สัมผัสรักจากสรวงสวรรค์ - สัมผัสรักจากสรวงสวรรค์ นิยาย สัมผัสรักจากสรวงสวรรค์ : Dek-D.com - Writer

    สัมผัสรักจากสรวงสวรรค์

    โดย Phrapay

    ...ความผูกพันกับความรักจะผูกให้หัวใจของคนทั้งคู่สัมผัสได้ถึงรักของกันและกันได้ คุณเชื่อหรือไม่...

    ผู้เข้าชมรวม

    743

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    743

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ธ.ค. 53 / 00:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
                                    
                                         
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                    สัมผัสรักจากสรวงสวรรค์
       
       
      แสงสีทองส่องอร่ามสะท้อนไปทั่ว ณ สถานที่แห่งนี้ ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงทุกที      จู่ๆ ก็มีสายลมพัดหวนวนเข้ามายังร่างชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งอยู่บนม้านั่งสีเขียวตัวนี้ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นานหลายชั่วโมงแล้ว    ราวกับทุกสิ่งหยุดนิ่งเมื่อสายลมที่เคลื่อนที่มาด้วยความเร็วนั้นได้จางหายไปก่อนจะปะทะเข้ากับร่างของชายหนุ่ม     ใบไม้ที่กำลังจะร่วงหล่นอยู่นั้นหยุดนิ่งค้างอยู่กลางอากาศ    ต้นไม้น้อยใหญ่ไม่ไหวติ่ง  สัมผัสแผ่วเบาแสนจะอ่อนโยนประกบลงจุมพิตที่ริมฝีปากบางเฉียดเพื่อบรรเทาความรู้สึกโหยหาท้วงคำนึงคิดถึง
      สายตาของชายหนุ่มเบิกกว้าสะดุ้งลุกขึ้นจากม้านั่งด้วยอาการตกใจ และเพียงเสียววินาทีทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนดังเดิม สายลมพัดวีดหวิวลู่ลมกับต้นไม้น้อยใหญ่    ริมฝีปากของเขายังสัมผัสได้ถึงรอยอุ่นๆ นั้นอยู่เลย      แต่เมื่อมองไปรอยกายกลับไม่เห็นมีใครอยู่บริเวณนี้เลยสักคน  
      “เฮ้อ! ฝันไปนี่เอง”  เขาส่ายหัวเบาๆ กับอาการของตัวเองที่หลงคิดว่าถูกใครขโมยจูบไปเสียแล้ว    แต่กลับไม่มีใครอยู่แถวนี้เสียคนเดียว  
      เขาสะบัดผมสีทองสะท้อนแสงที่ตั้งใจไปกัดสีมาเพื่อประชดใครบางคน     และสลัดอาการงัวเงียให้หายไป   แล้วร่างสูงโปร่งก็เดินออกมาจากสวนสาธารณะด้วยอาการผิดหวัง     เดินออกมาได้สักพักบรรยากาศรอบกายก็เริ่มมืดลงถึงจะมีแสงไฟอยู่ตามเสาข้างทางค่อยส่องสว่างอยู่บางแต่ก็อย่างมืดอยู่ดี   อากาศก็เย็นลงจนเขาคิดว่าหิมะอาจจะตกก็เป็นได้   เขาจึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแต่ในใจยังพะว้าพะวงไม่อยากจะรีบกลับ เมื่อนึกคิดไปย้อนไปถึงคนที่ผิดนัดไม่ยอมมาวันนี้  
      “ยูน^o^”   เสียงสดใสของหญิงสาวที่เงยหน้าขึ้นมากับยิ้มหวานดีใจกับการกลับมาของเขา   แต่สีหน้าของเธอดูซีดจางเพราะนั่งกอดเข่าทนสู้กับอากาศหนาวอยู่หน้าประตูบ้านเพื่อรอเขากลับมา
      “เอวา   เธอมาทำอะไรตอนมืดค่ำป่านี้   เขามองหน้าเธอด้วยสีหน้าหนักใจ
      “ยูนไปไหนมากลับบ้านมืดจัง   เอวามารอตั้งแต่เย็นจนมืดแล้วนะ   เธอโผเข้าเกาะแขนชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง   
      “เข้าไปข้างในก่อนสิเอวา ข้างนอกอากาศเย็น”   เขาไม่สนใจความเป็นห่วงของเธอเลยสักนิด   ผละจากเธอไปไขกุญแจที่ประตูบ้าน   แล้วเปิดออกเชิญให้เธอเข้าไป
      เอวามองการกระทำของยูนด้วยความรู้สึกอึดอัด   แต่ก็เดินเข้าไปข้างในด้วยรอยยิ้มที่แอบคิดว่าอาจจะยังมีหวังอยู่บ้าง
      หลังจากที่รอให้เขาเดินมานั่งคุยข้างๆ ได้สักพักเอวาถึงได้คิดที่จะหาอะไรคุยกับเขา
      “ยูนไปทำผมสีนี้ก็เหมาะดีนะ ดูดีจัง” เอวานั่งมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาเปล่งประกาย   บางทีความพยายามของเธออาจจะมีหวังก็ได้   เอวาคิดในใจอย่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวอยู่
      “อืม”  
      “ยูนไปทำธุระอะไรเหรอ ถึงได้กลับมาบ้านมืด   ฉันเป็นห่วงคิด...”
      “เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า   ฉันเหนื่อยมากแล้วอยากจะนอน   ชายหนุ่มไม่สนใจคำพูดที่แฝงความในของเอวาเลยสักนิด  
      “อะ...เออ คือ   ฉันเห็นว่าวันนี้เป็นวันเกิดของนายก็เลยอย่าเอานี่มาให้   เอวารู้สึกอึดอัดมากขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจลึกๆ ของยูน
      “วันเกิด-_-?” เหมือนกับเขาถามเธอกลับ    แต่ไม่เลยนั้นพียงเป็นการทวนคำพูดที่ยังติดค้างอยู่ในหัวของเขาอยู่  
      “อืม วันเกิดยูน”
      “ขอบใจ”   เขารับของขวัญที่เธอยืนให้แล้ววางลง 
       “ฉันต้องกลับแล้วล่ะ”   เอวาลุกเดินออกมาเดินตรงไปที่ประตู และรู้สึกท้อใจอย่างบอกไม่ถูก 
      “มืดแล้ว   จะไปส่งแล้วกัน   ยูนลุกขึ้นแล้วเดินตามเธอออกมาไป
      เอวาเดินออกมาจากบ้านของยูนด้วยความรู้สึกดีและเดินอมยิ้มมาตลอกทาง   อย่างน้อยเขาก็ยังเดินมาส่งถึงแม้ว่าจะเหมือนไม่ได้มาส่งก็เถอะ    แต่อย่างน้อยเธอก็ยังอยู่ในสายตาของเขาบ้าง    ความรู้สึกท้อใจก็กลับกลายมาเป็นฮึดสู้อีกครั้ง   
      ยูนเดินมองเอวาที่เดินนำออกไปไกลทุกทีๆ    ด้วยสายตาสิ้นหวังเมื่อนึกถึงเรื่องๆ  นั้น     จู่ๆ สายสมแห่งฤดูหนาวก็พัดเข้ามาประทะร่างสูงโปร่งของเขา    ให้ต้องกระชับเสื้อโค้ดสีดำให้แน่นขึ้น 
      เอวานั่งรอรถประจำทางด้วยยิ้มแห้งๆ เมื่อคุยอะไรไปเขาก็จะตอบแค่พยักหน้าอย่างเดียว      ท่าทางของยูนดูเย็นชามากในสายตาของเอวาทุกครั้งที่เธอพยายามเข้าใกล้เขา   เขาก็จะหาเรื่องออกห่างหรือไม่ก็ถามคำตอบคำแบบนี้     เธอนั่งเงียบอยู่พักหนึ่งเพื่อคิดทบทวนถึงเรื่องของเขากับเธอ   แล้วรถประจำทางก็เคลื่อนเข้ามาจอด
      “ยูนฉันต้องไปก่อนนะ   แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่คณะค่ะ” เอวาหันมาโบกมือลาเขาก็ที่จะก้าวขึ้นรถประจำทาง   เขาได้แต่เหม่อมองรถประจำทางเคลื่อนตัวไกลออกไปทุกที   โดยไม่พูดอะไร
      “คนผิดสัญญา” เขานึกถึงใครคนหนึ่งที่ไม่ยอมมาตามนัดวันนี้ เธอมีเหตุผลอะไรถึงปล่อยให้เขารอมาสองปีแล้ว     แล้วปีนี้อีกที่สัญญาว่าจะมาก็ไม่มา ใช่แล้วเขาคิดแต่เรื่องนี้ และก็แคร์เธอคนนี้มากที่สุด   มากจนไม่อาจจะรับเอวาเข้ามาได้อีกแล้วสำหรับหัวใจของเขาคนนี้
       
