ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic-baramos ฟิคบารามอส เรื่อง ขอสับบทกันมั่งนะคาโล

    ลำดับตอนที่ #4 : เสน่ห์น้ำแข็งของคาโล

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 48


                    เสียงเรียกเหล่านักเรียน(ที่เพิ่มนักเลงไปด้วยกับเหตุการณ์เมื่อครู่) กลับไปที่เกวียนเตรียมเดินทางต่อดังทั่วตลาด  นักเรียนนักช็อปทั้งหลายจึงเริ่มโผล่หยอมๆแหยมๆกลับมารวมพบขึ้นเกวียน



        “เฮ้  พวกเราต้องไปแล้ว  นายก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน”  คนเล่นบทหวานให้เกิดเอฟเฟคแสบตากล่าวก่อนจะกึ่งลากๆฉุดๆให้เจ้าหญิงผมเงินผู้ตามเหตุการณ์ไม่ทันเดินไปกับตน



        “เอ้อ ครับ”  คนโดนเด้งออกจากการเกี่ยวข้องตอบรับง่าย  ก่อนแบมือรับแอ๊ปเปิ้ลลูกเล็กจากหัวขโมยผู้เด้งเขาออกมา  แอ็ปเปิ้ลธรรมดาๆไม่มีพิษภัย(จากสารกันแมลง)สดน่ากิน  แต่เมื่อหมุนดูก็พบว่ามีรอยกรีดจากมีดเป็นตัวอีกษรแกะความ(มันลายมือแย่ขนาดนั้น?)ว่า  good luck



    …………………………………………



        หลังจากไปเดินตะรอนๆไปทั่วในการทัศนศึกษาวันแรกจากทั้งหมด 3 วัน 2 คืน เหล่าผู้ไม่อยู่สุขทั้งหลายของป้อมอัศวินก็เริ่มหมดแรงกับการเดินตามผู้บรรยาย  เวลามีความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ(สุขเพราะเล่นกันจนไม่เป็นอันจดบรรยาย)  แปปเดียวราวกระพริบตาก็ค่ำซะแล้ว



        เมื่อทานอาหารเย็นในที่พักเกรดดี(นิดๆ) ป้อมอัศวินซึ่งเป็นป้อมเดียวที่ออกมาทัศนศึกษา(หาเรื่องใช้งบ)ก็เรียกประชุมแจ้งกำหนดการในวันพรุ่งนี้  ก่อนจะแบ่งกุญแจห้องให้แต่ละกลุ่มไป หัวขโมยปากไวร้องอ๋อทันทีเมื่อรู้สาเหตุของการแบ่งกลุ่ม4คน  และด้วยความเคยชินทุกคนก็ยังคงเข้าแถวรับกุญแจต่อไปโดยไม่หันไปหา  เพราะเสียงหมอนี่หลายรอบแล้วคราวนี้รู้ทันไม่หันตาม



        “ช่วยกันขนกระเป๋าหน่อยสิวะ ฮึบ”  หัวขโมยบ่นประปอดกระแปดให้เพื่อน 2 ตัว ข้างหน้าได้ยิน  คาโลหนะยกไว้ ตอนนี้มันเป็นสาวน้อยบอบบางเดี๋ยวเจ็บช้ำ  แต่ทำไมคิลกับโรมันถึงได้เดินตัวลอยปล่อยให้เขาแบกกระเป๋าของพวกมันรวมทั้งตัวเขาเองคนเดียว  ไม่ยุติธรรมมากๆ ยอมไม่ได้



        “เฮ้ย  มาช่วยกันบ้างซิวะ”  คราวนี้เฟรินตะเบ็งเสียงเต็มที่ ก่อนจะร้องเรียงหลงเมื่ออยู่ๆการทรงตัวก็เสียศูนย์เพราะกระเป๋าจำนวนมากเกินไปขาเลยไปสะดุดเข้า  เขาเริ่มเซไปด้านหลัง  และกำลังจะตกบันไดที่พยายามปีนป่ายพร้อมกับกระเป๋าพวกนี้ขึ้นมา



        “เฮ้ย  เฟริน”  คิลร้องเรียกเพื่อนอย่างตกใจ  มือเอื้อมไปรั้งไว้  แต่. . .



