ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตามมันไป
อ่า  ช่วงนี้เปิดเทอมแล้วอาจทำให้ข้าน้อยอืดกว่าเดิม= =a(มาทีไรมากับข่าวอู้ๆของคนอู้ ขอโทษนะครับ. . .เปลี่ยนสายดีมั้ย5 5 5  งานเยอะสนุกสนานรำคาญใจดีมากเลยครับ  วันแรกก็มีโครงงานเคมี= =a โอ้  สนุก!!!) ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านอยู่คร้าบบบบบบบบบบผม
ขอบคุณท่านพี่ตาลกับท่านพี่เบนซ์พะยะค่ะที่ยังทรงอ่าน(และทวงเป็นระยะๆ= =a)  ขอบคุณมากเลยคร้าบบบบบบบบบบ  ท่านอื่นๆด้วยครับผม
บทที่ 6 ตามมันไป
    หลังทานอาหารเช้าเสร็จ  อาการง่อยระยะยาวก็กลับมาเช่นเดิม  คนโดนแย่งอาหารเช้าชักรู้สึกอยากออกห่างมันทุกทีๆ  กลัวจะติดอาการบ้าบอเหมือนมันอย่างรุนแรง  ใช้ดวงตาสีม่วงหาอะไรเล่นไปเรื่อยเปื่อย  แต่พอหาไม่เจอก็ถอนใจเบาแล้วไปเดินเล่นบนลานน้ำแข็งแทน
    พลันความคิดแล่นวูบขณะย่างก้าวแรกบนน้ำแข็งผืนยักษ์
    ไกลออกไปแค่10เมตร  มีสิ่งมีชีวิตไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่กำลังนั่งซึม  แผ่รังสีทะมึนไปทั่วจนนกแห่งสโนแลนด์พากันบินหนี  ขอทานจากทริสทอร์  เห็นท่าไม่ดีก็พลอยเขยิบห่างไปด้วย (สังคมรังเกียจ?)
    หนังสือ(เล่มซึ่งไม่รู้โผล่มาจากไหน)ปกแข็งถูกกางออก  แล้วโรก็เปิดมันอ่านอย่างสบายใจ(เมื่อพ้นรัศมีน่ากลัวนั่นแล้ว)
    ทางด้านคนโดนหนียังนั่งเหม่อต่อไป  อากาศโล่งๆไม่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง  หากแต่ยิ่งดำดิ่งจิตใจลงไปในความคิด เจ้าหล่อนนั่งเท้าคางขัดสมาธิไม่ไกลจากนักฆ่ามากนัก
    เฟรินหลับตาลง  นึกภาพถึงเมื่อคืน  ภาพที่แม้ไม่อยากจะนึกถึงก็ยังเห็น
    ผนังทางเดินซึ่งพอจะรู้ว่ามันเย็นแต่ตอนนี้กลับเย็นกว่าที่คิดมาก  จนเผลอนึกว่ากำลังพิงก้อนน้ำแข็งอยู่  เจ้าหล่อนขยุ้มเสื้อบริเวณออกจนยับ  เสียงรองเท้าผู้หญิงเดินออกจากห้องอีกทางหนึ่งไป  การรู้สึกตัวจึงกลับมาเหมือนตื่นจากฝัน
    “ขโมยก็อยู่ส่วนขโมย  แอบฟังคนในราชวงศ์คุยกันมีโทษควักลูกตา”  น้ำเสียงเรียบๆกว่างขึ้นดังจากข้างบนเหนือศีรษะ  เมื่อเงยขึ้น  นัยน์ตาสีน้ำตาลก็สบกับเนตรฟ้าซึ่งสงบเฉยเป็นปกติ  จนน่าหงุดหงิด
    “ฉันได้ยินหมดแล้ว”  คนแอบฟังลุกพรวด  พูดเสียงดัง
    “คงต้องตัดหูด้วย”  คาโกลกล่าวเนิบๆ  ฉุดอารมณ์โมโหให้พุ่งพรวด  ร่างบางออกแรงกระชากคอเสื้อจนหน้าเข้าใกล้ ไอร้อนๆแผ่ออกจากจากสาวน้อยจอมรุนแรง  “แต่แบบนี้ถึงประหาร”  ดวงหน้าขาวไร้กล่าวอารมณ์เช่นเคย  เสียแต่ปากเงียบๆมันพูดออกมาได้ไม่เข้ากัน
    “นายคิดจะตายอีกแล้วงั้นสิ”  น้ำเสียงจากคนต้องโทษประหารสั่นนิดๆด้วยโทสะ “ไม่ตลก” เจ้าหล่อนพ่นลมพรืด
    “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าตลก  อย่างที่นายได้ยิน  นี่เป็นสิ่งที่ควรจะทำ”  เจ้าชายน้ำแข็งแย้งกลับ  แกะมือเจ้าคนไร้มารยาทออกจากเสื้อ  แต่พอไปเห็นรอยยับบนเสื้อมันเหมือนกันก็เลยนึกสงสัยไปว่า  มันไม่ชอบเสื้อเรียบๆรึไง
    “สิ่งที่ควรจะทำบ้านแกหนะสิ”  เจ้าหล่อนค้านแหย็ง 
    “บ้านฉัน?”  ก้อนน้ำแข็งแสร้งทวน  สาวเจ้าถึงนึกขึ้นได้ว่า สโนแลนด์หนะก็กึ่งๆบ้านมันนี่หว่า ลืมไปว่าแม่มันเล่าให้ฟัง. . .คาโลเกิดที่สโนแลนด์  โตที่คาโนวาล
   
