ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic-baramos ฟิคบารามอส ยังไม่มีชื่อเรื่องครับ

    ลำดับตอนที่ #5 : เหม่อลอย

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 48


    บทที่ 5 เหม่อลอย  (แค่ชื่อก็อนาถแล้วครับTT_TT)



    อ่า  ขอพูดก่อนเข้าเรื่องนะครับ  ข้าน้อยขออภัยที่ช่วงนี้อัพช้าถึงช้ามาก  ช้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ = =a ข้าน้อยขอโต้ด(คาดว่าฟิคนี้จบคงลงหลุมเป็นแน่แท้ขอรับ)ขอบคุณที่ยังติดตาม(จะมีเหรอ== a)ขอรับ  อ่า หากพิมพ์ผิดตรงไหนขออภัย(อภัยหลายเรื่องหน่อยนะครับTT_TT)นะขอรับ  แบบว่ารีบพิมพ์หนะครับ  แล้วพอพิมพ์แล้วทวนไม่ไหว= =a(ตาใกล้ไปแล้วครับ)



    เข้าเรื่องครับผ๊ม







        “ห้าววววววว~”  เสียงยาวบอกความล้าของคนปากไวดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ  แต่ไม่มีใครสนใจมันเพราะม่อยไปหมดแล้ว หันไปด้านขวา  ผมสีน้ำตาลทองๆดูยุ่งเล็กน้อยบนหมอน  นัยน์ตาสีเขียวถูกบดบังปิดสนิท  ผ้าห่มขึ้นมาถึงอก  ท่านอนที่เฟรินขนาดนามมันว่า  คุณชายชัดๆ  



        ส่วนอีกด้าน  ผมสีเข้มชี้ไปคนละทิศ  ทรงเดิมไม่เปลี่ยน  ตื่นอยู่ก็ยุ่ง นอนก็ยุ่ง  ในเมื่อมันไม่เคยหวี มือไม้กางแผ่หลา  ผ้าห่มไปกองอยู่ที่อวัยวะเบื้องล่าง  ยั่วให้หวัดมารับประทาน  เช่นเดียวกับคนทางขวา  มันก็หลับ



        และอีกเตียงหนึ่งว่างอยู่  รอการมาของบุรุษสุดท้าย. . .



        สาวน้อยคนเดียวในกลุ่มกำลังอยู่บนเตียงเดี่ยวของตัวเองในห้องรับรองคนละห้องกับตอนบ่าย  พวกเขาเข้านอนก่อนเจ้าชายน้ำแข็งผู้ถูกเสด็จแม่ที่รักเรียกตัวไปคุยด้วยจนลืมเวลา



        นัยน์ตาสีน้ำตาลมองไปข้างนอกกระจก  สีดำของรัตติกาลช่วยขับหิมะให้ขาวเด่น  ดูคล้ายฝนตก. . .  ตกอย่างไม่มีวันหยุดในแดนแห่งเหมันต์. . . สงสัยคาโลมันจะใช้เส้นไปนอนห้องหรู  ชิ  ไม่เผื่อแผ่เพื่อนฝูง



        อากาศยิ่งหนาวคิลก็ยิ่งถีบผ้าห่มจนหล่นลงบนพื้น  หัวขโมยผู้นอนไม่หลับส่ายหน้าซ้ายขวา  นี่ก็นอนดิ้นผิดมนุษย์  ทีตอนอยู่หอไม่เคยดิ้น  หรือมันดิ้นแต่เขาไม่เห็นเพราะยังไม่ตื่น?  



        แล้วเฟรินก็ลุกไปหยิบผ่ามาคลุมโปงมันด้วยความรักเพื่อน(ด้วยความทนไม่ได้กับท่านอนเลยหาของไปบัง)  แต่ไม่ทันจะคลุมให้  



        ปึก



        เข่าแข็งแรงฟาดเข้าที่หน้า  ยังความเจ็บปวดให้ส่งเสียงโอดครวญ  คนหวังดีอุทานไม่เป็นภาษา  น้ำตาเล็ด  มือขาวกุมจมูก



