คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ต้นสายปลายเหตุ
“เอ้อ....เสร็จสักทีนะพี่กอล์ฟ”เสียงทุ้มพร้อมกับผ่อนลมหายใจเบา ๆ เอ่ยบอกผมเมื่อผ่านภารกิจของวันไปอีกครั้ง ทั้งซ้อมร้อง ซ้อมเต้น เรียนเรื่องการแสดง ทุกอย่างดูกดดันเมื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำต้องออกสู่สายตาของสาธารณะชน ร่างชุ่มเหงื่อโยนผ้าเช็ดหน้าให้ไมค์มือขาวตบไหล่และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอย่างเข้าใจในความเหน็ดเหนื่อยและความยายาม ก่อนละไปเก็บสัมภาระของแต่ละคน ไม่ต้องมีคำพูดมากมายเพราะทางที่ร่วมเดินกันมา ทุกอุปสรรคที่ช่วยกันฟันฝ่า ทำให้พวกเราเข้าใจกันดี
“กลับกันเถอะไมค์ถึงเวลาของการพักผ่อนแล้ว” ผมยิ้มให้ไมค์และเปิดประตูคอยน้องชายตัวสูงที่อ้อยอิ่งที่จะเคลื่อนไหวเหมือนกับเรี่ยวแรงสำหรับวันนี้ได้หมดลงไปแล้ว
ค่อนไปเช้าวันใหม่มาสองชั่วโมงแล้วแต่ผมกับไมค์เพิ่งจะได้ใช้เท้าสัมผัสกับพื้นหญ้านิ่มบริเวณลานหน้าบ้าน การติดสินใจเลือกเส้นทางนี้ของพวกเรา ทำให้พวกเราต้องอดทนมากกว่าคนทั่วไป ไม่ว่าเรื่องการใช้แรงกาย หรือความเข้มแข็งของจิตใจ
ผมกับไมค์ต่างแยกย้ายกันเข้าห้องซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคน ความเหน็ดเหนื่อยเหมือนยิ่งโถมทับเข้ามาเมื่อผมคิดถึงเรื่องข่าวของผมหรือไมค์ที่ออกมาบางเรื่องมันทำลายกำลังใจของผมโดยสิ้นเชิง เพราะหลายข่าวเกิดจากคนเขียนเพียงคนเดียวแต่กระจายไปสู่คนมากมาย ผมเบื่อเวลาที่เห็นข้อความในอินเตอร์เน็ตมีคนมาวิจารณ์ผม ทั้งที่ไม่ได้รู้จักตัวตนจริง ๆ ผมก็ยอมรับนะบางทีผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่น ผมยังเป็นคนที่มีกิเลส มีส่วนดีและไม่ดีเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป แต่บางทีก็ต้องขอบคุณหลาย ๆ กำลังที่ทำให้ผมยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ทั้งครอบครัวและแฟนคลับของผม
วันนี้ผมยังสู้อยู่ได้เพราะพวกเค้า ผมสลัดความคิดออกไปจากหัวเมื่อตระหนักว่าหนังตาสองข้างของผมเริ่มประท้วงจะปิดแหล่มิปิดแหล่ ผมเลยรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินรี่เข้าห้องน้ำ ก่อนที่ผมจะหลับไปซะก่อนโดยไม่ได้อาบน้ำ ถึงปกติผมจะเน่าไม่อาบน้ำบ้างนั่นเพราะผมเพลียไปหน่อยไม่หน่อยสิเยอะเลย เอาล่ะวันนี้รับรองผมตัวหอมชัวร์
...............................................................................................................
