ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : น่ารัก
                “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”  หัวขโมยแห่งบารามอสหอบถี่  มือยันเข่าไว้ด้วยความเหนื่อยอ่อน  เขาเป็นขโมยไม่ใช่นักวิ่ง  ดีที่ซ้อมแข่งกับพ่อบ้านั่นทุกวันตอนโดนฝึกให้เป็นขโมย  ร่างกายที่เคยเป็นผู้หญิงมั่งผู้ชายมั่งหมามั่งก็เลยพอทนได้  ต่างจากสภาพคนที่โดนลากมา  นี่ก็สมกับเป็นเจ้าชายน้ำแข็งจริงๆ  ทำไมมันไม่หอบซักติ๊ด  ให้เกิดความตะหงิดใจนิดๆ
    ทั้งคู่อยู่ในหลืบเล็กๆของถนนคนเดิน  ในซอกนี้มีลังวางระเกะระกะเต็มไปหมด ให้ความอุ่นใจว่าถ้าไอ้คนตามล้างแค้นไม่ใช้เรดาห์หรือรังสีอินฟาเรดก็ไม่มีทางผิดสังเกต
    นัยนต์ตาสีฟ้ามองคนหอบตรงหน้าอย่างสงบ  เหงื่อคนถูกมองเต็มตัวเหมือนนานๆจะได้ออกกำลังกาย  ยังความรำคาญในความชื้นและเหนียวกับเจ้าตัวนัก  เลยถอดมันออกซะอย่างนั้น  ทั้งเสื้อนอกสีน้ำเงินและเสื้อขาวตัวใน(เครื่องแบบนักเรียนในความคิดผมครับ)
    ทำอะไรไม่คิด  คาโลประเมินคนช่วยในใจ  ดีที่ตอนนี้มันเป็นผู้ชายอยู่  เลยลอบถอนใจเบาๆ
    “แกติดหนี้ชั้นแล้ว  คาโล  ให้ช่วยตั้ง 3ที ตั้งแต่ไอ้บ้าคนละป้อม  หมอนั่นที่เจอที่ร้านก๋วยเตี๋ยว แล้วก็เจ้าบ้าขี้เมา  สวยเกินไปแล้วมั้งนาย”  เฟรินกระเซ้าด้วยเสียงที่ยังหอบปน  คาโลขยับยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่อยบ้าง
    “ชั้นจำไม่ได้ว่าขอให้นายช่วยเมื่อไหร่  เฟริน”  น้ำเสียงเรียบๆจงใจก่อชนวนสงคราม(น้ำลาย)  นัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่ลงก่อนเจ้าของจะยิงฟันตอบ
    “คราวหน้าชั้นจะไม่ยุ่งเรื่องนายแล้วกัน ไอ้ท่านเจ้าชายคาโล”
    อากาศอ้าวรอบๆตัวในซอกหลืบค่อยๆคลายลงเพราะเริ่มหายเหนื่อยแต่ตัวยังเหนียวอยู่  ในมือเฟรินถือเสื้อ 2 ตัวอยู่ ขณะนั่งพักกับเจ้าหญิงน้ำแข็งที่ไม่รู้เป็นอะไรมากรึเปล่าถึงขนาดเว้นระยะห่างกันถึง 5 เมตร(ซอกนี้ลึกมาก)
    “คาโล  แกไปนั่งทำไมไกลขนาดนั้น  นั่งตรงนี้ก็ไม่มีใครเห็นหรอกน่า”  เฟรินตะโกนไปหาด้วยความอุสาหะ บวกกับความสงสัยว่ามันระวังอะไรกันขนาดนั้น
    คนถูกถามตอบด้วยการนิ่งเช่นเคย  ส่วนคนถามก็ทอดตามองไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็ชะงักกึกกับสิ่งที่นึกในหัวตนเอง