        “ไอ้คิล. . .”  พูดได้แค่นี้ก็ต้องสงบปากสงบคำไป  เพราะสะดุ้งกับของเหลวที่ไหลออกมาจากจมูก. . .เลือด  หัวขโมยผงะไปกับเลือดในมือหลังจากเช็ดจมูก  เฮ่ย  เลือดออกเลย  ได้นักฆ่าเฮงซวยเอ๊ย    เจ้าหล่อนด่าเพื่อนซี้ในใจไม่กล้าออกเสียงกลัวกระทบกระเทือนจมูกสุดหวง



        แต่พอผ่านไปสักพัก  เลือดที่ว่ามันก็ไม่ยอมหยุดไหลซักทีจนต้องตัดสินใจเดินไปเปิดประตู ออกข้างนอก  หาห้องพยาบาลที่คาดว่าน่าจะมีซักแห่งในปราสาท

    .....................................................................................................................



        บรรยากาศเงียบค่อนข้างวังเวงน่ากลัว  มันจะอะไรนักหนา  การมาส่งของครั้งนี้คงต้องคิดค่าส่งจากนิวไฮคิงเป็นตัวเลข6หลักเสียแล้ว  เล่นเจ็บตัวทั้งวันไม่พอยังต้องมาเดินเล่นในที่ร้างคนหลายรอบ



        กว่าจะรู้ตัวว่าความซวยโถมเข้าหาอีกรอบ  เฟรินก็ตั้งตัวแทบไม่ทัน  เมื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ได้ว่า. . .หลงอีกแล้ว  ก็ทางมันเล่นเยอะแถมวนมั่วเหมือนเขาวงกตนั่นเลยนี่หว่า



        เจ้าหล่อนบ่นกับตัวเอง  แล้วหันไปหาทางอื่น  ณ ระเบียงยาว  เหมือนกลลวง



         กลลวง?  



        คนเดินหยุดกึก  ยกมือมาทำท่าครุ่นคิดผิดวิสัยชนิดที่ถ้าเพื่อนผมยุ่งมาเห็นมันอาจจะค้านหัวชนฝา(ฝาขวดโค้กพี่บิ๊ก)เลยก็ได้



        สังเกตดูดีๆ  ที่นี่มันก็แปลกๆ  เขาวงกตใต้ดินเอย  ทางเดินชวนปวดหมองเอย  บันไดเวียนเป็นสิบๆรอบเอย เหมือนเป็นกลลวงกันคนนอกอย่างไรอย่างนั้น



        “หืมม์”  เฟรินส่งเสียงในลำคอ  หลังจากปาดจมูกอีกรอบ  ด้วยกลัวเลือดไหลไปเปรอะเสื้อ



        หัวขโมยในมาดนักวิเคราะห์พึ่งรู้ตัวว่ากำเดา(ที่มีสาเหตุเกิดผิดชาวบ้าน)หยุดไหลแล้ว  จึงหันหลังเตรียมกลับห้องเต็มที่  ก็ถ้าจะดึงดันหาให้เจอในที่วกวนแบบนี้สู้กลับไปนอนเอาแรงดีกว่า  ชายอกสามศอกแข็งแรงอยู่แล้วแค่นี้จิ๊บๆ  เป็นความคิดที่ไม่ได้ดูตัวเองสักนิดว่าอยู่ในร่างไหนตอนนี้



        ร่างบางหมุนมายังทิศตรงข้าม  ก้าวฉับ เดินอาดๆวางท่าในยามวิกาล  เป้าหมายคือห้องนอน  ยังไงเขาก็ยังพอเดินกลับทางเก่าได้แหละน่า



        แล้วคิ้วก็มุ่นหัวขึ้นเมื่อพบว่าตัวเอง  หลง. . .  ขนาดเดินกลับทางเก่าเป๊ะๆยังหลงได้  ถ้าใครรู้เข้าเจ้าหล่อนอาจจะโดนปลดจากสุดยอดหัวขโมยในสาระบบไปเป็นคนแก่ขี้ลืมแบกถังข้าวสารแทน



