ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic-baramos ฟิคบารามอส ยังไม่มีชื่อเรื่องครับ

    ลำดับตอนที่ #7 : เวลา

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 48


    บทที่ 7  เวลา



        ไอน้ำลอยฟ่อนละล่องไป  กลิ่นอายที่เจ้าหล่อนไม่นึกชอบ  ตะไคร่มอสเกาะตามกิ่งโคนรากแฉะน้ำ  สิ่งมีชีวิตตัวจ้อยทั้งหลายพากันขยับหนีให้นักเดินทางผู้อาจหาญเข้าแดนเดมอส  . . .ป่าดงดิบ



        คำเรียกสถานที่ซึ่งดูแล้วขัดกันชอบกลกับภูเขาที่ติดกันของสโนแลนด์  จากที่สูงมาเป็นที่ราบแถมมีน้ำขัง. . .



        หยาดเหงื่ออาบแก้มให้หัวขโมยเร่งฝีเท้ามากขึ้น  ตามผู้นำทางข้างหน้าไป  เมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลมองตรง  เพื่อนซี้ข้างๆก็เดินมาประกบ  เฟรินหันไปยิ้มกว้างให้  มันก็เหงื่อแตกเหมือนไปอาบน้ำมาเหมือนกัน  อากาศร้อนชื้นส่งผลให้อยากถอดเสื้อทิ้งยิ่งนัก  แต่แน่นอนว่าถ้าถอดแล้วคงต้องถือไปด้วย  ในที่ที่เต็มไปด้วยภัยเช่นนี้ไม่เหมาะกับการถือของเดินเล่น  ถ้าถอดแล้วเกิดอะไรขึนมาก็ทำใจได้เลยว่าต้องซื้อเสื้อตัวใหม่แน่



        มือกร้านเสยผมปาดเหงื่อ ผมสีเข้มเสียทรงมั่วเหมือนปกติ  ขณะที่คนนำทางข้างหน้าเดินหน้าตาเฉย



        “อีกนานมั้ยกว่าจะถึง”  คิลเปรยถามเช็ดเหงื่อที่คาง  คนถูกถามหันกลับมา  มือแข็งแรงขยับคอเสื้อระบายความร้อน

        

        “คงอีกชั่วโมง”  โรกวาดดวงตาสีเขียวไปยังเพื่อนทั้งสอง  ก่อนจะถาม  “พักก่อนมั้ย”



        ไม่มีเสียงรับ  เพื่อนสองคนมุ่งแซงแล้ว  เดินไปได้สองก้าวเฟรินเห็นขอทานผู้รอบรู้ไม่ตามมาก็ว่า “นายเหนื่อก็พักไปก่อน  ฉันกะคิลจะล่วงหน้าไปก่อน” เจ้าของเสียงยกมือขึ้นโบกประกอบเวลาพูดโดยไม่หันมามอง



    ...........................................................................



        “ยินดีต้อนรับเจ้าชายคาโล  วาเนบลีแห่งคาโนวาล  ตัวแทนจากสโนแลนด์”  เสียงประกาศกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวร  สิ้นคำกล่าวเหล่าประชาผู้ร่วมงานต้อนรับแขกต่างแดนก็เฮลั่น  ฮือจนฟังไม่ได้ศัพท์



        นัยน์ตาสีฟ้านิ่งเฉย  แลมองไม่แสดงอารมณ์ใด. . .แม้จะมีการต้อนรับอย่างอบอุ่นเพียงใด  ก็คงไม่ทำให้สงบใจลงได้  การระแวดระวังในถิ่นต้องห้ามตลอดเวลาอาจจะทำให้เป็นบ้านขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้  ทุกฝีเก้าทุกสถานที่  ชีวิตนี้จะสูญไปยามใดก็ได้  หากแค่เพียงประมาท. . .จะนำไปสู่หนทางแห่งความตาย



        นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของการมาเยือนเดมอส   เขามาในฐานะทูต  มิใช่เหยื่อ  มิใช่เชลย  มิใช่ตัวประกัน



        ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด  ขอแค่สงครามชายแดนจะยุติไป. . .เท่านั้น



