คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : นางฟ้าหน้าใส..ในที่ไม่คุ้นเคย
ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่ารอบ ๆ กายสงบนิ่งลงแล้ว แสงสว่างทอเข้ามาผ่านเปลือกตาซึ่งเป็นวัตถุโปร่งแสงทำให้ผมเห็นแสงสว่างรำไรเลยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น โดยไม่รู้ว่าผมจะเจออะไรบ้างจากเหตุการณ์ที่ผมประสบมา หน้าผมจะยังหล่ออยู่รึเปล่า แต่พอลืมตาขึ้นผมกลับต้องเอามือมาป้องตาไว้ เพราะแสงสว่างมันจ้ามาก ตาของผมคงยังไม่ชิน ผมเลยหยีตาใหม่และค่อย ๆ เปิดขึ้นอีกครั้งอย่างช้า ๆ และทุกสิ่งที่ผมเห็นก็คือสีขาว สีขาว..... แล้วก็สีขาว แม้ผมจะปรับองศาการมองไปทางไหนก็ตาม ผมพยายามเพ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่สายตาจะทำได้แต่ไม่พบสิ่งไหนนอกจากความเปล่าว่างและ...สีขาว ผมไม่กล้าจะเหยียบย่างเท้าไปทางไหน เพราะหากมีหลุมมีบ่ออยู่ผมได้หล่นลงไปนอนเอ้งเม้งแน่ ๆ ต้นไม้ก็ไม่มีสักต้น นกก็ไม่มีสักตัว คนก็ไม่มีสักคนอ้อไม่สิมีผมนี่ไง ไม่น่าเชื่อว่าความว่างเปล่าช่างน่ากลัวขนาดนี้ ระแวงไปหมดว่าต้องเจออะไรรึเปล่า กลัวอันตรายที่แอบซ่อนอยู่ ไม่อาจมองเห็น หรือจะเป็นเพราะใจผมจินตนาการไปเองความกลัวถูกสร้างขึ้นด้วยตัวเราเองนี่แหละ แต่นี่ไม่ใช่เหรอสิ่งที่ผมต้องการหนี หนีมาจากทุกคน ทุกสิ่ง ทุกอย่างมันก็คงต้องอยู่กับความว่างเปล่าอย่างตอนนี้ แต่....คิดไปคิดมาผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?? ผมเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์ ผมขับรถมา แล้วก็
.
“นี่!! มายืนอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไปรวมกับคนอื่นสิ เราเสียเวลามามากแล้ว”เสียงใสฟังดูกังวาลทำให้ผมต้องสะดุ้งหลุดจากภาพในหัว ผมหันไปตามเสียงก็พบกับสาวน้อยหน้าหวานผิวของเธอดูขาวผ่องราวกับหิมะ ไม่สิดูเหมือนตัวเธอมีอ่อร่าเปล่งออกมามากกว่าสีขาวนวลเปล่องอยู่รอบ ๆ ตัว ผมหยักโศกนิดหน่อยรับกับปากนิด จมูกหน่อยอย่างลงตัวทีเดียว ดวงตาสีฟ้าใสราวเกล็ดน้ำแข็งจ้องผมเป็นประกาย ในมือถืออะไรสักอย่างเหมือนไม้คฑาสีฟ้าที่ผมเห็นในนิทานบ่อย ๆ ผมหยุดชะงักเมื่อเห็นวงแหวนสีนวลที่ลอยเป็นอิสระจากศรีษะที่ปกคลุมด้วยผมดำขลับราวเส้นไหม มันไม่มีอะไรเกี่ยวไว้จริง ๆ นะ ยังผมยังแปลกใจไม่พอ สายตาผมไล่เรื่อยเมื่อเห็นบางอย่างโผล่จากด้านข้างของเธอ ผมหลุดมาอยู่ในละครเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า??
