คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1 (2)
ฝูงชนที่อออยู่ด้านล่างแหวกออก ตรงกลางปรากฏทางเดินโล่งๆ ให้เจ้าของเสียงทรงอำนาจเดินอาดๆ มาหยุดอยู่หน้าเวที เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดแต่งกายมอซอ เหมือนชาวไร่ชาวสวน ใบหน้าเหลี่ยมคร้าม คล้ำแดด ทว่าเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากหยักลึกของผู้มาใหม่บิดเบ้น้อยๆ ขณะจ้องมองสกรรจ์ราวกับจะฉีกเลือดฉีกเนื้อ
แวบหนึ่ง นัยน์ตาคมกริบและเอาเรื่องคู่นั้นตวัดผ่านหน้าเจ้าสาวของงาน ปลายรุ้งถึงกับถอยร่นไปหลบอยู่หลังสกรรจ์โดยอัตโนมัติ
“เฮ้ย...แกเป็นใคร แล้วมีสิทธิ์อะไรมาด่าฉันปาวๆ กลางงานแต่งแบบนี้” สกรรจ์ขึ้นเสียง เดินมาหยุดอยู่ขอบเวที หากคนถูกถามเพียงเหยียดริมฝีปากเย้ยเยาะ เดินขึ้นไปเผชิญหน้าอย่างท้าทาย
“แค่ด่ามันยังน้อยไป อย่างแกมันต้องเจอไอ้นี่!”
พลั่ก!
กำปั้นหนักๆ ที่ซัดลงมาทำให้สกรรจ์หน้าสะบัด เซถอยหลัง ปลายรุ้งตกใจแต่ยังปราดเข้ามาประคองว่าที่เจ้าบ่าวเอาไว้อย่างรวดเร็ว สกรรจ์เช็ดเลือดมุมปาก ความโกรธแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เขาปลดแขนปลายรุ้งออกแรงๆ ก่อนส่งกำปั้นเข้าที่มุมปากของชายแปลกหน้าเพื่อเป็นการเอาคืน
สองหนุ่มแลกหมัดกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งห้องแกรนด์บอลรูมเกิดความโกลาหล เสียงกรีดร้องของแขกเหรื่อ และแสงแฟลชวูบวาบทำให้ปลายรุ้งต้องยกมือป้องหน้า
ท่ามกลางความชุลมุน คุณหญิงศิริกัลยามารดาของสกรรจ์ที่อยู่ในชุดผ้าไหมสีครีมเนื้อดี อัญมณีทั่วตัว ก็แผดเสียงลั่นห้อง
“ยาม! ยาม! ช่วยมาลากตัวไอ้อันธพาลออกไปจากงานแต่งของลูกชายฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่ต้อง!” ชายแปลกหน้าแผดเสียงกลับ สะบัดแขนพิธีกรของงานที่เข้ามาห้ามออกอย่างขัดใจ “ผมเดินออกไปเองได้ แต่ก่อนไป ผมมีบางอย่างจะให้ทุกคนในที่นี้ได้ดู จะได้รู้กันเสียทีว่า ลูกชายตัวดีของคุณมันต่ำช้าแค่ไหน”
สกรรจ์ทำท่าจะโผเข้ามาใหม่ แต่หนึ่งในสมาชิกโต๊ะหนุ่มโสดล็อกตัวไว้
ชายแปลกหน้าคนนั้นเดินไปจากเวที เขาหายออกไปด้านนอกครู่หนึ่ง ก่อนกลับเข้ามาพร้อมกับคว้าข้อมือหญิงสาวคนหนึ่งมาด้วย ถูลู่ถูกังมาจนถึงหน้าเวที ตะโกนไปรอบด้านว่า
“ทุกคนช่วยดูหน้าไอ้ผู้ชายคนนี้ไว้” เขาชี้หน้าสกรรจ์ “จำหน้ามันให้ดีๆ ไอสารเลวคนนี้แหละ ที่มันหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่ง หลอกให้รักให้หลง พร่ำบอกว่าจะแต่งงานด้วย แต่มันกลับโกหก ปลิ้นปล้อน พอได้ตัวผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว มันก็เปิดตูดหนีเหมือนหมาตัวเมียตัวหนึ่ง ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้กำลังท้อง” เขาดึงหญิงสาวนิรนามเข้ามายืนใกล้ๆ หล่อนกลัวจนหน้าซีดปากสั่น “ท้องลูกของมันได้สี่สัปดาห์แล้ว แต่ไอ้ชาติชั่วมันไม่ยอมรับ มันให้เงินเธอก้อนหนึ่ง แล้วสั่งให้ไปทำแท้ง!”
