ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic-baramos ฟิคบารามอส ยังไม่มีชื่อเรื่องครับ

    ลำดับตอนที่ #2 : นครสีขาว

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 48


    ชี้แจงตัวละคร

    ข้าน้อยแต่งให้แม่ของคาโลที่เป็นจอมภูตแห่งสโนแลนด์อยู่ที่สโนแลนด์ต่อนะครับ  ไม่ได้ไปอยู่คาโนวาล



    ................................

    ฟิคนี้แต่งขึ้นเพื่อสนองพระคุณท่านพี่ตาล  เนื่องด้วยการช่วยเหลือของท่านหลายครั้ง(มากๆ = =a ถ้าจดไว้คงใช้หนี้กันสนุก) ขอบคุณมากๆเลยครับ. . .

    ..................................





    บทที่ 2 นครสีขาว



        ภายในห้องนั่งเล่นประจำป้อมอัศวิน  นักเรียนหลายคนจับกลุ่มคุยกันหลังเลิกเรียนแล้ว  แต่การจับกลุ่มคุยกันของผู้ชายนั้นออกจะแตกต่างไปจากผู้สักหน่อย  ตามวิสัยชาวป้อมที่มีแต่ผู้ชาย ผู้ชาย  และผู้ชายเป็นส่วนมาก(ขาดแคลนสตรี)





        “นายรู้เปล่า  ถ้าเอาลูกแมวยัดไว้ในขวด  แล้วทิ้งไว้  3  วันมันจะกลายเป็นหมา”  นี่คือหัวข้อสนทนาของกลุ่มแรกใกล้เตาผิง  ออกจะเป็นหัวข้อปละหลาดๆไปสักหน่อยปนกับแนววิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้





        “เฮ้ย  ได้ข่าวว่าครี๊ดกับกัสมันเป็นคู่เกย์กัน  เรื่องนี้พี่ปีหกเห็นกับตา”  ประเด็นร้อนประจำวันของวงที่ 2  ข้างหน้าต่าง  คนโดนข่าวอ้างอิงสะดุ้งโยงกระโดดมาร่วมแก้ตัว แก้ใจ แก้ไข แก้ต่าง แก้ทุกข้อหา  ตูไม่ใช่เกย์!!!



        

        “เฮ้ย  ฉันรู้แล้วว่าเจ้าชายทริสทอร์เป็นใคร  พึ่งสืบข่าวได้วันก่อน  นี่ไง  ”  เสียงคุยโวดังในอีกคณะกลางห้อง ขณะเจ้าของเสียงพูดกางกระดาษหลายแผ่นออกประกอบการเล่า  นัยน์ตาสีเขียวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆหันไปมองก่อนไม่สนใจ. . .  เพราะรู้ว่ามันโม้



        

        และอื่นๆหลายพาดหัวข่าวมากมายไม่อาจระบุได้หมด. . .ขอย้อนกลับมาที่ครี๊ด  ผู้หมายเปิดอภิปรายออกข่าว





        “แกจะซี้ซั้วต่านะเว้ย  ฉันไม่ใช่เกย์”  ผู้ถูกกล่าวหาโวยลั่น





        “มิน่าเห็นพักนี้นายชอบแว่บหายไปกับกัส”  เจคว่า  ไม่สนอาการผีเข้าของขึ้นจากบุรุษนัยน์ตาเดียว  กับอาการตะลึงสนิทของกัสผู้รักสันโดษ  พึ่งจะรู้คราวนี้ว่าที่กัสไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ก็คงเพราะเหตุนี้  เป็นเรื่องสนุกสนานของเพื่อนๆเสียจริง





        “ร้ายกาจนี่หว่า”  ผู้มาถึงห้องนั่งเล่นเอ่ยชม(แน่ใจรึว่าชม)  ก่อนจะนั่งลงร่วมรายการ  ‘ไร้สาระวันละหนึ่งชั่วโมง’  รายการเอนเตอร์เทนประจำป้อมอัศวินปีสาม  เจ้าหล่อนส่งสายตากวนๆไปให้ผู้อาภัพชื่อครี๊ด  แล้วผงะไปวูบหนึ่งกับการแย้งกลับมา