เช้านี้อากาศสดชื่นผมเลยเดินออกมารับวิตามินซีจากแสงแดด วันนี้สบายหน่อยงานมีช่วงค่ำ ๆ แค่งานเดียว ผมเลยเดินเล่นรอบ ๆ บ้าน ชินกับการตื่นเช้าเพราะทุกทีต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ถึงแม้จะนอนช่วงตี 2 ก็ตาม ผมเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับเช้านี้ถูกหนีบเอาไว้ที่ประตูหน้าบ้าน นานแล้วล่ะที่ผมไม่ได้สนใจข่าวสารบ้านเมืองหรือข่าวต่าง ๆ วันนี้ว่าง ๆ ดูหน่อยก็คงดี เผื่อมีข่าวดีดีของตัวเองอยู่ในนั้นบ้าง แต่ก่อนที่ผมจะไปถึงจุดหมายที่เล็งเอาไว้ ผมรู้สึกได้ว่าแขนของตัวเองเหมือนสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่ผ่านมาด้วยความเร็ว แล้วผมก็เห็นร่างคุ้นเคยของตัวป่วนประจำบ้านวิ่งไปคว้ามับที่หนังสือพิมพ์ที่ผมหมายตาอยู่
“นั่นหญิงจะเอาไปไหน เอามานี่ให้พี่ดูก่อน” ผมรีบเดินไปที่น้องสาวแล้วเอื้อมมือไปคว้าหนังสือพิมพ์แต่แม่น้องสาวตัวดีเอี้ยวตัวหลบจนผมเกือบหน้าทิ่มเพราะพุ่งมาเต็มที่
“พี่กอล์ฟไม่ต้องอ่านหรอก หญิงจะเอาไปให้ป่าป๊า” ยัยน้องสาวส่ายหน้าดิ๊ก ๆ แล้วก็ปล่อยให้ผมยืนงง ให้พี่ชายอ่านแป๊ปเดียวเนี่ย มันจะเป็นไรไปเหรอผมก็เลยไม่ยอมลดละ เพราะใจก็อยากแอบแกล้งน้องสาวอยู่เหมือนกัน
“แต่พี่แค่อ่านแป๊ปเดียวเอง แล้วค่อยเอาไปให้ป่าป๊าก็ได้” ผมวิ่งไล่ตะโกนตามหลังน้องสาว แต่น้องหญิงรู้ว่าผมวิ่งตามกลับวิ่งหนีซะอีก
“กรี๊ดดดดดดดด! พี่กอล์ฟบอกว่าไม่ให้ไงเล่า ปล่อยนะ” มันชักไม่ใช่เรื่องเล่นเมื่อน้องหญิงแย่งหนังสือพิมพ์อย่างเอาเป็นเอาตาย จนผมชักโมโห แต่ก่อนที่จะได้เปิดศึกกันเสียงประกาศิตก็ดังมาซะก่อน
“ทำอะไรกัน 2 คนเสียงดังลั่นบ้าน เดี๋ยวหลานก็ตกใจหรอก” เสียงราบเรียบแต่หากทรงพลังของป่าป๊าทำให้ผมกับน้องหญิงชะงักค้างเติ่งอยู่กับที่ ป่าป๊าเอื้อมมือมาหยิบหนังสือพิมพ์ในมือน้องหญิงแล้วเดินเข้าไปบ้านไปเฉยเลย
“อ้อน้องหญิง...ขอบใจนะลูก ข่าวบางข่าวไม่ต้องรู้ก็ได้นะกอล์ฟ ” ป่าป๊าหันกลับมาใช้มือขยับแว่นที่ใส่อยู่ลดลง ส่งสายตาลอดผ่านแว่นก่อนจะยิ้มมีเลศนัยมาให้น้องหญิง พูดอะไรน่าสงสัย??
“ไปล่ะ พี่กอล์ฟ” ยัยน้องสาวหันมายิ้มเหมือนเยาะให้ผม ก่อนจะสะบัดก้นตามป่าป๊าไปอีกคน เช้านี้คนในบ้านเล่นเกมส์อะไรกับผมรึเปล่าเนี่ย ผมเดินเข้าไปในบ้านตรงไปที่ห้องรับแขกเมื่อเห็นพี่ชาย กะหลานสาวตัวน้อยนั่งดูทีวีอยู่ที่นั่น ผมก็กะจะไปรวมกลุ่มเฮฮาด้วย
“ดูอะไรกันอยู่ฮะพี่แบงค์ พี่แซนด์”ผมส่งคำถามไปหาพี่ชาย พร้อมกับก้มลงหอมแก้มนิ่ม ๆ ของซิดนีย์ก่อนจะหย่นก้นลงบนโซฟาหน้าทีวี แต่......
