ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic-baramos ฟิคบารามอส ยังไม่มีชื่อเรื่องครับ

    ลำดับตอนที่ #8 : ไวด์วูฟล์

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 48


    บทที่ 8 ไวด์วูฟล์





        ท้องฟ้าสีครามถูกเมฆดำบดบังอย่างช้าๆ  เป็นสัญญาณถึงสายฝน  ลมชื้นเคลื่อนตัวขณะที่กิ่งไม้ขยับ

    เพราะใบต้านลม  เปลือกผิวแก่สีน้ำตาลเช่นสีผมของใครบางคนปลิวหลุดออกจากลำต้นเพราะถึงวัยชรา  

    วิหคหลายตัวโผกลับรังหวังหลบฝน  บรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัดเริ่มขยายตัวใกล้ผู้เฝ้ามองวิวทิวทัศน์







        หัตถ์ขาววางเฉยอยู่บนตัก  เนตรสีครามดูหม่นนักในยามนี้







        เก้าอี้ซึ่งเจ้าชายประทับอยู่เย็นตัวเพราะอุณหภูมิที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ  ความหนาวที่ไม่อาจทำอะไรได้  เพราะสิ่งที่หนาวยิ่งกว่าคือการทำตามสัญญาสงบศึก  ภาระที่แบกรับไว้ในศักดิ์  เพราะฐานันดรของจ้าว







        เสียงประตูถูกเปิดออก  โดยที่เจ้าของห้องไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย  จนผู้มาเยียนต้องกระแอมเบาๆ







        “อีกพักหนึ่งคงมีฝนตก  ขอเชิญท่านเข้ามาพักข้างในคงจะดีกว่า  เจ้าชายคาโล”  ร่างกำยำลากหางหนาตามขาที่สาวก้าว  มันถูกสะบัดออกก่อนผู้สวมใส่จะนั่งลงบนชุดรับแขกในห้องกว้าง  ห้องที่ไม่น่าพิสมัยสักนิด. . .







        “หวังว่าท่านคงจะให้คำตอบที่น่ายินดี”  คนได้เปรียบจากการทำสัญญาว่าพลางลูบหนวดไม่ยาวนักของตน  หูสุนัขบนหัวขยับขึ้นลง  ใบหน้าที่เชิดขึ้นเหลือบนัยน์ตากร้าวดังสัตว์ป่าไปมองเจ้าคนที่ยังนิ่งเฉยอยู่นอกห้องตรงระเบียง  พลางมือใหญ่ที่หลังมือเต็มไปด้วยขนก็หยิบม้วนกระดาษตรงโต๊ะขึ้นหลังจากสังเกตเห็นมันวางอยู่ในที่เดิม  แต่แล้วรอยยิ้มก็คลี่ออก  เมื่อสิ่งที่เห็นเป็นอะไรที่ต้องการสมใจตนแล้ว







        “นับว่าท่านตัดสินใจได้ดี  น่ายินดียิ่งที่บุตรชายคนเดียวของภูตผู้สูงศักดิ์แห่งสโนว์แลนด์เป็นคนฉลาด”   คนกล่าวยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ  เขี้ยวเงาแสดงความน่าเกรงขาม  พร้อมพับม้วนกระดาษกลับเก็บเข้าซอกเสื้อรุ่มร่าม







        “เรื่องของพิธีการข้าจะจัดให้เร็วที่สุด. . .ถ้าเป็นไปได้ข้าจะสั่งให้จัดภายในวันพรุ่งนี้เลย. . .ข้าขอตัวไปเตรียมความพร้อมเพื่อความสบายใจ. . .ของเรา”  สิ้นคำกล่าวที่เน้นหนัก  ชายผิวสีแทนก็ลุกขึ้นจากไปพร้อมๆกับประตูที่ปิดลง. . .







        บางที. . .เขาคงพึ่งเข้าใจว่าการสูญเสียมันเป็นอะไรเจ็บปวด. . .

