ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหิมะ

    ลำดับตอนที่ #8 : องครักษ์แห่งเบเนดิคกับการตามหาเจ้าหญิง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 151
      1
      25 ก.พ. 63


     

    หลังจากที่องครักษ์ของเจ้าหญิงแห่งเบเนดิคช่วยเจ้าหญิงเฟรนลี่ฝ่าวงล้อมของเหล่ากบฏที่ยึดอำนาจราชบัลลังก์  หนีออกมาจากปราสาทเบนติน่าได้สำเร็จ  เขาพาเจ้าหญิงมาหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งของป่าเคนาฟด้านทิศตะวันออก  ซึ่งเป็นแนวป่าดงดิบที่กั้นเขตแดนระหว่างอาณาจักรเบเนดิคที่ปกครองดินแดนทั้งหมดทางตอนใต้  ซึ่งมีภูมิอากาศร้อนชื้น  กับอาณาจักรเรียวนั้นปกครองดินแดนทั้งหมดทางตอนเหนือ มีภูมิอากาศหนาวเย็น  บนเทือกเขาอันสลับซับซ้อนเรียงตัวทอดยาวนั้นถูกปกคลุมด้วยหิมะ  โดยมีแม่น้ำทอลกั้นเป็นเส้นเขตแดน  อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำทอล เป็นช่องแคบ มีแนวโขดหินน้อยใหญ่เรียงตัวขวางลำน้ำอยู่ สามารถข้ามฝั่งไปอีกด้านหนึ่งได้  ซึ่งจะเข้าสู่เขตดินแดนของอาณาจักรเรียว

     

    องครักษ์หนุ่มในชุดสีน้ำตาลเข้มวิ่งมาหยุดหอบอยู่ริมฝั่งแม่น้ำทอล  ผมหยักโศกสีทองถูกรวบไว้ด้านทางหลังมัดด้วยเชือกป่าน  ลมจากแม่น้ำพัดปอยผมด้านหน้าลู่ไปทางด้านหลัง  เผยให้เห็นสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวล  เมื่อเจ้าหญิงแห่งเบเนดิคหายตัวออกไปจากถ้ำในวันที่ผู้อ่านคาถาจะปรากฏตัวตามคำทำนาย  เขาออกตามหาเจ้าหญิงเฟรนลี่มาตลอดเจ็ดวันแล้ว   แต่ยังไม่พบเธอ  รู้สึกโกรธตัวเองนักที่ดันมาป่วยไข้เอาตอนนี้  แม้จะยังไม่หายป่วยดี  แต่เขาจะมัวนอนป่วยต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

     

    ดวงตาสีอำพันของบุรุษผมทองจ้องมองปลอกรัดข้อมือโลหะสีเงินบนข้อมือซ้าย ยกขึ้นต้องแสงแดดยามสาย  เกิดแสงสะท้อนเลื่อมเงาวาววับเป็นประกาย  ทำให้เขาผ่อนคลายความกังวลใจลงเล็กน้อย  นั่นหมายถึงสัญณาณบ่งบอกว่าเจ้าหญิงแห่งเบเนดิคยังมีชีวิตอยู่  แต่ทว่าเม็ดทับทิมสีเลือดที่ประดับบนปลอกรัดข้อมือยังหม่นหมองอับแสงอยู่ ไม่เป็นประกายเจิดจรัสเหมือนตอนที่เจ้าหญิงเฟรนลี่อยู่ใกล้ ๆ  แสดงว่า  เจ้าหญิงอยู่ไกลเกินไป  จนปลอกรัดข้อมือสีเงินไม่อาจรับสัญญาณจากกำไลเงินของเจ้าหญิงได้  เขาวิ่งตามหาเจ้าหญิงจนทั่วป่าเคนาฟ  แต่เม็ดทับทิมสีเลือดก็ไม่เคยเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นเลยซักครั้ง

    หรือว่าเจ้าหญิงทำกำไลเงินหล่นหายไป  จึงไม่สามารถรับสัญญาณได้’  องครักษ์หนุ่มพยายามครุ่นคิดถึงสาเหตุ  แล้วส่ายศีรษะไปมา  มันเป็นไปไม่ได้อยู่ดี   เพราะกำไลเงินของเจ้าหญิงเฟรนลี่นั้นถูกลงคาถาเวทย์มนต์เอาไว้  เมื่อใส่แล้วจะไม่มีทางถอดออกได้

