ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วงกตใต้ดิน
บทที่ 3 วงกตใต้ดิน
    “โร”
    นัยน์ตาสีเขียวหันมาสบ  รอคำถามที่จะยิงมาของคนข้างๆ
    “สโนแลนด์มีที่แบบนี้ด้วยเรอะ”
    ผู้ถูกถามขยับยิ้มกับตลกฝืดของคนดวงซวย . . . ณ ตอนนี้ มองไปรอบๆมีแต่สีขาวกั้นเป็นแนวๆ  พอสัมผัส  สีขาวนั้นก็หลุดออกมองเห็นภายในเป็นสีเขียว  มันคือต้นไม้ที่ถูกสร้างเป็นเขาวงกตขนาดใหญ่  ส่วนสาเหตุที่เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพราะ. . .ตกหลุมข้างบนหล่นลงมา  เรียกแบบนี้คงจะถูก
    เจ้าหล่อนยืนเท้าเอวหาทางออก ผู้ใดมันเป็นคนขุดหลุมไว้  ที่สำคัญคือมันมาทำเขาวงกตเล่นอะไรใต้ดินแบบนี้  ความคิดมันจะสร้างสรรค์เกินไปแล้ว  แทนที่จะได้ส่งของให้มันจบๆก็ต้องมาหล่นเผละอยู่ในนี้ด้วยความไม่ระวัง  ใครมันจะไปนึกว่ามีหลุมอยู่หน้าวัง  แล้วอีก 2 คน มันไปหล่นอยู่ส่วนไหนของที่นี่หละ  ปวดเฮดจริงๆ
   
    “แกรู้ทางออกรึเปล่า”  เฟรินเปรยถาม  ความเงียบเป็นคำตอบ “ถ้ารู้ไม่ต้องทำเป็นเงียบนะเว้ย  รีบๆออก  ไม่ชอบที่นี่เลยให้ตายสิ”
    “ทางออกหนะมี(ข่าวสารของทริสทอร์ไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว) แต่หิมะขวางทางอยู่”  โรเดินไปที่กองหิมะสูง “คงหล่นมาพร้อมกับพวกเรา”
    ผู้ฟังเดินเข้ามาสมทบ
    “งั้นจะทำยังไง”  เฟรินเปรยถามกวาดตามองไปทั่ว  ก่อนจะดึงคนรอบรู้ไปโดยไม่รอคำตอบเมื่อไปพบกับอีกทางใกล้ๆ  พลิกจากคนถามมาเป็นคนนำ  เดินเร็วไปตามช่องทางสีขาวโพลน
...................................................................
    การทรงตัวที่เสียสมดุลทำเอานักฆ่าหน้าซีด  ก่อนจะโล่งออกไปเมื่อคนข้างๆมันเรียกลมหิมะมารองรับไว้กันก้นเขียว  ร่างแข็งแรงลุกขึ้นทันทีที่ถึงพื้น  มือกร้านปัดหิมะออกจากเสื้อ นัยน์ตาสีม่วงกวาดไปทั่วก่อนกลับมาหยุดที่คาโล     
    เจ้าชายน้ำแข็งที่ถ้าไม่สังเกตให้ดีมันอาจจะถูกบรรยากาศกลืนไปมิด  ผมสีเงินนัยหนึ่งคือขาวถ้าไม่มีแสงมากระทบ  ตาสีฟ้า มองผ่านๆเป็นสีขาว  ผิว . . . ขาวอีก  อืม  นอกจากนี้  เสื้อมันก็ขาว  โอ้  มันเป็นอะไรมากรึเปล่า  แต่งขาวทั้งตัว  หลงกันทีไม่ต้องหาเลย
    คิลส่ายหน้าช้าๆ  เขาติดนิสัยวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นมาจากตัวแสบนั่นรึเปล่า  แต่มันก็ชวนให้น่าคิดจริงๆหนะแหละ  ว่าเพื่อนแต่ละคนมันผิดปกติกันหมด  ไม่ต้องให้สาธยายในใจเพราะมันคงยาวไปหลายสิบโยชน์  มิน่าพ่อถึงบอกว่าอย่าคบเพื่อน. . . .แต่มันสนุก. . .ดีกว่าไม่มีเยอะ
   