        โครม ตุบตุบ ตับ ปึ๊ง(หลายขั้นครับ)  ไม่ทันซะแล้ว  นัยน์ตาสีน้ำตาลลืมตาขึ้นหลังจากหล่นมากระแทกพื้นจังๆยังไม่พอแถมด้วยกระเป๋าทรยศ(อุตส่าห์แบกขึ้นมา)หล่นทับเป็นโชคชั้นที่สองแบบที่ไม่ต้องส่งฉลากชิงโชค



        “เป็นอะไรมากเปล่าเนี่ย”  คิลเข้ามาพยุงหลังยกกระเป๋าที่ทับเพื่อนอยู่ออกไปจนเห็นหน้า



        “เจ็บเป็นบ้าเลย...อูย”  คนตกบันไดนวดๆคลำๆแถวใบแก้มเพราะมุมกระเป๋ามันเกิดพิศวาสอยากอยู่ใกล้ตอนตกใส่



        พอขยับจะลุกขึ้นก็ต้องพบว่านอกจากหน้าเขียวก้นก็ยังร่วมด้วย ระบมไปหมดกับการตกบันไดในรอบ หลายปีตั้งแต่เกิดมา  ทั้งที่มีวิชาก้นหีบอย่างตีนไวมือไว  แต่กลับฉวยอะไรยึดไว้ไม่ได้เลยให้ต้องตกบันได  คิดแล้วก็แค้นแบบนี้จะเรียนไปทำไม  วิชาของตระกูลจะมีอะไรใช้ได้ผลมั่งมั้ย



        คนตกบันไดและเพื่อนรวมห้องทั้งหมด 4  คน มาประจำการอยู่หน้าห้องนอนตามหมายเลขกุญแจแล้ว  เมื่อโรไขกุญแจเปิดประตู  คนเป็นหัวขโมยก็กล่าวก่อนคนแรก



        “หรูใช้ได้นี่หว่า  นึกว่าจะเป็นพวกสวยนอกเละใน”  พูดจบเฟรินก็วิ่งเข้าไปล้มสองกะหลึง(คาดว่าน่าจะเป็น 2 สลึงแต่มันเพี้ยนหรือไม่ผมก็จำผิดเองครับ= =a) อยู่บนเตียงตัวแรกที่ใกล้ประตูห้องมากที่สุด  คิลกับโรช่วยกันยกกระเป๋ามาวางในห้อง  และสาวน้อยคาโลเดินเข้าห้องมาตามลำดับ



        เฮ้อ คาโลมันเลยเดินลอยอยู่คนเดียว  น่าอิจฉาชะมัด



        นัยนต์ตาสีน้ำตาลกวาดไปมองรอบๆห้องหลังแว่บมองเจ้าหญิงน้ำแข็ง  มีม่านด้วยแฮะ  สีชมพูอีกตะหาก แต่งห้องแววใช้ได้แฮะ



        “ชั้นอาบน้ำก่อนแล้วกัน”  ขอทานผู้รอบรู้จัดผ้าเช็ดตัวกับเสื้อเข้าไปเปลี่ยนแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำซึ่งขนาดสันทัดกับห้องขนาด 4 คน



        นักฆ่านัยน์ตาม่วงมองออกไปนอกหน้าต่าง  เม็ดน้ำกระเด็นชนกันสาดของหน้าต่างแล้วกระเด็นมาเกาะตัวอยู่ที่กระจก



        “ฝนตก?”  คิลเปรย



        “มิน่าอากาศถึงเย็น  วันนี้เหนื่อยใช่เล่นเลย”  เฟรินออกความเห็นขณะพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างมีความสุข  นุ่มจริงๆให้ตายเถอะ  และท่าทางที่เจ้าตัวทำอยู่นั้นก็เหมาะสมกับร่างผู้ชายไม่มีที่ติ   ให้คิลคิดไปถึงอีกคนที่ตอนนี้มีร่างเป็นผู้หญิงแทน  ท่าทางมันจะเครียดหนักขนาดโดดเรียนไปทั้งวัน  หรือมันไปหาวิธีกลับสภาพเดิม?  ถ้าไปหาหละก็ คนความสามารถอย่างคาโลก็ต้องเจอและกลับสู่สภาพเดิมไปนานแล้ว  หรือมันลึกลับขนาดหาไม่ได้ง่ายๆ



        นักฆ่าจากซาเรสนั่งวิเคราะห์สถานการณ์ไร้สาระของเพื่อนทั้งสองก่อนถอนหายใจด้วยความคิดที่ว่า เขาไม่เกี่ยวด้วยซักหน่อย มันก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก แค่เปลี่ยนอะไรเล็กน้อย  สนุกอีกต่างหากเมื่อคนที่เป็นน้ำแข็งตลอดกาลทำหน้าแปลกๆให้เห็นได้หลายรอบแล้วในช่วงแค่ 2 วันนับจากมันเป็นผู้หญิง



        “คาโล”  คิลส่งเสียงเรียก  เมื่อเจ้าของชื่อหันมาก็ว่าต่อ “วันนั้นที่แกโดด....ไม่มาเรียนหนะ ไม่ได้ไปหาวิธีกลับสภาพเดิมเหรอ”



        เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบ “หาแล้ว”