    หรือว่ามันช็อก???  ไม่มั้ง  เรื่องเล็กกระจ้อยถ้าเทียบกับไอ้ที่ลุยๆมาด้วยกันแต่ก่อน แต่มันก็เล่นไปนั่งไกลขนาดนั้นนี่หว่า  ทำตัวน่าสงสัยเป็นบ้า คาโลงี่เง่า
    แล้วคนคิดก็เดินไปนั่งข้างๆก้อนน้ำแข็งซึ่งอาจจะหลับในเพราะไม่ได้รู้สึกถึงการมาของอีกคนเลย นัยน์ตาสีน้ำตาลสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อบนดวงหน้าสวย  ยังความสงสัยให้มือกร้านล่วงไปสัมผัสกับหน้าผากขาว
    คาโลสะดุ้งตื่นรีบปัดมือซึ่งก้าวก่ายออก  แต่ปากหนักๆของคนจากคาโนวาลก็ไม่ได้พูดอะไรมีแต่ท่าทางตกใจก่นอจะหายไปอย่างรวดเร็วแล้วนั่งพิงกำแพงอิฐต่อ
    “แกเป็นไข้”  เฟรินเปรยลอยๆ  “รีบกลับบ้านพักดีกว่า  ลุกเร็ว”  หัวขโมยออกคำสั่งต่อเจ้าชายคนสำคัญ แล้วผู้ถูกสั่งก็ทำตามอย่างว่าง่าย พลันร่างบางก็ล้มวืดเมื่อโลกหมุนคว้าง  แขนแข็งแรงมาโอบไว้ได้ทันแล้วแบกเขาขึ้นหลังหน้าตาเฉย
    “เดินแทบไม่ไหว เสียท่าเจ้าชายหมดเลยนะ แกนี่  เฮ้ย  อยู่เฉยๆสิ”  เฟรินออกเสียงห้ามสาวน้อยผู้เกิดจะหวงตัวขึ้นมา  แต่เพราะรู้ดีว่ามันหยิ่งไม่ให้ช่วยก็เลยไม่ได้คิดไปอย่างนั้น “แกตัวหนักไม่ใช่น้อย  อย่าคิดจะดิ้นเชียว”
    “. . .”  เพราะพิษไข้ซึ่งแม้พึ่งเป็นไม่กี่นาที  ก็ทำให้มึนจนไม่มีแรงจะกัดกับหมา
    “เฮ้อ  หนักชิปเป๋ง”  เฟรินบ่น
    “ก็ปล่อยซิ”  คนไข้ฟื้นตัวทันทีก่อนจะซบหน้าลงบนหลังคนแบกเกือบจะทันทีเพราะหมดแรงในการพูด
    ภายนอกที่ซ่อนจากการถูกตามตัว  เฟรินรีบหลบมุมถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็วจากแสงสีเสียง  หัวขโมยกำลังเดินช้าๆขณะมาถึงทางที่สองข้างเป็นคูน้ำเงียบสงบต่างกันลิบลับจากที่ซึ่งหนีมา เสียงแมลงกลางคืนร้องคลอเบาๆเป็นดนตรีให้ง่วงนอน  บ้าจริงๆเกิดมาง่วงตอนนี้ก็แบกคาโลมันกลับไม่ไหวหนะสิ
    เจ้าหญิงผมเงินขยับตัวเล็กน้อยหมดสติบนแผ่นหลังกว้าง  อ้อมแขนนวลที่คล้องคออยู่กระชับขึ้นมา  คนอุ้มขึ้นหลังจึงพยายามเอียงศีรษะไปดู  ด้วยความที่หันได้ไม่มากตามทฤษฎีร่างกาย  ก็เลยไม่เห็นอะไรแม้แต่ดวงหน้าที่หลับพริ้มของคาโลในยามนี้
    “คาโล  แกตอนนอนนี่น่ารักกว่ากันเยอะเลยนะ”  เฟรินเอ่ยคำชมที่ถ้าคนนอนอยู่ตื่นจะว่ายังไงบ้างก็ไม่รู้  แล้วเร่งฝีเท้ารีบไปยังบ้านพักโดยรับรองได้ว่าปลอดภัย
    นัยน์ตาสีน้ำตาลมองเห็นที่หมายพาร่างตัวเองกับคนที่แบกอยู่เดินขึ้นไปถึงหน้าห้องอย่างเงียบเชียบ  พนักงานทั้งหลายเข้านอนกันเกือบหมดแล้ว  และไม่มีใครสงสัยว่าเขาไปทำอะไรมา  เป็นประจำที่แขกมักจะกลับมาดึกๆกันพร้อมสภาพเมาแอ๋