    นักฆ่านัยน์ตาม่วงเดินเข้ามาใกล้  รอให้อีกคนนำไปด้วยไม่คิดจะถาม  เขาไม่ใช่คนช่างพูดเหมือนใครบางคนที่ไม่รู้มันไปหล่นอยู่ส่วนไหน  แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะไม่ทำอะไรเลย
   
    เนตรสีฟ้าหันมาสบ  พลันเจ้าของร่างก็เดินนำอย่างรู้หน้าที่  คิลขยับยิ้ม  ก่อนจะขนลุกซู่เมื่อนึกถึงคำพูดผล่อยๆคำนึง. . . . . . สื่อตาภาษาใจ. . . .
   
    คทาพิพากษาอยู่ในมือเจ้าของแล้ว  หัวลูกแก้วขาวส่องแสงถูกใช้นำทางไปหาเด็กหลงทางอีก 2  คน  น่าสงสัยว่าทำไมมันจะบังเอิญกันไปมั้ยที่ตอนหล่นมาต้องแยะเป็น 2 กลุ่ม  กลุ่มละ 2 คนอีก  ท่าทางวันนี้เลขสองจะนำโชค(ร้าย)ให้
    ผมสีเงินโดนหิมะกลบเล็กน้อยเมื่อมันหล่นมาติดตอนต้นไม้ไหวลมหนาว  เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในแดนเหมันต์  แสงจากข้างบนมืดลง  ภายในอุโมงค์ขนาดใหญ่ใต้ดินนี้จึงมืดหนักกว่า ถ้าไม่มีคาโล  เขาก็ต้องเดินไปเงียบๆท่ามกลางความมืดที่หนาวเย็น  นึกๆแล้วก็เห็นใจอีกฟากหนึ่ง  ถ้าเกิดตัวแสบนั่นมันหล่นอยู่คนเดียว  มันมิกลัวตายรึ  เอาเป็นว่าภาวนาให้มันหล่นไปเจอโรด้วยเถอะ สาธุ  ดีกว่าให้มันแหกปากลั่นตอนดึกแล้วหิมะตกมาทับเพราะทนเสียงอุบาทว์ไม่ไหว  คิลคิดแล้วก็ขันในใจ  ยิ้มที่มุมปาก
   
    ความมืดค่อยๆแผ่ขยายอาณาเขตขึ้นเรื่อยๆ  การที่พวกเขาหายตัวไปพร้อมกัน  4 คนมันดูไม่แปลกไปหน่อยหรือ  ทำไมไม่มีวี่แววคนตามหาเลยสักนิด  ราวกับคนนำทางจะรู้คำถาม คาโลจึงเปรยขึ้นลอยๆ
   
    “ที่นี่เป็นเขาวงกตใต้วังหลวง  ปกติไม่มีคนเข้ามาสำรวจ  ถูกปิดตาย  ถ้าจะออกคงต้องอาศัยทางเชื่อมใต้ดินกับตัวปราสาท”
   
    คำอธิบายที่บอกชัดว่ามันรู้ทางออกไม่ต้องเป็นห่วง  ทีนี้จะทำยังไงกับการตามหาอีก 2 คน  ให้โรนำน่าจะเจอกันง่าย  หมอนั่นมันรู้ไปหมด  ตั้งแต่เรื่องอะตอมยันอวกาศ  กลัวแต่ว่าไอ้บ้านั่นมันจะชิงนำทางไปซะก่อน  ทีนี้หละได้หลงกันสนุกสนานสำราญใจ  ต้องตามหาด้วยดาวเทียม ถึงจะเจอ
   
    แล้วเสียงหนึ่งก็วูบผ่าน  ที่พุ่มไม้หนาด้านขวา  หิมะซึ่งเกาะอยู่หล่นลง  คิลตัดสินใจเดินไปสมทบกับคาโลหลังจากที่เดินตามหลังมานาน
    “ได้ยินมั้ย”  นักฆ่าเปรยเสียงแผ่ว
   