     

    บีวาร์ตัดสินใจเดินข้ามโขดหินน้อยใหญ่ที่วางเรียงรายขวางลำน้ำผ่านช่องแคบของแม่น้ำทอล  เข้าเขตป่าเคนาฟของอาณาจักรเรียว ซึ่งเป็นที่ซ่องสุ่มกำลังของพวกโจรกบฏริกเกอร์  เขามั่นใจว่าเจ้าหญิงจะต้องข้ามฝั่งเข้าสู่เขตแดนอาณาจักรเรียวแล้ว  แม้ว่าตอนนี้เม็ดทับทิมสีเลือดบนปลอกรัดข้อมือโลหะสีเงินจะยังคงอับแสงอยู่ก็ตาม

     

    แวบหนึ่งที่ความรู้สึกโกรธพุ่งขึ้นมาในจิตใจขององครักษ์แห่งเบเนดิค  รู้สึกอยากจะโกรธเจ้าหญิงเฟรนลี่จริง ๆ แม้ว่าเขาจะเคยทั้งขอร้อง  ทั้งห้ามปราม  ทั้งขู่เข็น  ว่าตลอดเจ็ดวัน  ที่ฝนกำลังตกหนักเจ็ดวันเจ็ดคืนนั้น  ห้ามเจ้าหญิงออกมาจากถ้ำเด็ดขาด  ขอให้รอจนกว่าฝนจะหยุดตกแล้ว อีกห้าวันค่อยออกจากถ้ำ แต่เจ้าหญิงก็ไม่เคยเชื่อ   ทั้ง ๆ ที่รับปากรับคำเป็นอย่างดี  แอบหนีออกมาเที่ยวเล่นจนได้   เหมือนตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด  องครักษ์อย่างเขาต้องคอยตามหาตัวเจ้าหญิงตั้งแต่เล็กจนโต   ถึงแม้ว่าเขาจะหาตัวเจ้าหญิงเจอทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้ผ่านมาเจ็ดวันเข้าไปแล้ว  เขากลับยังหาเจ้าหญิงไม่พบ  มันทำให้เขาไม่สบายใจและเครียดหนัก  เพราะเหตุการณ์ก่อกบฏที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้  รวมทั้งการปรากฏตัวของผู้อ่านคาถาตามคำทำนาย       รอบตัวเจ้าหญิงจึงเต็มไปด้วยภยันอันตราย 

     

    องครักษ์แห่งเบเนดิคยื่นมือเด็ดดอกไม้ริมแม่น้ำทอลขึ้นมาเพื่อดูดกินน้ำหวานจากดอกไม้นั้น  มันช่วยให้เขารู้สึกมีพละกำลัง ทั้งยังรักษาอาการเจ็บป่วยได้ดี   คิดแล้วเขาก็โกรธเจ้าหญิงไม่ลง เป็นเพราะเขาป่วยแท้ ๆ  เจ้าหญิงจึงต้องออกไปหาอาหารด้วยตนเอง  หาดอกไม้มาเป็นอาหารสำหรับเขา  เพื่อรักษาอาการป่วยและบาดเจ็บข้างในที่ยังไม่หายดี 

     

    ก่อนที่เจ้าหญิงเฟรนลี่จะออกไปจากถ้ำครั้งสุดท้ายเหมือนได้ยินเสียงของเธอ

    บีวาร์  ข้าจะออกไปหาดอกไม้มาให้เจ้า  ขอโทษที่ต้องผิดสัญญา  แต่ข้าจะทนเห็นเจ้านอนป่วยโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้  ดอกไม้แถวนี้ข้าก็เก็บจนหมดแล้ว  ข้าจะรีบกลับมา  เจ้าดูแลข้ามาตลอดตั้งแต่เล็ก  ขอให้ข้าได้ทำเพื่อเจ้า  ได้ดูแลเจ้าบ้าง"

     