    “เรื่องนั้นช่างมัน” เฟรินรีบวกเข้าเรื่อง  “แกรู้  แต่ไม่เคยบอกว่าตอนนี้สโนแลนด์มีเรื่องกับไอตัวประหลาดนั่น”
    คาโลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  ตัวประหลาดที่ว่าคงไม่ใช่. . .
    “วะ  ก็เดมอสไง  แกไม่ต้องมาทำซื่อ แล้วต้นเหตุสงครามเกิดจากอะไร  แกคายมาให้หมด” คนจริงจังทิ้งท่าทางทะเล้นลงrecycle bin  เนตรโชนแสงบอกว่าไม่ได้เล่น  เจ้าหล่อนยังคงนิ่งเฝ้ารอคำอธิบาย
    สถานการณ์เคร่งเครียดที่ดูตลกในเวลาเดียวกันเมื่อคนที่สาวความเป็นเฟริน  เดอเบอโรว์ไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งเดมอส  ผู้ว่าได้กระทั่งถิ่นตัวเองแม้จะแค่ครึ่งหนึ่งว่าตัวประหลาด  มันไม่ได้รู้สึกเลยว่ากระทบตัวเองจังๆนะ  ไอ้คำว่า  ประหลาดหนะ
    ทิ้งช่วงไปครู่  คนที่ควรจะพูดกลับรูดซิบปากด้วยกาวตราช้าง หัวขโมยซึ่งหมดความอดทนจึงโพล่งว่า  “แกบอกแม่แกว่าจะแก้ปัญหาระหว่างชายแดนสโนแลนด์กับเดมอส(ดูแผนที่ได้จากภาพประกอบของเว็บหลักครับ  สองประเทศนี้มีชายแดนติดกันยาวครับ)โดยการไปตาย” พูดไม่ทันจบครบประโยค  ร่างสูงก็ขัด
    “ไม่คิดว่าหูขโมยจะใช้การไม่ได้จนฟังว่าไปสงบศึก  เป็นไปตาย”  คาโลกล่าว
    “สงบศึกที่ไหน  ไปก็ตาย รอดก็เลี้ยงไม่โต”  หัวขโมยย้อนศร  รู้ดีแก่ใจว่ามนุษย์เป็นเพียงแค่ของเล่นบันเทิงสำหรับพวกปีศาจ
    “นายเอาอะไรมาตัดสิน”
    คำถามของตัวแทนสงบศึกส่งผลให้คนได้ทียืด  ทำท่ากอดอกดูน่าขันนักในความคิดของคนมาดมาก(ผู้ไม่บอกมันหรอกว่าคิดแบบนี้)
    “ถ้าแกจะไปเป็นตัวแทนสงบศึก  สู้ให้ฉันไปกล่อมท่านพ่อไม่ดีกว่ารึไง”  เจ้าหล่อนว่า  นิ้วชี้แกว่งไปมา  “ไม่ก็ตามไปด้วย. . .”
    ทันใดนั้นดวงหน้าที่เรียบเฉยก็พลันยับ  คิ้วสีเดียวกับผมขมวดเป็นเกลียว  ปากขยับเอ่ยวาจา  น้ำเสียงกดเข้มจนผู้ฟังสะดุ้งโยง
    “อย่าได้ยุ่งเรื่องของฉัน  ขโมยก็อยู่ส่วนขโมย  หรืออยากอายุสั้นมากนักก็ตามใจ”  เจ้าชายคนสำคัญว่าแล้วหมุนตัวเดินหายไปในความมืดระหว่างทางเดินนั้น  ความเงียบกลับมาอีกครั้ง
    ผมสีน้ำตาลปรกลงมาปิดบังดวงตาอย่างไม่คิดจะให้ใครเห็นสีหน้า  คนมาดมากจากไปแล้วสักพักหัวขโมยผู้หาญเล่นหนวดเสือจึงค่อยรู้สึกตัว  ร่างสะท้านที่นึกว่าเพราะความหนาวแท้จริงกลับไม่ใช่. . .  เจ้าหล่อนผู้ไม่เคยใส่ใจการดุการปรามกลับหายใจไม่ทั่วท้อง  วูบหนึ่งที่เห็นคนตรงหน้าน่ากลัวราวปีศาจ  นึกขอให้มันเป็นเพียงแค่คิดไปเอง
    คาโล  วาเนบลี  ชื่อที่ทำให้เกิดฮึด  มือของคนเป็นผู้หญิงกำแน่นจนสั่น. . .ด้วยไม่แน่ว่าเพื่อคลายความตื่นกลัวหรือโกรธกันแน่
   