        









        และเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเมื่อนึกไปถึงข้อความในสนธิสัญญา. . .





        

        สโนว์แลนด์เป็นดินแดนติดชายแดนของเดมอส

         และสงบศึกมานานนับสิบปี     หากแต่บัดนี้

        เมืองไวด์วูฟล์ได้เกิดปัญหาขึ้น  คือ   เตาปฏิกรณ์

        แหล่งพลังงานของเราไม่สามารถทำงานต่อได้  

        เนื่องจากขาดแหล่งพลังงานอันสูงค่า  

        ทางไวด์วูฟล์ได้ใคร่ขอแหล่งพลังงานนั้นจากท่าน

         ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความอยู่รอด

        ของเหล่าไวด์วูฟล์  คือ  หัวใจของครึ่งมนุษย์  

        ทางเราสโนว์แลนด์นั้น มีความยินดีอย่างยิ่ง

        ที่จะมอบสิ่งนั้นให้แก่ท่าน





                    ลงชื่อ

                ตัวแทนผู้ทำสนธิสัญญา

                   (  คาโล  วาเนบลี  )









    ……………………………………………………………………………………………





        

        “จ๊ากกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงหวานร้องลั่นกลางอากาศ ผมสีน้ำตาลสะบัดขึ้นเช่นขาที่กำลังชี้ฟ้าอยู่  ศีรษะกลมๆกำลังจะโหม่งพื้นน้ำ







        ซู้มมมม  น้ำใสแยกออกเป็นหลุมกว้าง บางส่วนโดนแรงกระแทกลอยขึ้น  ก่อนจะทิ้งลงดังซ่า กลับสู่อ่างน้ำขนาดยักษ์ดังเก่า คล้ายปลากระโดดเล่น







        ‘ถ้าตกจากที่สูงมากๆมากระแทกน้ำมันก็ไม่ต่างจากโดดตึกฆ่าตัวตายสักเท่าไหร่หรอก’ นี่คือบทเรียนที่หัวขโมยแห่งบารามอสกำลังsave asเข้าสู่สมองในไฟล์my document  ขณะที่มือไม้กำลังตะกายร่างตัวเองขึ้นฝั่งด้วยความเหนืออ่อน  







        เจ็บเป็นบ้า. . .







        เจ้าคนพึ่งเล่นบันจี้จั้มไร้เชือกสบถอุบ  กลายเป็นทำคุณบูชาโทษไปเสียนี่  เมื่อกี้ยังเห็นน้ำเป็นทางรอดอยู่ดีๆ  ตอนนี้ว่าซะเสียคน  เอากับมันสิ   เฟรินรีดปลายผมซึ่งหนักอึ้งไปด้วยน้ำออก ตามด้วยถอดรองเท้าเทน้ำขังออกเหมือนสายพอๆกับน้ำที่บีบออกจากเสื้อ







        ลมหายใจผ่อนยาวออกมาแสดงความโล่งใจที่รอดมาได้ น้ำตาสีน้ำตาลทอดมองขอบฟ้ากับนกบ้าที่เธอเกือบจะเสร็จมัน!







        

        ครั้นพอหายเหนื่อยจากการว่ายน้ำหรือจะเรียกว่าตะกายน้ำก็มิผิดเข้าฝั่งได้  ภารกิจช่วยเจ้าชายผู้อ่อนแอ(?)ก็เริ่มดำเนินต่อไป









        สาวน้อยรวบผมเปียกๆของตนไว้ด้วยเชือกที่พกติดมาในกระเป๋ากางเกง  เท้าเปล่าเดินเข้าลึกไปในแผ่นดิน โดยมือถือรองเท้าไปด้วยตากลมรอมันแห้งในตัว อากาศเย็นชื้นของป่าทำให้คนตัวตกน้ำร่างหนาว