“จะยืนอยู่อีกนานมั้ย คนอื่น ๆ เค้ารออยู่” ใครรอผม ป๊า ม๊า เหรอ ผมหันซ้ายหันขวามองหาก็ไม่เห็นมีใครสักคนนอกจากพวกที่เดินเรียงแถวกันอยู่ข้างหน้า ผมไม่เห็นจะรู้จัก แล้วโผล่มาตอนไหนเพิ่งเห็น
“นี่เล่นละครเวทีเรื่องอะไรกันอยู่ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผมเริ่มจะอยากรู้ความเป็นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากสิ่งที่งอกออกมาข้างหลังของเธอ เหมือนของจริงมาก ๆ แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา
“สงสัยอะไรหนักนากะแค่ปีก” หือ....เธอรู้ได้ยังไงว่าผมสงสัยเรื่องปีก
“555 รู้ด้วยเหรอว่าฉันคิดอะไร เล่นกลอะไรอยู่เนี่ย สอนฉันบ้างนะ เก่งจัง”นี่ผมมาเจอแม่สาวนักมายากลเข้าแล้วเหรอเนี่ย
“ไม่ได้รู้ตัวเลยนะ”เธอพูดอะไรแปลก ๆ แล้วก็เดินตรงเข้ามาหาผม พร้อมกับแกว่งไม้ที่อยู่ในมือ
วิ้ง~
.
.เสียงที่ดังออกมาเมื่อเธอวาดอุปกรณ์ในมือไปในอากาศเหมือนเสียงกล่องดนตรีเล็ก ๆ แผ่วเบา ทำอะไรของเธอ??
“นายกอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล อายุ 21 ปี เป็นลูกชายคนที่ 3 มีพี่น้อง 5 คน ที่สำคัญเพิ่งอกหักมาหมาด ๆ “ ผมอึ้งกิมกี่กะอีแค่เอาไม้แกว่งไปมา เธอรู้เรื่องของผมซะขนาดนี้ ที่สำคัญเรื่องอกหักน่าอายชะมัด
“ถึงเธอจะเล่นกลได้ แต่เธอไม่ควรจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่นขนาดนี้นะ” ผมแหวใส่ด้วยความโมโห บวกกับความรู้สึกเสียหน้า
“เรารู้เยอะกว่านี้อีก เราไม่ได้เล่นกลกับท่านนะ แต่ที่ท่านมาเจอเราได้ เพราะท่านไม่มีลมหายใจแล้วต่างหาก”
“อะไรนะ!! ไม่มีลมหายใจ” ผมทวนคำและพยายามแปลความหมาย ไม่หายใจก็...ตาย แต่นี่ผมยังอยู่หนิ ยังยืนคุยกับเธอได้
“พูดอะไรของเธอ ใช่เรื่องที่จะมาพูดเล่นซะที่ไหนกัน” เธอสวยก็จริง แต่ผมว่าเธอชักจะเล่นแรงไปหน่อยแล้ว
“เราไม่ได้เล่นอะไรกับท่านทั้งนั้น ท่านตายแล้ว ท่านถึงมาอยู่ที่นี่ เรามารับวิญญาณพวกท่านตะหาก รวมถึงทั้งหมดนั่นด้วย” เอาอีกแล้วเธอรู้อีกแล้วว่าผมคิดอะไร ผมหันไปมองตามสายตาของเธอไปที่คนพวกนั้น ตายงั้นเหรอคงไม่ใช่เรื่องเล่น เพราะผมไม่คุ้นเคยกับสถานที่แปลก ๆ นี่เลย และไม่คิดด้วยว่าบนโลกเราจะมีแต่สถานที่ที่เป็นสีขาวโพลนแบบนี้
“ตาย งั้นเหรอ?? นี่ฉันตายแล้วจริง ๆ เหรอ “.ใบหน้าเรียวรูปไข่ตรงหน้าพยักหน้าเนือย ๆ อย่างรำคาญ ผมทรุดลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อเริ่มจะยอมรับถึงความจริง