        “เชิญทางนี้พะยะค่ะ เจ้าชายคาโล  ฝ่าบาททรงรอพบพระองค์อยู่”  เล็บเป็นเล็บ  มือเป็นมือ  หลังมือมีขนยุ่งสีน้ำตาลของสัตว์ป่าอยู่   ศีรษะ คอ ไหล่ แขนเป็นมนุษย์  กล้ามเนื้อแข็งแรงบึกบึนชนิดนักมวยปล้ำรุ่นไหนก็ผวาด้วยความสูงที่ยืนทีก็บังมิดแบบฝนตกเป็นหลังคาได้



        ไม่มีความหวาดหวั่นในสายเลือดสีน้ำเงิน  ร่างสูงก้าวตามอย่างสง่าผ่าเผย  ทิ้งไว้ซึ่งหวั่นเกรง ณ เบื้องหลัง

    ....................................................................................................



        โป๊ก  

        “โอ๊ย”หัวกะโหลดหนาชนเข้ากับเพดานเตี้ยอย่างจัง  “เจ็บเป็นบ้าเลย ไอ้เพดานงี่เง่า”  หัวขโมยในร่างสาวน้อยบ่นเสียงแหวว  การหยุดคลานแล้วมัวแต่คลำหัวไปคลำหัวมาของเจ้าหล่นทำให้นักฆ่านัยน์ตาม่วงออกเสียงเร่งมัน



        “แกจะเจ็บหัวก็ช่างหัวมัน  แต่ขาแกกับมือมันไม่เจ็บก็คลานต่อสิวะ”  คิลว่าด้วยความรำคาญ  คนข้างหลังผู้ขวางทางในช่องแคบหันมาตาขวางใส่



        “งั้นแกจะรอฉันทำบ้าอะไร”



        คิลเลิกคิ้ว  โดยที่มือยันตัวไว้ในท่าคลาน



        “แกมีสมองรึเปล่าห๊ะ  ที่ว่างจะคลานยังแทบไม่มีจะเอารูที่ไหนขยับแซงได้”  นักฆ่าเริ่มออกอาการเครียด  ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน ทั้งอับทั้งชื้น  ถึงการฝึกของตระกูลที่บ้านมันจะหนักกว่าแต่พอเจอการกวนบาทาของหัวขโมยปากเสียก็ทำให้ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ  นิสัยบางอย่างเริ่มทำงานตาม สัญชาตญาณ



        หมาสองตัวกัดกันข้างหลังเรียกความลำบากใจให้กับโร  ลมหายใจร้อนผ่อนออกยาว  จะไปถึงเดมอสก่อนพระอาทิตย์ตกดินมั้ยเนี่ย



        “โร  ทางนี้มันใชแน่นะ”  เฟรินย้ายความสนใจกลับมาหาคนนำทาง  เพราะเจ้าหล่อนอยู่ตรงกลาง  คลานเป็นคนที่สองเลยคุยกับใครๆได้สะดวกกว่าคิลผู้ทิ้งท้ายกับโรคนนำทาง



        “นี่เป็นทางลัด. . .”  เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวตอบคำถามแล้วตั้งหน้าตั้งใจขยับตำแหน่งไปข้างหน้า  ให้หมาสองตัวมองหน้ากันงงแล้วรีบคลานตามมา



    .

    .

    .

        ออกมาจากโพรงสุดจะอึดอัดก็มาโผล่ในที่ๆรกสุดกู่  ต้นไม้ตายล้มพาดกัน  จะว่ามันโดนพายุพังก็ไม่ใช่  แต่จะว่าแค่บังเอิญมันล้มไปท่านั้นก็ไม่ใช่เพราะมันเป็นทั้งแถบ  แถบที่มีรูประหลาดแสดงความแหลมของวัตถุที่จิกลงไปในพื้นดิน  น่าสงสัยมากแต่ไม่มีเวลามาแกะรอยหาเรื่องสืบสวนกับที่นี่เพราะไม่มีใครเป็นเดอะ ดีเทคทีฟ ซักหน่อย