      “ใจร้ายชะมัด คนเย็นชา”   เสียงใสๆ ดังมาจากด้านหลังของเขา
      เขาจึงหันไปมองเจ้าของเสียงใสๆ นั้นอย่างไม่สบอารมณ์ ปรากฏว่าเจ้าของเสียงใสๆ นั้น ยืนตั้งท่าเท้าสะเอวมาหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง   เธออยู่ในชุดกระโปรงสีขาวสวมเสื้อไหมพรมสีฟ้าตัวบาง   เส้นผมสีดำยาวสยายถึงกลางหลัง   ดวงตาคู่สวยจ้องเขม่งมาที่เขา
      “กล้าดีอย่างไงมาว่าฉัน ยัยบ้า”   เขามองหน้าเธอด้วยแววตาประหลาดใจ
      “หน้าตาก็ดีอยู่หรอกแต่ใจร้ายมาก”   เธอชี้หน้าเขาโดยที่แขนอีกข้างยังคงเท้าสะเอวอยู่    แล้วก็ส่ายหัวอย่างรับไม่ได้
      “คนใจร้ายอย่างฉันก็มีหัวใจนะยัยบ้า” เขาพลักหัวเธอเบาๆ อย่างหมั่นไส้เต็มทน
      “โอ๊ย!!  มีหัวใจแต่ใจดำปิ๊ดปี๋”   เธอเปลี่ยนมากอดอกมองหน้าเขาอย่างท้าทาย
      ร่างสูงกลับดึงร่างบางเข้าหาตัวและกอดไว้แน่น   หญิงสาวเงียบกริบไม่โต้เถียงหรือขัดขืนการกระทำของเขาแม้แต่น้อยปล่อยให้เขาโอบกอดเธอไว้อย่างนั้น   ราวกับหัวใจของเขาและเธอต่างก็โหยหาอ้อมกอดของกันและกันมาแสนนาน     เนินนานหลายนาทีแล้วแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างบางออกจากการพันธนาการอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา
      “นานไปแล้วนะ   ฉันโดนคนกอดหรืองูหลามรัดกันเนี่ย” คำพูดติดตลกของหญิงสาวเรียกให้เขาได้สติขึ้นมา   จึงคลายกอดจากเธอ
      “...” ตาดวงของเขาเริ่มแดงระเรื่อ
      “นายนี่มันจอมขี้แหยจริงๆ ตั้งแต่เด็กจนโตขนาดนี้แล้ว”   เธอบีบแก้มของเขาด้วยความหมั่นไส้ถึงแม้จะต้องแขย่งปลายเท้าเพื่อเอื้อมให้ถึงคนตัวสูงกว่าก็ตาม
      “ไม่เอาหน้า ไม่ได้ขี้แหยสักหน่อย” เขาจับมือของเธอออกแล้วก็ถือโอกาสกุมมือทั้งสองไว้ไม่ยอมปล่อย
      “ก็คิดถึงนี่นา” เธอดึงมือของเขามาถูที่แก้มเหมือนแมวขี้อ้อน
      “...” เขายิ้มรับท่าทีขี้อ้อนของเธอ
      “ยิ้มอะไรคนขี้แหย” เธอดึงมือบางออกจากมือหนาๆ เขาทันที
      “ฉันก็คิดถึงเธอ ว่าแต่เธอทำไหมมาช้าจัง   สองปีนี้รู้ไหมว่าฉันรอเธอมานานแค่ไหน    น้ำเสียงน้อยใจของเขาบ่นออกมาระหว่างที่มือข้างหนึ่งของเขากุมมือเธอเดินมาด้วยกัน
      “กะ...ก็ค่าตั๋วเครื่องบินมันแพงนี่น่า แถมฉันยังกะเวลาผิดก็เลยมาถึงช้าไปหน่อย   อย่าน้อยใจเลยน้า น้า น้า ยูน   คำแก้ตัวกับน้ำเสียงสดใสปนอ้อนฟังแล้วหัวใจของเขาเริ่มชุ่มชื้นมากขึ้น   รอยยิ้มหวานๆ จึงปรากฏบนใบหน้าของเขา
      “ก็ได้   ก็ได้   พอรับฟังได้”  เขายิ้มรับพร้อมกับกระชับมือบางให้แน่นขึ้นแน่น
      “ขอบคุณที่รอนะ ^O^” เธอพูดได้แค่นี้ก็เงียบไปเพราะน้ำตามันไหลซึมออกมา
      “กลับบ้านกันเถอะอากาศเย็นจะตาย   แล้วนี่ใส่เสื้ออะไรของเธอน่ะหนาวจะตาย” ปากก็ตำหนิแต่ก็ถอดเสื้อโค้ดของตัวเองมาสวมให้กับเธอด้วยความห่วงหา
      “ค่ะ นายท่าน^_^” เธอย่อตัวลงเพื่อถอนส่ายบัวรับคำของเขาด้วยยิ้มหวานๆ
      “จริงสิวันนี้เป็นวันของฉัน   แต่เธอขี้โกงมาสายจนป่านี้แล้วก็เหลือเวลาของฉันอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเที่ยงคืนแล้ว= . =”   เขานึกขึ้นได้ก็บ่นจนเธอหน้าเสีย    และเขาก็ลอบยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
      “^///^”   เธอได้แต่อายหน้าแดงเมื่อนึกถึงการลงโทษของเขา
      “รู้ตัวแล้วก็เร็วเข้าสิ   บทลงโทษของสำหรับเธอที่ทำให้นายท่านโกรธ นับหนึ่ง   นับสอง...
      “รู้แล้วน้า”
      “นับ...”
      จุ๊บ^////^
      ริมฝีปากบางสวยประกบลงข้างแก้มใสเนียนของเขาเพียงคู่เดียวเท่านั้น กลับทำให้ใบหน้าของทั้งเขาและเธอก็แดงระเรื่อกันทั้งคู่
      “อึๆ ฮ่ะๆ ฮ่าๆๆ” แล้วเสียงหัวเราะของเขาที่กลั้นไว้ก็เก็บไว้ไม่อยู่
      “นายท่านขำอะไรค่ะ”   เธอมองหน้าด้วยแววตาโกรธเคืองแต่ใบหน้าก็ยังแดงระเรื่อไม่จาง
      “ก็เธอน่าแดงมากเลย    เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด  
      “...”เหตุผลของเขาทำให้เธอถึงกับอึ้ง   ความรู้สึกผิดมันมีมากเกินไปว่าที่จะเขินอายหรืองอนโกรธเขาอีก
      “ยูน”
      “หือ”
      “มาคราวนี้ฉันจะมาอยู่กับนายหลายวันเลย ตั้งสามวันเชียวนะ”
      “แน่ใจแล้วหรอว่า นั้นหลายวันแล้วของเธอ” เขาแกล้งทำน้ำเสียงเศร้าใส่เธอ แต่จริงๆ แล้วดีใจอย่างบอกไม่ถูก   ในเมื่อนานๆ ครั้งเธอจะกลับมาและครั้งนี้เป็นครั้งที่เธอจะอยู่นานที่สุดก็ว่าได้
      “โอ๊ยๆ อย่างอนน้ายูนน้า   นี่ก็นานมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลกแล้วน้า   เธอทำแก้มปองงอนยูนแล้วก็เขย่าแขนเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ  
      “ไม่รู้ไม่ชี้” เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจ   แต่แล้วก็แอบอมยิ้ม
      “ถ้าไม่เลิกฉันกลับเลยนะ”   ว่าแล้วเธอก็หันตัวจะเดินกลับ
      “ไม่นะ!!!”  ร่างบางถูกดึงเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขาโอบรัดเธอไว้แน่ราวกับกลัวว่าเธอจะหายจากไปอีก
      “...”
      “ฉันขอโทษขอโทษที่เอาแต่ใจ ขอโทษที่อยากให้เธออยู่กับฉันตลอดไป ขอโทษที่ขอแกล้งเธอ”   หยดน้ำตาของเขาไหลพร่ำพรูออกมาไม่ยอมหยุด
       “ค่ะ นายท่าน   แต่พรุ่งนี้เป็นวันของฉันนะ”   เธอฉีกยิ้มกว้างแล้วก็หันมามองหน้าเขาทั้งๆ ที่อยู่ในอ้อมกอด
      “ครับ” เขายิ้มตอบเธอทั้งน้ำตา
      ~วีด วิ้วววววว 
      พลืนนนนนนนน พลัก
      เสียงลมพายุข้างนอกพัดแรงขึ้นทุกที   ชายหนุ่มในชุดวอมจึงปิดประตูกระจกโดยเร็วเพราะไม่อยากให้อากาศเย็นๆ ด้านนอกพัดเข้ามาทำให้ร่างบางที่ยังนั่งดูทีวีได้สัมผัสความหนาวเหน็บจากอากาศที่เลวร้ายด้านนอก
      “ยูนกลับมาแล้วเหรอ   หว้า! ฉันไม่น่าลืมเอาเสื้อผ้ามาเลย   ยูนก็เลยต้องไปซื้อมาให้” เธอเดินเข้าเปเกาะแขนเขาอย่าเอาใจ  
      “บ้าหรือป่าวเนี่ย ลืมได้แม้กระทั่งเสื้อผ้าตัวเอง”   เขาพลักหัวเธอด้วยความหมั่นไส้