    เสียงแง้มประตูดังขึ้นเบาๆด้วยความชำนาญจากฉายาที่มีเป็นประกัน
    เป็นไปตามที่คาดเมื่อ โร ขอทานกิตติมศักดิ์แห่งทริสทอร์หลับไปแล้ว  ส่วนคิลก็นึกสนุกไปนอนที่โต๊ะเหมือนคนลับมีดค้างจนหลับไป  แทนที่จะไปนอนเตียงนุ่มๆ
    ขาของคนพึ่งมาถึงออกแรงดันบานประตูให้มันปิด  ก่อนจะวางร่างสาวน้อยของคาโลไว้บนเตียงริมหน้าต่างหรือเตียงในสุดที่มันโดยอัปเปหิไปเองเนื่องจากอีก 3 เตียง  ตัวเขากับนักฆ่าเพื่อนซี้ มันกระโดดขึ้นไปเล่นบนเตียงที่เหลือจนเละหมดแล้ว  แม้ว่าเตียงของโรจะไม่เละมากนัก(โดนลูกหลงไม่ได้โดดเอง)  แต่สู้เตียงเรียบๆเลยไม่ได้ก็ต้องทำใจไปนอน
    “เฮ้อ......”  เฟรินถอนหายใจยาวๆ  นานๆถึงทำเพราะปกติไม่ค่อยกลุ้มใจอะไรมาก  แต่วันนี้เหนื่อยแล้วก็เหนื่อยอีกจริงๆ  เดินทั้งวันเจอเรื่องตอนทานข้าวแล้วยังแบกเจ้าหญิงน้ำแข็งนี่กลับมาอีก  จอมกะล่อนประจำป้อมล้มตัวลงโดนโดยไม่ต้องไปคำนึงถึงกลิ่นตัวเลย  เสื้อที่ถอดตอนเหงื่อออกก็ใส่นอนไปซะอย่างนั้นตั้งแต่สวมตอนคิดจะแบกคาโลกลับ
..........................................
    “เฟริน  สายแล้ว  เดี๋ยวอาหารเช้าหมด  เร็วๆ”  เสียงเพื่อนรักปลุกแต่เช้าตรู่(ในความคิดเฟริน)พร้อมกับเขย่าให้ตื่นแบบคอเกือบหัก  มันไม่ได้รู้เลยหละสิว่าเมื่อคืนเขาต้องไปเจออะไรมาบ้าง  ทำไมเหตุการณ์สำคัญทีไรหายไปทุกทีเลยวะไอ้คิลเอ๊ย  คนโดนปลุกสบถด่าในใจ  แล้วลุกนั่งบนเตียงนุ่ม
    ประสาทสัมผัสเริ่มกลับเข้าสู่ปกติ  สายตาปรับให้เข้ากับแสงแดด  อากาศสบายๆรับวันใหม่  เสื้อผ้าชุดเดิมที่ควรจะเปลี่ยนมันตอนอาบน้ำก็ยังใส่อยู่เพราะไม่ได้อาบ  ขอทานนัยน์ตาเขียวยืนยิ้มอยู่หน้าประตู  คนข้างๆที่มองหาก็ตื่นแล้วเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย ไม่ต้องบอกก็รู้มันอาบน้ำแล้วแน่ๆ คนละแนวกับเขานี่หว่า  ความขยันยกให้มัน  คามขี้เกียจเขาขอจอง
    เจ้าหญิงผมเงินไม่ได้มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย  คงหายไข้เป็นปลิดทิ้งแล้ว
    “รีบๆลุกเซ่  ไม่ได้โกหกนะโว้ย  นี่มันจะเลยเวลาอาหารเช้าแล้ว”  คิลคว้านาฬิกาพกมาชี้ให้ดู  เข็มสั้นชี้เลขระหว่างเลข 9และเลข 10  ส่วนเข็มสั้นชี้ที่เลข 8  อาหารเช้ารอบสุดท้ายที่พนักงานจะให้บริการ. ..
