมาเทระบายให้เต็มดวงใจดวงนี้เลยทีเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×