      “ก็มันรีบนี่กลัวว่าจะมาไม่ทันยูน ก็เลยลืมไว้ที่สนามบิน อิอิ” เธอรับถุงเสื้อผ้าที่เขาเพิ่งออกไปซื้อมาให้มาค้นดูว่าเขาซื้ออะไรมาให้บ้าง
      “ไม่รู้ว่าเธอจะชอบหรือป่าว มันดึกมากแล้วร้านแถวนี้ปิดกันหมด โชคดีที่ซุปเปอร์มาเก็ตเปิดอยู่” เขาอมยิ้มแล้วก็เดินไปนั่งที่โซฟา
      “เอ๋ ยูนซื้อชุดชั้นในมาด้วยหรือเปล่าเนี่ย ไม่เห็นมีเลย”
      “o///oยัยบ้าฉันเป็นผู้ชายน่ะ จะให้ซื้อของแบบนั้นเนี่ยนะ”   เขาถึงกับโวยวายลั่นเพราะอายจนหน้าแดง เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองไปย่องๆ มองๆ อยู่แถวๆ แผนงชุดชั้นในหญิง อยู่นานสองนานแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปซื้อ
      “อายแล้วมันช่วยให้ฉันมีชุดชั้นในใส่ไหมเนี่ย    ฉันจะไปเองก็ไม่ให้ไป” เธอยังไม่หยุดพูด และดูจะเริ่มโมโหเขาขึ้นมา เมื่อตอนที่จะออกไปซื้อของข้างนอกด้วยกันเขาก็ขึ้นเสียงสั่งเธอให้อยู่ที่บ้านไม่ต้องออกไป
      “อะไรของเธอ ไม่มีใส่ก็ไม่ต้องใส่ใครใช้ให้เธอขี้ลืมล่ะ   หรือเธอจะยืมของฉันใส่ดีล่ะ” เขาทนฟังเธอบ่นไม่ไหวจึงแกล้งแย่เธอเล่นขำ
      “แหวะ! ใครจะไปใส่ของนาย   แล้วที่ว่าให้ยืมน่ะรวมถึงชุดเสื้อชั้นในของนายด้วยหรือเปล่าย่ะ  เธอพูดจบก็รีบเดินหนี้เข้าห้องนอนไป ก่อนที่เขาจะโวยวายอีกครั้ง
      “เฮ้ย! จะหนีไปไหนยัยจินฮีบ้า   ยัยผู้หญิงบ๊อง ออกมาน่ะ ออกมาให้ฉันลงโทษเดี๋ยวนี้เลย   เสียงเคาะประตูดังลั่นบ้านของยูนทำให้จินฮีที่แกล้งแย่เขาเล่นแล้วหนี้เข้ามาหลบเขาอยู่ให้ห้องขำไม่หยุด
      จินฮีมองเสื้อผ้าที่ยูนซื้อมาให้อย่างอมยิ้ม    กับเสื้อผ้าพวกนี้ที่มีชุดกระโปร่งสีฟ้าสวยอย่างที่เธอชอบ กับอีกชุดเป็นเสื้อยืดสีชมพูกับกางเกงยีนต์ขาสี่ส่วน
      หลังจากที่ยูนเลิกเคาะประตูห้องนอนของตัวเองเพื่อเรียกให้จินฮีออกมา เขาก็เปลี่ยนมาทำอาหารแทนเพื่อรอเธอออกมากินพร้อมๆ กัน 
      “นางฟ้ามาแล้วค่ะนายท่าน”   จินฮีเปิดประตูออกมาพร้อมกับจับชายกระโปรงย่อให้กันยูน
      ยูนยืนตะลึงเหมือนตกอยู่แห่งมนต์สะกด เพราะใบหน้าสวยหวานกับดวงตาคู่สวย รับกับผมสีดำเงาสวยที่ถูกปล่อยให้ยาวสยายอยู่เบื้องหลัง เธอในชุดสีฟ้าสวยราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยายก็ไม่ปาน   
      “ยูน ยูน นะ...นายเป็นอะไรน่ะ” เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเดินมาอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน 
      “อ่ะ...เออ ป่าวสักหน่อย   เธอออกมาก็ดีแล้วมานั่งนี่สิ   เมื่อได้สติขึ้นมาเขาก็พาเธอมานั่งที่โต๊ะอาหารที่เขาจัดไว้
      “อะไรกันเนี่ย   ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายจะทำอาหารเป็นด้วย   หรือว่าแอบซื้อมาด้วย” จินฮีมองอาหารบนโต๊ะอย่างตกตะลึง   เมื่อทุกอย่างล้วนมีแต่ของโปรดของเธอและยังน่ากินไปหมด แถมยังมีเค้กชิ้นหนึ่งปักเทียนวางอยู่กลางโต๊ะด้วย
      “ยอมรับว่าซื้อมาก็ได้ แต่ซื้อเค้กนี่มาชิ้นเดียวเท่านั้นนะ อาหารพวกนี้ฉันทำเอง”   ยูนนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ แล้วก็ฉีกยิ้มยอมรับ
      “แล้วทำไมซื้อมาแค่ชิ้นเดียวล่ะ วันนี้วันเกิดนายน่ะ   เพื่อนสักคนก็ไม่ชวนมา” จินฮีเท้าคางนั่งจ้องหน้าเขา
      “เพื่อนนะมีแต่วันนี้จะมีเฉพาะแค่เราสองคนเท่านั้น ส่วนเค้กนี่ก็เพราะมีใครบางคนเคยบ่นว่ากินเค้กมากๆ จะอ้วนเป็นหมู    ฉันก็เลยซื้อมาแค่ชิ้นเดียว” คำพูดซึ้งๆ ทำให้จินฮีถึงกับฉีกยิ้มหวานออกมาจนแก้มแทบปริ
      “เด็กผู้ชายจอมขี้แยคนนั้นกลายเป็นผู้ชายแสนดีแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกันน้า”     จินฮียิ้มตาหยีเมื่อนึกถึงเลยสมัยเด็ก
      “ก็เพราะเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ทำอะไรก็เก่งเกินหน้าเกินตาฉันไปซะหมด   ก็เลยไม่อยากยอมแพ้เด็กผู้หญิงจอมแก่นคนนั้นล่ะมั้ง   ยูนพูดพลางตักอาหารใส่จานจินฮี  
      “หว้าคิดว่าจะมีอะไรมากกว่านั้นซะอีก ที่แท้ก็แค่อยากเอาชนะ” น้ำเสียงน้อยใจแต่ก็ยังยิ้มหวานปลื้มใจกับคำตอบของเขาอยู่   ยูนจึงทำหน้าเบ้เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น
      “ยังพูดจบสักหน่อยอย่าสรุปเอาเองสิ”  
      “หรอๆๆ แต่ไม่อยากฟังแล้ว น้อยใจ” 
      “ไม่ฟังก็อย่าฟัง”
      “เมื่อกี้เพิ่งชมกว่าโตแล้วไม่ขี้แย แต่ดูสิทำอย่างกับจะร้องไห้”
      “ยัยจินฮี”
      “ทำไมนายลียูน”
      “อ่ะ ฮ่ะๆๆ ฮ่าๆๆ” ทั้งยูนและจินฮีประสานเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
      หลังจากถกเถียงกันอยู่นานสองนานการพูดคุยบนโต้อาหารของทั้งสองก็จบลงด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
      ค่ำคืนนี้ชั่งผ่านไปเร็วเหลือเกินสำหรับยูน    เขานั่งมาร่างบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงของเขาด้วยความสุขใจ   นานหลายปีที่เธอหายหน้าไปแม้แต่จะส่งข่าวหรือความคิดถึงผ่านสายโทรศัพท์   การกลับมาครั้งนี้ของเธอทำให้เขารู้ว่าการรอคอยมันช่างคุ้มค่าและวิเศษแค่ไหน     เขาลุกจะที่นั่งข้างเตียงเดินออกมาด้านนอกและปิดประตูให้เบามือที่สุดเพราะกลัวว่างจะทำให้เจ้าของร่างบางตื้น     และตรงไปยังโซฟาซึ่งบัดนี้กลายเป็นที่นอนของเขาชั่วคราวไปแล้ว
      “ฮะ...เฮ้ย!” เขาสะดุ้งตื้นเมื่อถูกความเย็นเฉียบของน้ำแข็งแตะแก้ม
      “ตื้นแล้วหรอยูน” จินฮีลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวแล้วก็ยิ้มหวานให้
      “ทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันยังหลับสบายอยู่แท้ๆ เชียว” เมื่อรู้ตัวการเขาก็เริ่มโวย
      “วันนี้ยูนมีเรียนไม่ใช่เหรอ รีบๆ ลุกไปอาบน้ำเร็ว ฉันจะไปเตรียมอาหารเช้าให้” ว่าแล้วเธอก็ดึงมือเขาให้ลุกขึ้น
      “ทำอาหารเช้า แน่ใจนะว่ากินได้” เขาถามเธอด้วยเสียงงัวเงียหันมาถาม
      “แน่อยู่แล้วไปๆ” จินฮีชูกำปั้นและปัดมือไล่เขาจากนั้นก็เดินตรงไปที่ครัว เขายิ้มรับกับท่าทางมั่นใจของเธอแล้วก็เดินเข้าห้องไป
       
