คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ทางเลือกที่ไม่คาดฝัน
“อ้าวกอล์ฟจะออกไปไหนแต่เช้าลูก” มือที่กำลังจับรองเท้าผ้าใบคู่เก่งของผมชะงัก หันไปยิ้มให้ผู้หญิงซึ่งสำคัญที่สุดที่ในครอบครัวของเรา
“กอล์ฟจะออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะครับม๊า” ผมเดินกลับไปหอมแก้มหม่าม๊า ก่อนจะเดินกลับไปใส่รองเท้าที่ชะงักค้างเมื่อสักครู่
“ออกไปกับพี่ข้าวล่ะสิ” เสียงยัยน้องสาวแสนแสบที่เดินลงมาจากชั้นบนดังขึ้นจนผมต้องทำปากจุ๊ ๆ เป็นเครื่องหมายบอกว่า หุบปากไปเลย หรือเงียบ ๆ หน่อย
“เป็นอย่างนั้นจริงรึเปล่า กอล์ฟ” หม่าม๊าถามเสียงเย็นจนชักเสียวสันหลัง ทำไมนะหม่าม๊าเหมือนกั๊ก ๆ อะไรไว้เหมือนจะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรผม ผมไม่เข้าใจเลย ตกลงเรื่องที่ผมคบกับข้าวหม่าม๊าคิดยังไงกันแน่
“กอล์ฟอย่าเพิ่งออกไป ขอม๊าคุยด้วยหน่อย” นั่นทำให้ผมต้องชะงักมือที่กำลังยัดเท้าได้รูปเข้าไปซุกในรองเท้าอีกครั้ง แต่แค่ชะงักเท่านั้น เพราะผมไม่ได้หยุดซะทีเดียว
“แต่กอล์ฟรีบฮะม๊า กลับมาค่อยคุยนะฮะ” ผมไม่รอฟังคำตอบเพราะถ้าคุยนานละก็ ข้าวต้องรอนานแน่เลย ยังไงหม่าม๊าก็อยู่ที่บ้าน กลับมาค่อยคุยก็ได้ผมเลยรีบสับเท้าถี่ด้วยความรีบ ไม่ได้สนใจเสียงหม่าม๊าที่เรียกอยู่ข้างหลังกลับตั้งหน้าตั้งตามุ่งตรงไปข้างหน้า จนมาถึงร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นของโปรดของผมที่นัดกับข้าวไว้ เจ้าของร้านคุ้นเคยกันดีเพราะผมแวะเวียนมาบ่อย ๆ
“สวัสดีค่ะกอล์ฟ วันนี้มาคนเดียวเหรอ นั่งมุมไหนดีค่ะ” เสียงหวานฟังแล้วสบายหูทำเอาผมยิ้มออกมาอย่างเกรงใจ
“ที่เดิมก็ได้ครับพี่ กอล์ฟมากับข้าว” ผมบอกแล้วเดินไปยังมุมที่ห่างจากสายตาคนทั่วไปนิดนึง เพราะผมเองก็เบื่อที่จะเป็นข่าว ดีที่พี่สาวใจดีเจ้าของร้านก็เข้าใจเราเหมือนกัน ผมนั่งใจลอยคิดอะไรได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องสะดุ้งเพราะแรงสั่นจากกระเป๋าเสื้อฮู๊ดที่ใส่อยู่
“มีอะไร เหรอไมค์” ผมถามเมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่ที่หน้าจอเป็นเบอร์ของใคร
{หม่าม๊า บอกว่าพี่กอล์ฟออกมาข้างนอก อยู่ไหนเหรอ}
“ก็อยู่ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่เก่า” อย่าบอกนะว่านายจะมาที่นี่
{งั้นเดี๋ยวไมค์ไปหา}
ตึ๊ด~ ~ ~