    “อือ  รู้แล้วน่า”  คนโดนปลุกหาวหวอด แล้วลุกไปห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพียงแค่ 2 นาทีก็ออกมาด้วยความไม่มีระเบียบของเสื้อซึ่งออกมาอยู่นอกกางเกง  และเจ้าตัวก็ไม่แยแส  ลากเพื่อนผู้มีน้ำใจรอทั้งสามคน ลงไปรับประทานอาหารด่วนก่อนจะหมด
....................................................................
    ทั้งคู่อยู่ในหลืบเล็กๆของถนนคนเดิน  ในซอกนี้มีลังวางระเกะระกะเต็มไปหมด ให้ความอุ่นใจว่าถ้าไอ้คนตามล้างแค้นไม่ใช้เรดาห์หรือรังสีอินฟาเรดก็ไม่มีทางผิดสังเกต
    นัยนต์ตาสีฟ้ามองคนหอบตรงหน้าอย่างสงบ  เหงื่อคนถูกมองเต็มตัวเหมือนนานๆจะได้ออกกำลังกาย  ยังความรำคาญในความชื้นและเหนียวกับเจ้าตัวนัก  เลยถอดมันออกซะอย่างนั้น  ทั้งเสื้อนอกสีน้ำเงินและเสื้อขาวตัวใน(เครื่องแบบนักเรียนในความคิดผมครับ)
    ทำอะไรไม่คิด  คาโลประเมินคนช่วยในใจ  ดีที่ตอนนี้มันเป็นผู้ชายอยู่  เลยลอบถอนใจเบาๆ
    “แกติดหนี้ชั้นแล้ว  คาโล  ให้ช่วยตั้ง 3ที ตั้งแต่ไอ้บ้าคนละป้อม  หมอนั่นที่เจอที่ร้านก๋วยเตี๋ยว แล้วก็เจ้าบ้าขี้เมา  สวยเกินไปแล้วมั้งนาย”  เฟรินกระเซ้าด้วยเสียงที่ยังหอบปน  คาโลขยับยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่อยบ้าง
    “ชั้นจำไม่ได้ว่าขอให้นายช่วยเมื่อไหร่  เฟริน”  น้ำเสียงเรียบๆจงใจก่อชนวนสงคราม(น้ำลาย)  นัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่ลงก่อนเจ้าของจะยิงฟันตอบ
    “คราวหน้าชั้นจะไม่ยุ่งเรื่องนายแล้วกัน ไอ้ท่านเจ้าชายคาโล”
    อากาศอ้าวรอบๆตัวในซอกหลืบค่อยๆคลายลงเพราะเริ่มหายเหนื่อยแต่ตัวยังเหนียวอยู่  ในมือเฟรินถือเสื้อ 2 ตัวอยู่ ขณะนั่งพักกับเจ้าหญิงน้ำแข็งที่ไม่รู้เป็นอะไรมากรึเปล่าถึงขนาดเว้นระยะห่างกันถึง 5 เมตร(ซอกนี้ลึกมาก)
    “คาโล  แกไปนั่งทำไมไกลขนาดนั้น  นั่งตรงนี้ก็ไม่มีใครเห็นหรอกน่า”  เฟรินตะโกนไปหาด้วยความอุสาหะ บวกกับความสงสัยว่ามันระวังอะไรกันขนาดนั้น
    คนถูกถามตอบด้วยการนิ่งเช่นเคย  ส่วนคนถามก็ทอดตามองไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็ชะงักกึกกับสิ่งที่นึกในหัวตนเอง
    หรือว่ามันช็อก???  ไม่มั้ง  เรื่องเล็กกระจ้อยถ้าเทียบกับไอ้ที่ลุยๆมาด้วยกันแต่ก่อน แต่มันก็เล่นไปนั่งไกลขนาดนั้นนี่หว่า  ทำตัวน่าสงสัยเป็นบ้า คาโลงี่เง่า