      “จะออกไปแล้วเหรอ ข้างนอกอากาศเย็นนะ มานี้สิ” จินฮีเรียกเขาที่กลับกำจะออกไปเรียนให้เดินเข้าไปหา
      “อะไรของเธอนะ”
      “นี่ไง มาๆ ฉันพันให้นะ” ยูนมองผ้าพันคอสีขี้ม้าผืนสวยที่จินฮีถืออยู่ในมืออย่างเข้าใจ และปล่อยให้เธอพันให้
      “ขอบใจ แล้วก็อย่าออกไปไหนคนเดียวล่ะ แล้วฉันจะรีบกลับนะ” เขายิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ และก็ออกคำสั่งเธออย่างเป็นเป็นห่วง
      “อืม” เธอฉีกยิ้มให้เขาเพื่อรับคำ
       
      ...ที่มหาวิทยาลัยของยูน  
      เขานั่งลงตรงที่นั่งประจำของตัวเองด้วยอารมณ์ดีผิดปกติในสายตาของเพื่อนๆ และต่างก็ถามว่าไปฉลองวันเกิดกับใครมา   เขาก็ได้แต่อมยิ้มไม่ตอบใครเลย
      “ยูน” เอวาเดินเข้ามานั่งข้างๆ เขาด้วยสายตาเป็นประกาย
      “อืม เอวาวันนี้มาสายนะ”
      “จ้ะ ผ้าพันคอสวยน้า” สายตาของเอวาจ้องผ้าพันคอสีขี้ม้าที่พันอยู่ที่คอของยูนด้วยยิ้มหวาน 
      “อืม ขอบใจนะ” เขายิ้มตอบเธอเมื่อนึกคนพันผ้าพันคอให้เขา
      “ไม่เป็นไรจ้า”   เอวากลับคิดว่าเขาขอบใจเธอ   เพราะผ้าพันคอผืนนี้มันเป็นผืนที่เธอใช้เวลาหลายวันกว่าที่จะถักเสร็จ   
      ช่วงเวลาที่ยูนนั่งเรียนอยู่เขาก็ได้แต่นั่งนึกเสียดายที่ไม่ได้พาจินฮีไปเที่ยว ทั้งที่อีกสองวันเธอก็จะกลับแล้ว   และยิ่งใกล้เลิกเรียนเขาก็ยิ่งใจไม่อยู่กลับเนื้อกลับตัว   อยากรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด สิ่งที่เขาตั้งตารอก็มาถึง
      “จะรีบกลับเลยหรอยูน” เอวาที่กำลังเก็บของอยู่ เห็นยูนกำลังเดินออกจึงร้องทัก
      “อืม มีคนรออยู่” เขาหันมาตอบเพียงเท่านั้นก็เดินออกไปเลย
      และระหว่างทางเดินก็มีแต่คนเดินคุยซุบซิบกัน ถึงผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร รีบเดินออกมาถึงหน้าคณะของตัวเอง   แล้วก็เห็นคนมุงดูอะไรบางอย่าง 
      “บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน สมน้ำหน้าไม่รู้จักยูจินฮีซะแล้ว โฮะๆๆๆ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อเธอสามารถจัดการกับผู้ชายสามคนให้ลงไปกองที่พื้นได้ 
      เมื่อยูนได้ยิน ของทางเข้าไปดูว่าใช่อย่างที่เขาคิดหรือเปล่า   และสายตาของเขาก็ประสานเข้ากับจินฮี ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนชุดที่เขาซื้อมาให้เธอเมื่อวาน และยังมัดผมดูสวยแปลกตาไปอีกแบบจากจินฮีคนเดิมที่ไม่ได้มัดผม
      “จินฮี” เขาเดินตรงเขาไปหาเธอด้วยความหงุดหงิด
      “ยะ...ยูน” จินฮีฉีกยิ้มหวานแล้วก็เดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
      “มาทำอะไรที่นี่เนี่ย แล้วพวกนั้นมันทำอะไรเธอหรือเปล่า” ยูนมองหน้าจินฮีด้วยสายตาตกตะลึง และทั้งสองคนก็ตกเป็นเป้าสายตาของเหล่านักศึกษาที่ยืนมุงดูอยู่
      “ไม่มีปัญหาจ้า ไปเที่ยวกันเถอะ อยู่บ้านแล้วเบื่อก็เลยออกมารับยูนไง” เธอไม่สนใจมาใครๆ   ผู้คนที่มุงดูเลยเดินเขามาเกาะแขนเขาแล้วจูงเดินฝ่าวงล้อมออกมาหน้าตาเฉย
      “ทีหลังอย่าออกมาข้างนอกคนเดียวอีกนะ” สีหน้าของยูนดูจะไม่สบอารมณ์เอามาก
      “หวงเหรอ ดูสิหน้าบึ้งแล้วไม่หล่อเลย ยิ่งทำผมสีนี้ก็หมดหล่อเลย” จินฮีแกล้งแหย่เขาเล่นดู
      “ใช่หวง แล้วก็ไม่อยากให้ใครเห็นเธอด้วย แล้วผมสีนี้ก็ทำมาเพราะใครก็ไม่รู้บอกว่าชอบนักร้องที่ทำผมสีทอง”   น้ำเสียงของยูนเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อถึงพูดแทงใจดำ
      “ฮ่ะ ฮ่าๆๆ เด็กน้อยเอ่ย” จินฮีขำออกมากับท่าทางงอนแบบเด็กๆ ของยูน
      “ยัยบ้า ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วน้า” 
      “ไม่เชื่อ”
      “ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ด้วยจูบดีไหม” ยูนทำเสียงหน้ากลัวกับแววตาเจ้าเล่ห์ให้จินฮีกลัวเล่น
      “ไม่เอา ฉวยโอกาสเป็นคนผู้ชายหืนเลยนะ” น่าจินฮีดูซีดลงกับประโยคแกล้งล้อขำๆ ของยูน
      “ฮ่ะๆ ฮ่าๆๆ กลัวเป็นด้วย แล้วผู้ชายสามคนที่เธอจัดการลงไปนอนกองที่พื้นเมื่อกี้นี้ไม่กลัวหรือไง”
      “ที่กลัว ก็คือนายจะเปลี่ยนไปต่างหากล่ะ ยูนคนที่ดีกับฉันคนนี้” จินฮีตอบเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วสบตาเขา ยูนสัมผัสได้ถึงแววตาที่สั่นระริกในดวงตาคู่สวยของเธอ เขาจึงกุมมือเธอไว้แน่น
      “ขนานสองปีฉันยังรอได้เลย ไม่ว่าจะอีกกี่สิบปี ยี่สิบปี่หรือร้อยปี ฉันก็จะเป็นยูนคนเดิมของเธอ” แววตามุ่งมั่นของเขากับคำพูดประโยคนี่ทำให้หัวใจของจินฮีเต้นแรง
      “อืม” เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
      “แล้วนี่เธอออกมาข้างนอกก็ไม่หาเสื้อโค้ดใส่มาล่ะแค่เสื้อไหมพรมตัวเดียวจะไปพออะไรกัน เดี๋ยวก็ป่วยกันพอดี มานี่” เขากลับมาบ่นเธอต่อพลางถอดผ้าพันคอของตัวเองออกเพื่อมาพันให้เธอแทน  
      “ขอบใจจ้า” จินฮ้าฉีกยิ้มกว้างตอบเขา
      “ไปเถอะวันนี้จะพาไปเที่ยว” ยูนกุมมือข้างขวาของจินฮีแล้วก็จูงให้เดินตามมา
      “เย็นแล้วเนี่ยนะ จะไปเที่ยวไหนนะ”
      “ไม่บอก”
       