    วันที่ผู้อ่านคาถาจะปรากฏตัวตามคำทำนาย  เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร้องตะโกนของเจ้าหญิงเรียกชื่อของเขา  เหมือนกำลังได้รับอันตรายจนเขาสะดุ้งตื่น  องครักษ์หนุ่มรีบลุกขึ้นเพื่อออกตามหาเจ้าหญิงเฟรนลี่ทันที  แต่ทว่าพยายามจะก้าวเท้าวิ่งออกไป  แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว  ร่างของเขาก็ทรุดฮวบลงสลบหมดสติ หมดเรี่ยวแรงอยู่ตรงหน้าถ้ำนั้นเอง

     

    มดน้อยสีแดงไต่มาตามลำแขนแข็งแรงขององครักษ์แห่งเบเนดิค  ดวงตาสีอำพันจ้องมองมดน้อยตัวนั้นอย่างช่างใจ  ก่อนเอานิ้วปัดมันออกอย่างแผ่วเบา  แม้เขาจะไม่ชอบมดเอาเสียเลย  และต้องฆ่ามดทุกครั้งที่ได้เจอ  แต่ในป่าแห่งนี้  หากเขาฆ่าสัตว์ตัวใดตายลง  ความอาฆาตพยาบาทของสัตว์นั้น ๆ จะก่อร่างสร้างตัว เกิดการแบ่งตัวขยายตัวใหญ่ขึ้นมีพละกำลังมหาศาลตามอำนาจของความอาฆาตแค้น  ผูกพยาบาทจนไม่มีที่สิ้นสุด  ฉะนั้นหากเขาต้องการอยู่อย่างสงบ  เขาไม่ควรทำร้ายหรือฆ่าสัตว์ตัวไหนในป่าต้องคำสาปแห่งนี้  เขารู้สึกคิดถึงเจ้าหญิงแห่งเบเนดิคเหลือเกิน  หากอยู่ต่อหน้าเจ้าหญิง  เขาจะไม่กล้าฆ่าสัตว์ใด ๆ โดยเด็ดขาด เพราะเจ้าหญิงจะโกรธ  และต้องห้ามปรามทุกครั้งไป

     

     

    ท่านพ่อ  ข้าไม่รู้เจ้าหญิงหายตัวไปไหน  ข้าหาจนทั่วป่าแล้วก็ไม่พบ  ข้าขอโทษ  โปรดช่วยนำทางข้าด้วย  บีวาร์นึกถึงบิดาผู้มีอำนาจหยั่งรู้ทำนายโชคชะตาฟ้าดิน 

     

    คำสั่งของบิดา  ที่คอยบอกเขาเสมอว่า  เขามีหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง ดูแลเจ้าหญิงเบสเฟลโล่  เฟรนลี่  ลิเบอร่า  ด้วยชีวิต  โดยเฉพาะกลางเดือนหกของปีนี้  ห้ามเจ้าหญิงเดินทางเข้าป่าไปทางทิศตะวันออกเด็ดขาด เพราะเป็นสถานที่ที่ผู้อ่านคาถาจะปรากฏตัวตามคำทำทาย   แต่เมื่อเกิดการก่อกบฏขึ้น  มันสุดวิสัยจนเขาต้องพาเจ้าหญิงหนีไปหลบซ่อนตัวในป่าทางทิศตะวันออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะมีเพียงป่าต้องคำสาปแห่งนี้เท่านั้นที่ปลอดภัยที่สุด  เหล่าทหารกบฏจะไม่กล้าย่างกรายเข้ามาที่นี่  หรือมันเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตแล้ว  ให้เจ้าหญิงเฟรนลี่ต้องปรากฏตัวตามคำทำนายในฐานะผู้อ่านคาถา 

     