        “แกนั่นแหละร้ายกาจเฟริน  กับคาโลเป็นไงมั่งหละ”  ครี๊ดว่าแล้วผิวปาก  ลืมทุกข์ร้อนเรื่องเกย์กับกัสไปหมด  ความสนุกอยู่ตรงหน้าต้องสูบ  สาวได้สาวเอา  ขณะที่คาโลผู้กำลังเดินออกจากห้องรวม  ไปแพ็คกระเป๋าตามสั่งบินไปสโนแลนด์ของไฮคิง  ค้างกระทันหัน  ก่อนกระแอมเบาๆแล้วเดินจากไปพร้อมกับนักฆ่านัยน์ตาม่วงผู้อมยิ้ม  แต่ไม่กล้าแซวกลัวจะโดนทำเป็นประติมากรรมน้ำแข็งประดับห้อง





        ไม่ทันที่สงครามน้ำลายจะบังเกิด  ห้องสมุดเคลื่อนที่ก็เลื่อนตัวมาทักเสียก่อน  นัยน์ตาสีน้ำตาลหันกลับมามอง  ยักคิ้วแผล่บ





        “ไง  ท่านขอทานกิตติมศักดิ์  รู้เรื่องแล้วไม่บอกกันเลยนะ  ไอ้ไปเที่ยวสโนแลนด์หนะ”  เจ้าหล่อนตบปัปลงบนไหล่คู่สนทนา “ จารย์บอกให้ถามแกเอา  รายละเอียดหนะ  มีอะไรเล่ามาให้หมด  ฉันขี้เกียจถาม”





        โรขยับยิ้มที่มุมปาก





        “จะให้บอกอะไรหละในเมื่อฉันไม่รู้เรื่องที่นายอยากรู้”





        เฟรินสบถพรืด





        “มามุขเดิมทั้งที  ถามก็ถาม  แกนี่น้า. . . ข้อแรก  คนที่เราจะไปส่งของให้เนี่ย ใคร  ทำไมต้องให้ฉัน  คาโลแล้วก็คิลมันไปด้วย  ทำไมไม่ใช้รุ่นพี่ไป” เจ้าหล่อนสาวความแต่พอเห็นการเลิกคิ้วของขอทานผู้รอบรู้ก็แจ้งต่อ  “ฉันหมายถึงรุ่นพี่ก็ต้องรักษาของได้ดีกว่ารุ่นน้องสิ  น่าจะไปกลับไวกว่าด้วย  ไม่ใช่ว่าฉันขี้เกียจไป  ยิ่งไปนานยิ่งดีด้วย  สโนแลนด์ยังไม่เคยเที่ยว”





        หมดคำธิบาย  โรก็ขยับรอยยิ้มอีกครั้ง





        “ข้อเดียวของนายหลายคำถามนะ เฟริน”  เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวว่า  หล่อนแยกเขี้ยวรับฉีกกว้าง “จำที่เคยบอกได้มั้ย  แม่ของเจ้าชายคาโลเป็นหนึ่งในสามจอมภูตแห่งสโนแลนด์”  ผู้รอบรู้เปรย  คนถูกถามพยักหน้า  แล้วตั้งหน้าตั้งรอคำต่อไปของคนตรงหน้า  แต่มันดันเงียบก้มอ่านหนังสือในมือต่อเฉยเลยซะอย่างนั้น





        “โร  ฉันไม่เข้าใจ  แกอธิบายต่อเลย  ไม่ต้องทำเป็นอ่านหนังสือคั่นช่วง”





        คนโดนว่าแสร้งอ่านต่อไป  ก่อนจะพูดเปรยๆออกมาคำหนึ่ง





        “ซักตาก่อนมั้ย”





        คำเปรยที่ทำเอาเฟรินกัดฟันกรอดทันที  การท้าหมากรุกของมันที่เล่นทีไรมันก็ขอม้าเพิ่มไม่ก็ให้เธอต่อให้  เล่นกับมันงี้ทุกที



    .