      ดวงตากลมสวยสั่นระริกด้วยความชอกชำกับสิ่งที่เธอได้เห็น   เมื่อชายคนที่เธอหลงรักถอดผ้าพันคอผืนที่เธอถักให้เขาพันให้กับหญิงสาวคนอื่นต่อหน้าต่อตา   แถมยังมียอกล้อจับมือถือแขนเล่นกันราวกับคู่รัก   หัวใจดวงนี้ราวกับจะแต่สลาย     หยดน้ำตาค่อยๆ ปริล้นออกมาจากดวงตากลมสวยคู่นั้น      เธอปาดน้ำตาออกด้วยความเจ็บปวดปนเกลียดชัง กำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์ที่มองคนทั้งคู่ด้วยแววตาอิจฉา
      “ว้าวๆๆ สวยจังเลยยูน” เสียงสดใสกับแววตาเป็นประกายของจินฮีที่ตื้นตะลึงกับภาพเบื้องล่าง
      ยูนพาเธอมาขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อชมวิวยามค่ำคืนของเมือง   เธอดูจะชอบมากและดูกระตือลือล้นพูดไม่หยุดตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้น จนตอนนี้ขึ้นมานั่งได้สักพักยูนก็ยังไม่เห็นว่าคนชั่งจ้ออย่างจินฮีจะหยุดพูดสักที
      “ยูนๆ ดูนั้นสิ นั้นใช่บ้านนายไหม ดูสิยูน” จินฮีหันมาเรียกให้ยูนดูสิ่งที่เธอชี้
      “อืม หยุดพูดสักนาทีจะได้ไหมเนี่ยยัยจินฮี   พูดมากจริงๆ เลยเธอเนี่ย” เขาดึงจินฮีที่ลุขึ้นยืนอยู่ให้ลงมานั่งบนตักตัวเอง
      “อะไรเล่า ปล่อยฉันนะ นานๆ ทีจะได้มาที่แบบนี้” เธอโวยวายมาเขาโอบกอดเธอไม่ยอมให้ลุกขึ้นจากตักของเขา
      “ก็ใช่น่ะสิ   นานๆ ทีจะได้อยู่ในที่แบบนี้สองต่อสอง เธอก็พูดไม่หยุด”  เขากระซิบข้างหูเธอเบาๆ ทำให้จินฮีที่เริ่มเข้าแล้วถึงเจตนาของเขา   จึงนั่งตัวแข็งด้วยความตกใจ 
      “เออ ฉันว่าฉันไปนั่งที่ดีกว่าน่ะยูน” เธอพยายามหาทางออกให้กับตัวเอง
      “ไม่เอาฉันอยากกอดเธออยู่อย่างนี่นานๆ ยังไม่หายคิดถึงเลย” น้ำเสียงเขาฟังดูเอาแต่ใจทำให้จินฮีขนลุกซู่
      “นี่มันบนกระเช้านะ อายคนอื่นบางสิ” จินฮีพยายามแกะมือของยูนที่โอบรัดเอวบางๆ ของเธอออก แต่ก็ไม่เป็นผล
      “และเธอว่าที่คู่รักเขาขึ้นมาบนนี้จะทำอะไรกันล่ะ” น้ำเสียงยอกเย้าของยูนที่ตั้งใจแกล้งให้จินฮีกลัวเริ่มได้ผล
      “ปละ...ปล่อยเถอะ” จินฮีเสียงสั่นด้วยความตกใจและก็พยายามแกะมือของยูนออกให้ได้   
      จังหวะที่เธอพยายามแกะอยู่นั้นยูนก็ปล่อยตัวเธอออก จินฮีจึงลุกขึ้นยืนกระเช้าเกิดกระตุกทำให้เธอเสียหักล้มเข้าใส่ยูน   เขารับตัวเธอไว้ได้   ทั้งสองสบตากันพอดี  
      ตึก ตึก ตึก~
      เสียงหัวใจของเขาและเธอเต้นดังเป็นจังหวะเดียวกัน จินฮีหลับตาลงช้าๆ ตามเสียงเรียกของหัวใจ   ริมฝีปากของยูนค่อยๆ ประกบลงที่ริมฝีปากบางรสจูบครั้งนี้เต็มไปด้วยความนุ่มนวลแสนอ่อนโยนที่โอบอุ้มไปด้วยความรัก   หวาน หวานจนเขาไม่อยากจะหยุดจูบครั้งนี้ลงเลย   แต่จินฮีกลับพยายามดันตัวเขาออกเพราะมันเนินนานเสียงจนเธอหายใจไม่ออก
      “แฮๆๆๆ” จินฮีหอบเหนื่อยออกมา และมีสีหน้าแดงมากจนเขาเองก็ไม่กล้ามองหน้าเธอ เพราะกลัวจะอดใจไว้ไม่ไหวอีก
      “ดาวสวยมากเลยนะคืนนี้” ยูนที่รู้สึกเขินกับการกระทำเมื่อคู่นี้ของเขาเอง จึงยกเรื่องดาวมาคุยแก้เขิน
      “อืม  ดาวสวยดีเนอะ” จินฮีทีทำตัวไม่ถูกถึงได้เออออไปกับเขาด้วย
      “o///o”
      “o///o”
      แต่เมื่อสายตาของเขาและเธอหันมาสบตากับเข้าพอดีทั้งคู่ก็รีบหันหน้าหนีกันทันที
       