    องค์ราชาแห่งเบเนดิคกลุ้มใจอย่างมากเมื่อได้รู้คำทำนายถึงอนาคตของเจ้าหญิงเฟรนลี่  จะกลายเป็นผู้อ่านคาถา  จึงสั่งปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ห้ามมิให้ผู้ใดล่วงรู้โดยเด็ดขาด  หรือแม้แต่เจ้าหญิงเฟรนลี่ก็ให้รู้ไม่ได้  รวมถึงคำสั่งให้เก็บหนังสือภาษาโบราณต่าง ๆ ไว้ในห้องคำคีร์แล้วล็อคกุญแจอย่างแน่นหนา ห้ามผู้ใดเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัด   แต่กระนั้นเจ้าหญิงเฟรนลี่กลับสนใจตัวอักษรโบราณตามโบราณสถานและโบราณวัตถุแทน    บีวาร์อดแปลกใจไม่ได้ที่เหล่าขุนพลทหารใหญ่กล้ากระทำการก่อกบฏอย่างอุกอาจเช่นนี้   หรือว่ามีคนล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับเจ้าหญิงเฟรนลี่เป็นผู้อ่านคาถาตามคำทำนาย  จึงทำการก่อกบฏเพื่อหวังแย่งชิงตัวเจ้าหญิงไป

     

    ด้วยความรักขององค์ราชาแห่งเบเนดิคที่มีต่อเจ้าหญิงเฟรนลี่  พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเจ้าหญิง  จึงตัดสินใจให้เจ้าหญิงเฟรนลี่หมั้นหมายกับเจ้าชายแห่งเรียวตั้งแต่เยาว์วัย   เพราะได้ตรวจดูดวงชะตาของเจ้าชายเรียว  แรร์เน็ส  อเมนิท   มีดวงชะตาที่คอยปกปักษ์รักษาดวงชะตาของเจ้าหญิงเฟรนลี่  ถ้าหากไม่เกิดกบฏขึ้นเสียก่อน  พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงเบสเฟลโล่ เฟลนรี่ ลิเบอร่า  กับเจ้าชายแห่งเรียว  แรร์เน็ส อเมนิท  จะต้องเกิดขึ้นก่อนผู้อ่านคาถาจะปรากฏตัวตามคำทำนายอย่างแน่นอน 

     

    บีวาร์ได้รับคำสั่งให้รีบนำสารไปส่งองค์ราชาแห่งเรียวถึงการจัดงานพิธีอภิเษกสมรส  มีโอกาสได้เห็นเจ้าชายเรียว แรร์เน็ส อเมนิท  พระคู่หมั้น ที่งามสง่าอย่างชายชาติทหาร องอาจสมเป็นนักรบผู้กล้าแห่งเรียวตามคำรํ่าลือ  กำลังนำกำลังพลเดินทางไปปราบกบฏริเกอร์ที่ชายแดน  แม้เขาจะไม่มีโอกาสได้เข้าพบเจ้าชายแรร์เน็สใกล้ ๆ แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษบางอย่างที่แผ่รังสีออกมาจากร่างของเจ้าชาย  เขาแน่ใจว่ามันเป็นอำนาจพิเศษที่เหนือมนุษย์ปกติธรรมดา

     

    พวกเหล่าทรราชจึงถือโอกาสช่วงที่องครักษ์ของเจ้าหญิงไม่อยู่ ทำการก่อกบฏยึดอำนาจจากองค์ราชาแห่งเบเนดิค หากเขากลับมาช้ากว่านี้  คงไม่อาจช่วยเจ้าหญิงเฟรนลี่หนีรอดออกมาได้

     

    บีวาร์ส่ายศรีษะไปมา อย่างคิดไม่ตก   พลางถอนหายใจ ไม่อยากจะเชื่อเลย  ทุกอย่างเกิดขึ้นตามคำทำนายไว้แล้วไม่มีผิด  ทำไมเจ้าหญิงเฟรนลี่ผู้อ่อนโยน จิตใจดี  มีเมตตาจะต้องกลายเป็นผู้อ่านคาถาตามคำทำนายไปได้  แม้ว่าในวัยเยาว์นั้น หากเจ้าหญิงไม่แอบไปเที่ยวเล่นซุกซนที่ไหน  ก็จะชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ  โดยเฉพาะภาษาโบราณต่าง ๆ ที่หลงใหลเป็นพิเศษ  ต่อไปนี้ชีวิตของเจ้าหญิงเบสเฟลโล่ เฟรนลี่  ลิเบอร่า  จะเป็นเช่นไร  จะต้องพบเจอกับอะไร  เพราะดาบทองสีรุ้ง ดาบวิเศษในตำนาน  ที่เหล่านักรบผู้ปกครองแคว้นทั้งหลายต่างอยากได้เสียเหลือเกิน  ส่งสายสืบออกค้นหา และตามหาดาบทองสีรุ้งอย่างลับ ๆ มาตลอด