    .



    .



        เฟรินขบฟันแน่นเจ็บใจอย่าบอกไม่ถูกกับการย้อนความของตัวเอง  หลังพิงเสาใหญ่ช่วยให้ดีขึ้น  วันหนึ่งเต็มๆกับการสะโลโต๋เต๋อยู่บนเรือ  อาการปวดหัวตุบๆไม่ได้ลดลงเลยสักนิด  แย่ที่สุด  เหลือบนัยน์ตาสวยไปมองรอบๆดาดฟ้าเรือที่ตนเองนั่งขดมันซะกลางลำ  ร่างในชุดกันหนาวของโร  เดินออกมาจากข้างใน  เขาใส่หมวกกกันหนาวให้ดูผิดตาไป





        “ไง  ดีขึ้นมั้ย”  คนพึ่งเดินออกมาทัก  เฟรินหันขวับ





        “ดีกับผีหนะสิ”  เจ้าหล่อนยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก  “จะถึงแล้วใช่มั้ย  บอกก่อนนะ  ถ้าอีก 30 นาทีไม่ถึง  ไว้หายดีเมื่อไหร่ฉันบีบคอนายตายแน่ โร”





        โรขยับยิ้มรับ  แล้วเดินไปสมทบกับอีก 2 คนผู้ชมวิวไร้กังวล  น่าเสียดายแทนไอ้คนเมาเรือ  ถ้ามันอาการดีขึ้นสักหน่อยก็คงตาโตกับภาพข้างหน้า





        ขณะนี้คิลรู้สึกว่าเรือบินต่ำลงเพราะหมอกเริ่มขึ้นเปลี่ยนระดับเทียบเท่ากับเรือ  เบื้องหน้าคือปราสาทแก้วสีใสตั้งตระหง่านบนภูผาสีขาว  ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งเห็นชัดถึงรายละเอียดของศิลปะอาคาร  สีใสๆที่เห็นคือคริสตัลเป็นแท่งใหญ่  โครงสร้างของปราสาทแข็งแรง  พอเรือเทียบท่าลอยฟ้า  สะพานใหญ่ก็พาดเชื่อมตัวเรือ  เสียงกลไกทำงานพร้อมเพรียงกันเป็นระยะ





        “ถึงแล้ว  เฟริน  แกเลิกสำออยแล้วมาดูนี่เร็ว”  คิลวิ่งกลับมาดึงเพื่อนผู้อ่อนแอให้มันลุกมาดู  สมใจนักฆ่าเมื่อเจ้าหล่อนตาโต  ความงดงามของน้ำแข็งยามต้องแสงอาทิตย์สะท้อนเป็นสายรุ้งหลายสี  





        คนเมาเรือ(ลอยได้)โดนลากไปถึงก็โดนปล่อยเกือบตั้งตัวไม่ทันแทบจะหล่นลงไป  ใจถึงได้วิ่งวูบ เฮ้ย  ความสูงขนาดนี้ตกไปอย่าว่าแต่จะเก็บศพมาทำพิธีเลย  แค่หาเจอซักชิ้นก็ยากแล้ว  นึกแล้วก็กัดฟันกรอด  ไอ้เพื่อนงี่เง่าเอ้ย





        “คิล  แกเบาๆมือหน่อยสิ  ฉันก็เป็นคนนะ(เว้ย)  ลากๆปล่อยๆ  เกิดตกลงไปขึ้นมา  แกต้องรับผิดชอบสาวๆอีกนับล้านนะ” เจ้าหล่อนว่าให้เพื่อนซี้ไหวไหล่  มันพูดเว่อร์ทั้งปี  ถัดจากรายการเถียงในใจของนักฆ่ากับหัวขโมย  ทั้งสี่ชีวิตก็พากันออกจากเรือเดินทางคนนำทางไปเรื่อย  ครั้นความคิดเริ่มทำงาน  เจ้าตัวดีก็กระซิบถาม