สายถูกวางไปแล้ว โดยไม่รอฟังคำตอบจากผมเลย ถ้าไมค์ถามหม่าม๊า ก็ต้องรู้ว่าผมออกมาเจอข้าว แล้วจะตามมาทำไมเนี่ย ผมโทรกลับไปหาแต่ก็ถูกกดสายทิ้งเหมือนจงใจ จะทำอะไรของเค้าอีก เวลาเค้านัดสาว ๆ ผมไม่เคยไปก้าวก่าย มาก็มา จะได้ชำระความทำผมอารมณ์เสียอยู่เรื่อย
“สวัสดีค่ะน้องไมค์ ทำไมใจตรงกับพี่ชายล่ะค่ะ” อ่อ มาถึงแล้วเจ้าตัวแสบ
“พี่กอล์ฟอยู่ไหนฮะ ไมค์จะมากินข้าวเป็นเพื่อน” ดูพูดไปได้ เวลานี้ไม่ได้ต้องการเพื่อนเข้าใจบ้างมั้ยเนี่ย
“นั่งอยู่มุมด้านในนะค่ะ ไหนบอกว่าจะมากับน้องข้าว กลายเป็นน้องไมค์ไปได้” พี่สาวเดินนำไมค์มาพร้อมกับคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบแล้วก็เดินกลับไปเมื่อรับเมนูของไมค์เรียบร้อยแล้ว
“นายมาทำไม หม่าม๊าไม่ได้บอกเหรอว่าพี่นัดกับข้าวไว้”
“บอก ก็เลยมา” ไมค์ตอบผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบมาก
“อะไรของนายกันเนี่ย”
“ก็ไม่มีอะไร ก็ไมค์มากินข้าวเป็นเพื่อนไง” ผมกำหมัดแน่นกะจะทุบไปสักป๊าบ แต่แรงสั่นของโทรศัพท์ก็เบรคไว้อีกที
“ข้าวเหรอ ถึงไหนแล้ว กอล์ฟถึงแล้วนะ” ผมกรอกเสียงตื่นเต้นใส่โทรศัพท์เมื่อรู้ว่าใครโทรเข้ามา แต่พอหันไปเจอหน้าคนข้างหน้า ผมก็ต้องหมุนตัวเองหันหลังให้ไมค์ ไม่อยากเห็นหน้ากวนตรีนของน้องชาย ที่นั่งเคาะตะเกียบเล่น
{กอล์ฟ ข้าวขอโทษนะ พอดีข้าวมีงานด่วนเข้ามา วันนี้ไปไม่ได้แล้ว}
“ กอล์ฟนึกว่าข้าวเคลียร์ธุระแล้วซะอีก แต่ถ้าข้าวติดธุระไม่นาน กอล์ฟรอได้นะ”
{ไม่ต้องรอหรอกกอล์ฟ วันนี้ทั้งวันข้าวไม่ว่างตลอดเลย}
“งั้นไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าก็ได้”
{ข้าวขอโทษนะกอล์ฟ ไว้เจอกันนะ}
“ได้ ครับ ไว้เจอกัน บาย” น้ำเสียงผมผิดหวังอย่างแรง หรือข้าวยังเคืองผมเรื่องเมื่อวาน แต่โอกาสน้อยมากที่จะได้เจอกันกลับเป็นอย่างนี้ซะได้ ผมนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง แต่พอหันไปอาหารที่ไมค์สั่งมาก็ถูกวางไว้เต็มโต๊ะแล้ว ไมค์กระดกตะเกียบขึ้นลงเป็นเชิงบอกว่าให้ผมนั่งลง
“กิน กินพี่กอล์ฟ อาหารมาแล้ว” ไมค์คีบซูชิหน้ากุ้งมาวางไว้ในจานผม แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากคีบอาหารใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
“นายเหมือนรู้ว่าข้าวจะไม่มา” ผมยิงคำถาม แล้วก็เห็นไมค์ชะงักนิดนึงก่อนจะตักเท็มปูระเข้าปากต่อ
“โอ๊ย!! ไมค์จะรู้ได้ไงพี่กอล์ฟ ไมค์ไม่ใช่ธิดาพยากรณ์นะ” ไม่ขำหรอกอย่าพยายาม ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ร่วมแบบนั้น