“ความจริงมันเป็นเรื่องที่ยอมรับยากเสมอ แต่ยังไงมันก็คือความจริง ไปได้แล้ว” เธอเร่งผม จนผมต้องลุกตามคำสั่ง
“จะไปไหน??”รู้สึกว่าตอนนี้ผมมีคำถามมากจัง
“ก็ไปในที่ที่สมควรไป ตามมาเดี๋ยวก็รู้เอง”ผมยอมลุกขึ้นเดินตามเธอไป เพราะคงไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้ดีไปกว่านี้ ผมเดินไปรวม ๆ กับคนอื่น ๆ ที่มีอยู่ประมาณ 10 กว่าคน นี่ผมกำลังเดินอยู่กับผีใช่มั้ย จริง ๆ แล้วผมกลัวผีมาก แต่ยังไงคนเราก็ต้องเผชิญกับความกลัวอยู่วันยังค่ำ กลัวสิ่งไหนก็ต้องฝ่าสิ่งนั้นไปให้ได้ เหมือนผมที่กลัวตัวเองตอนนี้ แต่ผมก็ต้องอยู่กับตัวผมเอง บรื๋ออ!
ไม่น่าเชื่อผมเดินผ่านบริเวณที่มีแต่สีขาวโพลนนั้นมาได้ มันเริ่มจะเบาบางลงแต่กลับมีแสงสีทองสาดส่องลงมาเเหมือนส่องทางให้เดินตามไป ทุกคนเดินผ่านทะลุวัตถุสี่เหลี่ยมที่เป็นเหมือนกระจกผมเดาว่ามันคงเป็นประตู แต่ผมก็ยังลังเลที่จะก้าวไป เพราะผมกลัวชนคงจะหัวปูด
“นี่ก้าวเข้ามาสิ ท่านนี่เรื่องมากกว่าคนอื่น ๆ เลยนะ “น้องสาวคนสวยหันมาดุผมกราย ๆ
“ก็ฉันกลัวชน”ผมยังลังเลที่จะก้าว
“แล้วคนอื่นผ่านไปได้รึเปล่าล่ะ เดินมาสิ” ผมค่อย ๆ แหย่เท้าเข้าไปด้วยความลังเล แต่ไม่น่าเชื่อผมเดินทะลุมาได้ มันน่าตื่นเต้นจริง ๆ ในชีวิตจะทำได้อย่างนี้รึเปล่าเนี่ย แต่ผมไม่มีชิวิตที่จะทำแล้วนี่สิ แสงสีขาวหายไปหมด เหลือแต่ทางสีทองที่ทอดยาว ผมต้องตะลึงกับสิ่งรอบกาย ทุ่งหญ้าสีเขียวถูกระบายด้วยสีของดอกไม้นา ๆ ที่ผมไม่เคยเห็นผีเสื้อสีรุ้งบินกันว่อนไปหมด ต้นไม้ใหญ่เรียงรายอยู่ห่าง ๆ บางต้นออกผลสีแดงสด บางต้นโปรยกลีบดอกร่วงหล่นมาประดับพื้น ภาพสวยงามต่าง ๆ ทำให้ผมเดินจนเพลิน จนได้ยินเสียงสนทนากันผมจึงหันไปตั้งใจฟัง
“เป็นไงพริพริมงานแรก ราบรื่นดีรึเปล่า”
“แน่นอนอยู่แล้ว แล้วมารินล่ะเป็นยังไงบ้าง” ผมชะโงกหน้าจากแถวที่ยืนอยู่ไปมองอีกเสียงที่หวานใสไม่แพ้กัน ผู้หญิงผิวขาว(อีกแล้ว) ผมยาวตรงสีดำบ่งบอกบุคลิคอ่อนหวาน ทุกคนที่นี่มีปีกกับวงแหวนรึไงเนี่ย แต่จะแตกต่างตรงที่ปลายคฑาของเธอเป็นสีรุ้ง ผมคงเสนอหน้าเกินไป จนเธอรู้ตัวว่าผมมองอยู่ จึงหันมามองผมเลยรีบหลบเข้าแถวเดิมทันที สวยก็จริงอาจอันตรายก็ได้ ผู้หญิงสวยชอบทำให้ผู้ชายอกเดาะ(TT_TT)
“ขอบใจแทนพี่มาวินนะ ที่พริพริมรับอาสาไปรับดวงวิญญาณพวกนี้มาให้” ผมพอจะเดาได้ว่าคนไหนชื่อมารินหรือพริพริม แต่พวกเธอเป็นนางฟ้าจริง ๆ รึนี่
“ท่านมีคำถามมากเกินไปจนเราปวดหัวแล้วนะ รู้มั้ย” นางฟ้าพริพริมหันมาดุผมด้วยสายตาและน้ำเสียง นางฟ้าใจร้าย.....