        “โร  จะว่าไป  มันมีคนขับมั้ย  ไอ้เรือเนี่ย  ฉันไม่เห็นเจอใครนอกจากพวกนายเลย”







        นัยน์ตาสีเขียวหันมาสบ





        “ไม่มีคนขับ  นี่เป็นเรือที่ใช้เวทย์ของปราชญ์เลโมธีกับไฮคิง”





        “บ๊ะ  สุดยอดเลย  แล้วทำไมเค้าต้องส่งพวกเรามาด้วยห๊ะ  แค่เอาของวางๆบนเรือแล้วก็ส่งมันมาไม่ได้รึไง”  เจ้าหล่อนถามใคร่รู้  พอดีกับคนมาดมากหันมาเจอ





        “ถ้านายตั้งใจฟังเวลาที่คนอื่นพูดซักหน่อยนายก็จะรู้ เฟริน” คำเปรยที่หัวขโมยรู้สึกหมั่นไส้มันชอบกล  นิสัยมันเสียตั้งแต่เจอจนตอนนี้  วะ  อะไรนักหนา  และความคิดอันบรรเจิดของตัวแสบก็จบลงด้วยคำอธิบายต่อมา  “ของที่ให้นายเป็นคนถือมัน  ย่อมไม่ใช่ของธรรมดาหาตามตลาด  อย่าลืมว่านายเป็นใคร  เฟลิโอน่า เกรเดเวล”  เจ้าชายคนสำคัญตัดบทสาวเท้าไปตามทางเดินที่เหล่าข้าราชบริพารมากมายออกมาต้อนรับเป็นพรวนกับการมาถึงตามกำหนดการซึ่งได้รับแจ้งแล้วจากไฮคิง





        ในขณะที่ผู้ไม่เคยฟังคนอื่นพูดเริ่มครุ่นคิด  ของนี่ไม่ธรรมดา? งั้นการให้คาโล คิลแล้วก็โรมาด้วยคงมีเหตุผล  ถึงจะรู้จากโรมาแล้วก็เถอะว่าแม่คาโลเป็นจอมภูตแห่งสโนแลนด์  แต่การส่งมันมาด้วยคงมีอะไรมากกว่านั้น  มากกว่าสายสัมพันธ์แม่ลูก  แม่ที่ตอนนี้อยู่สโนแลนด์  ส่วนพ่ออยู่คาโนวาล. . .มิน่า  คาโลมันเลยดูเป็นเด็กมีปัญหา  พ่อแม่แยกกันอยู่





        เจ้าหล่อนสาธุอะไรไปเรื่อยเปื่อย  เป็นคำที่คิลกลั้นหัวเราะไปกลั้นหัวเราะมาจนโดนผู้เสียหายในรายการสาธุพรเขม่นเอาหลายรอบ  คู่นี้มันก็เหมือนเดิม  เป๊ะ  ไม่พัฒนา





        สถานที่จัดต้อนรับอาคันตุกะราบเรียบแต่มีเสน่ห์  เพดานสูงติด ด้วยน้ำหนักทิ้งตัวเป็นวงโค้งคล้ายสายรุ้ง พื้นลายหินอ่อนเย็นๆ  แต่กับคนขี้หนาวมันเย็นเกินไปให้เป็นหวัดหนักขึ้นอีก





        “ฮัดเช้ย”  เจ้าหล่อนปิดจมูกส่งเสียงดัง “พวกแกแอบนินทารึเปล่าเนี่ย”  หัตถ์นวลถูจมูกอย่างไม่ใส่ใจ