เสียงซุบซิบดังระงมไปทั่วบริเวณ มารดาของสกรรจ์ทำท่าจะเป็นลมอยู่รอมร่อ สกรรจ์ที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างเจ้าสาว ถึงกับลิ้นแข็งค้าง พูดไม่ออกเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นชัดๆ
“ดาริกา...” สกรรจ์ครางเบาๆ
“ทุกคนเห็นรึยัง ไอ้สารเลวคนนี้มันเถียงไม่ออก เพราะทุกสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง”
“พอเถอะค่ะพี่ตะวัน” ดาริกา หญิงสาวที่ถูกลากเข้ามาในงาน เพิ่งเปิดปากพูดเป็นครั้งแรก น้ำตาเริ่มรินจนตะวันอดสงสารไม่ได้ หากเขาก็ทำใจแข็ง หน้ามองดาริกาดุๆ ก่อนปรายตามองเจ้าสาวของงานอย่างหมิ่นแคลน ประชดว่า
“ไงล่ะ...สามีที่แสนเพอร์เฟ็คของเธอ ต่อหน้าแสนดี แต่ลับหลังเน่าเฟะ น่ารังเกียจ ถ้าเธอฉลาดพอ ก็คงไม่โง่แต่งงานกับมันหรอกนะ”
“หน็อย...ชักจะมากเกินไปแล้วนะเว้ย ขอเอาเลือดปากมันออกซักทีเถอะว่ะ” สกรรจ์กระโจนเข้าใส่ชายคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง ด่าเขาเขาทนได้ แต่ถ้ามายุ่งกับปลายรุ้ง เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องทน
ท่ามกลางความสับสน ดาริกายืนมองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างหวาดหวั่น สายตากังขาจากคนรอบข้างทำให้หล่อนตื่นกลัวจนหน้ามืด ปลายรุ้งที่แม้จะยังตกใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ไม่หาย แต่ความที่เป็นพยาบาลทำให้หล่อนมีสติมากพอที่จะเข้ามาช่วยประคองดาริกาไปไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง
“เอามือสกปรกๆ ของเธอออกไปจากตัวน้องสาวฉัน” เสียงของตะวันดังลั่น ไม่รู้ว่าพักยกกับสกรรจ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาก้าวยาวๆ มายังร่างไร้สติของดาริกา กระชากยาดมในมือปลายรุ้งขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดี
“คุณทำแบบนี้ทำไม ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ได้สติเลยนะคะ” แม้จะกลัว หากปลายรุ้งก็ยังฝืนบอกอย่างใจเย็น
“แบบนี้ไม่ใช่หรือที่เธอต้องการ อยากจะให้น้องสาวฉันตายลงไปต่อหน้าต่อตานักไม่ใช่หรือ รู้อะไรไหม...ผู้หญิงอย่างเธอ เหมาะสมดีแล้วกับไอ้สกรรจ์ หญิงร้าย ชายเลว!”
“คุณ!” พยาบาลสาวโกรธจนหน้าแดง ลุกขึ้นจ้องหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“ทำไม? จะตบเหรอ?” ตะวันเดาะปาก มองหญิงสาวหมิ่นๆ ยิ้มท้าทาย “เอาซี่...ตบเลย แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษ โดยเฉพาะกับผู้หญิงอย่างเธอ ลองตบมาสิ จะเอาคืนให้คอพับเลยทีเดียว!”