    คนตอบพยักหน้ารับรู้  นัยน์ตาสีม่วงมองไปข้างๆด้วยความระแวดระวัง  ประสาทสัมผัสตื่นตัว  ทางข้างหน้ามืดสนิทแต่เห็นได้ด้วยแสงจากคทาพิพากษา  พื้นหิมะนุ่มๆดูไม่ชอบมาพากลแล้วในยามนี้ สีดำกลบกลืนทุกอย่างให้มองไม่เห็น  บดบังการรับรู้ด้วยดวงตา 
    หูนักฆ่าได้ยินเสียงนั่นอีกครั้ง  มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  เสียงซวบๆ ผ่านต้นไม้ดังขึ้นจนเกือบถึงตัว  แล้วจู่ๆมันก็เงียบไป
    คาโลหยุดอยู่กับที่เป็นสัญญาณให้นักฆ่า  เตรียมตัว. . .
    ร่างในเงามือกระโดดวูบออกมา  โถมเข้าใส่คิล  แรงและหนักจนเซล้ม  มือกร้านขยับหมายเรียกอาวุธรัดคอ  พลันนัยน์ตาสีม่วงก็เบิกกว้าง  เรตินาขยายตัว  สิ่งที่อยู่บนตัวเขาตอนนี้  ทับเขาอยู่  แถบมันยังเอามือกอดตัวซะเต็มที่  ผมสีน้ำตาลพันกันมั่วเต็มใบหน้า  เฟริน!
   
    “คิล”  เพื่อนรัก ตะโกนทัก  ทั้งที่อยู่ในระยะใกล้  แต่มันเสียงดังจนขี้หูเต้นระบำไปถึงไหนต่อไหน  พอคุมสติได้หน่อยคิลก็หันไปมองคาโล  มันก็ยืนตื่นๆเหมือนกัน  เมื่อไอ้ตัวที่ระวังนักหนาว่าจะเป็นตัวอะไรร้ายกาจน่ากลัวกลับเป็นตัวแสบไร้พิษสง
   