ติ๊ดดดดดด~
“อ้าวปิดทำไมอ่ะพี่แบงค์ ก็นั่งดูกันอยู่ไม่ใช่เหรอ????” ตอนนี้เครื่องหมายคำถามวิ่งพล่านอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด ผมได้แต่ทำหน้าหมาสงสัยมองตามพี่ชาย เมื่อพี่แบงค์เอื้อมมือไปทีวีซะเฉย ๆ
“เดี๋ยวพี่พาซิดนีย์ไปอาบน้ำก่อนนะ”พี่แซนด์พูดแล้วอุ้มซิดนีย์เดินตรงไปบ้านเล็ก
“บะ บ่าย เก๊าะ( บ๊าย บ่าย กอล์ฟ ซิดนีย์พูดไม่ชัด ^^.”)”เสียงอ้อแอ้ของซิดนีย์เอ่ยลา พร้อมกับมือน้อยที่โบกไปมา ผมก็ต้องยกมือขึ้นบายหลานตัวน้อย
“กอล์ฟ ไปหาไรกินที่ห้องครัวกันเหอะ ทีวีมีแต่อะไรไร้สาระ” พี่แบงค์พูดแล้วเอามือโอบไหล่ผมพยายามดันผมให้เดินเหมือนบังคับกลาย ๆ
“แต่กอล์ฟอยากดูทีวีนี่พี่แบงค์” ผมยังขืนตัวไว้เพราะยังไม่หิว และอีกอย่างยังอยากดูละครพื้นบ้านเรื่องสังข์ทองก่อน(โดน fiorena จากเรื่อง “true love” บังคับมาให้กอล์ฟอยากดูเรื่องนี้อ่ะ”)บางครั้งไม่จำเป็นต้องดูอะไรที่เป็นสาระก็ได้นี่นา
“เอาน่า ค่อยดูก็ได้ ไปกะพี่เหอะ พี่หิวแล้ว” อ้าวพี่แบงค์นี่ยังไงกัน ตัวเองหิวก็บังคับให้คนอื่นหิวด้วย วันนี้คนในบ้านผมเพี้ยนไปแล้วจริง ๆ แต่ผมก็ต้องเดินตามพี่แบงค์เพราะพี่แบงค์เป็นถึงแชมป์ยูโดสายดำ ถ้าไม่ไปมีหวังโดนจับทุ่มเพราะพี่แบงค์คงจะเปลี่ยนคู่ซ้อมจากน้องหญิงเป็นผมแน่ ๆ
“ไมค์ล่ะฮะพี่แบงค์”เช้านี้ ผมยังไม่เห็นไมค์เลย
“ก็เห็นลงมาดื่มนมแล้วเข้าห้องไป สงสัยจะพักละมั้ง ตอนเย็นมีงานไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ฮะ “
“งั้นไปกินข้าวเหอะ เตรียมแรงไว้ตอนเย็นไง” ข้าวเช้าเนี่ยมันจะเก็บได้ถึงตอนเย็นเลยรึพี่แบงค์ ถึงความคิดผมจะต่อต้าน แต่เท้าผมก็ต้องเดินตามอยู่ดี
“ดูเหนื่อย ๆ นะกอล์ฟงานเยอะมากล่ะสิ แล้วงี้จะมีเวลาดูแลข้าวเหรอ แล้วยังเรื่องแฟนคลับอีก ถ้าเขารู้จะทำยังไง” พี่แบงค์สะกิดความกังวลของผมขึ้นมาจนได้ เหนื่อยก็ยอมรับว่าเหนื่อย ส่วนเรื่องข้าวบางครั้งกลับทำให้ผมหายเหนื่อยเมื่อมีเธออยู่ข้าง ๆ แต่ด้วยเรื่องวิถีแห่งวงการนี้ ผมก็ต้องทำตามนั้น แฟนคลับบางคนก็เข้าใจบางคนก็ไม่เข้าใจก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน แต่ผมเชื่อว่าทุกคนจะเชื่อมั่นในการติดสินใจของผม
“เอาเหอะ เผื่อใจไว้บ้างก็ดี วงการนี้มีตัวเลือกให้เลือกเยอะ”พี่แบงค์พูดมาก็ทำให้ผมคิดได้ลึกอีก เดี๋ยวนี้ข้าวมีข่าวกับคนโน้นคนนี้บ่อย ๆ แต่เธอก็เป็นดารานี่นา ดารากับข่าวเป็นของคู่กันอยู่แล้ว เชื่อใจกันเป็นดีที่สุด ผมใช้ความคิดนี้สกัดคำถามหลาย ๆ อย่างมาตลอด ก็ช่วงที่อยู่ด้วยกันมันมีความสุขมาก จนลืมเรื่องทุกข์ใจอื่น ๆ ไปหมด ยังไงผมก็ขอถนอมความรัก และรักษามันไว้ตลอดถึงแม้วันนี้มันจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ถ้าผมกับข้าวอดทนทุกสิ่งก็จะผ่านไปด้วยดี ถึงแม้ต่อหน้าคนอื่นเราจะแสดงออกไม่ได้ แต่อีกหน่อยก็แค่รอเวลาและความเหมาะสม