        ดวงอาทิตย์เลิกแผ่รังสีความร้อนเนื่องจากเวลาที่เลยผ่าน  การบุกป่าเขตเดมอสโดยไม่หยุดพักเป็นเรื่องสมบุกสมบันเกินกว่าคนทั่วไปจะทำ  แต่สามคนนี้. . .มาเดินเล่นทำอะไรมิทราบ



        คนหนึ่งเดินด้วยท่าก้าวฉับๆราวกลัวว่าที่หมายจะเดินหนี



        คนที่สองก็ก้าวจังหวะเดียวกับคนหน้าเป๊ะ



        คนที่สามเดินท่าสบายๆแต่ทำไมกลับตามทันสองคนแรกได้หน้าตาเฉย



        ขบวนรถไฟเดินไปเรื่อย  จุดหมายคือเมืองติดชายแดน  ที่ๆเจ้าชายคอหอยงาช้างจะถูกจองจำ  ไม่คิดว่ามันจะโง่ขนาดเดินไปเข้าปากเสือ  แต่เมื่อมันเป็นหน้าที่ของมันก็แย้งไม่ออก  หน้าที่บ้าบอที่มันต้องมารับเพราะมันเกิดเป็นเจ้าชาย  และมันเรื่องอะไรที่เจ้าหล่อนจะต้องแบกตัวเองมาพามันกลับ  ทั้งที่มันก็ออกปากบอกเองว่าไม่ต้องยุ่ง. . .



        คนที่เพี้ยนที่สุดคงไม่พ้นตัวเธอเอง  คิดแล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลก็มีประกายไฟลุกโชน  มาดหมายไว้มั่นว่าเจอมันต้องมีเฮ  แต่แล้วความรู้สึกหวิวๆก็ทำให้รู้สึกตัว



        “ จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”  เสียงร้องดังลั่น  อยู่บนพื้นดีๆไม่ชอบ  ตอนนี้เท้าไม่ติดดินซะแล้ว  และที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตัวถูกขาเล็บคมเกี่ยวไปด้วย  วิวด้านล่างดูสวยดีถ้าดูจากหอแต่ไม่ใช่เลยกับในอุ้งเล็บ



        “ช่วยด้วย เว้ยยยยยยยยยยยยยยยย”  เฟรินตะโกนสุดเสียงถึงจะรู้ว่าไม่บอกพวกมันก็ยังช่วยอยู่ดี  แต่เพื่อความสมบทบาทเลยต้องทำ



        นัยน์ตาสีม่วงจ้องตามเจ้าคนตะโกน  ขายาวก้าววิ่งตามเพื่อนตัวแสบผู้โดนนกพาทัวร์น่านฟ้าแดนเดมอส  ขณะที่โรตามมาติดๆ



        ต้นไม้หลายต้นไหวเมื่ออากาศแหวกตัวกับการวิ่งแทรก



        พลันห้องสมุดเคลื่อนที่พร้อมด้วยนักฆ่าผมยุ่งก็แทบเบรกไม่ทันด้วยเหตุว่าข้างหน้าเป็นหน้า  เมื่อไปต่อไม่ได้คิลรีบมองหาตัวการสำคัญที่ทำให้เขาต้องแปรสภาพเป็นนักวิ่งโอลิมปิคชั่วคราว



        “เฟรินนนนนนนนนนนนนน”



        สายลมบนฟ้าช่วยพาคลื่นเสียงไปกระแทกหูหัวขโมย  ผมสีน้ำตาลระเกะระกะสายตา  แต่กระนั้นก็เข้าใจเหตุการณ์ดี  





        . . .พวกมันตามมาไม่ได้. . .



        

        ครู่หนึ่งสำหรับการวางนิ่ง. . .





        . . .  จะต้องมาจบชีวิตด้วยการเป็นอาหารนกแบบนี้รึ  เฟริน เดอเบอโรว์  . . . เฟลิโอน่า  เกรเดเวล



    .....................................................................................................................