    เสียงซวบสุดท้ายดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของโร เซวาเรส  บุรุษที่สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มเสมอ  ผิดไปนิดตรงที่มันเปื้อนอะไนขาวๆด้วยเล็กน้อย  ยังความสงสัยให้ปากขยับ
    “แก้มนายไปโดนอะไร”  คิลถามก่อนดันตัวแสบให้ออกไปได้แล้ว  เขาไม่พิศวาสมันหรอกจะบอกให้  กอดผิดคนแล้วพวก
    ผู้ถูกถามชี้นิ้วไปที่หัวขโมยผมยุ่ง คิลสบถอุบ  ในเวลาแบบนี้มันยังมีหน้ามาเล่นปาหิมะอีก  เชื่อมันเลย
    “อีกนิดเดียว เฟริน  พยายามหน่อย”  น้ำเสียงหอบฮั่กของเพื่อนซี้กระตุ้น
    “ไม่ไหวแล้ว”  เสียงจากด้านบนตะโกนตอบ  มันก็หอบเหมือนกัน
    “เฮ้ย  อีกนิดเดียว  อย่าเชียวนะ”  นักฆ่าเร่งทันที  เมื่อคนข้างบนที่มันกำลังก่ายสุดชีวิต ดูคล้ายแมงมุมปั่นใย ตะเกียดตะกายขาให้ขึ้นไปสู่ด้านบน  มือกร้านพยายามช่วยๆดันมัน  ด้วยกริยามารยาทนิสัยกิจวัตรของมันทำให้ลืมสนิทไปว่ามันเป็นผู้หญิง  คิลเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก  ถีบมันขึ้นไปอย่างสบายใจแกมรำคาญ
    หัวขโมยร้องเสียงหลง  หน้าทิ่มกับพื้น  พอลุกขึ้นมาก็นวดจมูกกลัวดั้งยุบ  ก่อนจะแหกปากกล่าวขอบคุณนักฆ่าผู้อุตส่าห์ส่งมันขึ้นมาถึงช่องทางออก  โดยมีเจ้าหล่อนอยู่คนเดียวที่ออกไปได้แล้ว  เหลือแต่อีก 3 คนข้างล่าง  นัยน์ตาสีน้ำตาลหาของมาช่วยดึงมันขึ้นมา  แล้วก็เป็นอันยกเลิก  เมื่อมันปีนกันกระโดดขึ้นมาหน้าตาเฉย  ทำเอาคนมองหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
    “ทางนี่จะนำไปสู่ข้างในวังโดยตรง  อีกเดี๋ยวคงถึง”  โรเปรยอธิบาย  คนฟังพยักหน้าหงึกๆ  เว้นแต่คาโลที่เหมือนรู้ดีอยู่แล้ว  ความเงียบโรยตัวชั่วหนึ่ง
    เฟรินแสร้งถอยหายใจเสียงดัง  แล้วเปรยขึ้น
    “สรุปก็เลยต้องเข้าวังโดยทางลัด  เท่ไปคนละแบบ  แล้วพวกคนในวังจะไม่ตกใจเหรอ  ถ้าเราโผล่ขึ้นไปแบบนี้”
    “เดี๋ยวขึ้นไปนายก็จะรู้เอง”  โรตอบ
    วันนี้มันดวงคู่กับเลขสองยังไม่พอ  ผลบุญอันใดบันดลให้ต้องเดินในอุโมงค์ค์ทั้งเช้าทั้งเย็นด้วยหละเนี่ย  หินเก่ามีละอองหิมะคลุมบางๆ  พอเดินไปสุดทาง  ก็ปรากฏหินก้อนใหญ่  แต่เมื่อคาโลเอามือไปแตะ มันก็หายวับไปราวกับเวทมนต์  น่าพิศวงจนหัวขโมยอดแซวไม่ได้
    “นายเล่นมายากลเก่งแบบนี้  ทำไมไม่เอาไปใช้หาตังค์”  เจ้าหล่อนว่า  โคลงหัวไปมา “ลืมไป  นายเป็นเจ้าชาย  รวยอยู่แล้ว”  คนพูดกอดอกขึงขังแล้วนำหน้า ฉายเดี่ยว 
    เป็นอย่างที่คนปากไวคิด  ชาววังทั้งหลายมีท่าทีตกใจเล็กน้อยกับการมาของอาคันตุกะผู้มอมแมม  แต่คนหนึ่งยังคงมาดมากไว้เป็นลักษณะเด่น  หลงนึกว่าเศรษฐีตกยากหลงเข้ามาในแรกเห็น
    ครั้นเมื่อถามไถ่กันเรียบร้อย  ด้วยฝีปากวาทะอันยอดเยี่ยมของ โร เซวาเรส  ทุกคนก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี  พวกเขาถูกส่งไปที่ห้องรับรอง  วันแรกก็เต็มที่แล้วกับการเดินหลงและมอมแมม
    เสียงประตูดเปิดแอ้ดขึ้น  เรียกความสนใจจากคณะเดินทางทั้งสี่ให้หันไปมองก่อนจะกลับมาทำอะไรเล่นตรงหน้าอย่างไม่ใส่นักเมื่อคนที่เข้ามาเป็นสาวน้อยในชุดแม่บ้าน  ผู้ที่เฟรินมองไม่วางตาตั้งแต่เจ้าหล่อนเข้ามา
   
    มือบอบบางวางแก้วน้ำลงช้าๆ  ไม่พ้นสายตาไวดุจระบบถ่ายภาพดิจิตอล ผู้สังเกตเห็นอาการสั่น  จึงขยับรอยยิ้มกว้างเป็นมิตรขณะรับแก้วน้ำ  แล้วแว่บหายไปจากห้องกับเจ้าหล่อนอย่างเงียบๆ. . .สมกับฉายาหัวขโมยแห่งบารามอส
   
    คิลเงยหน้าขึ้นมาจากมีดในมือ  ขณะที่มืออีกข้างถือหินก้อนเล็กไว้ลับอยู่  นัยน์ตาสีม่วงมองหาเพื่อนรักที่มันเผ่นไปไหนต่อไปแล้ว  อีกสองคนนั่งตรงข้าม  คนหนึ่งอ่านหนังสือเล่มหนากับอีกคนอ่านเล่มหนากว่า  หนอนหนังสือชัดๆ  สองคนนี้  คิลขยับยิ้มกับตัวเอง  รู้สึกวันนี้จะคิดมากพูดมากตามใครบางคนเข้าแล้ว
   