     

     

    หรือว่า...เจ้าหญิงเฟรนลี่ จะเดินทางไปพบพระคู่หมั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ

     

    เขาเคยแนะนำเจ้าหญิงอย่างนั้น  แต่ทว่าเจ้าหญิงเฟรนลี่ปฏิเสธ และไม่เห็นด้วย  เพราะไม่คุ้นเคยกับพระคู่หมั้น  เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำไป  อยู่ ๆ จะให้ไปขอความช่วยเหลือได้อย่างไร   องครักษ์หนุ่มถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกอย่างกลัดกลุ้ม  มันจึงไม่น่าจะเป็นไปได้  เรื่องสำคัญอย่างนี้เจ้าหญิงไม่น่าตัดสินใจหุนหันไปเพียงลำพังคนเดียว  รวมทั้งไม่เคยถามถึงพระคู่หมั้นเลย    แม้แต่ชื่อพระคู่หมั้นก็ยังจำไม่ได้  อย่าได้ถามถึงพระคู่หมั้นเด็ดขาด เพราะเจ้าหญิงเฟรนลี่จะไม่พอใจอย่างมาก ที่ตัวเองต้องถูกบังคับให้หมั้นหมายตั้งแต่ยังเด็ก  ไม่อาจเลือกคู่ชีวิตด้วยตนเองได้  ที่สำคัญไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องรีบจัดพิธีอภิเษกอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ 

     

    บีวาร์กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูงใหญ่เมื่อสัมผัสได้ว่า  มีคนจำนวนหลายคนกำลังเดินตรงมาในระยะใกล้  ครู่หนึ่งสมุนโจรริกเกอร์ห้าหกคนกำลังเดินผ่านมา  องครักษ์แห่งเบเนดิคยังไม่อยากปะทะกับใครโดยไม่จำเป็น  เนื่องจากอาการบาดเจ็บภายในยังต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่ง 

     

    ตรวจตราให้ดี  ใกล้วันพิธีเซค์เข้าไปทุกทีแล้ว  หัวหน้าโจรสั่งสมุนโจรเดินดาหน้าตรวจตราทุกพื้นที่ของป่าเคนาฟอย่างเข้มงวด  เนื่องจากใกล้วันประกอบพิธีสำคัญ แม้ว่าบริเวณนี้จะเป็นชายป่าด้านนอกของป่าเคนาฟ  ซึ่งยังไม่เข้าเขตพื้นที่ของค่ายโจรกบฏริเกอร์ก็ตาม

     

    องครักษ์หนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่า  เจ้าชายแรร์เน็สได้นำกำลังพลมาปราบโจรกบฏริเกอร์ที่ชายแดนแล้ว  เพราะเหตุใดพวกโจรจึงยังสามารถยึดพื้นที่ของป่าเคนาฟอยู่  ถึงออกตระเวนตรวจตราโดยรอบของป่าเคนาฟเช่นนี้    เจ้าชายแห่งเรียวสามารถปราบกบฏได้สำเร็จหรือไม่  มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าชายกันแน่ 

     

    เมื่อพวกโจรเดินหายลับไปไกลแล้วจึงกระโดดลงมาจากต้นไม้ รีบเดินทางต่อไปทันที  เดินทางต่อมาได้ไม่นาน  เขาสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นของอากาศที่กำลังผิดปกติ  รีบแอบซ่อนตัวเข้าหลังพุ่มไม้ใบหนาทันที

     

    ครู่หนึ่งในอากาศเกิดควันสีม่วงอมเทาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว  เมื่อควันสีม่วงอมเทานั้นจางหายไปปรากฏร่างของหญิงสาวชุดสีม่วงเข้มทรุดตัวฟุบอยู่บนพื้นดิน  ร่างนั้นหายใจหอบถี่ ๆ  เหมือนเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน  เมื่อหญิงนั้นเงยหน้าขึ้นมองเห็นรอยเลือดแดงเข้มไหลออกมาตามมุมริมปากสีม่วงเข้มนั้น  เธอกัดริมฝีปากแน่นราวกับพยายามข่มความเจ็บปวดภายใน  ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน

     

    กลุ่มควันสีน้ำเงินเข้มขมุกขมัวก่อตัวขึ้นในอากาศ  แล้วจางหายไป  ปรากฏร่างของบุรุษชุดกรมท่าสีเข้มนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง  มือสองข้างยกขึ้นในระดับหัวไหล่  แขนขวาทับแขนซ้าย  ศีรษะก้มลงเกือบแตะกับท่อนแขนที่ทับกันอยู่เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า

     

    เจ้าหญิงเทลรีน  ขออภัยที่ข้ามาช้าไป  ทำให้พระองค์ต้องได้รับบาดเจ็บ

     

    หญิงสูงศักดิ์แห่งเดเวด้าหรี่สายตาจ้องมองบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าอย่างแปลกใจ

    วอเซน... 

    เจ้าตามข้ามาทำไม  หญิงสาวแค่นเสียงถามด้วยน้ำเสียงต่ำ ๆ อย่างไม่ค่อยพอใจ

    ท่านแดเรนเป็นห่วงเจ้าหญิงเทลรีนมาก จึงสั่งให้ข้าตามท่านมา”  องครักษ์แห่งเดเวด้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหญิง  แล้วลุกขึ้นยืนก่อนโค้งคำนับอีกครั้ง  สายตานิ่งงันอันเฉยชาเป็นนิสัย  แต่ในเวลานี้ดูห่วงใยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไม่น้อย

     

    ลิ่มเลือดปะทุขึ้นมาอีก  เลือดสีแดงไหลออกมาตามมุมริมฝีปากสีม่วงเข้มนั้น  แม้เจ้าหญิงเทลรีนจะพยายามจะกดข่มความเจ็บปวดนั้นเอาไว้  พลางยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก

     

    องครักษ์หนุ่มขยับตัวเข้าไปใกล้อย่างร้อนใจเมื่อเห็นอาการของเจ้าหญิงแห่งเดเวด้านั้นบาดเจ็บไม่น้อย  แต่ทว่าเจ้าหญิงชุดสีม่วงเข้มยกมือขึ้นปรามเอาไว้

     

    พระองค์....พบผู้อ่านคาถาแล้วหรือ”  เมื่อเห็นเจ้าหญิงเทลรีนบาดเจ็บถึงเพียงนี้  จะต้องมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน  การจะชิงตัวผู้อ่านคาถาคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่เคยคาดคิดไว้

    แรร์เน็สเป็นผู้ปกป้องผู้อ่านคาถา”  เจ้าหญิงเทลรีนตอบ

     

    คิ้วเข้มขององครักษ์หนุ่มขมวดเข้าหากันทันทีด้วยความแปลกใจเป็นที่สุด

    แรร์เน็สยังไม่ตายจากการไปปราบกบฏริกเกอร์อีกหรือ?  เขาได้รับรายงานจากสายลับของเขาว่า  เจ้าชายแรร์เน็สนั้นได้จบชีวิตลงแล้วในป่าเคนาฟแห่งนี้  เมื่อนำกำลังพลบุกโจมตีค่ายโจรกบฏริกเกอร์  ด้วยหลงกลลวงของข้าศึกศัตรูที่เชี่ยวชาญสมรภูมิมากกว่า  พลทหารน้อยนิดเพียงห้าร้อยคนจะต่อสู้กับเหล่าทหารโจรที่มีนับพัน ๆ คนได้อย่างไร  เหมือนจงใจให้มาตายมากกว่า  จึงไม่มีพลทหารคนไหนรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว

     

    ข้าเกือบจะพาตัวผู้อ่านคาถามาได้แล้ว  เหมือนมันมีอะไรซักอย่างบีบวิญญาณของข้าให้ออกจากร่างผู้อ่านคาถา” น้ำเสียงของเจ้าหญิงนั้นเสียดายยิ่งนัก ที่การแสดงฝีมือของเธอครั้งนี้กลับล้มเหลว

     