      ~อ๊อด   อ๊อด   อ๊อด
      เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านของยูนดังขึ้น จินฮีที่กำลังเตรียมอาหารอยู่จึงเดินมาเปิดประตูแทนยูนที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ที่โซฟา
      “สวัสดีค่ะมาหายูนเหรอค่ะ”   เสียงหวานใสของจินฮีทำให้แววตาของผู้มาเยือนที่กำลังเปล่งประกายอยู่หม่นหมองลงทันใด
      “เธอเป็นใคร มาทำอะไรที่บ้านยูน” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกถามความไม่พอใจถามจินฮีทันที
      “ฉันจินฮีค่ะเป็นเพื่อนของยูน” ถึงแม้จินฮีจะไม่พอใจที่เธอคนนี้ทำเสียงหงุดหงิดใส่เธอ จินฮีก็เก็บอาการไว้
      “ใครมาแต่เช้าเหรอจินฮี” ยูนที่ตื่นเพราะเสียงกริ่งเดินออกมาอยู่ข้างหลังของจินฮีแล้วชะโงกหน้ามาถามเธอแทนที่จะดูเอง
      “อ้าวตื่นแล้วหรอ” จินฮีหันไปมองเขาที่กระซิบถามเธอข้างๆ หู ด้วยความตกใจ
      “เอวาเองเหรอ   มีอะไรหรือป่าว มาแต่เช้า” เขาทักเธอด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจนัก
      “เข้าไปคุยข้างในกันเถอะค่ะ” จินฮีเห็นว่าเป็นเพื่อนของยูนจึงชวนเข้ามาข้างใน เอวามองใบหน้าของจินฮีด้วยความไม่พอใจ    แต่ก็เดินนำเข้าไปข้างในเสียเอง
      “นายไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะยูน เดียวฉันจะรับแขกให้”
      “อืม”
      หลังจากที่ยูนเดินเข้าห้องของตัวเองไป     เอวาก็มองไปที่ผ้าห่มบนโซฟาที่กองอยู่   จนฮีที่ถือน้ำส้มมาเสิร์ฟให้เอวาก็เข้าใจความคิดของเธอ
      “เมื่อคืนนี้ยูนนอนตรงนี้ค่ะ” หลังจากวางน้ำส้มลงที่โต๊ะจินฮีก็จัดการเก็บพับผ้าห่มเอาไปเก็บที่  
      “นอนตรงนี้   เพราะยูนก็ยกห้องของเขาให้เธอใช้ไหม” เอวามองจินฮีที่นั่งลงตรงข้ามกับเธอด้วยสายตาไม่พอใจ 
      “ค่ะ ฉันมาค้างที่นี่   ทำไมเหรอค่ะ” จินฮีเริ่มทนสายตาของเอวาไม่ไหวจึงถามเธอแบบนั้น
      “น่าไม่อายเที่ยวไปค้างบ้านผู้ชาย” เอวาดูถูกจินฮีมากขึ้นทุกที
      “คุณก็ไม่ต่างอะไรกับฉันมั้งล่ะค่ะ มาบ้านผู้ชายแต่เช้าโดยที่เข้าไม่ได้เชิญ”   จินฮีโต้ตอบเอวาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เพื่อยั่วให้เธอโมโห
      “เธอว่าใคร” เอวากระชากแขนของจินฮีอย่างแรงด้วยความหึงหวง
      “เอวานั้นเธอจะทำอะไรจินฮีนะ” ยูนเดินออกมาเห็นการกระทำของเอวา แล้วตรงเขาไปดึงมือเอวาออกจากแขนของจินฮีทันที
      “เออ คือ ฉัน” เอวาพยายามแก้ตัว
      “เป็นอะไรหรือเปล่าจินฮี เขาลูบแขนจินฮีอย่างแผ่วเบาตรงรอยแดงจากฝีมือของเอวา
      “จะไม่ได้ตั้งใจนะยูน” เอวาพยายามแก้ตัว
      “ไม่ต้องพูดแล้ว กลับไปซะ” เขาตะหวาดเอวาเสียงดังมากจนเธอสะดุ้งกลัว   และเริ่มจะร้องไห้ออกมา
      “ไม่เป็นไรหรอกยูน เอวาเธอไม่ได้ตั้งใจนะ” จินฮีเห็นเอวาจะร้องไห้ก็นึกสงสารเธอขึ้นมา
      “แต่ฉันเห็นว่าเธอตั้งใจ กลับไปซะเอวา”     ยูนออกเสียงไล่เอวาอีกครั้ง
      ไม่ จนกว่านายจะคุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อน เอวาไม่ยอมกลับ
      ฉันไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกับเธอ เขายังยืนยันคำเดิม
      แต่ฉันรักนายนะ รักมาตลอด เอวาพูดออกมาทั้งน้ำตา
      ขอโทษด้วยที่ฉันรักเธอไม่ได้ เขาก้มหัวลงและมือข้างหนึ่งจับมือจินฮีไว้แน่น
      เพราะผู้หญิงคนนี้ใช้ไหม ที่ทำให้นายรักฉันไม่ได้ เอวาชี้หน้าจินฮีอย่างไม่พอใจ และน้าตาก็ยังไม่หยุดไหล จินฮีไม่กล้าสบตากับเธอจึงหลบอยู่ข้างหลังเขา
      ใช่ เพราะฉันรักจินฮี ยูนตอบเสียงแข็ง นั้นทำให้จินฮียิ้มออกมาทั้งน้ำตา มันเป็นยิ้มที่ดูเศร้าๆ เหมือนไม่ใช่รอยยิ้มของคนที่ดีใจเวลาได้ยินคำบอกรับจากคนรักเลย
      ทำไม ทำไม เธอมีอะไรดี นายถึงได้รักเธอ ทั้งๆ ที่ฉันคอยดูแลช่วยเหลือนายมาตลอด ฉันต่างหากที่อยู่เคียงข้างนายมาตลอด    ในเวลาที่เธอไม่ได้อยู่ เอวาถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งร้องไหกับพื้น
      ก็เพราะเราผูกพันกันมากกว่าที่เธอจะมองเห็นความรักของเรา   เรารักกันแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้กัน หัวใจของเราก็สัมผัสได้ถึงความรักของกันและกัน คำตอบของยูนยิ่งเหมือนกับมาซ้ำเต็มความรู้สึกเขาเอวามากเข้าไปอีก เธอจึงลุกขึ้นวิ่งออกจากบ้านของยูนไปด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียใจ
      จะดีเหรอยูนพูดออกไปแบบนั้น จินฮีที่สงสารเอวาจับใจพูดขึ้นมา
      ดีแล้วล่ะ เจ็บตอนนี้ดีกว่าต้องให้เธอเจ็บปวดเรื้อรังตอนไปนะ แล้วเธอไม่ดีใจหรอว่าฉันรักเธอขนาดนี้ 
      ... จินฮีไม่กล้าตอบเขาและไม่กล้าที่จะพูดในสิ่งที่เธอคิดออกมา จึงเดินออกห่างมาจากเขา
      ทำไมล่ะ เธอมีเป็นอะไรไปน่ะจินฮี 
      เปล่านี่ ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ ที่นายรักฉัน เธอกลัวเขาจะสงสัยมากไปมากนี้จึงหยุดเดินแล้วหันไปยิ้มหวานให้    และไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าเพื่อสบตาเขา    เธอกลัวๆ ถ้าเขาสบตาเธอจะรู้มาเธอกำลังร้องไห้อยู่ในใจ กลัวว่าแววตาของเธอจะทำให้เขารู้
      ไม่เป็นอะไร   แล้วทำไมต้องเดินหนีด้วย ยูนยังคงถามในสิ่งที่เขาสงสัย
      กะ...ก็...ก็ฉันอายนายนี่   มะ...ไม่พูดด้วยแล้วไปทานข้าวเถอะ ฉันเตรียมไว้เสร็จแล้ว จินฮีพยายามกลั้นเสียงของตัวเองไม่ให้สะอื้นนออกมา      แล้วก็เดินนำเขามา
      แขนแข็งแรงของเขาดึงตัวเธอเข้าไปโอบกอดจากด้านหลังไว้แน่น   จินฮีถึงกับสะอื้นออกมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่หยดลงมากระทบอ้อมแขนของเขา
      ร้องไห้จริงๆ ด้วย เขาซบลงที่ไหลบอบบางของเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน
      เปล่า ร้องสักหน่อย เธอเถียงเขาทั้งที่น้ำเสียงยังสั่นไม่หยุด
      ไม่เชื่อ เขากระชับกอดให้แน่นขึ้นแล้วก็เอาแก้มของตัวเองถูแก้มใสๆ ของเธอไว้เพื่อปลอบโยน
      เนินนานหลายนาทีที่เขาโอบกอดเธอไว้อย่างนั้น     เพื่อปลอบโยนร่างบางที่ยังสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขา    
      ยูน ถ้าวันหนึ่งฉันไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว   นายจะยังรักฉันอยู่ไหม   หลังจากพยายามหยุดร้องไห้อยู่นาน   นี่เป็นคำถามแรกที่จินฮีอยากถามเขาหลังจากได้ยินคำว่ารักจากปากเขา
      ถามแบบนี้แสดงว่าไม่เชื่อใจกันนะสิ   ฉันจะไม่ตอบแต่จะแสดงให้เธอเห็น เขาคลายกอดแล้วหันตัวเธอให้มาเผชิญหน้ากับดวงตาขมเข้มของเขา
      ... รอยยิ้มของจินฮีปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เปลื้อนไปด้วยคราบน้ำตาอีกครั้ง
       
      แสงสีทองยามเย็นกับท้องฟ้าสีทองสลับกับก้อนเมฆสีดำครึ้มดวงตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว   สายลมที่พัดผ่านเรียวหน้าสวยหวานของหญิงสาวทำให้เส้นผมสีดำสลวยเบื้องหลังของเธอปลิวสะบัดไปตามแรงลมที่ปะทะเข้ามา จินฮีเดินออกมารับอากาศยามเย็นด้านนอกด้วยสายตาเศร้าหมอง เธอเงยหน้ามาสีของท้องฟ้าเวลานี้มันชั่งตรงกับความรู้สึกของเธอเหลือเกิน     สามวันที่เราอยู่ด้วยกันมันกำลังจะหมดลงแล้ว   ทำไมมันชั่งผ่านไปรวดเร็วอย่างนี้    เธอคิดอย่างเศร้าใจ
      จินฮี   เธอออกไปยืนทำไมข้างนอกน่ะ   อากาศเย็นจะตายเข้าเร็ว”  เสียงของยูนตะโกนเรียกเธอมาจากในบ้าน
      อืม เธอหันไปเขา   และก็มองทอดขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
       
      ทำอะไรนะ จินฮีที่นั่งมองรูปถ่ายของยูนอยู่บนเตียงตกใจที่อยู่ๆ เขาก็เดินเข้ามานอนหนุนตักของเธอเฉยเลย   
      เธออย่าพึ่งกลับไม่ได้หรอจินฮี เขาไม่สนใจว่าเธอจะมีอาการอย่างไง   เพียงแค่อยากอยู่ใกล้ๆ เธอก่อนที่วันพรุ่งนี้จะไม่มีโอกาสอีก
      ไม่ได้หรอก เธอวางรูปของเขาลง แล้วเอามือลูบเส้นสีทองของเขาเล่น
      ถ้าอย่างงั้นฉันไปหาเธอเองก็ได้ ยูนคว้ามือบางมาจับกุมไว้เล่นๆ
      นายไปไม่ได้หรอก เพราะที่ๆ ฉันอยู่มันอยู่ไกลแสนไกลสุดขอบฟ้า   น้ำเสียงเศร้าของจินฮีทำให้มือหนาของยูนบีบมือเธอแน่น   เหมือนหัวใจของเขาที่รู้สึกเมื่อกำลังจะถูกบีบจากคำตอบของเธอ
      ทำไมจะไปไม่ได้   ถึงเธอจะไปอยู่สุดขอบฟ้าไกลแสนไกล ฉันก็จะตามไป  ยูนหันเบนหน้าไปทางอื่น
      หึ...ไหนนายบอกว่าจะพิสูจน์ให้ฉันเห็นอย่างไงเล่า จะแสดงให้ฉันเห็นว่ารักมากแค่ไหน   จะรอฉันไม่ว่าจะอีกกี่สิบปี   ยี่สิบปี่หรือร้อยปี   นายก็จะเป็นยูนคนเดิมของฉัน   แต่สำหรับฉันขอแค่นายอยู่บนโลกนี่ต่อไปอย่างมีความสุขแม้จะไม่มีฉันคนนี้อยู่เคียงข้างนาย ฉันขอแค่นั้น   ไม่ขอให้นายรักฉันเพียงคนเดียวไปจนตายจากกัน ไม่ขอให้นายมีชีวิตอยู่เพื่อผู้หญิงอย่างฉันที่ไม่อาจจะตอบแทนความรักของนายได้     ฉันอาจไม่มีค่าพอให้คนอย่างนายมารักก็ได้นะ น้ำเสียงเศร้าๆ ของจินฮีกับคำพูดแสนที่บีบรัดหัวใจของเขาให้แน่นขึ้นจนหายใจไม่ออก  เขาจึงลุกขึ้นมานั่งสบตากับเธอ
      ฉันรักเธอ จะรักเธอเพียงคนเดียว ไม่ว่าเธอจะพูดให้ฉันเลิกรักมันก็ไม่อาจสั่งหัวใจฉันให้เลิกรักเธอได้   ยูนดึงตัวจินฮีเขามากอดเพื่อยืนยันคำพูดของเขา
      ขอบคุณ  ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เธอได้แต่ขอบคุณในความรักที่เขามีแต่เธอ และไม่อาจหาอะไรมาตอบแทนเขาได้ แม้แต่เธอเองก็ไม่อาจจะตอบแทนอะไรเขาได้ 
       