“อ้าวพริพริม มาริน มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเชียว”เสียงทุ้มแบบพระเอกภาพยนตร์ที่พากษ์โดยทีมพากษ์พันธมิตรเพิ่มมาอีกเสียง ผมก็ไม่วายอยากรู้อีกเหมือนเคย ชายหนุ่มในชุดขาวสว่างไสวและมีวงแหวนมีปีก(เหมือนเคย) หน้าตาหล่อเหลาเหมือนเทพบุตร นี่ขนาดผมเป็นผู้ชายด้วยกันยังตะลึง เขาส่งส่ายตาคมมาซึ่งผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่ผมว่าน่ากลัวกว่านางฟ้าเป็นแน่
“ขอบใจนะพริพริมไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง”
“ค่ะพี่มาวิน วันนี้พริพริมสนุกมากเลย วันหลังมีอะไรให้ช่วยอีกก็บอกนะค่ะ” ทีพูดกับคนหล่อเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมว่าผมก็หล่อเหมือนกันนะ ทำไมไม่เห็นพูดยังงี้เลย
“งั้นมาริน กับพริพริมไปก่อนนะค่ะพี่มาวิน เดี๋ยวมารินต้องไปซ้อมวาดสายรุ้งต่อ” อ้าวไปกันแล้วผมจะทำยังไงล่ะเมื่อเห็นร่างบางสองร่างกำลังเดินไป ผมเลยออกเดินตาม
“พิชญะ นั่นกำลังจะไปไหน” ผมชะงักทันที นี่เรียกชื่อผมโดยไม่แนะนำตัวเองก่อนอีกแล้ว เสียมารยาทจริง ๆ
“เราชื่อมาวิน เป็นหัวหน้าของนางฟ้าฝึกหัดพวกนี้ เราขอโทษนะที่เสียมารยาท แต่เธอต้องตามเรามา” นางฟ้าฝึกหัด นี่นางฟ้าจริง ๆ เหรอเนี่ย (มีแบบฝึกหัดด้วย)
“เราจะไปที่ไหนกัน “ก็ผมมากับพริพริม แล้วนี่จะเอาผมไปไหนอีก
“พวกท่านต้องไปขึ้นทะเบียนก่อน ก่อนที่จะพิจารณาตามกรรมของแต่ละคน”ผมเดินคอตกตามแถวไปผ่านห้องโถงใหญ่โตจนดูเหมือนตัวผมกระจิ๊ดริ๊ดไปทีเดียว ผมต้องถ่ายรูปเหมือนตอนไปทำบัตรประชาชนรึเปล่านะ แต่กลับเหมือนมีทุกอย่างขึ้นบนหน้าผากของแต่ละคนอยู่แล้ว เทพมาวินจ้องไปบนหน้าผากของแต่ละคน แล้วแยกทุกคนผ่านแต่ละประตูไป จนมาถึงผมที่อยู่ท้ายแถว นี่ผมต้องไปลงนรกขุมไหนรึเปล่านะ เทพองค์นี้จ้องผมนานมากเหมือนไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง
“พิชญะ เชิญเธอทางนี้ก่อน” สีหน้าที่ดูเหมือนบ่งบอกความกังวลทำให้ผมได้แต่เดินตามไปอย่างงง ๆ นี่ผมถูกแยกให้ไปในที่ที่ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เพราะผมตายโดยยังไม่ได้แต่งงานรึเปล่านะ