    ดวงตาสีน้ำเงินเข้มขององครักษ์หนุ่มผู้จงรักภักดีจ้องมองเจ้าหญิงตรงหน้าอย่างห่วงใย  เขารู้ดีว่าเจ้าหญิงเทลรีนนั้นดื้อดึง และใจร้อนแค่ไหน  คงไม่ยอมออกจากร่างผู้อ่านคาถาง่าย ๆ  จึงได้บาดเจ็บมากถึงเพียงนี้  สิ่งนั้นต้องมีพลังอำนาจไม่น้อย  ถึงบีบดวงวิญญาณของเจ้าหญิงแห่งเดเวด้าออกจากร่างผู้อ่านคาถาจนได้ 

     

    เจ้าหญิงเทลรีน  กลับเดเวด้าก่อนเถอะ  เขามองใบหน้าของเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์นั้นซีดเผือดลงอย่างมาก  แถมเลือดยังไหลทะลักออกมาไม่ยอมหยุด  เขาไม่อาจทนดูเจ้าหญิงเทลรีนอยู่ในสภาพนี้ต่อไปได้อีกแล้ว

     

    ไม่!”  เจ้าหญิงเทลรีนปฏิเสธด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและแตกพร่า

    ในเมื่อพบตัวผู้อ่านคาถาแล้ว  เจ้าจงไปนำตัวมาให้จงได้

     

    คงไม่ใช่เวลานี้ เจ้าหญิงเทลรีน  จบคำพูดนั้น  ริมฝีปากขององครักษ์หนุ่มร่ายคาถาแห่งเวทย์มนต์แล้วเป่าใส่เจ้าหญิงชุดสีม่วงเข้มเพียงแผ่วเบา  ร่างบอบบางของเจ้าหญิงนั้นหมดสติทรุดฮวบลงในอ้อมแขนขององครักษ์แห่งเดเวด้าทันที

     

    ข้าต้องขออภัย  เวลานี้  ข้าได้รับคำสั่งมาเพื่อปกป้องคุ้มครองพระองค์เท่านั้น และจะต้องนำพระองค์กลับไปอย่างปลอดภัย

     

    ควันขมุกขมัวสีน้ำเงินเข้มฟุ้งขึ้นในอากาศ  ก่อนจะค่อย ๆ  จางหายไป เหลือไว้เพียงความว่างเปล่า...

     

    เจ้าหญิงเทลรีนแห่งเดเวด้ามาด้วยตนเองเลยหรือ

    บีวาร์กระซิบพูดกับตัวเองแผ่วเบา  ไม่แปลกใจนัก  เพราะได้รับรายงานมาตลอดว่า  อาณาจักรเดเวด้าส่งคนออกค้นหาดาบทองสีรุ้ง  และติดตามหาผู้อ่านคาถามานานแล้ว  

     

    องครักษ์หนุ่มแห่งเบเนดิคขยับตัวลุกขึ้นเดินออกมาจากพุ่มไม้ใบหนานั้น  รู้สึกใจชื้นขึ้น ผ่อนคลายความวิตกกังวลใจลงอย่างมาก เมื่อได้รู้ว่า เจ้าชายเรียว  แรร์เน็ส อเมนิท  ยังมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยดี  และยังเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองผู้อ่านคาถาอีกด้วย    ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้พบกันเสียทีราวกับฟ้าบันดาลให้ต้องพบเจอกันจนได้  สายตาสีอำพันจ้องมองปลอกรัดข้อมือโลหะสีเงิน  เม็ดทับทิมสีเลือดเรืองแสงขึ้นเล็กน้อย  แสดงว่าเขามาถูกทางแล้ว  เจ้าหญิงเบสเฟลโล่  เฟรนลี่  ลิเบอร่า  ต้องอยู่ไม่ไกลจากนี้  แรงกำลังที่ทำท่าจะอ่อนแรงถดถอยลง  กลับมีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาทันทีทันใด

     

    ==========

     

     ทุกสายตามองแผนผังงานยันต์พิธีเซค์  พิธีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า พิธีนี้จะจัดขึ้นทุกสามปี  ต้องใช้หญิงสาวบริสุทธิ์ในการประกอบพิธีเพื่อเพิ่มความขลังและศักดิ์สิทธิ์  หัวหน้ากฏบริกเกอร์จะต้องทำพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อเพิ่มพลังอำนาจพิเศษเหนือคนปกติธรรมดาให้กับตนเอง  เชื่อกันว่าหากทำพิธีนี้ติดต่อกันสิบครั้งจะมีชีวิตเป็นอมตะ  และมีพละกำลังมหาศาล