ความกล้าของปลายรุ้งหายวับไปทันทีที่สบเข้ากับดวงตาแข็งกร้าวของตะวัน หล่อนถอยร่น ตัวลีบติดผนังราวกับตุ๊กแกเห็นงูเขียว ท่าทางน่าขัน หากตะวันไม่แก่ใจจะหัวเราะ เพราะในใจเต็มไปด้วยความชิงชัง
ตะวันอุ้มร่างไร้สติของดาริกาผ่านหน้าปลายรุ้ง พลางตวัดสายตามองหล่อนอย่างกรุ่นโกรธ
“ขอให้เธอกับไอ้สกรรจ์ตกนรกหมกไหม้ อย่าได้ผุดอย่าได้เกิดอีกเลย!”
หลังจากเหตุการณ์สงบลง บิดามารดาของสกรรจ์ก็ลงความเห็นว่า สกรรจ์กับปลายรุ้งควรพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา จึงปล่อยให้หนุ่มสาวปรับความเข้าใจกันอยู่ที่ห้องรับรองหลังเวที
“ผู้ชายคนนั้นพูดจริงหรือคะ?” ปลายรุ้งถามชายหนุ่มที่นั่งหน้าซีดอยู่มุมหนึ่งของห้อง สกรรจ์มองคนรักอย่างสำนึกผิด ก่อนยอมรับว่า
“ผมกับเขาเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน แต่เรื่องของเราจบไปนานแล้ว รุ้ง...ผมเสียใจ ยกโทษให้ผมนะครับคนดี”
“คุณกรรจ์จะทำยังไงต่อไปคะ?” หล่อนไม่ตอบ แต่ถามกลับ
“ผมกับดาริกาไม่เคยมีอะไรเกินเลย”
“เธอท้อง” ปลายรุ้งเหยียดยิ้ม “คุณกรรจ์ยังบอกว่าไม่มีอะไรเกินเลยอีกหรือคะ?”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” สกรรจ์ขยับเข้ามาใกล้ แต่ปลายรุ้งถอยหนี “เราสองคนมีสัมพันธ์กันก็จริง แต่ก็มีข้อตกลงร่วมกัน แค่สนุกสนานชั่วครั้งชั่วคราว ไม่มีข้อผูกพัดใดๆ ดาริกาเองก็ยอมทำตามข้อตกลงนั้น ผมเซฟตัวเองแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงท้อง ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับรุ้ง ผมสัญญาว่าจะจัดการเรื่องของดาริกาให้เด็ดขาด”
“รวมทั้งเรื่องผู้หญิงคนอื่นด้วยใช่ไหมคะ?”