        “ทางนี้มันก็เดินมาเมื่อกี้นี่หว่า  ทำไมไม่เลี้ยวเหมือนเดิม  . . .”  แล้วเจ้าตัวก็หันไปรอบๆ  “เฮ้อ  เดินไปอีกทางก็ได้”  คิดอย่างจำใจ  นึกให้ใครสักคนมาเจอแล้วช่วยพาเด็กหลงทางคนนี้กลับห้องที  เสียดายเวลาในการนอนจริงๆให้ตายเถอะโรบิน



        กลลวง  กลลวง  ท่าทางมันจะใช่จริงๆซะแล้ว  หรือนี่จะเป็นข่ายกลจากเวทย์ของเหล่าจอมภูตแห่งสโนแลนด์



        เฟรินพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับตัวเอง



        เข้าท่าแฮะความคิดนี้. . .



        แล้วเสียงสนทนาเสียงหนึ่งก็เปรยขึ้น   แม้มันจะไม่ได้ดังมาก  แต่ท่ามกลางความเงียบสงัดเช่นนี้มันก็ได้ยินชัดทีเดียว



        “แม่เสียใจ”  น้ำเสียงหวานๆของราชินีคนสวยตอนกลางวันกล่าว  เฟรินได้ทีก็ตามหาแหล่งเสียง  เดินตามกำแพงไปเรื่อยๆดังเล่นเขาวงกต  ก่อนจะพบกับคนที่ตามหา  นัยน์ตาสีน้ำตาลค่อยๆโผล่มาดูช้าๆ  โดยที่คนถูกฟังไม่ทันรู้ตัว  



        ในห้องกว้างซึ่งยังสว่างอยู่ห้องเดียว  ห้องโถงใหญ่  ไม่มีประตูบานเปิดปิดแต่เป็นทางว่างเข้าไปเลย  จึงแอบฟังได้สบาย  สตรีเจ้าของเสียงยืนเคียงลูกชายผมเงิน  สีหน้านางวิตกระคนเศร้า  เป็นแว่บหนึ่งที่ทำให้เฟรินนึกไปถึงหน้าของนางตอนรับพัสดุจากตัวเอง  



        คนแอบดูหดตัวกลับมา  เงี่ยหูตั้งใจจับทุกข้อความ



        “แม่ลูกทะเลาะกัน?”  เจ้าหล่อนพึมพำ



        ไม่มีเสียงตอบกลับจากเจ้าชายน้ำแข็ง  คนเป็นแม่ก็กล่าวต่อไปเรื่อย  ทุกถ้อยคำเข้าหูที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี  ความสามารในการได้ยินเป็นเลิศ  ดังฉายาเทอะทีฟ



        แล้วจู่ๆนัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลงอย่างตกใจกับเนื้อหาที่ได้ยิน  หัวใจกระตุกวูบ  เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนดวงหน้าขาว  ก่อนหยดหล่นกระทบไหล่

        .............................................................................................................................



        ยามเช้า(หรือสายของคนทั่วไป) มนุษย์หิมะผมเงินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  ไม่มีแม้แต่สิ่งที่บ่งบอกถึงการนอนบนเตียงของมัน นักฆ่าเกาหัวอย่างงุนงงแล้วเดินออกไปหาเพื่อนอีกสองคนนอกห้อง  น่าแปลกที่วันนี้เขาตื่นช้าที่สุด  แต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือคาโลมันไม่ได้มานอนที่ห้องนี้เลย



                    ที่ระเบียงทางเดินมองเห็นข้างนอกได้ไกลสุดลูกหูลูกตา  แต่ไม่ว่าจะเห็นได้ไกลแค่ไหนมันก็มีแต่สีขาวคลุมไปหมด  ลมหนาวพัดวูบให้เส้นผมสีน้ำตาลปลิวตามไปด้านหลัง  หากบางเส้นก็ยังพันกันมั่วที่ต้นคอขาว

        

        นัยน์ตาสีม่วงจ้องมอง ‘คน’ ตรงหน้าอย่างงงๆ  ในขณะที่มือกร้านก็ไปสะกิดขอทานผู้รอบรู้จากทริสทอร์



        ผู้ถูกเรียกเมื่อรู้ตัวก็หันมาตั้งตัวรอคำถาม



        “มันเป็นอะไร”



        เป็นคำถามที่คนถูกถามก็อยากสวนกลับไปเช่นกันว่า  ก็ตื่นมาเจอพร้อมกันจะไปตรัสรู้ตอบได้อย่างไร  แต่เพราะเขาคือโร เซวาเรส  คำตอบแบบนี้จึงไม่มีวันออกจากปากแน่นอกจาก. . .