       จินฮีนั่งลูบเส้นผมของยูนเล่นอย่างแผ่วเบา   โดยที่เจ้าตัวคล้อยหลับไปนานแล้ว   น้ำใสๆ ซึมออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธอไม่หยุด   เธอเหม่อมองไปที่นาฬิกาบนฝาพนัง   เป็นเวลาห้าทุ่มห้าสิบเก้านาที     
      ลาก่อนยูน   ริมฝีปากบางก้มลงจุมพิตริมฝีปากบางเฉียบของชายหนุ่ม   ก่อนที่ร่างของหญิงสาวจะค่อยๆ เลื่อนหายไปเพียงเสียวนาที   เหลือเพียงหยดน้ำใสหยดลงมาบนแก้มขาวเนียนของชายหนุ่ม
      แสงสว่างภายนอกคืบคลานเข้ามาภายให้ตัวบ้าน   ชายหนุ่มนอนหลับสบายอยู่ต้องหยีตาเพราะแสงสว่างที่แยงเข้าตา    ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมาจากที่นอนสีขาว   เขาหันมองไปรอบๆ ห้องกับพบเพียงความวางเปล่า   
      จินฮี   จินฮี เธออยู่ไหน   เขาลุกขึ้นเดินหาหญิงสาวไปทั่วบ้านเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ     ชายหนุ่มวิ่งหาเธอไปทั่วบ้าน   ทั้งร้องเรียกและตะเบ่งเสียงเรียกอย่างสุดเสียง ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา     เขาจึงวิ่งออกมาข้างนอกโดยที่ลืมใส่เสื้อโค้ดหรือแม้แต่รองเท้า   หาเธออยู่ครึ่งวัน ก็ไม่พบ 
      หลายเดือนต่อมา   ชั่งเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกินกับการอยู่อย่างเดียวดายโดยไม่มีเธอ   เขาทรมานเหลือเกิน   ยูนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่บ้านของจินฮีสมัยที่เขาและเธอเคยเล่นด้วยกัน ก่อนที่เธอจะย้ายไป    บ้านหลังนี้ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย   สองปีก่อนที่เธอย้ายไป   ไม่มีแม้แต่คำบอกลามีเพียงจดหมายคำหมั่นสัญญาว่าจะกลับมาในวันเกิดของเขา   เธอย้ายไปอยู่ไหนเขาไม่รู้เลยและทุกครั้งที่กลับมาที่บ้านหลังนี่เขาก็ไม่เคยได้ข่าวเลยว่าจินฮีกับครอบครัวเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน
      สนใจจะซื้อบ้านหลังนี้หรือครับ    เสียงของชายวัยกลางคนเอ่ยถามเขา
      เปล่าครับ คุณอา แววตาของยูนดูตกใจมากเมื่อเห็นหน้าชายวัยกลางคนคนนี้
      อ้าว เธอรู้จักฉันด้วยหรอ      ชายวัยกลางคนดูแปลกใจกับคำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้า
      ผมเพื่อนของจินฮีไงครับ จินฮีอยู่ที่ไหนครับคุณเป็นอาของจินฮีใช่ไหมครับ เธออยู่ในบ้านให้ไหมครับ เขารัวถามโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบเลย
      เพื่อนของจินฮี  น้ำเสียงของชายวัยกลางคนดูสลด
      ครับ แล้วจินฮีล่ะครับ   เธออยู่ในบ้านใช้ไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับเธอตั้งมากมายเลยครับ เขาดูตื่นเต้นมาก  เมื่อมีโอกาสจะได้พบเธออีกครั้ง
      จินฮีคงจะมาพบเธอไม่ได้อีกแล้วล่ะ   จินฮีเสียไปแล้ว   คำตอบของอาแท้ๆ ของจินจินฮีฟังดูเสียงดังราวสายฟ้าฝาดลงกลางใจของชายหนุ่ม
      จริงหรอครับ 
      อืม  จินฮีเสียไปสองปีแล้ว เธอป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา
      ยูนแทบล้มทั้งยืนกับคำตอบของอาแท้ๆ ของจินฮี   เขาเดินเหม่อลอยไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย    ความรู้สึกนี้มันเจ็บปวดเหลือเกิน   เขานึกถึงคำพูดของจินฮีที่ขอร้องเขาวันนั้น   ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเธอหมายความว่าอย่างไง
       
      สองปีก่อน
      ร่างบางซีดเสียวของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียงสีขาว  อยู่ในห้องสีขาวของโรงพยายามบาลมานานหลายเดือน    สายออกซิเจน สายน้ำเกลือ และสายวัดชีพจรพันกันระโยงรยางค์เต็มตัวเธอไปหรือ ภายในห้องนี้มีแต่อุปกรณ์ช่วยชีวิตเพื่อยื้อชีวิตของหญิงสาวให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และแล้ว 
      ติ๊ดดด ติ๊ดดด ติ๊ดดด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
      เสียงสัญญาณที่บอกว่าเวลาของเธอหมดแล้วดังขึ้นติดต่อกัน   ร่างกายที่อ่อนแข็งมานานก็ค่อยๆ หมดลมหายใจลงไปในที่สุด    ร่างโปร่งแสงยืนมองดูร่างกายของตัวเองนอนแน่นิ่งอยู่ด้วยความเศร้าสลด     
      ไม่น่ะ ฉันยังตายไม่ได้ ฉันต้องไปพบเขาตามสัญญาให้ได้ก่อน   เธอพยายามวิ่งเข้าร่างของตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเธอไม่อาจสัมผัสหรือแตะต้องสิ่งของได้
      ได้โปรด ได้โปรดเถอะ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เธอได้แต่ร่ำไห้อยู่ที่ปลายเตียงไม่ยอมไปไหน   
      เวลาของเจ้าหมดแล้ว เสียงอันทรงพลังก้องกระวานไปทั่วทั่งห้อง    เธอเงยหน้าขึ้นมามองดู แต่ก็ไม่ปรากฏให้เห็นเจ้าของเสียงเลย
      ท่านเป็นใคร
      ข้าคือผู้ควบคุมชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้
      ได้โปรด ได้โปรดให้โอกาสให้ฉันได้กลับไปพบเขาอีกสักครั้งเถอะค่ะ หญิงสาวอ้อนวอนด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
      เขาเป็นคนรักของเจ้าอย่างงั้นนะเหรอ
      ...
      ทำไมไม่ตอบข้าล่ะ
      ได้โปรดเถอะค่ะ   ฉันอยากทำคำสัญญาให้เป็นจริง  
      ก็ได้แต่เจ้าก็ต้องทำหน้าที่ของเจ้าให้สำเร็จ   เพื่อแลกกับพรข้อนี้
      หน้าที่อะไรค่ะ
      หน้าที่ของเจ้าก็คือต้องทำให้มนุษย์รักกันหนึ่งพันคู่    แล้วเจ้าจะได้พรตามที่เจ้าขอ
      ค่ะ ฉันจะทำ เมื่อรับคำร่างของหญิงสาวในชุดของโรงพยาบาลก็แปลเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีขาวยางถึงข้อเท้า มีมงกุฎดอกไม้อยู่บนหัว  
      และนี่คือหน้าที่ของเจ้าหลังความตาย    หญิงสาวเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าที่ที่เธอจะเป็นอยู่หลังความตายก็คือสรวงสวรรค์  
       
      ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ม้านั่งตัวเดิมใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยสายตาเหม่อลอยอย่างเศร้าหมองกับการจากไปของหญิงสาวคนที่เขารักหมดหัวใจ    เธอกลับมาหาเขาเพราะคำหมั่นสัญญา   และที่เธอต้องจากไปเพราะหมดเวลาแล้วสำหรับเธอเวลาที่จะอยู่บนโลกใบนี้แล้ว  
      ฉันเข้าใจแล้วจินฮี   ที่เธอไม่อาจอยู่เคียงข้างฉันได้    เขาเหม่อมองขึ้นไปบนฟากฟ้าเพื่อพูดกับเธอ
      ที่ขอให้ฉันเลิกรักเธอเพราะไม่อยากให้ฉันต้องเจ็บปวด  อยู่อย่างเดียวดายในวันที่ไม่มีเธอ    แต่ฉันจะยืนยันคำเดิน   ฉันจะรักเธอเพียงคนเดียวตลอดไป  จะมีชีวิตที่มีความสุขกับการได้รักเธอรักเธอคนเดียว    แต่วันนี้ขอฉันร้องไห้สักวันเถอะนะจินฮี    ขอฉันเสียใจกลับการจากไปของเธอแค่วันนี้วันเดียว   ฉันสัญญาจินฮี  
      หลังจากที่พูดจบน้ำตาลูกผู้ชายก็เอ่อล้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย   เขาร้องไห้ราวกับคนบ้า    ไม่มีอะไรจะระบายความโศกเศร้าและความรู้สึกนี้ได้ดีไปกว่าการร้องออกมาอีกแล้ว

      ร่างโปร่งแสงของหญิงสาวที่ยืนมองชายหนุ่มร้องไห้อยู่นั้น   แววตาของเธอดูเศร้าสร้อยและเลื่อนราง    แต่ก็ยิ้มให้กับคำสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขและรักเธอตลอดไป   ร่างโปร่งแสงโอบกอดเขาไว้แน่น    ก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆ เลื่อนหายไปเป็นประกายแสงลอยขึ้นไปสู่ท้องฟ้าเบื้องบน

                                 .......ในที่สุดก็จบสักที.....
                                                                          และ
                                                             
      ที่สำคัญอย่าลืมเม้นน้า
                                                                    ขอบคุณค่ะ
                                                            ......ที่แวะเข้ามาอ่าน......
                                                                                                                               

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      "มาอ่านครับ"

      (แจ้งลบ)

      เริ่มด้วยความน่ารักๆๆของบรรยากาศ ยังนึกว่าเรื่องนี้ แนวเกาหลีตามสากลนิยม ใสๆแบบนี้ คงจะจบด้วยร้อยยิ้มแลัความสุขสมหวัง ที่ไหนได้ แต่พออ่านๆๆไป เอ เรื่องเริ่มเครียดขึ้นเร่อยๆ แล้วก็จบลงแบบเศร้าๆๆ บรรยายฉาก อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวละครได้ดี อ่านลื่นไหลแต่ไม่ไถลลื่น มีบางช่วงติดคำว่า "ที่" มากไปนิด บางจุด สามารถตัด ที่ ออกไปได้โดยไม่เสียคว ... อ่านเพิ่มเติม

      เริ่มด้วยความน่ารักๆๆของบรรยากาศ ยังนึกว่าเรื่องนี้ แนวเกาหลีตามสากลนิยม ใสๆแบบนี้ คงจะจบด้วยร้อยยิ้มแลัความสุขสมหวัง ที่ไหนได้ แต่พออ่านๆๆไป เอ เรื่องเริ่มเครียดขึ้นเร่อยๆ แล้วก็จบลงแบบเศร้าๆๆ บรรยายฉาก อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวละครได้ดี อ่านลื่นไหลแต่ไม่ไถลลื่น มีบางช่วงติดคำว่า "ที่" มากไปนิด บางจุด สามารถตัด ที่ ออกไปได้โดยไม่เสียความหมายของรูปประโยค เลือกอ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของวันหยุดนี้ เพราะชื่อกระทบความรู้สึกดีครับ ส่วนเรื่องที่เหลือ เด๊่ยวจะมาจัดการ ^___^..........   อ่านน้อยลง

      GTWP | 28 ส.ค. 53

      • 4

      • 0

      "เจิ๊ดภาคพิเศษ"

      (แจ้งลบ)

      เจิ๊ดอีกแล้วคร่าพี่น้อง เพิ่ลช้านนนนน แต่เรื่องนี้แอบเศร้ามากมายอะเพิ่ล ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนช้านจะเขียน ฮ่าาาาาา ล้อเล้นนนน การวิจารณ์นั้นยากเข็น ต้องเขียนยาวจนเมื่อยมือ ฮ่าาาาาาา ช่วงนี้อยากอ่านแบบ แฟนตาซีมากมายอะ คือแบบว่า ดูเอดเวิร์สแร้วเพ้ออะ หล่อเริ่ดมั่กมัก คริคริ เอาละครบสามร้อยตัวและ เด๋วเรื่องหน้าเจ๊อะกันใหม่นร้าคุลเพิ่ล ... อ่านเพิ่มเติม

      เจิ๊ดอีกแล้วคร่าพี่น้อง เพิ่ลช้านนนนน แต่เรื่องนี้แอบเศร้ามากมายอะเพิ่ล ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนช้านจะเขียน ฮ่าาาาาา ล้อเล้นนนน การวิจารณ์นั้นยากเข็น ต้องเขียนยาวจนเมื่อยมือ ฮ่าาาาาาา ช่วงนี้อยากอ่านแบบ แฟนตาซีมากมายอะ คือแบบว่า ดูเอดเวิร์สแร้วเพ้ออะ หล่อเริ่ดมั่กมัก คริคริ เอาละครบสามร้อยตัวและ เด๋วเรื่องหน้าเจ๊อะกันใหม่นร้าคุลเพิ่ล   อ่านน้อยลง

      kwang-dd | 3 ก.ค. 53

      • 1

      • 0

      ดูทั้งหมด

      คำนิยมล่าสุด

      "มาอ่านครับ"

      (แจ้งลบ)

      เริ่มด้วยความน่ารักๆๆของบรรยากาศ ยังนึกว่าเรื่องนี้ แนวเกาหลีตามสากลนิยม ใสๆแบบนี้ คงจะจบด้วยร้อยยิ้มแลัความสุขสมหวัง ที่ไหนได้ แต่พออ่านๆๆไป เอ เรื่องเริ่มเครียดขึ้นเร่อยๆ แล้วก็จบลงแบบเศร้าๆๆ บรรยายฉาก อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวละครได้ดี อ่านลื่นไหลแต่ไม่ไถลลื่น มีบางช่วงติดคำว่า "ที่" มากไปนิด บางจุด สามารถตัด ที่ ออกไปได้โดยไม่เสียคว ... อ่านเพิ่มเติม

      เริ่มด้วยความน่ารักๆๆของบรรยากาศ ยังนึกว่าเรื่องนี้ แนวเกาหลีตามสากลนิยม ใสๆแบบนี้ คงจะจบด้วยร้อยยิ้มแลัความสุขสมหวัง ที่ไหนได้ แต่พออ่านๆๆไป เอ เรื่องเริ่มเครียดขึ้นเร่อยๆ แล้วก็จบลงแบบเศร้าๆๆ บรรยายฉาก อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวละครได้ดี อ่านลื่นไหลแต่ไม่ไถลลื่น มีบางช่วงติดคำว่า "ที่" มากไปนิด บางจุด สามารถตัด ที่ ออกไปได้โดยไม่เสียความหมายของรูปประโยค เลือกอ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของวันหยุดนี้ เพราะชื่อกระทบความรู้สึกดีครับ ส่วนเรื่องที่เหลือ เด๊่ยวจะมาจัดการ ^___^..........   อ่านน้อยลง

      GTWP | 28 ส.ค. 53

      • 4

      • 0

      "เจิ๊ดภาคพิเศษ"

      (แจ้งลบ)

      เจิ๊ดอีกแล้วคร่าพี่น้อง เพิ่ลช้านนนนน แต่เรื่องนี้แอบเศร้ามากมายอะเพิ่ล ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนช้านจะเขียน ฮ่าาาาาา ล้อเล้นนนน การวิจารณ์นั้นยากเข็น ต้องเขียนยาวจนเมื่อยมือ ฮ่าาาาาาา ช่วงนี้อยากอ่านแบบ แฟนตาซีมากมายอะ คือแบบว่า ดูเอดเวิร์สแร้วเพ้ออะ หล่อเริ่ดมั่กมัก คริคริ เอาละครบสามร้อยตัวและ เด๋วเรื่องหน้าเจ๊อะกันใหม่นร้าคุลเพิ่ล ... อ่านเพิ่มเติม

      เจิ๊ดอีกแล้วคร่าพี่น้อง เพิ่ลช้านนนนน แต่เรื่องนี้แอบเศร้ามากมายอะเพิ่ล ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนช้านจะเขียน ฮ่าาาาาา ล้อเล้นนนน การวิจารณ์นั้นยากเข็น ต้องเขียนยาวจนเมื่อยมือ ฮ่าาาาาาา ช่วงนี้อยากอ่านแบบ แฟนตาซีมากมายอะ คือแบบว่า ดูเอดเวิร์สแร้วเพ้ออะ หล่อเริ่ดมั่กมัก คริคริ เอาละครบสามร้อยตัวและ เด๋วเรื่องหน้าเจ๊อะกันใหม่นร้าคุลเพิ่ล   อ่านน้อยลง

      kwang-dd | 3 ก.ค. 53

      • 1

      • 0

      ดูทั้งหมด

      ความคิดเห็น

      ×