“พริพริมมาหาพี่หน่อยสิ” มาวินหลับตาแล้วเอ่ยชื่อนางฟ้าพริพริมหน้าใส ดีจริง ๆ เลย ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ให้สมองถูกทำลายด้วยรังสี นี่ถ้าไมค์มาที่นี่ไมค์ต้องชอบแน่ ๆ เพราะน้องชายผมเหมือนมีพลังจิตตลอดไม่ชอบพูดชอบคุยแต่ชอบสื่อสารด้วยโทรจิตผ่านสายตาดุ ๆ ใส่ผมประจำ ไม่กี่อึดใจก็มีสายลมเย็นก็พัดมาพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ร่างของนางฟ้าพริพริมก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าผม โหถ้าโลกมนุษย์เป็นอย่างนี้ก็ดีสิจะได้ประหยัดน้ำมัน เธอหันมามองผมอย่างสงสัยก่อนจะเดินตรงไปยังมาวิน
“ค่ะพี่มาวิน”
“ตามพี่มานี่ พี่มีเรื่องจะคุย พิชญะเธอรออยู่ที่นี่สักครู่”พริพริมหันมามองผมเหมือนผมไปสร้างเรื่องอะไรสักอย่างไว้ แต่ก็ยอมเดินตามบุรุษหล่อเหลาข้างหน้าไป ที่ห้อง ๆ หนึ่ง ผมเขยิบ ๆ เข้าไปจนหูแนบประตู เพื่อฟังเสียงที่ดังอยู่ข้างใน แต่ดีที่ประตูไม่ปิดสนิทจนผมมองเห็นภาพข้างในได้บ้าง
“พริพริมรู้รึเปล่า ทำอะไรลงไป”เสียงสุขุมตั้งแต่ทีแรกกลายเป็น ติดหงุดหงิดเมื่ออยู่กันลำพังกับพริพริมนี่เค้างอนอะไรกันรึเปล่านะ
“ค่ะ??”
“เจ้าไปดูนั่นสิ พี่ว่าเจ้ารับวิญญาณมาเกินดวงนึงนะ”
“จริงหรือค่ะพี่มาวิน คงไม่ใช่”นางฟ้าหน้าหวานของผม มีท่าทีร้อนรน วิ่งไปดูสมุดที่ลอยอยู่ตรงอากาศ
“ใช่ พิชญะนั่นแหละ เค้าไม่มีรายชื่อในสมุดเก็บวิญญาณ” อะไรนะ ผมไม่มีรายชื่อในนั้น แล้วผมต้องไปที่ไหนกันแน่
“จริงหรือค่ะพี่มาวิน “เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“พี่มาวิน พริพริมขอโทษ” สีหน้าหนักใจของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย
“เรื่องใหญ่แล้วละสิ ต้องรีบเอาเค้าไปส่งก่อนที่เค้าจะตายไปเสียจริง ๆ เพียง 7 วันหากเค้ายังกลับเข้าร่างไม่ได้ เค้าก็จะตายไปจริง ๆ เมื่อนั้นโทษของเจ้าจะไม่ได้รับการอภัย” ก่อนที่จะตายจริง ๆ งั้นผมก็ยังไม่ตายสิ ยัยนางฟ้าติงต๊องเอาผมมาได้ไงกัน
ความคิดเห็น