                ไอ้บ้านั่นมันชอบเอาแต่ใจอยู่เรื่อย งี่เง่า  ประสาทเอ๊ย  ทำเป็นขู่
    นึกด่าคนที่ตอนนี้มันไม่อยู่  ฟันขาวๆขบกันแน่น  ก่อนเจ้าของจะตะโกนเสียงดังเป็นการระบายความเครียด
    “ไอ้คาโลบ้า  ขี้เก๊ก  เอาแต่ใจ  ใจ ใจ  ใจ ใจ”
   
    เสียงด่าก้องไปทั่วสะท้อนกลับมาเป็นเอคโค่วนเวียนท่ามกลางหุบเขาหิมะ  อนึ่ง การที่อยู่ๆคนนั่งเหม่อจะลุกพรวดพราดขึ้นมาตะโกนกลางลานน้ำแข็งดูจะเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับสรรพสิ่งรอบตัว  ทำเอาสะดุ้งเฮือกทั้งนกทั้งกา  กระรอกและคนที่ผ่านไปมา
    สายตาหลายคู่จ้องมองมาทางต้นเสียงด้วยความคิดเดียวกันว่า . . .มันบ้า
    เสียงเงียบลงแต่ความอึดอัดยังไม่เปลี่ยน  เท่ากับที่ตะโกนไปมันสูญ  รู้อยู่แล้วว่า  เรื่องที่คิดแล้วไม่ได้อะไรก็ไม่ต้องคิด  แต่สมองมันก็ยังไปนึกถึงราวเป็นเรื่องตลก
    มือที่เคยเท้าคางยกขึ้นมาปิดตา  ออกแรงขยี้จนพอใจจึงถอนออก
    แล้วนายจะได้รู้ว่าเอาฉันออกจากเรื่องของนายมันยากแค่ไหน  คาโล. . .
    หมับ!
   
    เฟรินเงยหน้าขึ้นมองคนจับแขนซะแน่น  ก่อนจะโวยใส่มันเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน “ ทำบ้าอะไร  คิล”  นักฆ่าแยกยิ้มมีพิรุธ  เมื่อมันออกแรงดึงสาวน้อยก็ลุกขึ้นตาม  “เล่นอะไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร” เสียงถามยานเป็นกิโลฯ  เพราะโดนเหวี่ยงให้พุ่งไปบนลานน้ำแข็ง  เจ้าหล่อนส่งเสียงร้องจ๊ากก่อนล้มไม่เป็นท่ากระแทกต้นไม้  หิมะเกาะบนยอดไม้แก่หล่นฮวบใส่  ประมาณว่าไม่ต้องลุก  ฝังทับให้แล้ว  ไปดีเถอะโยม
    เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงหัวเราะชอบใจ  ปล่อยก๊ากฮาใหญ่กับสภาพเจ้าหญิงแห่งเดมอสแอนบารามอสผู้มีหิมะเต็มตัว  แถมยังลุกขึ้นไม่ไหวอีกเพราะหิมะกลบจนเหลือแต่คอ  ตุ๊กตาหิมะดีๆนี่เอง. . .
........................................................................................................................................................
   