    แล้วคนคิดก็เดินไปนั่งข้างๆก้อนน้ำแข็งซึ่งอาจจะหลับในเพราะไม่ได้รู้สึกถึงการมาของอีกคนเลย นัยน์ตาสีน้ำตาลสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อบนดวงหน้าสวย  ยังความสงสัยให้มือกร้านล่วงไปสัมผัสกับหน้าผากขาว
    คาโลสะดุ้งตื่นรีบปัดมือซึ่งก้าวก่ายออก  แต่ปากหนักๆของคนจากคาโนวาลก็ไม่ได้พูดอะไรมีแต่ท่าทางตกใจก่นอจะหายไปอย่างรวดเร็วแล้วนั่งพิงกำแพงอิฐต่อ
    “แกเป็นไข้”  เฟรินเปรยลอยๆ  “รีบกลับบ้านพักดีกว่า  ลุกเร็ว”  หัวขโมยออกคำสั่งต่อเจ้าชายคนสำคัญ แล้วผู้ถูกสั่งก็ทำตามอย่างว่าง่าย พลันร่างบางก็ล้มวืดเมื่อโลกหมุนคว้าง  แขนแข็งแรงมาโอบไว้ได้ทันแล้วแบกเขาขึ้นหลังหน้าตาเฉย
    “เดินแทบไม่ไหว เสียท่าเจ้าชายหมดเลยนะ แกนี่  เฮ้ย  อยู่เฉยๆสิ”  เฟรินออกเสียงห้ามสาวน้อยผู้เกิดจะหวงตัวขึ้นมา  แต่เพราะรู้ดีว่ามันหยิ่งไม่ให้ช่วยก็เลยไม่ได้คิดไปอย่างนั้น “แกตัวหนักไม่ใช่น้อย  อย่าคิดจะดิ้นเชียว”
    “. . .”  เพราะพิษไข้ซึ่งแม้พึ่งเป็นไม่กี่นาที  ก็ทำให้มึนจนไม่มีแรงจะกัดกับหมา
    “เฮ้อ  หนักชิปเป๋ง”  เฟรินบ่น
    “ก็ปล่อยซิ”  คนไข้ฟื้นตัวทันทีก่อนจะซบหน้าลงบนหลังคนแบกเกือบจะทันทีเพราะหมดแรงในการพูด
    ภายนอกที่ซ่อนจากการถูกตามตัว  เฟรินรีบหลบมุมถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็วจากแสงสีเสียง  หัวขโมยกำลังเดินช้าๆขณะมาถึงทางที่สองข้างเป็นคูน้ำเงียบสงบต่างกันลิบลับจากที่ซึ่งหนีมา เสียงแมลงกลางคืนร้องคลอเบาๆเป็นดนตรีให้ง่วงนอน  บ้าจริงๆเกิดมาง่วงตอนนี้ก็แบกคาโลมันกลับไม่ไหวหนะสิ
    เจ้าหญิงผมเงินขยับตัวเล็กน้อยหมดสติบนแผ่นหลังกว้าง  อ้อมแขนนวลที่คล้องคออยู่กระชับขึ้นมา  คนอุ้มขึ้นหลังจึงพยายามเอียงศีรษะไปดู  ด้วยความที่หันได้ไม่มากตามทฤษฎีร่างกาย  ก็เลยไม่เห็นอะไรแม้แต่ดวงหน้าที่หลับพริ้มของคาโลในยามนี้
    “คาโล  แกตอนนอนนี่น่ารักกว่ากันเยอะเลยนะ”  เฟรินเอ่ยคำชมที่ถ้าคนนอนอยู่ตื่นจะว่ายังไงบ้างก็ไม่รู้  แล้วเร่งฝีเท้ารีบไปยังบ้านพักโดยรับรองได้ว่าปลอดภัย
    นัยน์ตาสีน้ำตาลมองเห็นที่หมายพาร่างตัวเองกับคนที่แบกอยู่เดินขึ้นไปถึงหน้าห้องอย่างเงียบเชียบ  พนักงานทั้งหลายเข้านอนกันเกือบหมดแล้ว  และไม่มีใครสงสัยว่าเขาไปทำอะไรมา  เป็นประจำที่แขกมักจะกลับมาดึกๆกันพร้อมสภาพเมาแอ๋
    เสียงแง้มประตูดังขึ้นเบาๆด้วยความชำนาญจากฉายาที่มีเป็นประกัน
    เป็นไปตามที่คาดเมื่อ โร ขอทานกิตติมศักดิ์แห่งทริสทอร์หลับไปแล้ว  ส่วนคิลก็นึกสนุกไปนอนที่โต๊ะเหมือนคนลับมีดค้างจนหลับไป  แทนที่จะไปนอนเตียงนุ่มๆ