        “คนไง”



        คิลแยกเขี้ยวงุด  เลียนแบบหัวขโมยผู้ตอนนี้ทำตัวเป็นนักสำรวจบนประภาคารสูง  เสียแต่ว่าที่ตรงนี้ซึ่งมันยืนอยู่ไม่ใช่ประภาคารแต่เป็นระเบียงของปราสาท  สูงจากพื้นของหมู่บ้านหลายร้อยเมตร  เป็นความสูงที่ถ้าเฟรินมันเห็นก็ไม่น่าจะชอบใจถึงขนาดมายืนเท้าแขนเหม่อชมวิวได้  ทั้งที่ตอนอยู่บนเรือมันนั่งจะอ้วกอยู่ทนโท่. . .



        คิดแล้วก็ยิ่งสงสัย  หรือมันอยู่ในที่หนาวจนออกอาการเพี้ยนซะแล้ว  แล้วไอ้คุณห้องสมุดเดินได้ก็ดันตอบกวนๆมาอีก  คล้ายจงใจท้าดวลกัน  นับเป็นเรื่องน่าเสียใจที่เขาไม่หลงกลไปด้วย  สู้กับมันเปลืองแรงที่สุด

        

        กลายเป็นว่าเข้าใจกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งขอทานและนักฆ่า ไม่ต้องถาม  ไม่ต้องตอบ  จบ  คิลเกาจมูกแก้คันแล้วจัดการลากหัวขโมยผู้มองวิวเป็นหุ่นไปฟัดอาหารเช้าในหมู่บ้านเนื่องจากไม่ค่อยถูกกับที่หรูๆอย่างวัง  เหตุผลฟังไม่ขึ้นซึ่งถ้าคนที่ถูกลากมันรู้ตัวคงโวยแหลกลานน้ำลายท่วมสโนแลนด์แย้งสุดเสียงว่า  มันโง่รึเปล่าของฟรีแถมดีๆมีไม่กินต้องถ่อไปกินเองด้วยเท้า โชคดีที่มันยังมัวแต่เหม่อไม่มีที่สิ้นสุด

    ................................................



        ลมหนาวปะทะดวงหน้ากร้านของนักฆ่า  แต่ก็แค่เย็นสบายดีสำหรับเขา  คิดแล้วก็เหลือบมองอีกคนผู้เคยหนาวเป็นเจ้าเข้า  ได้ชื่อว่าไม่ถูกกับอะไรเย็นๆเป็นที่สุด (ถึงต้องชอบยั่วน้ำแข็งให้ละลาย)  มันเดินอย่างไม่มีกระจิตกระใจจะเดิน  ขาเป๋ไปเป๋มาเหมือนเด็กหัดเดิน  ยังความหงุดหงิดมาให้. . .



        “แกเป็นง่อยรึไง”  คิลเปรยกระทบเสียงดัง  มันไปกินอะไรผิดสำแดงจนเป็นอัมพาตรึก็เปล่า คิดแล้วก็ออกแรงดึงแขนมันให้เดินเร็วขึ้น ข้างหลังพวกเขามีรอยเท้าที่ทิ้งไว้ยาวเป็นหลักฐานถึงการเดินผ่านของคน  รอข้างเป็นต้นสนขึ้นหนาแออัด



        “แล้วแกจะดึงทำหอกอะไรวะ  คิล”คนปากไวเถียง



         แต่พอเดินย่ำหิมะต่อโดยเลิกดึงมันก็เริ่มถ่วงอีกแล้ว  เสียแคลอรี่จริงๆเลยเฟ้ย นัยน์ตาสีม่วงกลอกขึ้นฟ้า



        แต่บอกจะอ้าปากด่ามันอีกคำ  โรก็ห้ามไว้ด้วยการยกมือขึ้นแตะบ่า  เรียกให้มองไปข้างหน้าว่าถึงร้านอาหารแล้ว

    คนอารมณ์เสียพ่นลมพรืดด้วยความหงุดหงิด  แม้จะลากมันต่อไปราวเป็นพันธะซึ่งแก้ไม่หลุด

    ..............................................................................................................................