    “ไม่จริง!”  เสียงหวานแต่คำพูดห้าวเกินตัวดังขึ้น  สีหน้าบอกความตกใจอย่างที่สุด  เมื่อจู่ๆไฮคิงหรือนัยหนึ่งคือท่านอาจารย์ที่รักชามัลส่งเรือมารับกลับ  นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองพาหนะอย่างวุ่นวายใจ
    ไม้ทั้งลำเหมือนเดิม  กลิ่นอายเวทย์มนต์เดียวกัน  ที่สำคัญ. . .มันลอยเหมือนกัน
    “รู้ได้ยังไงว่าของถึงมือคนรับแล้ว”  เจ้าหล่อนถามโหยหวน  ทำท่าตะกายข้างท้องเรือสุดอนาถ  ขณะยืนอยู่ข้างเรือด้วยความไม่อยากขึ้น
    “ฉันส่งจดหมายไปบอกเอง  ทางมังกรส่งข่าว”  คนจัดการตอบ ก้าวมาคุยด้วย  “. . .ไฮคิงสั่ง” โรพูดต่อ  ขยับรอยยิ้มบางที่มุมปาก  ขณะที่คนฟังอยากจะอุดหูแล้วพูดกรอกใส่มันว่า  จะบ้าเรอะ  ขอโดดเรียนอีกอาทิตย์ไม่ได้รึไง
    “ก็เสร็จแล้ว  ช่วงที่เรามานี่งานก็เยอะ  เรียนตามไม่รู้จะทันรึเปล่า  รีบกลับไม่ดีตรงไหน”  นักฆ่าเปรยถาม วางกระเป๋าบรรจุเสื้อผ้า(ที่ใช้ไปแค่สองตัวคือชุดนอนกับเสื้อขากลับ)ลงที่ขา
    “ไม่ดีที่สุดเลยเว้ย”  หัวขโมยพรวดเข้ามาแทบชนหน้าแตก  เจ้าหล่อนมีน้ำตาเต็มหน้า  ทำเอานักฆ่าสงสัยว่ามันเกิดรักอะไรที่นี่นักจนไม่อยากกลับ  หรือแค่คิดอยากจะอู้นานๆก็อีกเรื่อง
    “แล้วคาโล  จะกลับไปด้วยหรือจะไปสงบศึกทำสัญญาที่เดมอส”  เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวแย่งตอบ  เรียกให้คนน้ำตาร่วงหันขวับ
    “แกรู้?”
    คำถามที่โรพยักหน้ารับ
    “งั้นก็ต้องไปช่วยมันก่อน”  คิลว่าพร้อมกำหมัด  เนตรสีม่วงทอประกายรักสนุกเต็มพิกัด  มีออร่าไฟพุ่งกระฉูดรอดตัว ด้วยความคิดที่เฟรินอ่านมันออกว่า. . .ทัวร์เดมอสรอบสอง  พลาดไม่ได้เด็ดขาด  ที่รู้เพราะยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่ามันอันตรายถึงต้องไปด้วย
    “ก่อนอื่นก็คงต้องบอกไฮคิงก่อนว่าเราจะกลับช้า”  โรว่า  ก่อนเรียกปากกาขนนกขึ้นมากับกระดาษม้วนที่พอสะบัดปุปมันก็หล่นยาวไปถึงพื้นทันที  จดหมายรักหรือจดหมายแจ้งข่าววะนี่. . .คิลคิดแล้วรีบสะบัดศีรษะกลัวไอ้ที่นึกจะเป็นจริง  อย่างไรเสีย  เกย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด!. . .มังกรไฟหรือยักษ์กินคนก็เทียบไม่ติด
    “ไม่คิดว่านายจะเป็นห่วงขนาดร้องไห้”  การแว้งกัดจากขอทานทำเอาสาวเจ้าขนลุกขนพอง  ความอยากแกล้งทำได้แม้ว่าจะกำลังเขียนสารถึงไฮคิงอยู่  พูดโดยไม่มองหน้าสักนิด
    “ไม่ได้ร้องเพราะห่วงมันโว้ย  เพราะไอ้ขนมบ้าๆนั่นต่างหาก”  หัวขโมยหน้าขึ้นสีเถียงสุดชีวิต
    คำแย้งมีเค้าความจริง  เมื่อรู้อยู่แล้วว่าขนมที่รับมาจากแม่บ้านเป็นเสบียง(สำหรับมันคนเดียว)คือหัวหอมปลอกแล้วคลุกเครื่องเทศชั้นดี  และเนื่องจากกลิ่นอันสุดจะทนของมันผนวกกับรสชาติก็ทำเอาหยาดน้ำใสหล่นแผะๆจากตา รู้ยังไงก็อดแซวไม่ได้. . .  เรียกว่าอร่อยแบบมีทุกข์ดีมั้ย?
    มือของห้องสมุดเคลื่อนที่จบข้อความในจดหมายด้วยการจุด  แล้วพันเป็นม้วนด้วยความเร็วด้วยความชำนิชำนาญ  โรสอดนิ้วเข้าปากแล้วเป่าลมออกมาเป็นเสียงหวีดเรียก ‘ตัวส่งจดหมายด่วนออกมา’
   