        นัยน์ตาดุๆสีฟ้าถูกส่งมา ก่อนเจ้าของจะเร่งฝีเท้าจ้ำอ้าวไปไกลเมื่อคนปากไวเริ่มหาเรื่อง ทางเดินยาวไปสู่ปลายทางซึ่งแสงสว่างสีขาวรออยู่





        หลังเดินตามทางยาวสักพักก็โผล่ออกมาที่โล่งกว้าง  อากาศเย็นสบาย  สดชื่น  ทำให้ต้องหันไปมองถึงรู้ว่าที่เดินมาเมื่อครู่เป็นทางทะลุจากตัวภูเขาเข้ามาสู่เมืองในหุบเขา  นครแห่งหิมะ  สีขาวละลานตา   ดูจืดไปนิดสำหรับคนรักสนุกอย่างคิล มือกร้านเกาหัวแกรกๆ





        “เชิญทางนี้  ฝ่าบาท”





        คนรับคณะเดินทางผายมือออกนำไปหาที่พักให้ 4 ชีวิต  ก่อนพาไปส่งถึงวังหลวงของสโนแลนด์



    ……………………………………………………………………………………





        หมู่บ้านในเมืองไม่หนาแน่นมากนัก  แต่ก็มีผู้สัญจรไปมาคึกคัก  ทั้งที่หิมะหล่นเป็นฉากหลัง  เนื่องด้วยท่าทางเคยชินและไม่สะทกสะท้านกับความหนาวนั้นทำให้คิลเริ่มคิลว่าคนข้างๆมันน่าจะถูกจับไปฝังในกองหิมะ  เผื่อมันจะหายขี้หนาวขึ้นมาได้บ้าง  พักนี้รู้สึกมันจะบอบบางเหลือเกิน  ขึ้นเรือนั่นมาก็เมาเรือ  เจอหิมะก็หนาว  





        เฟรินเดินผ่านร้านกาแฟร้านหนึ่ง  หน้าร้านเป็นกระจกที่มองเห็นภายใน  ควันกรุ่นๆของเครื่องดื่มทำเอากลืนน้ำลายเอื้อก  เจ้าชายน้ำแข็งส่ายศีรษะเล็กน้อยพองาม ให้กับสตรีผู้น้อยครั้งจะทำตัวสมหญิง





        สีสันของเมืองเริ่มเพิ่มขึ้นมาเมื่อใจกลางนครมีงานเล็กๆจัดที่จัตุรัสประจำเมือง  สีแดงของโบใหญ่  กับต้นสนที่ถ้าตกแต่งอีกนิดก็เป็นต้นคริสต์มาสได้เลย  ผนวกกับบรรยากาศหิมะร่วง. . .สมองที่ยิ่งกว่าเมมโมรี่ชิฟบันทึกทันทีว่า  ที่นี่หนะมันไว้จีบสาว



        

        เด็กๆกลุ่มหนึ่งวิ่งสวนกับพวกเขาตรงไปยังลานเมื่อครู่  พร้อมกับลูกบอลสีลูกกวาด  หัวขโมยคนกะล่อนยิ้มให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งซึ่งมองตาแป๋วตรงมา  เด็กน้อยยิ้มตอบแล้ววิ่งตามกลุ่มไป  มือเล็กโบกลาแม้จะไม่ทันพูดคุยกันแสดงถึงไมตรีจิตอันบริสุทธิ์ในวัยเยาว์



        

        มีหลายคำถามผุดขึ้นในหัว  ว่าทำไมถึงให้พวกเขาเดินผ่านเมืองไปยังปราสาทตรงๆเพราะมันผิดจากที่เคยเจอ  ก็ทีตอนไปเดมอสยังมีรถมารับ(หรือตัวประหลาดมารับ)เลยนี่นะ  ถึงกระนั้นขาไวๆก็ก้าวฉับๆไปเรื่อยจนถึงที่พักของคณะเดินทาง(เด็กส่งของ)ทั้ง 4



    ...................................................................................................

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×