                    พวกเขาทั้งสามคนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร  พนักงานเดินวนเวียนแทบชนกันคอยบริการเสิร์ฟนู่นนี่เป็นระยะ  นึกขนลุกเมื่อต้องคำนวณค่าทิปที่ต้องให้  ต่อมาคิลก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยเมื่อรู้ว่าโรเส้นใหญ่



                    นั่งรออาหารสักพักให้หายเหนื่อย  นักฆ่าก็เริ่มสาวความถึงหนึ่งคนที่ไม่อยู่  กับอาการเอ๋อลิซึมของอีกคน  แน่นอนว่าการถามต้องเป็นไปอย่างเงียบเชียบไม่ให้มันรู้ว่าโดนถามถึงอยู่(นัยหนึ่งคือโดนนินทา) และก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีว่าคาโลมันไม่กลับห้องเลยทั้งคืน  ส่วนคนเอ๋อมันก็เริ่มออกอาการตอนเช้าโดยไม่รู้สาเหตุ(เป็นคำตอบที่มีสาระดีมาก)

        

        อาหารต่างถิ่นดูแปลกตาไปสักหน่อย  จานอาหารหลากสีสันเหมือนปะการังใต้ทะเลขัดกับสีขาวเดิมๆของหิมะนอกร้าน  และจานอาหารแต่ละจานก็ดูเหมาะจะกินในที่หนาวๆแบบนี้  เพราะมันมีแต่. . .ซุปกับซุป  ซุป ซุป ซุปและซุป



        ของกินที่สามารถกลืนได้โดยไม่ต้องเคี้ยว. . .โลโก้ใหม่ที่เฟรินแอบตั้งชื่อให้ในใจ  ขณะที่มือก็ตักซุปเข้าปาก



        เหมือนครีมอุ่นๆ. . .ถ้วยแรกที่เฟริน  เดอเบอโรว์ชิม



        หัวหอมบด?. . .ความรู้สึกจากถ้วยที่สอง



        กลิ่นอะไรวะ  เหม็นเป็นบ้า  ถ้วยที่สามกับการพ่มพึมพำ  และดูเหมือนขอทานผู้รอบรู้จะบังเอิญได้ยิน



        “เครื่องเทศกับเนื้อตุ๋น”



        เฟรินเลิกคิ้วแล้วก้มหน้าลงมองถ้วยเดิมนั้น  เครื่องเทศ?  จะว่าไปมันก็ใช่แฮะ  แต่หน้าตามันไม่เอาถ่านไม่เอาแบตเลย  อย่างว่าของกินเค้าดูที่รสชาติ  เจ้าหล่อนถอนหายใจยาวจนคิลหันมามอง



        มันจะเลิกเป็นอัมพาตก็ตอนกินข้าว. . .เห็นแก่กินจริงๆ  นักฆ่ายังคงนึกด่ามันต่อไป สะใจคนคิด



        พอกระดกถ้วยซุปที่บ่นเมื่อครู่ว่าไม่เอาไหนเสร็จ  มือไวๆก็คว้าเข้าที่ซุปถ้วยต่อไป  แต่พอดีกับนักฆ่าที่มันก็หยิบถ้วยซุปใบเดียวกัน



        “ของฉัน” เฟรินกล่าวเสียงเคร่ง



        “ฉันจับมันก่อน”  คนจับก่อนแย้ง  แต่ไม่อาจเป็นเหตุผลพอที่จะให้จอมเขมือบถอยทัพ  มืออีกข้างที่ว่างชี้ไปที่หน้าต่างเห็นวิวนอกร้านอย่างรวดเร็ว



        “เรนอน”



        ได้ผลตามที่วางแผน  นักฆ่าซื่อบื่อมองตามหน้าตาเฉย  พอหันกลับมาก็รู้ตัวว่าเสียรู้กลเม็ดแย่งอาหารของมันซะแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×