...............................
อ่า ภาพเรือในตอนที่ 1ครับผม http://ritz.exteen.comขอบคุณที่เข้ามาอ่านคร้าบ= =a(ฟิคร่อแร่มากครับ ตอนนี้  สมองไม่แล่น อ๊าก  มึน)
    “โร”
    นัยน์ตาสีเขียวหันมาสบ  รอคำถามที่จะยิงมาของคนข้างๆ
    “สโนแลนด์มีที่แบบนี้ด้วยเรอะ”
    ผู้ถูกถามขยับยิ้มกับตลกฝืดของคนดวงซวย . . . ณ ตอนนี้ มองไปรอบๆมีแต่สีขาวกั้นเป็นแนวๆ  พอสัมผัส  สีขาวนั้นก็หลุดออกมองเห็นภายในเป็นสีเขียว  มันคือต้นไม้ที่ถูกสร้างเป็นเขาวงกตขนาดใหญ่  ส่วนสาเหตุที่เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพราะ. . .ตกหลุมข้างบนหล่นลงมา  เรียกแบบนี้คงจะถูก
    เจ้าหล่อนยืนเท้าเอวหาทางออก ผู้ใดมันเป็นคนขุดหลุมไว้  ที่สำคัญคือมันมาทำเขาวงกตเล่นอะไรใต้ดินแบบนี้  ความคิดมันจะสร้างสรรค์เกินไปแล้ว  แทนที่จะได้ส่งของให้มันจบๆก็ต้องมาหล่นเผละอยู่ในนี้ด้วยความไม่ระวัง  ใครมันจะไปนึกว่ามีหลุมอยู่หน้าวัง  แล้วอีก 2 คน มันไปหล่นอยู่ส่วนไหนของที่นี่หละ  ปวดเฮดจริงๆ
   
    “แกรู้ทางออกรึเปล่า”  เฟรินเปรยถาม  ความเงียบเป็นคำตอบ “ถ้ารู้ไม่ต้องทำเป็นเงียบนะเว้ย  รีบๆออก  ไม่ชอบที่นี่เลยให้ตายสิ”
    “ทางออกหนะมี(ข่าวสารของทริสทอร์ไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว) แต่หิมะขวางทางอยู่”  โรเดินไปที่กองหิมะสูง “คงหล่นมาพร้อมกับพวกเรา”
    ผู้ฟังเดินเข้ามาสมทบ
    “งั้นจะทำยังไง”  เฟรินเปรยถามกวาดตามองไปทั่ว  ก่อนจะดึงคนรอบรู้ไปโดยไม่รอคำตอบเมื่อไปพบกับอีกทางใกล้ๆ  พลิกจากคนถามมาเป็นคนนำ  เดินเร็วไปตามช่องทางสีขาวโพลน
...................................................................
    การทรงตัวที่เสียสมดุลทำเอานักฆ่าหน้าซีด  ก่อนจะโล่งออกไปเมื่อคนข้างๆมันเรียกลมหิมะมารองรับไว้กันก้นเขียว  ร่างแข็งแรงลุกขึ้นทันทีที่ถึงพื้น  มือกร้านปัดหิมะออกจากเสื้อ นัยน์ตาสีม่วงกวาดไปทั่วก่อนกลับมาหยุดที่คาโล     
    เจ้าชายน้ำแข็งที่ถ้าไม่สังเกตให้ดีมันอาจจะถูกบรรยากาศกลืนไปมิด  ผมสีเงินนัยหนึ่งคือขาวถ้าไม่มีแสงมากระทบ  ตาสีฟ้า มองผ่านๆเป็นสีขาว  ผิว . . . ขาวอีก  อืม  นอกจากนี้  เสื้อมันก็ขาว  โอ้  มันเป็นอะไรมากรึเปล่า  แต่งขาวทั้งตัว  หลงกันทีไม่ต้องหาเลย
    คิลส่ายหน้าช้าๆ  เขาติดนิสัยวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นมาจากตัวแสบนั่นรึเปล่า  แต่มันก็ชวนให้น่าคิดจริงๆหนะแหละ  ว่าเพื่อนแต่ละคนมันผิดปกติกันหมด  ไม่ต้องให้สาธยายในใจเพราะมันคงยาวไปหลายสิบโยชน์  มิน่าพ่อถึงบอกว่าอย่าคบเพื่อน. . . .แต่มันสนุก. . .ดีกว่าไม่มีเยอะ
   
    นักฆ่านัยน์ตาม่วงเดินเข้ามาใกล้  รอให้อีกคนนำไปด้วยไม่คิดจะถาม  เขาไม่ใช่คนช่างพูดเหมือนใครบางคนที่ไม่รู้มันไปหล่นอยู่ส่วนไหน  แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะไม่ทำอะไรเลย
   
    เนตรสีฟ้าหันมาสบ  พลันเจ้าของร่างก็เดินนำอย่างรู้หน้าที่  คิลขยับยิ้ม  ก่อนจะขนลุกซู่เมื่อนึกถึงคำพูดผล่อยๆคำนึง. . . . . . สื่อตาภาษาใจ. . . .
   