“รุ้งรู้...” สกรรจ์หน้าซีด เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยผุดขึ้นเต็มใบหน้า ระหว่างคบหากัน ตะวันยังมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น แต่ไม่เคยจริงจังกับใครคนไหน กับดาริกาก็ไม่เคยคิดยกย่องออกหน้าออกตา
“เปล่าหรอกค่ะ รุ้งไม่เคยรู้ แค่แอบสงสัย เลยลองถามดูเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าเรื่องที่เคยแอบกลัวจะกลายเป็นจริงขึ้นมา หนึ่งปีที่ผ่านมา รุ้งรู้สึกว่ายังรู้จักคุณกรรจ์ไม่ดีพอ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ลับหลังรุ้ง คุณกรรจ์ยังมีหญิงอื่นอีก”
แวบแรกสกรรจ์รู้สึกเสียหน้าที่ถูกปลายรุ้งหลอกถาม แต่พอเห็นแววตาตัดพ้อของหล่อนแล้วก็ใจอ่อนยวบ มีแต่ความรู้สึกผิดที่เข้าเกาะกุมจิตใจอย่างไม่อาจควบคุม
“รุ้ง...ผมเสียใจ” สกรรจ์จ้องมองหญิงสาวอย่างเว้าวอน น่าแปลกที่ความเชื่อมั่นในตัวเองลดฮวบอย่างน่าใจหาย เขาเคยทะนงตนว่าเป็นที่ต้องการของบรรดาสาวๆ จนไม่คิดจะง้อใคร ทว่ากับปลายรุ้ง เขาทำใจปล่อยหล่อนไปไม่ได้จริงๆ “เมื่อก่อนผมอาจจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่า หลังแต่งงานผมจะเลิกเที่ยว เลิกมีสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น เพียงแค่รุ้งให้โอกาสผม ผมยินดีพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง”
ปลายรุ้งอยากให้โอกาสเขาอีกครั้ง หล่อนคิดเสมอว่าบนโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน ทว่าสกรรจ์ผิดมากเกินกว่าที่หล่อนจะเห็นใจ โดยเฉพาะเรื่องลูกของเขา หล่อนจึงตัดใจว่า
“เอาเวลาที่คุณกรรจ์จะพิสูจน์ตัวเอง ไปคิดหาทางออกเรื่องลูกดีกว่าค่ะ ผู้หญิงคนนั้นท้องได้สี่สัปดาห์แล้วไม่ใช่หรือคะ รุ้งไม่อยากมีส่วนทำให้เด็กบริสุทธิ์คนหนึ่งต้องมีปัญหาภายหลัง”
“รุ้งจะให้ยอมรับเป็นพ่อของเด็ก แล้วแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักอย่างนั้นหรือ ผมทำไม่ได้จริงๆ” สกรรจ์บอกตรงๆ ท่าทางไม่อ่อนข้อง่ายๆ
“คุณเลยสั่งให้เธอไปเอาเด็กออก” ปลายรุ้งเอ่ยอย่างรู้ทัน
“มันก็ควรเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือรุ้ง?” สกรรจ์ถามกลับ แววตาชักจูงและมุ่งมั่นเต็มที่
ปลายรุ้งไม่อยากเชื่อ นี่หรือความคิดของผู้ชายที่หล่อนเคยตั้งใจจะยกให้เป็นพ่อของลูก ลงว่าสกรรจ์คิดที่จะฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองแล้ว หากหล่อนมีลูกกับเขาล่ะ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าชายหนุ่มจะรักและเอ็นดูลูกที่เกิดกับหล่อนอย่างจริงจัง สกรรจ์เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว
หญิงสาวตัดสินใจได้ในที่สุด เอ่ยว่า
“เราจบกันเถอะค่ะ”
ออกจากห้องรับรอง ปลายรุ้งแจ้งกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่นั่งเคร่งเครียดอยู่ด้านนอกว่า
“คุณลุงคุณป้าคะ รุ้งเสียใจที่ต้องเรียนว่า งานแต่งงานระหว่างรุ้งกับคุณกรรจ์คงต้องยุติลงเพียงเท่านี้”
คุณหญิงศิริกัลยาหน้าตึงขึ้นมาทันที รู้สึกคล้ายกับถูกลบหลู่อย่างจัง มารดาของสกรรจ์เชิดหน้าขึ้น มองหญิงสาวที่เคยคิดจะยกให้เป็นสะใภ้ด้วยสายตาเย็นชา
“ถ้าเธอตัดสินใจดีแล้ว พวกเราก็คงไม่คัดค้านอะไร” แม้จะรู้จักนิสัยของบุตรชายดีว่าเป็นคนเจ้าชู้รักสนุก แต่ก็อดเข้าข้างลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้ ผู้ชายแบบสกรรจ์จะให้ถอดเขี้ยวเล็บ เปลี่ยนแปลงตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือคงยาก คนที่จะมาเป็นเมียต่างหากที่ต้องเปิดใจยอมรับให้ได้ หญิงสูงวัยปรายตามองโสภณที่ยืนหน้าเสียอยู่ไม่ไกล “อ้อ...คุณโสภณ สินสอดทั้งหมดไม่ต้องคืนนะคะ ฉันถือว่าเป็นค่าทำขวัญ!”