    มังกรตัวเล็กตาโต  ปีกกะทัดรัดปรากกฎกาย  มันลอยตัวบินอยู่หน้านายอย่างเคารพ  เมื่อเจ้านายคนเรียกผูกสารเรียบร้อยกับขา  มันก็บินจากไปเหมือนจรวดติดไอพ่น  ควันฟุ้งใส่คนข้างล่างให้ไอแค่กๆประกอบฉาก
   
   
   
   
ขอบคุณท่านพี่ตาลกับท่านพี่เบนซ์พะยะค่ะที่ยังทรงอ่าน(และทวงเป็นระยะๆ= =a)  ขอบคุณมากเลยคร้าบบบบบบบบบบ  ท่านอื่นๆด้วยครับผม
บทที่ 6 ตามมันไป
    หลังทานอาหารเช้าเสร็จ  อาการง่อยระยะยาวก็กลับมาเช่นเดิม  คนโดนแย่งอาหารเช้าชักรู้สึกอยากออกห่างมันทุกทีๆ  กลัวจะติดอาการบ้าบอเหมือนมันอย่างรุนแรง  ใช้ดวงตาสีม่วงหาอะไรเล่นไปเรื่อยเปื่อย  แต่พอหาไม่เจอก็ถอนใจเบาแล้วไปเดินเล่นบนลานน้ำแข็งแทน
    พลันความคิดแล่นวูบขณะย่างก้าวแรกบนน้ำแข็งผืนยักษ์
    ไกลออกไปแค่10เมตร  มีสิ่งมีชีวิตไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่กำลังนั่งซึม  แผ่รังสีทะมึนไปทั่วจนนกแห่งสโนแลนด์พากันบินหนี  ขอทานจากทริสทอร์  เห็นท่าไม่ดีก็พลอยเขยิบห่างไปด้วย (สังคมรังเกียจ?)
    หนังสือ(เล่มซึ่งไม่รู้โผล่มาจากไหน)ปกแข็งถูกกางออก  แล้วโรก็เปิดมันอ่านอย่างสบายใจ(เมื่อพ้นรัศมีน่ากลัวนั่นแล้ว)
    ทางด้านคนโดนหนียังนั่งเหม่อต่อไป  อากาศโล่งๆไม่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง  หากแต่ยิ่งดำดิ่งจิตใจลงไปในความคิด เจ้าหล่อนนั่งเท้าคางขัดสมาธิไม่ไกลจากนักฆ่ามากนัก
    เฟรินหลับตาลง  นึกภาพถึงเมื่อคืน  ภาพที่แม้ไม่อยากจะนึกถึงก็ยังเห็น
    ผนังทางเดินซึ่งพอจะรู้ว่ามันเย็นแต่ตอนนี้กลับเย็นกว่าที่คิดมาก  จนเผลอนึกว่ากำลังพิงก้อนน้ำแข็งอยู่  เจ้าหล่อนขยุ้มเสื้อบริเวณออกจนยับ  เสียงรองเท้าผู้หญิงเดินออกจากห้องอีกทางหนึ่งไป  การรู้สึกตัวจึงกลับมาเหมือนตื่นจากฝัน
    “ขโมยก็อยู่ส่วนขโมย  แอบฟังคนในราชวงศ์คุยกันมีโทษควักลูกตา”  น้ำเสียงเรียบๆกว่างขึ้นดังจากข้างบนเหนือศีรษะ  เมื่อเงยขึ้น  นัยน์ตาสีน้ำตาลก็สบกับเนตรฟ้าซึ่งสงบเฉยเป็นปกติ  จนน่าหงุดหงิด
    “ฉันได้ยินหมดแล้ว”  คนแอบฟังลุกพรวด  พูดเสียงดัง
    “คงต้องตัดหูด้วย”  คาโกลกล่าวเนิบๆ  ฉุดอารมณ์โมโหให้พุ่งพรวด  ร่างบางออกแรงกระชากคอเสื้อจนหน้าเข้าใกล้ ไอร้อนๆแผ่ออกจากจากสาวน้อยจอมรุนแรง  “แต่แบบนี้ถึงประหาร”  ดวงหน้าขาวไร้กล่าวอารมณ์เช่นเคย  เสียแต่ปากเงียบๆมันพูดออกมาได้ไม่เข้ากัน
    “นายคิดจะตายอีกแล้วงั้นสิ”  น้ำเสียงจากคนต้องโทษประหารสั่นนิดๆด้วยโทสะ “ไม่ตลก” เจ้าหล่อนพ่นลมพรืด
    “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าตลก  อย่างที่นายได้ยิน  นี่เป็นสิ่งที่ควรจะทำ”  เจ้าชายน้ำแข็งแย้งกลับ  แกะมือเจ้าคนไร้มารยาทออกจากเสื้อ  แต่พอไปเห็นรอยยับบนเสื้อมันเหมือนกันก็เลยนึกสงสัยไปว่า  มันไม่ชอบเสื้อเรียบๆรึไง
    “สิ่งที่ควรจะทำบ้านแกหนะสิ”  เจ้าหล่อนค้านแหย็ง 
    “บ้านฉัน?”  ก้อนน้ำแข็งแสร้งทวน  สาวเจ้าถึงนึกขึ้นได้ว่า สโนแลนด์หนะก็กึ่งๆบ้านมันนี่หว่า ลืมไปว่าแม่มันเล่าให้ฟัง. . .คาโลเกิดที่สโนแลนด์  โตที่คาโนวาล
   