“ไม่ขำเลย ตอบไม่ตรงคำถามไมค์” ผมเริ่มเสียงแข็งจนไมค์ต้องวางตะเกียบลง แล้วทำท่าหมือนผมไปรุกรานเวลาแห่งความสำราญด้วยอาหารการกินของไมค์ยังไงยังงั้น
“พี่กอล์ฟกิน ๆ ไปก่อนเหอะ อิ่มแล้วค่อยคุยกัน ตอนนี้ไมค์ไม่มีอารมณ์คุย” ผมเลยต้องตักทุกอย่างเข้าปาก กินไปอย่างไร้รสชาด หงุดหงิดแต่ต้องทำตามผมนี่ก็บ้าจี้
“ไมค์อิ่มแล้ว พี่กอล์ฟไปกันเหอะ” ไมค์ดึงมือผมที่กำลังคีบทาโกยากิเข้าปาก จนมันหล่นกลับไปในจานแล้วลากผมออกไปทันที ผมมองทาโกยากิด้วยตาละห้อย ไมค์จัดการจ่ายเงินแล้วก็ลากผมขึ้นรถไม่ได้ถามความสมัครใจของผมสักคำว่าผมอยากไปไหน แปลกเข้าไปอีกที่วันนี้ไมค์เป็นคนจ่ายเงิน เลี้ยงข้าวผม
“นายมีอะไรรึเปล่าไมค์ เลี้ยงข้าวงี้ มาอยู่เป็นเพื่อนงี้ ปกติเคยเป็นซะที่ไหน” ผมถามเมื่อไมค์ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ แถมทำตัวเอกเขนกทิ้งตัวพิงเบาะรถ
“พี่กอล์ฟรอเดี๋ยวได้มั้ย อย่าเพิ่งถามไมค์อิ่มอยู่” อ้าวอิ่มก็ถามไม่ได้ เจริญล่ะน้องผม ผมหมดอารมณ์แล้วจะทำอะไรก็ทำไป ผมได้แต่ส่ายหน้าในความเป็นไมค์ เพราะปกติไมค์ก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว
“ถึงแล้วพี่กอล์ฟ ลงมา” ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีไม่ก็เขย่าผมจนหัวสั่นหัวคลอน
“อ้าว...บ้านนิ” นึกว่าจะพาไปไหน ดีเหมือนกันกลับบ้าน เพราะผมเองก็ไม่อยากไปไหนแล้ว ผมเดินทอดน่องเข้าบ้านพร้อมกับไมค์ที่เดินขนาบข้าง ๆ แล้วเอามือหนัก ๆ มาพาดไว้บนไหล่ผม กะให้ความสูงผมลดระดับลงอีกรึไง
“กลับมาแล้วฮะม๊า” ไมค์ส่งเสียงไปก่อนตัว แล้วละมือจากไหล่ผมตรงเข้าไปหอมแก้มหม่าม๊า
“กลับมาแล้วเหรอกอล์ฟ”
“ฮะ” ผมตอบสั้น ๆ เนือย ๆ
“งั้นเดี๋ยวไปคุยม๊าที่ห้องนั่งเล่นก่อนนะ” ม๊าบอกแล้วเดินนำหน้าผมไป เหมือนตั้งหน้าตั้งตารอผมอยู่แล้ว ผมหันไปมองไมค์ แต่รายนั้นเลิกคิ้วให้ผมแล้วเดินหายขึ้นไปชั้นบนทันที
“มานั่งข้าง ๆ ม๊าสิกอล์ฟ” ผมขยับเข้าไปตามคำสั่ง หม่าม๊าใช้นิ้วเกลี่ยไรผมข้างหน้าของผมพร้อมยิ้มอบอุ่น
“ลูกชายหม่าม๊าโตขึ้นมากเลยนะ” ผมยังไม่พูดอะไรกลับทิ้งตัวลงนอนหนุนตักหม่าม๊า นานแค่ไหนที่ไม่ได้มีโอกาสอย่างนี้
“หม่าม๊ามีอะไรจะพูดกับกอล์ฟเหรอฮะ?” ผมรู้สึกสบายใจเลยถามออกไป
“วันนี้กินข้าวอร่อยมั้ยลูก”
“ไม่ฮะ ไม่อร่อยเลย” ผมตอบไปตามความจริง วันนี้ผมกินความผิดหวังแทนข้าวไปแล้ว อย่างอื่นก็เลยไร้รสชาดไปหมด หม่าม๊าได้แต่ยิ้มลูบหัวผมเบา ๆ
“อะไรกัน ที่ทำให้กอล์ฟของหม่าม๊ากินข้าวไม่อร่อย” ฉึก~ ความปวดจี๊ดแล่นมาใส่ผม เต็ม ๆ ผมกะจะปรับทุกข์กับหม่าม๊าอยู่แล้วเชียว แต่