    คทาพิพากษาอยู่ในมือเจ้าของแล้ว  หัวลูกแก้วขาวส่องแสงถูกใช้นำทางไปหาเด็กหลงทางอีก 2  คน  น่าสงสัยว่าทำไมมันจะบังเอิญกันไปมั้ยที่ตอนหล่นมาต้องแยะเป็น 2 กลุ่ม  กลุ่มละ 2 คนอีก  ท่าทางวันนี้เลขสองจะนำโชค(ร้าย)ให้
    ผมสีเงินโดนหิมะกลบเล็กน้อยเมื่อมันหล่นมาติดตอนต้นไม้ไหวลมหนาว  เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในแดนเหมันต์  แสงจากข้างบนมืดลง  ภายในอุโมงค์ขนาดใหญ่ใต้ดินนี้จึงมืดหนักกว่า ถ้าไม่มีคาโล  เขาก็ต้องเดินไปเงียบๆท่ามกลางความมืดที่หนาวเย็น  นึกๆแล้วก็เห็นใจอีกฟากหนึ่ง  ถ้าเกิดตัวแสบนั่นมันหล่นอยู่คนเดียว  มันมิกลัวตายรึ  เอาเป็นว่าภาวนาให้มันหล่นไปเจอโรด้วยเถอะ สาธุ  ดีกว่าให้มันแหกปากลั่นตอนดึกแล้วหิมะตกมาทับเพราะทนเสียงอุบาทว์ไม่ไหว  คิลคิดแล้วก็ขันในใจ  ยิ้มที่มุมปาก
   
    ความมืดค่อยๆแผ่ขยายอาณาเขตขึ้นเรื่อยๆ  การที่พวกเขาหายตัวไปพร้อมกัน  4 คนมันดูไม่แปลกไปหน่อยหรือ  ทำไมไม่มีวี่แววคนตามหาเลยสักนิด  ราวกับคนนำทางจะรู้คำถาม คาโลจึงเปรยขึ้นลอยๆ
   
    “ที่นี่เป็นเขาวงกตใต้วังหลวง  ปกติไม่มีคนเข้ามาสำรวจ  ถูกปิดตาย  ถ้าจะออกคงต้องอาศัยทางเชื่อมใต้ดินกับตัวปราสาท”
   
    คำอธิบายที่บอกชัดว่ามันรู้ทางออกไม่ต้องเป็นห่วง  ทีนี้จะทำยังไงกับการตามหาอีก 2 คน  ให้โรนำน่าจะเจอกันง่าย  หมอนั่นมันรู้ไปหมด  ตั้งแต่เรื่องอะตอมยันอวกาศ  กลัวแต่ว่าไอ้บ้านั่นมันจะชิงนำทางไปซะก่อน  ทีนี้หละได้หลงกันสนุกสนานสำราญใจ  ต้องตามหาด้วยดาวเทียม ถึงจะเจอ
   
    แล้วเสียงหนึ่งก็วูบผ่าน  ที่พุ่มไม้หนาด้านขวา  หิมะซึ่งเกาะอยู่หล่นลง  คิลตัดสินใจเดินไปสมทบกับคาโลหลังจากที่เดินตามหลังมานาน
    “ได้ยินมั้ย”  นักฆ่าเปรยเสียงแผ่ว
   