    “เรื่องนั้นช่างมัน” เฟรินรีบวกเข้าเรื่อง  “แกรู้  แต่ไม่เคยบอกว่าตอนนี้สโนแลนด์มีเรื่องกับไอตัวประหลาดนั่น”
    คาโลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  ตัวประหลาดที่ว่าคงไม่ใช่. . .
    “วะ  ก็เดมอสไง  แกไม่ต้องมาทำซื่อ แล้วต้นเหตุสงครามเกิดจากอะไร  แกคายมาให้หมด” คนจริงจังทิ้งท่าทางทะเล้นลงrecycle bin  เนตรโชนแสงบอกว่าไม่ได้เล่น  เจ้าหล่อนยังคงนิ่งเฝ้ารอคำอธิบาย
    สถานการณ์เคร่งเครียดที่ดูตลกในเวลาเดียวกันเมื่อคนที่สาวความเป็นเฟริน  เดอเบอโรว์ไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งเดมอส  ผู้ว่าได้กระทั่งถิ่นตัวเองแม้จะแค่ครึ่งหนึ่งว่าตัวประหลาด  มันไม่ได้รู้สึกเลยว่ากระทบตัวเองจังๆนะ  ไอ้คำว่า  ประหลาดหนะ
    ทิ้งช่วงไปครู่  คนที่ควรจะพูดกลับรูดซิบปากด้วยกาวตราช้าง หัวขโมยซึ่งหมดความอดทนจึงโพล่งว่า  “แกบอกแม่แกว่าจะแก้ปัญหาระหว่างชายแดนสโนแลนด์กับเดมอส(ดูแผนที่ได้จากภาพประกอบของเว็บหลักครับ  สองประเทศนี้มีชายแดนติดกันยาวครับ)โดยการไปตาย” พูดไม่ทันจบครบประโยค  ร่างสูงก็ขัด
    “ไม่คิดว่าหูขโมยจะใช้การไม่ได้จนฟังว่าไปสงบศึก  เป็นไปตาย”  คาโลกล่าว
    “สงบศึกที่ไหน  ไปก็ตาย รอดก็เลี้ยงไม่โต”  หัวขโมยย้อนศร  รู้ดีแก่ใจว่ามนุษย์เป็นเพียงแค่ของเล่นบันเทิงสำหรับพวกปีศาจ
    “นายเอาอะไรมาตัดสิน”
    คำถามของตัวแทนสงบศึกส่งผลให้คนได้ทียืด  ทำท่ากอดอกดูน่าขันนักในความคิดของคนมาดมาก(ผู้ไม่บอกมันหรอกว่าคิดแบบนี้)
    “ถ้าแกจะไปเป็นตัวแทนสงบศึก  สู้ให้ฉันไปกล่อมท่านพ่อไม่ดีกว่ารึไง”  เจ้าหล่อนว่า  นิ้วชี้แกว่งไปมา  “ไม่ก็ตามไปด้วย. . .”
    ทันใดนั้นดวงหน้าที่เรียบเฉยก็พลันยับ  คิ้วสีเดียวกับผมขมวดเป็นเกลียว  ปากขยับเอ่ยวาจา  น้ำเสียงกดเข้มจนผู้ฟังสะดุ้งโยง
    “อย่าได้ยุ่งเรื่องของฉัน  ขโมยก็อยู่ส่วนขโมย  หรืออยากอายุสั้นมากนักก็ตามใจ”  เจ้าชายคนสำคัญว่าแล้วหมุนตัวเดินหายไปในความมืดระหว่างทางเดินนั้น  ความเงียบกลับมาอีกครั้ง
    ผมสีน้ำตาลปรกลงมาปิดบังดวงตาอย่างไม่คิดจะให้ใครเห็นสีหน้า  คนมาดมากจากไปแล้วสักพักหัวขโมยผู้หาญเล่นหนวดเสือจึงค่อยรู้สึกตัว  ร่างสะท้านที่นึกว่าเพราะความหนาวแท้จริงกลับไม่ใช่. . .  เจ้าหล่อนผู้ไม่เคยใส่ใจการดุการปรามกลับหายใจไม่ทั่วท้อง  วูบหนึ่งที่เห็นคนตรงหน้าน่ากลัวราวปีศาจ  นึกขอให้มันเป็นเพียงแค่คิดไปเอง
    คาโล  วาเนบลี  ชื่อที่ทำให้เกิดฮึด  มือของคนเป็นผู้หญิงกำแน่นจนสั่น. . .ด้วยไม่แน่ว่าเพื่อคลายความตื่นกลัวหรือโกรธกันแน่
   