“ป๊าค่ะ หญิงเก็บมาหมดแล้วค่ะ ..โอ๊ย!!” เสียงที่ดังมาก่อนตัว กับร่างจุ้มปุ๊กที่ล้มลงตรงหน้าผมกับหม่าม๊าทำเอาผมตกใจ หนังสือที่น้องหญิงหอบพะรุงพะรังมากระจายเต็มพื้น
“น้องหญิงเป็นอะไรมากรึเปล่า” หม่าม๊ารีบไปพยุงน้องหญิงให้ลุกขึ้น ในขณะที่ผมช่วยเก็บหนังสือที่กระจัดกระจาย จริง ๆ เล้ย นี่ตกลงผมมีน้องชายสองคนใช่มั้ยเนี่ย
“พี่กอล์ฟ!! ไม่ต้องหญิงเก็บเอง” น้องหญิงรีบมาคว้าหนังสือที่ผมเก็บได้จำนวนนึงแล้วออกจากมือ อะไรกันนักหนา
“คนจะช่วย จะขัดศรัทธาอีก”ผมก็ยอมยกหนังสือในมือให้น้องหญิง โดยไม่ได้สนใจว่าเป็นหนังสืออะไร แต่สายตาผมก็เหลือบไปเห็นหนังสือที่น้องหญิงยังไม่ได้เก็บไปเล่มนึงมีภาพของคนที่ผมคุ้นเคยปรากฎอยู่ ผมรีบคว้าหมับทันที เร็วกว่าน้องหญิงแค่เสี้ยววินาที
“พี่กอล์ฟเอามานะ” น้องหญิงยังทำท่าจะแย่ง แต่ผมปัดมือน้องแรงจนเซ น้องหญิงคงกลัวรีบวิ่งไปกอดหม่าม๊าไว้แล้วแอบอยู่ข้างหลัง คงเพราะหน้าตาและสายตาผมตอนนี้ ไม่เหลือเค้าพี่ชายที่แสนดีนั่นเอง สายตาผมไล่เรื่อยไปตามตัวอักษรที่เรียงไว้ “ปิดไม่อยู่ซะแล้ว ภาพหลุดกับหนุ่มนายแบบ แบบแนบชิด” ข้อความคงไม่น่าสนใจเท่าไหร่หากภาพที่เห็นอยู่ไม่ใช่ข้าว คนที่ผมรัก เดินโอบเอวกันและกันกับพี่อาร์ตที่เป็นข่าวกับข้าวอยู่ ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทั้งสองต่างโอบเอวกันและกัน ผมรีบเปิดดูภาพในเล่มด้วยมือที่สั่นระริกอีกหลายภาพ ดูทั้งคู่มีความสุข ในขณะที่ผมไม่ได้ใช้ช่วงเวลาแบบนี้กับข้าวบ้างเลย สายตาผมมองตรงไปที่น้องหญิงอย่างเอาเรื่อง เพราะน้องหญิงยังหอบหนังสืออยู่
“น้องหญิงเอาหนังสือมาให้พี่” ผมสั่งเสียงเย็น แต่ร่างที่อยู่หลังหม่าม๊าส่ายหน้าไปมา
“บอกให้เอามาไงล่ะ” ในมือน้องที่หอบอยู่แ ละพยายามปกปิดคงไ ม่พ้นเรื่องแ น่ ผมตรงเข้าไปแ ย่งแ ต่น้องหญิงก็ยังดื้อดึง
“ พี่กอล์ฟหญิงเจ็บ ปล่อย..ฮือ ปล่อย” ผมทั้งกระชาก แขนน้องหญิงให้ปล่อยโดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ของน้อง แต่น้องหญิงก็ยังกอดไว้แน่น
“ กอล์ฟปล่อยน้องเดี๋ยวนี้ ม๊าบอกให้ปล่อยไง” หม่าม๊าจับ แขนผมไว้ แ ต่เหมือนกับสติของผมขาดไป แล้ว ทุกคนหลอกผมงั้นเหรอ ทุกคนต่างอยากให้ผมเจ็บงั้นเหรอ ผมยิ่งเพิ่มแ รงกด แขนน้องหญิงตาม แรงโทสะของตัวเอง จนมีมือใหญ่มากระชากผมเหวี่ยงจนผมล้มลงไปกับพื้น