ได้เวลาที่ผมกับไมค์ต้องไปแต่งตัว เพื่อจะเตรียมตัวไปงานกาล่าดินเนอร์ประกาศรางวัลของนิตยสาร
TV Secret งานนี้คงมีคำถามให้ผมเตรียมตอบอีกเยอะ เพราะข้าวเพิ่งโทรบอกผมว่าไปงานนี้ด้วย ผมแอบดีใจเล็ก ๆ เพราะปกติก็ไม่ได้ว่างเจอกันสักเท่าไหร่ พี่ ๆ สื่อมวลชนนี่ก็เก่งกันซะเหลือเกิน รู้อะไรเยอะแยะไปหมด
ท่ามกลางแสงแฟลชวิบวับจนแสบตาผมกับไมค์เป็นอันรู้กันว่าต้องเตรียมแว่นติดตัวไว้ เพราะไม่งั้นคงเห็นแสงเป็นจุด ๆ เต็มอากาศแน่ แล้วอย่างที่คิดพอผมกับไมค์เดินเข้าในงาน รอบตัวก็เนืองแน่นไปด้วยนักข่าว
“กอล์ฟค่ะ ช่วงนี้หัวใจเป็นสีชมพูอยู่รึเปล่าเอ่ย” นั่นคำถามแรกยิงมาแล้ว
“หัวใจเป็นสีชมพูก็สวยดีนะฮะ คงมองทุกอย่างสวยงามไปหมด กอล์ฟอยากมองทุกอย่างสวยงามทุกวันแล้วก็อยากให้ทุกคนเป็นอย่างนั้นด้วย”ผมหันไปทางไมค์ เห็นอาการกระอักกระอ่วน คงเป็นเพราะคำตอบของผม
“นี่เพราะน้องข้าวรึเปล่าค่ะ?”ใช่ครับ..คำที่ผมอยากบอกแต่บอกไม่ได้
“เพราะทุกอย่างมากกว่าครับ ทั้งงานที่ทำ เรามีความสุข รวมทั้งกำลังใจจากแฟนคลับของพวกเราด้วย” ไมค์คอยพยักเพยิดอยู่ข้าง ๆ ถามอีกทีผมคงไม่รู้จะตอบอะไรแล้ว เพราะคำถามพวกนี้เจอทุกงาน ทำให้ผมเหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง วนไปวนมา
“ขอไมค์พูดบ้างฮะ คือตอนนี้เรากำลังจะมีอัลบัมที่สามแล้วก็ละครด้วยผมอยากให้ทุกคนติดตามรวมถึงพี่ ๆ ด้วยนะครับ”ไมค์เริ่มลูกอ้อนเบี่ยงเบนประเด็น ผมเห็นพี่แพรเดินมาไกล ๆ และก็ได้รับสัญญาณว่าให้เดินไปได้แล้วเพราะข้างหลังข้าวกำลังเดินมากับผู้จัดการส่วนตัว
“เอ่อต้องขอตัวน้อง ๆ ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวงานจะเริ่มแล้ว” พี่แพรช่วยเราไว้อีกแล้ว ก็นะระหว่างพวกเรารู้ ๆ กันอยู่แล้วอีกอย่างตอนนี้สายตาของพี่ ๆ นักข่าวก็จับจ้องอยู่ที่ข้าวเรียบร้อยแล้ว ผมกับข้าวหันมาส่งยิ้มให้กันก่อนไมค์จะดันหลังผมให้เดินต่อ
“อยู่ต่ออีกนิด ไมค์จะอ้วกออกมาเป็นน้ำตาลแล้วพี่กอล์ฟ”ไมค์กระซิบพร้อมกัดฟันบอกอาการหมั่นไส้
“มีคนเห็นน้องข้าวกับกอล์ฟไปเลือกการ์ดวาเลนไทน์ให้กันเหรอค่ะ”
“ก็ไปเลือกด้วยกันค่ะ แต่ไปเลือกให้เพื่อน ๆ ของเรา และก็พี่ ๆ ที่เรารู้จัก อีกอย่างก็ไปกันหลายคนค่ะ”
“ความสัมพันธ์กับกอล์ฟถึงขึ้นไหนค่ะ?”