    ขาของคนพึ่งมาถึงออกแรงดันบานประตูให้มันปิด  ก่อนจะวางร่างสาวน้อยของคาโลไว้บนเตียงริมหน้าต่างหรือเตียงในสุดที่มันโดยอัปเปหิไปเองเนื่องจากอีก 3 เตียง  ตัวเขากับนักฆ่าเพื่อนซี้ มันกระโดดขึ้นไปเล่นบนเตียงที่เหลือจนเละหมดแล้ว  แม้ว่าเตียงของโรจะไม่เละมากนัก(โดนลูกหลงไม่ได้โดดเอง)  แต่สู้เตียงเรียบๆเลยไม่ได้ก็ต้องทำใจไปนอน
    “เฮ้อ......”  เฟรินถอนหายใจยาวๆ  นานๆถึงทำเพราะปกติไม่ค่อยกลุ้มใจอะไรมาก  แต่วันนี้เหนื่อยแล้วก็เหนื่อยอีกจริงๆ  เดินทั้งวันเจอเรื่องตอนทานข้าวแล้วยังแบกเจ้าหญิงน้ำแข็งนี่กลับมาอีก  จอมกะล่อนประจำป้อมล้มตัวลงโดนโดยไม่ต้องไปคำนึงถึงกลิ่นตัวเลย  เสื้อที่ถอดตอนเหงื่อออกก็ใส่นอนไปซะอย่างนั้นตั้งแต่สวมตอนคิดจะแบกคาโลกลับ
..........................................
    “เฟริน  สายแล้ว  เดี๋ยวอาหารเช้าหมด  เร็วๆ”  เสียงเพื่อนรักปลุกแต่เช้าตรู่(ในความคิดเฟริน)พร้อมกับเขย่าให้ตื่นแบบคอเกือบหัก  มันไม่ได้รู้เลยหละสิว่าเมื่อคืนเขาต้องไปเจออะไรมาบ้าง  ทำไมเหตุการณ์สำคัญทีไรหายไปทุกทีเลยวะไอ้คิลเอ๊ย  คนโดนปลุกสบถด่าในใจ  แล้วลุกนั่งบนเตียงนุ่ม
    ประสาทสัมผัสเริ่มกลับเข้าสู่ปกติ  สายตาปรับให้เข้ากับแสงแดด  อากาศสบายๆรับวันใหม่  เสื้อผ้าชุดเดิมที่ควรจะเปลี่ยนมันตอนอาบน้ำก็ยังใส่อยู่เพราะไม่ได้อาบ  ขอทานนัยน์ตาเขียวยืนยิ้มอยู่หน้าประตู  คนข้างๆที่มองหาก็ตื่นแล้วเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย ไม่ต้องบอกก็รู้มันอาบน้ำแล้วแน่ๆ คนละแนวกับเขานี่หว่า  ความขยันยกให้มัน  คามขี้เกียจเขาขอจอง
    เจ้าหญิงผมเงินไม่ได้มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย  คงหายไข้เป็นปลิดทิ้งแล้ว
    “รีบๆลุกเซ่  ไม่ได้โกหกนะโว้ย  นี่มันจะเลยเวลาอาหารเช้าแล้ว”  คิลคว้านาฬิกาพกมาชี้ให้ดู  เข็มสั้นชี้เลขระหว่างเลข 9และเลข 10  ส่วนเข็มสั้นชี้ที่เลข 8  อาหารเช้ารอบสุดท้ายที่พนักงานจะให้บริการ. ..
    “อือ  รู้แล้วน่า”  คนโดนปลุกหาวหวอด แล้วลุกไปห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพียงแค่ 2 นาทีก็ออกมาด้วยความไม่มีระเบียบของเสื้อซึ่งออกมาอยู่นอกกางเกง  และเจ้าตัวก็ไม่แยแส  ลากเพื่อนผู้มีน้ำใจรอทั้งสามคน ลงไปรับประทานอาหารด่วนก่อนจะหมด
....................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น