        “แล้วทำไมไม่แก้ให้เป็นเหมือนเดิมหละ”  นักฆ่าซักต่อ  คราวนี้คนนอนเล่นเริ่มสนใจบทสนทนาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจเทียบกับความตั้งใจอันน้อยนิดกับการฟังบรรยายในวันนี้นั้นต่างกันหลายเท่าตัว



        ไม่มีคำตอบจากคาโล  ให้คนฟังบนเตียงสรุปเอาเอง ...มันหาไม่เจอ     แล้วเหมือนว่าคิลเกิดจะเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาซะเฉยๆเลยคุยไปถึงอาวุธในตำนานที่เห็นตอนเดินตามผู้บรรยายต้อยๆ



        โรออกมาจากห้องน้ำแล้วและเข้าสู่โลกความฝันไปเรียบร้อยด้วยเหตุว่าไม่มีอะไรทำ  ชวนคนเล่นหมากรุกมันก็หนีออกไปนอกห้องทันที เขาจึงกลายเป็นคนเฝ้าห้องไปโดยปริยายเมื่อเพื่อนสนิทอีก 2 คน ตามออกไป



        ……………………………….



        “คาโล  แกแนะนำบ้างสิว่าที่คาโนวาลมีที่ไหนน่าเที่ยวตอนกลางคืนมั่ง”  คำถามจากหัวขโมยทำเอาเจ้าชายในร่างหญิงสาวชะงัก  แต่ยังคงสีหน้าเรียบเช่นเดิม



        “เฮ้ย  รู้แล้วห้ามอุบเงียบคนเดียว”  เฟรินไม่ยอมแพ้กับการนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว  ท่าไม้ตายประจำตัวคาโล



        “นายเล็งไว้แล้วมากกว่า  ออกนอกห้องมาคนแรก”  คิลทัก  



        ผู้ฟังเบอร์หนึ่งไหวไหล่ให้  ส่วนผู้ฟังเบอร์สองก็ยังอยู่ในโหมดนิ่งต่อไป



        พวกเขาสามคนกำลังเดินผ่านถนนสายหลักในยามค่ำคืนแต่ดูคึกคักและเพียบพร้อมด้วยร้านอาหารโต้รุ่งกับผู้คนมากมายไม่ให้เหงา



        อากาศเย็นๆหลังฝนตกไม่ชื้นอย่างที่คิด  โล่งสบายน่าเดินเล่น ทั้งที่เคยบ่นว่าเหนื่อย



        แสงไฟสว่างแข่งกับความมืดในยามรัตติกาล เสียงพูดคุยอื้ออึงตามร้านค้าเหล้าเบียร์



        “ใช้ได้นะที่เนี่ย  ร้านไหนดี คิล”  ตัวแสบถามแล้วผิวปากเบาๆเป็นทำนองว่าถูกใจ  คนถูกถามโบ้ยมือไปทางร้านที่หมายตาแล้วคณะ 3 คนที่ตอนนี้มีหนึ่งไม่อยู่ในสภาพที่ควรจะตามมาที่แหล่งสถานเช่นนี้เพราะร่างกายไม่อำนวย



        เจ้าหญิงน้ำแข็งถอนหายใจยาวแล้วเดินตามเข้าไปโดยไม่ได้รู้ว่ามีสายตาแปลกๆจ้องมองอยู่จากภายนอก





        

        ทันทีที่เข้าร้านผู้โชนประสบการณ์ก็ปราดเข้าไปที่เคาน์เตอร์แล้วสั่งเครื่องดื่มมาดับกระหาย โดยเผื่อแผ่ให้เพื่อนทั้งสองด้วย  มันคงลืมไปแล้วว่าเจ้าชายน้ำแข็งในตอนนี้ไม่เหมาะกับการดื่มแบบนี้ซักเท่าไหร่ และด้วยความไม่สนใจอย่างยิ่งยวดอยู่ๆก็พาตัวเองออกมานอกวงที่มีแค่สามคน  มานั่งคุยกับสาวๆในบาร์ให้คิลทำหน้าประหลาดแล้วกระซิบกับคาโล



        “ตกลงเฟรินมันยังเป็นแบบนี้อยู่อีกเหรอ  นายอบรมมันมายังไง”  คาโลปรามด้วยสายตาเหมือนเคย  แต่ช้าก่อนบอกแล้วว่าสายตานี้ใช้ไม่ได้เพราะหน้าหวานๆนั่นมันลดดีกรีความดุไปมาก



        “ชั้นก็ไปมั่งดีกว่า  นายจะไปดูพวกร้านในๆมั้ย”  คิลลุกขึ้นถาม  ก่อนจะจากไปเมื่อคาโลปฏิเสธจะอยู่เฝ้าไอ้คนปากหวานที่แจกคำพูดหวานๆประหนึ่งเอาน้ำหวานเกสรมารวมกันให้เจ๊ทั้งหลายในร้าน