        “ฮัดเช้ย”  เจ้าหล่อนจามเอามือปิดแทบไม่ทัน พลางฮึดฮัดฟืดฟาด  เป็นอาการปกติของคนเก๋าๆที่ตัวก็เปียกแล้วยังมาเดินในที่หนาวๆอีก  ไม่เจียมบอดี้สุดๆ  ริมฝีปากสีเรื่อขยับยิ้มที่มุม  แต่แล้วสรรพสิ่งรอบตัวพลันเงียบลงให้เจ้าหล่อนได้สังเกต  พึ่งจะรู้ตัวว่ามันเงียบผิดปกติก็ตอนนี้







        แซ่ก แซ่ก







        เฟรินหยุดชะงักทันทีกับเสียงพุ่มไม้ไหวตัวใกล้ๆ  รู้ว่าต้องรีบหาต้นไม้ใหญ่บังตัวแล้วสอดสายตาหาต้นกำเนิดเสียง  ยังไรก็ตามนี่เป็นถิ่นเดมอส    หัวไบร์ๆฉุกคิดขึ้นมาว่าไอ้ตำแหน่งเจ้าหญิงถึงสองดินแดนนี่มันน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง  อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้ไม่มาตายในที่แบบนี้. . .           รึเปล่า  

        





        คิดแล้วน้ำตาก็แทบทะลัก





        ตกลง ตำแหน่งนี่มันมีไว้ทำแป๊ะอะไรเนี่ย





        “ทางนี้พะยะค่ะ  เจ้าหญิงหล่นลงมาแถวๆนี้”  เสียงคุ้นหูทำคนหดหู่หันขวับ  โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด  ตัวเตี้ยๆ  มีทั้งผมมีทั้งเขา  ขาสั้น  แล้วไอ้เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ยิ่งนักอีก. . .โกโดม  คนแคระเขากวาง  ชนชั้นสูงพวกหนึ่งในเดมอส  หรือที่มนุษย์เรียกว่าปีศาจ  แต่กับเจ้าตัวนี้มันคงจัดอยู่ในปีศาจประเภทน่ารักน่าถีบมากกว่าน่ากลัวน่าเกรงขาม







        เฟรินผละออกมาจากที่ซ่อน  แล้วดวงหน้าขาวก็เบิกบานเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีเรื่องกับก้อนน้ำแข็งหัวหงอก  เนื่องจากร่างสูงผู้ตามคนแคระเขากวางมา  เป็นบุรุษที่เธอคุ้นเคย  ใบหน้าคมคายฉายแววอบอุ่นเสมอ  ผมเปียวางรอบคอหลวมๆ ชายผ้ายาวแทบจะสะดุดล้มตีลังกากลิ้งตกเขาได้ แต่เนื่องด้วยมาดของมหาราชแห่งปีศาจ  ก็คงเป็นได้ไม่ได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุอะไรทำนองนั้น







        “เฟลิโอน่า”  เสียงทุ้มนุ่มเรียกบุตรสาวที่จ้องมองมาตาใส   มือใหญ่ดึงชายผ้าคลุมออกจากรากไม้  เป็นผลให้โกมที่ช่วยแกะอยู่กระเด็นกลิ้งไปอีกทาง   นับเป็นฉากประหลาดแปลกๆไม่เข้ากับสมญาเจ้าปีศาจเอวิเดสและสมุนคู่ใจ







        “พ่อ”  พอเฟรินจะเดินเข้าหา  ก็ดันนึกได้ว่ามือตัวเองมีรองเท้าเปียกอยู่จึงจำต้องวางลงข้างตัว   แล้วถูเสื้อเปียกที่สีข้างเช็ดมือหัวเราะแห้งๆ







        “แหะ แหะ  พ่อ. . .มาทำอะไรที่นี่เนี่ย”



    ......................................................................................................................