    คนตอบพยักหน้ารับรู้  นัยน์ตาสีม่วงมองไปข้างๆด้วยความระแวดระวัง  ประสาทสัมผัสตื่นตัว  ทางข้างหน้ามืดสนิทแต่เห็นได้ด้วยแสงจากคทาพิพากษา  พื้นหิมะนุ่มๆดูไม่ชอบมาพากลแล้วในยามนี้ สีดำกลบกลืนทุกอย่างให้มองไม่เห็น  บดบังการรับรู้ด้วยดวงตา 
    หูนักฆ่าได้ยินเสียงนั่นอีกครั้ง  มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  เสียงซวบๆ ผ่านต้นไม้ดังขึ้นจนเกือบถึงตัว  แล้วจู่ๆมันก็เงียบไป
    คาโลหยุดอยู่กับที่เป็นสัญญาณให้นักฆ่า  เตรียมตัว. . .
    ร่างในเงามือกระโดดวูบออกมา  โถมเข้าใส่คิล  แรงและหนักจนเซล้ม  มือกร้านขยับหมายเรียกอาวุธรัดคอ  พลันนัยน์ตาสีม่วงก็เบิกกว้าง  เรตินาขยายตัว  สิ่งที่อยู่บนตัวเขาตอนนี้  ทับเขาอยู่  แถบมันยังเอามือกอดตัวซะเต็มที่  ผมสีน้ำตาลพันกันมั่วเต็มใบหน้า  เฟริน!
   
    “คิล”  เพื่อนรัก ตะโกนทัก  ทั้งที่อยู่ในระยะใกล้  แต่มันเสียงดังจนขี้หูเต้นระบำไปถึงไหนต่อไหน  พอคุมสติได้หน่อยคิลก็หันไปมองคาโล  มันก็ยืนตื่นๆเหมือนกัน  เมื่อไอ้ตัวที่ระวังนักหนาว่าจะเป็นตัวอะไรร้ายกาจน่ากลัวกลับเป็นตัวแสบไร้พิษสง
   