“ก็เพื่อนน่ะคะทุกคนก็เป็นเพื่อน ๆ กัน “
“แล้วข่าวกับหนุ่มอาร์ตล่ะ มีคนบอกว่าเทียวรับเทียวส่งกันบ่อย ๆ ในขณะที่หนุ่มกอล์ฟไม่ค่อยว่าง ยังงี้ใครจะพิชิตใจน้องข้าวกันนะ? ”
“กับพี่อาร์ตเป็นพี่ค่ะ ปรึกษาได้เพราะเค้าโตกว่าเราพอสมควร แต่ที่รับส่งนี่ไม่ใช่นะค่ะ เพราะข้าวก็มีรถของข้าวเอง แต่วันนั้นรถข้าวเสียแล้วพี่เค้าผ่านมาพอดีเท่านั้นเองค่ะ ”
“งั้นย้ำความสัมพันธ์กับหนุ่มกอล์ฟหน่อยได้มั้ยว่าข้าวคิดยังไง”
“ก็เพื่อนกันน่ะค่ะ ทำไมข้าวต้องเป็นข่าวกับกอล์ฟด้วยล่ะค่ะ ทำไมไม่เป็นข่าวกับไมค์บ้าง ไมค์กับข้าวก็รู้จักกันเหมือนกัน”
“ต้องขอตัวน้องข้าวก่อนนะค่ะ” พี่ผู้จัดการส่วนตัวเริ่มกันนักข่าว พวกเค้าก็เลยกรูกันไปที่เป้าหมายต่อไปต่อ ผมมองข้าวอยู่ไกล ๆ แต่ไม่รู้ว่าข้าวจะพูดถึงเรื่องผมยังไงบ้าง ถึงจะไม่พูดถึงผมเลยก็ไม่เป็นไร เพราะผมเข้าใจ ถึงจะแอบผิดหวังเล็ก ๆ แต่แค่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเราสนิทกันแค่ไหน
งานผ่านไปด้วยดีผมก็ต้องคำถามนักข่าวเป็นระยะ พอขึ้นรถตู้ผมก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่ไมค์พอขึ้นรถตู้ได้ก็เอาหูฟังขึ้นมาใส่แล้วหลับตาทันที คงรู้ว่าต่อไปผมจะทำอะไร...
“เป็นไงข้าว เหนื่อยรึเปล่า”
{ ชินแล้วล่ะ กอล์ฟล่ะเหนื่อยมั้ย }
“วันนี้เจอข้าว ดีใจจนไม่เหนื่อยเลย”
{ คิก คิก แฟนคลับก็ยังทนมุกเสี่ยวได้นะเนี่ย}
“แล้วข่าวว่าพี่อาร์ตไปรับข้าวจริง ๆ เหรอ” เสียงผมอ่อยลง
{ นี่กอล์ฟจะไปสนใจอะไรข่าว ไม่เชื่อใจข้าวหรือไง }
“กอล์ฟขอโทษนะ กอล์ฟเชื่อข้าว” น้ำเสียงหงุดหงิดของข้าวทำเอาผมใจแป้ว
{ ไม่เอาล่ะ ข้าวไม่คุยแล้ว กอล์ฟเริ่มพาล ไว้คุยกันนะ } ข้าวบอกแล้วตัดสายไปเลย คงจะโกรธผมซะแล้ว ผมมองโทรศัพท์ที่หน้าจอว่างเปล่าอย่างเซ็ง ๆ ผมไม่น่าพูดเลย
“เอาน่าพี่กอล์ฟพรุ่งนี้ค่อยง้อเหอะ” ไมค์ซึ่งดูเหมือนไม่สนใจตั้งแต่แรก อยู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา
“ไมค์นี่นายแอบฟังพี่งั้นเหรอ” ผมหันมาเอาเรื่องน้องชายตัวดี
“เปล๊า ! ไมค์ไม่ได้แอบฟังนะ ไอพอทไมค์แบตหมดตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก”
“ฮึ่มมม ไมค์!!” ผมตั้งท่าจะชำระความน้องชาย
“ถึงแล้วครับ” เสียงพี่คนขับรถเบรคผมไว้ ด้วยความที่ดึกมากแล้วผมก็เกรงใจถ้าจะชักช้าเลยรีบเก็บของ ส่วนนายไมค์ตัวดีหอบของพะรุงพะรังวิ่งเข้าบ้านไปแล้ว เอาว่ะฝากไว้ก่อนแล้วกัน
ความคิดเห็น