                ไอ้บ้านั่นมันชอบเอาแต่ใจอยู่เรื่อย งี่เง่า  ประสาทเอ๊ย  ทำเป็นขู่
    นึกด่าคนที่ตอนนี้มันไม่อยู่  ฟันขาวๆขบกันแน่น  ก่อนเจ้าของจะตะโกนเสียงดังเป็นการระบายความเครียด
    “ไอ้คาโลบ้า  ขี้เก๊ก  เอาแต่ใจ  ใจ ใจ  ใจ ใจ”
   
    เสียงด่าก้องไปทั่วสะท้อนกลับมาเป็นเอคโค่วนเวียนท่ามกลางหุบเขาหิมะ  อนึ่ง การที่อยู่ๆคนนั่งเหม่อจะลุกพรวดพราดขึ้นมาตะโกนกลางลานน้ำแข็งดูจะเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับสรรพสิ่งรอบตัว  ทำเอาสะดุ้งเฮือกทั้งนกทั้งกา  กระรอกและคนที่ผ่านไปมา
    สายตาหลายคู่จ้องมองมาทางต้นเสียงด้วยความคิดเดียวกันว่า . . .มันบ้า
    เสียงเงียบลงแต่ความอึดอัดยังไม่เปลี่ยน  เท่ากับที่ตะโกนไปมันสูญ  รู้อยู่แล้วว่า  เรื่องที่คิดแล้วไม่ได้อะไรก็ไม่ต้องคิด  แต่สมองมันก็ยังไปนึกถึงราวเป็นเรื่องตลก
    มือที่เคยเท้าคางยกขึ้นมาปิดตา  ออกแรงขยี้จนพอใจจึงถอนออก
    แล้วนายจะได้รู้ว่าเอาฉันออกจากเรื่องของนายมันยากแค่ไหน  คาโล. . .
    หมับ!
   
    เฟรินเงยหน้าขึ้นมองคนจับแขนซะแน่น  ก่อนจะโวยใส่มันเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน “ ทำบ้าอะไร  คิล”  นักฆ่าแยกยิ้มมีพิรุธ  เมื่อมันออกแรงดึงสาวน้อยก็ลุกขึ้นตาม  “เล่นอะไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร” เสียงถามยานเป็นกิโลฯ  เพราะโดนเหวี่ยงให้พุ่งไปบนลานน้ำแข็ง  เจ้าหล่อนส่งเสียงร้องจ๊ากก่อนล้มไม่เป็นท่ากระแทกต้นไม้  หิมะเกาะบนยอดไม้แก่หล่นฮวบใส่  ประมาณว่าไม่ต้องลุก  ฝังทับให้แล้ว  ไปดีเถอะโยม
    เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงหัวเราะชอบใจ  ปล่อยก๊ากฮาใหญ่กับสภาพเจ้าหญิงแห่งเดมอสแอนบารามอสผู้มีหิมะเต็มตัว  แถมยังลุกขึ้นไม่ไหวอีกเพราะหิมะกลบจนเหลือแต่คอ  ตุ๊กตาหิมะดีๆนี่เอง. . .
........................................................................................................................................................
   