“บ้าไปแล้วรึไง น้องเจ็บไม่เห็นเหรอ หม่าม๊าร้องไห้ไม่เห็นรึไงไอ้พี่บ้า” มือของไมค์นั่นเองที่กระชากผมลงมานอนกองกับพื้น ไมค์กระชับหม่าม๊ากับน้องหญิงไว้ในอ้อมกอดอย่างปกป้อง ตกลงไม่มีใครเห็นใจผมเลยใช่มั้ย
“ที่ทุกคนทำไปเพราะหวังดีทั้งนั้น รับรู้บ้างรึเปล่า จะโง่ไปถึงไหน ไม่คิดเหรอว่าทำไมไมค์ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่กอล์ฟ ทำไมไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นที่ต้องอยู่กับพี่กอล์ฟ เพราะไมค์เห็นเค้าไปกับอีกคนนึงไง ทุกคนต่างรักษาความรู้สึกของพี่กอล์ฟ จะเอายังไงอีก เพราะผู้หญิงคนนั้น ยอมทำน้องเจ็บเหรอ”ไมค์ยื่นแขนที่เป็นรอยแดงของน้องหญิงมาให้ผมดู ทำไมผมถึงทำอะไรผิดซ้ำซาก ทำไมการตัดสินใจของผมต้องผิดไปซะทุกที ทำไม ...ทำไม
“กอล์ฟ กอล์ฟ” ผมได้แต่เรียกชื่อตัวเองซ้ำ ๆ อย่างพูดไม่ออก ผมทำอะไรลงไป ความคิดของผมสับสนไปหมด แต่ความเจ็บปวดความผิดหวังก็ดูจะมีอิทธิพลมากกว่าอย่างอื่น ทั้งที่ทุกคนอยู่ข้างผม แต่ผมก็ยังทำให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะผมเอง เพราะผมเอง
“โธ่โว้ย!!” ผมลุกขึ้นวิ่งไปข้างหน้า อยากจะหนีจากทุกคน จากทุกอย่าง
“กอล์ฟจะไปไหนลูก!!”
“พี่กอล์ฟอย่าไปนะ หญิงขอโทษ!!”
“พี่กอล์ฟหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
ทุกเสียงที่เรียกผมอยูข้างหลังไม่สามารถหยุดเท้าของผมได้ รถพี่แซนด์สตาร์ทอยู่ที่หน้าบ้านพอดี ผมไม่รีรอที่จะยัดตัวเองเข้าไปในที่นั่งของคนขับถึงแม้ผมจะขับรถไม่แข็งนัก ผมรู้แต่ต้องพุ่งไปข้างหน้าเพื่อทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง
“เฮ้ย กอล์ฟ!! จะเอารถพี่ไปไหน พี่จะไปซื้อนมให้ลูก หยุดซิกอล์ฟหยุด !! ” ภาพพี่แซนด์ที่วิ่งตามมาเลือนหายไปอย่างรวดเร็วตามความเร็วของรถที่ผมเหยียบคันเร่งจนเกือบมิด
ภาพของข้าววิ่งเข้ามาในหัวผมภาพแล้วภาพเล่า สร้อยรูปตัวอักษรย่อของข้าวที่เธอให้ผม เอามาให้ผมทำไม? ภาพที่ใช้เวลาร่วมกันแม้น้อยนิด เสียงหัวเราะแสดงถึงความสุขทุกครั้งที่อยู่กับผม เธอทำอย่างนี้กับผมทำไม ผมใช้กำปั้นทุบที่พวงมาลัยอย่างแรงระบายความเจ็บใจแล้วซบลง โดยไม่เห็นรถที่เลี้ยวออกมาจากทางแยก แสงไฟสาดเข้าตาผมจ้าซะจนผมมองไม่เห็นทางข้างหน้า รู้อย่างเดียวต้องหักหลบและเหยียบเบรค ทำให้รถหมุนคว้างลงกระแทกพื้นถนนหลายตลบ ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วกายจนผมทนไม่ไหว และสุดท้ายผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
ความคิดเห็น