        มือกร้านเกาศีรษะแกรกๆ  ผมดำกระเซิงดูไม่ได้อาจถึงขนาดเซ็นเซอร์พันกันเหนียวเพราะเหงื่อไคล  นัยน์ตาสีม่วงฉายแววอันจนหมดหนทางอย่างโจ่งแจ้ง  และอาการเริ่มหนักขึ้นเหมือนไอ้เพื่อนบ้าๆที่เคยด่ามันในใจ. . .และปฏิกิริยาเช่นนี้เองที่ทำให้โรเริ่มรักษาระยะห่างระหว่างเขา. . .กับมัน





        นักฆ่าผมยุ่งเดินกางแข้งกางขาตึงตังโดยที่เสียงดังเกิดขึ้นเพราะหญ้ารองรับ  ถ้าเป็นบ้านไม้เรือนไทยก็มีแววว่าคงจะได้บ้านหลังใหม่แทนไปนานโข  ตาขวางยาวและขอบตาคล้ำของคิลชวนให้นึกถึงสิ่งมีชีวิตหนึ่ง(แพนด้า)   และบัดนี้. . .ดูเหมือนความอดทนที่มีมายาวนานคงจะขาดสะบั้นลงเพราะ. . .







        ไอ้เพื่อนหัวขโมยมันโดนนกงาบไปกิน!!!

        

        ดวงหน้าหม่นในยามนี้ขึงตึงมากขึ้นอีกเมื่อความคิดอย่างที่สองแล่นเข้ามา



        และเขาก็ช่วยมันไม่ได้เลยซักกะติ๊ด







        แล้วทำไม. . .เขาจะต้องทำตามที่ไอ้ขอทานข้างๆบอกด้วย   ประการสุดท้ายสำคัญเพราะในช่วงขณะที่เขากำลังจะตามเฟรินไปช่วย โรก็รั้งเขาไว้ก่อนเพราะบอกว่าการมุ่งไปที่เดมอสเพื่อช่วยคาโลสำคัญกว่า!  สำคัญกว่าเพราะมันเป็นเจ้าชายรึไง  คิดแล้วก็ยิ่งมึนหัว  เมื่อไอ้เพื่อนอีกคนมันก็เจ้าหญิงนี่หว่า. . . แต่จะว่าไปเจ้าชายมันก็ดูมีค่ามากกว่าเจ้าหญิงแหะ





        มือของคนรอบรู้วางลงเบาๆบนหลังนักฆ่าที่ยืนชันเขาอย่างหัวเสีย  เรียกให้เจ้าตัวหัวกลับมามองด้วยสีหน้าพร้อมกัดเขี้ยวจม





        “อะไร”  นักฆ่าจากซาเรสถามเสียงช้า-ชัด





        แน่นอนว่าโร . . .ผู้เรียนหลักการของทูตที่ดีมาครบถ้วน. . . ยิ้มตอบแบบสบายๆ. . .ไม่รู้ว่ามันหลักไหนกันถึงได้บอกให้ไปยิ้มใส่หมาบ้า





        “ใจเย็นหน่อย  ข้างหน้านี่ก็เดมอสแล้ว  เจ้าหญิง  เอ้ย  เจ้าชายคาโลคงจะปลอดภัยอยู่ที่นั่น”







        น้ำเสียงของคนพูดไม่ได้บอกเลยว่าที่พูดมามั่นใจแค่ไหน  และมันก็คงเป็นหลักการของทูตที่ดีอีกนั่นแลที่จะคอยพูดเรื่องดีๆไว้ก่อน  เรียกว่าเสียน้ำลายดีกว่าเสียน้ำใจ





        คนถูกเตือนทำเป็นมองเมินแล้วจ้ำอ้าวไปต่ออย่างรวดเร็วไม่กลัวล้มทั้งที่ตาจับจ้องยอดปราสาทแห่งไวด์วูฟล์  อมนุษย์หมาป่า  ที่รูปร่างเช่นหมาป่าแต่ยืนสองขาเยี่ยงมนุษย์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×