    เสียงซวบสุดท้ายดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของโร เซวาเรส  บุรุษที่สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มเสมอ  ผิดไปนิดตรงที่มันเปื้อนอะไนขาวๆด้วยเล็กน้อย  ยังความสงสัยให้ปากขยับ
    “แก้มนายไปโดนอะไร”  คิลถามก่อนดันตัวแสบให้ออกไปได้แล้ว  เขาไม่พิศวาสมันหรอกจะบอกให้  กอดผิดคนแล้วพวก
    ผู้ถูกถามชี้นิ้วไปที่หัวขโมยผมยุ่ง คิลสบถอุบ  ในเวลาแบบนี้มันยังมีหน้ามาเล่นปาหิมะอีก  เชื่อมันเลย
    “อีกนิดเดียว เฟริน  พยายามหน่อย”  น้ำเสียงหอบฮั่กของเพื่อนซี้กระตุ้น
    “ไม่ไหวแล้ว”  เสียงจากด้านบนตะโกนตอบ  มันก็หอบเหมือนกัน
    “เฮ้ย  อีกนิดเดียว  อย่าเชียวนะ”  นักฆ่าเร่งทันที  เมื่อคนข้างบนที่มันกำลังก่ายสุดชีวิต ดูคล้ายแมงมุมปั่นใย ตะเกียดตะกายขาให้ขึ้นไปสู่ด้านบน  มือกร้านพยายามช่วยๆดันมัน  ด้วยกริยามารยาทนิสัยกิจวัตรของมันทำให้ลืมสนิทไปว่ามันเป็นผู้หญิง  คิลเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก  ถีบมันขึ้นไปอย่างสบายใจแกมรำคาญ
    หัวขโมยร้องเสียงหลง  หน้าทิ่มกับพื้น  พอลุกขึ้นมาก็นวดจมูกกลัวดั้งยุบ  ก่อนจะแหกปากกล่าวขอบคุณนักฆ่าผู้อุตส่าห์ส่งมันขึ้นมาถึงช่องทางออก  โดยมีเจ้าหล่อนอยู่คนเดียวที่ออกไปได้แล้ว  เหลือแต่อีก 3 คนข้างล่าง  นัยน์ตาสีน้ำตาลหาของมาช่วยดึงมันขึ้นมา  แล้วก็เป็นอันยกเลิก  เมื่อมันปีนกันกระโดดขึ้นมาหน้าตาเฉย  ทำเอาคนมองหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
    “ทางนี่จะนำไปสู่ข้างในวังโดยตรง  อีกเดี๋ยวคงถึง”  โรเปรยอธิบาย  คนฟังพยักหน้าหงึกๆ  เว้นแต่คาโลที่เหมือนรู้ดีอยู่แล้ว  ความเงียบโรยตัวชั่วหนึ่ง
    เฟรินแสร้งถอยหายใจเสียงดัง  แล้วเปรยขึ้น
    “สรุปก็เลยต้องเข้าวังโดยทางลัด  เท่ไปคนละแบบ  แล้วพวกคนในวังจะไม่ตกใจเหรอ  ถ้าเราโผล่ขึ้นไปแบบนี้”
    “เดี๋ยวขึ้นไปนายก็จะรู้เอง”  โรตอบ
    วันนี้มันดวงคู่กับเลขสองยังไม่พอ  ผลบุญอันใดบันดลให้ต้องเดินในอุโมงค์ค์ทั้งเช้าทั้งเย็นด้วยหละเนี่ย  หินเก่ามีละอองหิมะคลุมบางๆ  พอเดินไปสุดทาง  ก็ปรากฏหินก้อนใหญ่  แต่เมื่อคาโลเอามือไปแตะ มันก็หายวับไปราวกับเวทมนต์  น่าพิศวงจนหัวขโมยอดแซวไม่ได้
    “นายเล่นมายากลเก่งแบบนี้  ทำไมไม่เอาไปใช้หาตังค์”  เจ้าหล่อนว่า  โคลงหัวไปมา “ลืมไป  นายเป็นเจ้าชาย  รวยอยู่แล้ว”  คนพูดกอดอกขึงขังแล้วนำหน้า ฉายเดี่ยว 
    เป็นอย่างที่คนปากไวคิด  ชาววังทั้งหลายมีท่าทีตกใจเล็กน้อยกับการมาของอาคันตุกะผู้มอมแมม  แต่คนหนึ่งยังคงมาดมากไว้เป็นลักษณะเด่น  หลงนึกว่าเศรษฐีตกยากหลงเข้ามาในแรกเห็น
    ครั้นเมื่อถามไถ่กันเรียบร้อย  ด้วยฝีปากวาทะอันยอดเยี่ยมของ โร เซวาเรส  ทุกคนก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี  พวกเขาถูกส่งไปที่ห้องรับรอง  วันแรกก็เต็มที่แล้วกับการเดินหลงและมอมแมม
    เสียงประตูดเปิดแอ้ดขึ้น  เรียกความสนใจจากคณะเดินทางทั้งสี่ให้หันไปมองก่อนจะกลับมาทำอะไรเล่นตรงหน้าอย่างไม่ใส่นักเมื่อคนที่เข้ามาเป็นสาวน้อยในชุดแม่บ้าน  ผู้ที่เฟรินมองไม่วางตาตั้งแต่เจ้าหล่อนเข้ามา
   
    มือบอบบางวางแก้วน้ำลงช้าๆ  ไม่พ้นสายตาไวดุจระบบถ่ายภาพดิจิตอล ผู้สังเกตเห็นอาการสั่น  จึงขยับรอยยิ้มกว้างเป็นมิตรขณะรับแก้วน้ำ  แล้วแว่บหายไปจากห้องกับเจ้าหล่อนอย่างเงียบๆ. . .สมกับฉายาหัวขโมยแห่งบารามอส
   
    คิลเงยหน้าขึ้นมาจากมีดในมือ  ขณะที่มืออีกข้างถือหินก้อนเล็กไว้ลับอยู่  นัยน์ตาสีม่วงมองหาเพื่อนรักที่มันเผ่นไปไหนต่อไปแล้ว  อีกสองคนนั่งตรงข้าม  คนหนึ่งอ่านหนังสือเล่มหนากับอีกคนอ่านเล่มหนากว่า  หนอนหนังสือชัดๆ  สองคนนี้  คิลขยับยิ้มกับตัวเอง  รู้สึกวันนี้จะคิดมากพูดมากตามใครบางคนเข้าแล้ว
   
...............................
อ่า ภาพเรือในตอนที่ 1ครับผม http://ritz.exteen.comขอบคุณที่เข้ามาอ่านคร้าบ= =a(ฟิคร่อแร่มากครับ ตอนนี้  สมองไม่แล่น อ๊าก  มึน)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น