        นัยน์ตาสีฟ้าสงบมองของเหลวในแก้วตัวเองเหมือนใช้ความคิด แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างซึ่งเงามาบังแสงไฟในร้าน  ผู้ยืนอยู่หน้าเธอ(หรือเขา)ในตอนนี้



        “ว่าไง  คนสวย”  กลิ่นเหล้าเหม็นโชยมาทันทีที่ชายคนนั้นขยับปาก  คาโลเบือนหน้าไปอย่างไม่สนใจ  รังความหงุดหงิดให้คนถูกเมินจับไหล่มน  ที่แม้จะอยู่ภายใต้เสื้อผ้าหนาๆก็ยังนุ่ม



        “ท่าทางคงว่าง  อยู่คุยกันสักพักแล้วกัน”



        คาโลลุกขึ้นทันทีแต่ข้อแขนก็โดนดึงไว้แล้ว นัยน์ตาสีฟ้าจ้องเขม็งดุอย่างน่ากลัว  แต่สยบชายเบื้องหน้าไม่ได้







        หัวขโมยผู้ทิ้งเพื่อนมานั่งจีบสาวรุ่นใหญ่ของร้านกำลังสนทนาด้วยคำดอกไม้งามสวยทั้งหลาย  แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ภาพที่ชวนให้ขำเป็นที่สุด  เมื่อเจ้าชายน้ำแข็งกำลังสะบัดข้อมือแล้วเดินหนีคนขี้เหล้าผู้ตามตื้อ  มันสมเป็นผู้หญิง น่าจะแลกเพศกับเขาซะก็สิ้นเรื่อง  เสน่ห์แรงเหลือรับประทานจริงๆ



        แล้วคนแอบขันก็ลาเจ๊ๆ  เดินไปให้ความช่วยเหลือเจ้าหญิงที่โดนมังกรตามล่า



        “จะรังเกียจอะไรกันนักหนา”



        ไม่ว่าเปล่า  กลับอุกอาจดึงแขนไว้ทั้งที่โดนสะบัดหลุดไปเป็นสิบรอบกับการตามสาวน้อยผมเงิน  แต่การจับได้ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมเมื่อสู้แรงผู้ชายไม่ได้  ถ้าเป็นผู้ชายเหมือนกันคงจะไม่เกิดเรื่องชวนปวดหัวแบบนี้  คิดแล้วคาโลก็เงยหน้ามองคนบังอาจคล้ายออกคำสั่งให้ปล่อย



        “รู้มั้ย คาล่า  ที่ชั้นว่าไม่ยิ้มจะมัดใจชายไม่ได้หนะขอถอนคำพูดก่อน”



        เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง  เจ้าของเสียงวางมือลงบนไหล่ของคาล่าตามที่มันเรียก   นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายประกายกล้าท้าสู้กับไอ้คนไม่เจียมตัวเบื้องหน้า  ไม่ได้รู้เลยว่าคนที่กำลังตามตื้อหนะเป็นเจ้าชายประเทศตัวเองแท้ๆ



        “แกเป็นใคร ไอหนู”



        เฟรินเลิกคิ้ว “ลุงนี่เปลี่ยนคำพูดทันทีเลยนะ  อยู่ต่อหน้าสาวงามอย่าพูดไม่เพราะสิ”  คำสั่งสอนจากเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทำให้อารมณ์เดือด  แล้วกระชากคอเสื้อมัน  แต่ท่าทีของคนปากไวก็ยังไม่สะทกสะท้าน



        มือกร้านของหัวขโมยคว้าหมับเข้าที่มือคนขี้เมา  แล้วบีบแรงจนต้องปล่อย



        “โอ๊ย”  เสียงครวญดังขึ้นพร้อมมืออีกข้างที่เข้ากุมทันทีคลายความเจ็บ “แก..” แค่สรรพนามไร้มารยาทต่อหน้าสาวงามก็แย่พอแล้วสำหรับเฟริน เดอเบอโรว์  หมัดเมาสำนักไหนไม่รู้พุ่งเข้าที่หน้าซึ่งมีรอยแปลเป็นใต้ตา  ด้วยความไวสมเป็นขโมยก็สมมารถหลบได้อย่างสบาย  ให้คนขี้เมาได้รู้ว่าเลือกคู่ผิดด้วยการขัดขาธรรมดาไม่ต้องพึ่งผ่าปฐพีคู่ซี้



        ร่างบึกๆหล่นโครมหัวไปกระแทกเอามุมโต๊ะพอดิบพอดี  ร้านทั้งร้านหันมาด้วยความสนใจ ก่อนจะเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์  เป็นโอกาสให้หัวขโมยกับเจ้าหญิงน้ำแข็งได้หลบหนีออกมา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×