        ดวงอาทิตย์จากลาไปที่ขอบฟ้าไกล  เวลาของชีวิตมักจะสั้นลงอย่างรวดเร็วในยามที่เราสัมผัสถึงค่าของมัน  หรือจะพูดให้ถูก  เราจะรู้สึกว่ามันมีค่าเมื่อเวลาเหลือน้อยเต็มที  แสงสีส้มฉาดลงบนอาคารทรงไม่คุ้นเคย  ที่ซึ่งให้ความอบอุ่นอย่างประหลาดคล้ายอุ้มหัตถ์จากมารดาที่คอยลูบผมเงินอย่างอ่อนโยน



        “เจ้าชายคาโล  นับแต่นี้ต่อไปนี่คือบ้านของท่านแล้ว ”  ผู้ทรงมงกุฎแห่งเมืองชิดชายแดนเดมอสและสโนแลนด์กล่าว หูใบใหญ่ของสุนัขอยู่บนเศียร  หางยาวถึงพื้นขนาดใหญ่  “หวังว่าท่านคงจะรับข้อเสนอของเรา  วันนี้ท่านจงพักผ่อนให้สบายเถิด  ข้าขอตัว”  วาจาเปี่ยมอำนาจและแววตาน่าสะพรึงมีท่าทีข่มขู่ก่อนจะหายไปพร้อมกับร่างทางประตูห้อง



        เจ้าชายคนสำคัญมองตามจนลับสายตา



        เป็นไปตามที่กลัว  เดมอสไม่คิดจะเลิกสงครามโดยปราศจากข้อได้เปรียบ  หากแต่ข้อเสนอนั้นก็ยากยิ่งที่จะยอมรับ



        หน้าต่างบานกว้างไม่มีกระจกแต่มีม่านผืนโตแทน   คาโลเดินไปที่ระเบียงห้อง  รั้วขอบเป็นลายแกะสลักของคนแคระแห่งเดมอส  ลายสลักอักษรลงอาคม. . .เขตกักกันดีๆนี่เอง



        ถัดจากทัศนียภาพงามข้างนอก  คาโลก็เบนกลับมาในห้อง  ทบทวนสัญญาสงบศึกในแถบบันทึก  ด้านล่างสุดของแผ่นหนังยาวนี้คือที่ว่างรอลงนามผู้ร่วมสัญญา    

    ...................................................................................................................................................................





        ลมตัดเสียงสีกันหวีดหวิวคล้ายเสียงคร่ำครวญ  ผมสีน้ำตาลปลิวยุ่งไปเรื่อย  โดยที่เจ้าของเริ่มชินกับระดับความสูงน่าหวาดเสียวกับตำแหน่งท้าทายบันทึกกินเนสบุ๊ค   ในขานกยักษ์  มันจะปล่อยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ทางที่ดีก็รอมันปล่อย  แต่ปัญหาคือมันก็คงจะไม่ปล่อยที่ไหนหรอกนอกจากรังมัน



        ดีมาก. . .ดีจริงๆ  ดีจริงๆเลยเว้ย



        เจ้าหญิงแห่งเดมอสและบารามอสส่งเสียงร้องในหัวตัวเอง  น้ำตาพาลจะไหลพลั่กๆ. . .ตายทุเรศแบบนี้รับไม่ได้



        ดังสวรรค์ทรงโปรด  สีฟ้าลิบๆที่ขอบฟ้า. . .นกบ้านี่จะบินข้ามทะเลสาบ  โอกาสรอดมาถึงแล้ว!



        ร่างบางพยายามขยับหาอาวุธมาแงะกงเล็บ  แต่พอขยับความคมของเล็บก็เกี่ยวเอาแขนเสื้อขาดเป็นรอยเล็กไปทั่วและเนื้อตัวก็เต็มไปรอยขีดข่วน



        “ฮึ้บ”  แรงฮึดทำให้มีดในรองเท้ามาอยู่ในมือได้  จากการดิ้นอยู่นานเพื่อเอามันมาใช้  ท้ายที่สุดหัวขโมยสุดยอดในสาระบบก็เริ่มปฏิบัติการเอาตัวรอด

    .

    .

    .





        ไกลออกสามร้อยเมตร  เนตรคู่หนึ่งเฝ้ามองอยู่เงียบๆ

    ...............................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×