    “ไม่จริง!”  เสียงหวานแต่คำพูดห้าวเกินตัวดังขึ้น  สีหน้าบอกความตกใจอย่างที่สุด  เมื่อจู่ๆไฮคิงหรือนัยหนึ่งคือท่านอาจารย์ที่รักชามัลส่งเรือมารับกลับ  นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองพาหนะอย่างวุ่นวายใจ
    ไม้ทั้งลำเหมือนเดิม  กลิ่นอายเวทย์มนต์เดียวกัน  ที่สำคัญ. . .มันลอยเหมือนกัน
    “รู้ได้ยังไงว่าของถึงมือคนรับแล้ว”  เจ้าหล่อนถามโหยหวน  ทำท่าตะกายข้างท้องเรือสุดอนาถ  ขณะยืนอยู่ข้างเรือด้วยความไม่อยากขึ้น
    “ฉันส่งจดหมายไปบอกเอง  ทางมังกรส่งข่าว”  คนจัดการตอบ ก้าวมาคุยด้วย  “. . .ไฮคิงสั่ง” โรพูดต่อ  ขยับรอยยิ้มบางที่มุมปาก  ขณะที่คนฟังอยากจะอุดหูแล้วพูดกรอกใส่มันว่า  จะบ้าเรอะ  ขอโดดเรียนอีกอาทิตย์ไม่ได้รึไง
    “ก็เสร็จแล้ว  ช่วงที่เรามานี่งานก็เยอะ  เรียนตามไม่รู้จะทันรึเปล่า  รีบกลับไม่ดีตรงไหน”  นักฆ่าเปรยถาม วางกระเป๋าบรรจุเสื้อผ้า(ที่ใช้ไปแค่สองตัวคือชุดนอนกับเสื้อขากลับ)ลงที่ขา
    “ไม่ดีที่สุดเลยเว้ย”  หัวขโมยพรวดเข้ามาแทบชนหน้าแตก  เจ้าหล่อนมีน้ำตาเต็มหน้า  ทำเอานักฆ่าสงสัยว่ามันเกิดรักอะไรที่นี่นักจนไม่อยากกลับ  หรือแค่คิดอยากจะอู้นานๆก็อีกเรื่อง
    “แล้วคาโล  จะกลับไปด้วยหรือจะไปสงบศึกทำสัญญาที่เดมอส”  เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวแย่งตอบ  เรียกให้คนน้ำตาร่วงหันขวับ
    “แกรู้?”
    คำถามที่โรพยักหน้ารับ
    “งั้นก็ต้องไปช่วยมันก่อน”  คิลว่าพร้อมกำหมัด  เนตรสีม่วงทอประกายรักสนุกเต็มพิกัด  มีออร่าไฟพุ่งกระฉูดรอดตัว ด้วยความคิดที่เฟรินอ่านมันออกว่า. . .ทัวร์เดมอสรอบสอง  พลาดไม่ได้เด็ดขาด  ที่รู้เพราะยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่ามันอันตรายถึงต้องไปด้วย
    “ก่อนอื่นก็คงต้องบอกไฮคิงก่อนว่าเราจะกลับช้า”  โรว่า  ก่อนเรียกปากกาขนนกขึ้นมากับกระดาษม้วนที่พอสะบัดปุปมันก็หล่นยาวไปถึงพื้นทันที  จดหมายรักหรือจดหมายแจ้งข่าววะนี่. . .คิลคิดแล้วรีบสะบัดศีรษะกลัวไอ้ที่นึกจะเป็นจริง  อย่างไรเสีย  เกย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด!. . .มังกรไฟหรือยักษ์กินคนก็เทียบไม่ติด
    “ไม่คิดว่านายจะเป็นห่วงขนาดร้องไห้”  การแว้งกัดจากขอทานทำเอาสาวเจ้าขนลุกขนพอง  ความอยากแกล้งทำได้แม้ว่าจะกำลังเขียนสารถึงไฮคิงอยู่  พูดโดยไม่มองหน้าสักนิด
    “ไม่ได้ร้องเพราะห่วงมันโว้ย  เพราะไอ้ขนมบ้าๆนั่นต่างหาก”  หัวขโมยหน้าขึ้นสีเถียงสุดชีวิต
    คำแย้งมีเค้าความจริง  เมื่อรู้อยู่แล้วว่าขนมที่รับมาจากแม่บ้านเป็นเสบียง(สำหรับมันคนเดียว)คือหัวหอมปลอกแล้วคลุกเครื่องเทศชั้นดี  และเนื่องจากกลิ่นอันสุดจะทนของมันผนวกกับรสชาติก็ทำเอาหยาดน้ำใสหล่นแผะๆจากตา รู้ยังไงก็อดแซวไม่ได้. . .  เรียกว่าอร่อยแบบมีทุกข์ดีมั้ย?
    มือของห้องสมุดเคลื่อนที่จบข้อความในจดหมายด้วยการจุด  แล้วพันเป็นม้วนด้วยความเร็วด้วยความชำนิชำนาญ  โรสอดนิ้วเข้าปากแล้วเป่าลมออกมาเป็นเสียงหวีดเรียก ‘ตัวส่งจดหมายด่วนออกมา’
   
    มังกรตัวเล็กตาโต  ปีกกะทัดรัดปรากกฎกาย  มันลอยตัวบินอยู่หน้านายอย่างเคารพ  เมื่อเจ้านายคนเรียกผูกสารเรียบร้อยกับขา  มันก็บินจากไปเหมือนจรวดติดไอพ่น  ควันฟุ้งใส่คนข้างล่างให้ไอแค่กๆประกอบฉาก
   
   
   
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น