“แม่!” สกรรจ์เข้ายึดแขนมารดา การที่มารดาประกาศออกมาแบบนี้ทำให้โอกาสจะได้กลับมาคืนดีกับปลายรุ้งเหลือศูนย์ ไม่...เขาไม่ยอมหรอก หากมารดาของเขาไม่ฟัง ปลดแขนบุตรชายแล้วเดินสะบัดหน้าจากไป ท่าทางละล้าละลังของสกรรจ์ทำให้คนเป็นแม่ต้องตะโกนออกไปว่า
“ตากรรจ์ กลับบ้าน!”
คล้อยหลังสมาชิกตระกูลอัครชัย โสภณก็หันมาเล่นงานหลานสาว
“แกมันเหลาะแหละ อ่อนแอ กะอีแค่เจ้าบ่าวไปมีผู้หญิงอื่นก็ทำเป็นดัดจริตรับไม่ได้ พ่อกรรจ์เขาเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่ฤาษีหรือตุ๊ดแต๋วที่ไหน จะได้ไม่รู้สึกรู้สาเวลาถูกผู้หญิงทอดสะพานให้ เขาสัญญาแล้วไง ว่าแต่งงานไปแล้วจะเลิกเที่ยวผู้หญิง ยังจะเอาอะไรกับเขาอีก ที่จริงแกไม่มีสิทธิ์จะไปเรียกร้องถึงขนาดนั้นด้วยซ้ำ สมัยนี้ผู้ชายฐานะอย่างพ่อกรรจ์จะแอบไปมีเล็กมีน้อยที่ไหนก็ไม่เห็นแปลก ตราบใดที่เขายกย่องแกเป็นเมียแต่งก็นับว่าบุญโขแล้ว ดี...แกเลือกทางเดินชีวิตได้เองแล้วนี่นะ ปีกกล้าขาแข็งจนมองไม่เห็นหัวฉันกับป้าแกแล้ว งั้นต่อไปนี้แกจะไปไหนก็ไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
ปลายรุ้งยืนก้มหน้า รู้ดีว่าโสภณโกรธที่ถูกบิดามารดาของสกรรจ์มองอย่างเป็นศัตรู และเดาได้ทันทีว่าธุรกิจของเขากำลังจะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของครอบครัวอัครชัยในไม่ช้า
โสภณเดินออกจากห้องทันทีที่พูดจบ อรพรรณอยากอยู่ปลอบใจหลานสาว หากพอเห็นดวงตาเกรี้ยวกราดของสามีที่จ้องมาจากหน้าประตู นางจึงทำได้เพียงก้มหน้าแล้วเดินตามหลังไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บรรยากาศรอบตัวเงียบงัน ว่างเปล่า
ปลายรุ้งทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง ก้มหน้าซบเข่า ร้องสะอื้นราวกับเป็นเด็กหญิงตัวน้อย หาก ‘เขาคนนั้น’ ยังอยู่ตรงนี้ เขาคงตรงเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ ลูบศีรษะหล่อนอย่างอ่อนโยน แล้วปลอบว่า
‘ร้องไห้ทำไมยายรุ้ง ไม่เอา...อย่าร้อง มานี่รุ้ง...มากับน้า น้ารุทธ์จะพาไปกินไอติมอร่อยๆ นะครับ’
ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว น้ารุทธ์ที่แสนอ่อนโยนคงมีครอบครัวเป็นของตัวเอง จนลืมหลานสาวตัวน้อยที่วิ่งตามก้นเขาต้อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาวแล้ว
ยามนี้หล่อนไม่เหลือใครจริงๆ
ความคิดเห็น