     

    ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์สี่ห้าคนระดับหัวหน้ายืนล้อมโต๊ะยาวเพื่อปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียดอีกครั้ง  หลังจากได้จัดเตรียมงานพิธีสำคัญนี้มานานเป็นเดือนแล้ว  ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้  จะเกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด  ที่สำคัญในปีนี้พิธีเซค์จัดขึ้นเป็นครั้งที่สิบ ยิ่งต้องเพิ่มความรัดกุมระมัดระวังเป็นพิเศษ

     

    ใครมีปัญหาสงสัยอะไรอีกหรือไม่”  เสียงมีพลังของคนที่ยืนอยู่ตรงหัวโต๊ะกวาดสายตามองไปรอบโต๊ะ  เพื่อย้ำความเข้าใจอีกครั้ง

     

    งั้นตกลงตามนี้

     

    เสียงตอบรับพร้อมกันหนักแน่นดังขึ้น

     

    ขออนุญาติท่านวาร์เดอร์”  สมุนโจรเดินเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน

     

    ผู้ถูกเรียกชื่อหันไปมองต้นเสียงทันที

     

    เข้ามา!”

     

    เสียงตอบรับสั้น เป็นการอนุญาติ  สมุนโจรคนดังกล่าวจึงสาวเท้าเข้ามา

     

    เราได้พบอาวุธแบบเดิมในบริเวณที่คุมขังหญิงสาวเพื่อรอทำพิธีเซค์ทหารโจรพูดพร้อมนำอาวุธทำจากไม้เหลาจนเรียวยาวแหลมคมมีขนาดไม่เกินสองนิ้วมามอบให้

     

    หัวหน้าโจรหนุ่มใหญ่ขมวดคิ้วเข้มรับผ้าที่ห่ออาวุธนั้นมาพิจารณาอย่างครุ่นคิด  เมื่อสองวันก่อนมีสมุนโจรสองคนโดนทำร้ายด้วยอาวุธชนิดนี้มาแล้วที่ชายป่าด้านนอกของป่าเคนาฟ  แต่ครั้งนี้กลับพบในที่คุมขังหญิงสาวที่จะประกอบพิธีเซค์  สร้างความหนักใจอย่างมากให้กับหัวหน้าโจรใหญ่

     

    เพิ่มกำลังในการค้นหา  และปิดทางเข้าออกของค่ายริกเกอร์ทุกทาง  ตรวจตราอย่างเคร่งครัดทุกจุด  มีอะไรคืบหน้ารีบมารายงานข้าทันที!”

     

    รับทราบ!” ทหารโจรรับคำหนักแน่นแล้วโค้งคำนับรีบออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง

     

    พวกท่านมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง”  วาร์เดอร์หันมาถามหัวหน้าโจรด้วยกัน

     

    น่าแปลกใจ  อาวุธชนิดนี้แค่ทำให้หมดสติไปเท่านั้น  คนใช้อาวุธชนิดนี้ไม่คิดจะฆ่าพวกเรา”  หนุ่มใหญ่ผิวดำเข้มเอ่ยขึ้น  แววตาครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ

     

    ใช่แล้ว  ข้าเห็นด้วย  แล้วมันจะเป็นใครกันแน่?”

     

    หรือว่าจะเป็นคนของอาณาจักรเรียว  ส่งคนมาสอดแนมพวกเรา  เรามีไส้สึกหรือเปล่า”  หนุ่มร่างใหญ่ให้ความเห็น  ด้วยเพราะอาณาจักรเรียวเท่านั้นที่มีกำลังเข้มแข็ง คอยส่งทหารมาปราบกบฏริเกอร์  แม้จะยังไม่เคยเอาชนะได้เลยซักครั้งก็ตาม

     

    หรือจะเป็นเจ้าชายแรร์เน็ส อาจจะยังไม่ตายและหนีรอดไปได้”  อีกคนออกความเห็นเดาไปต่าง นา

     

    อืมเราคงต้องรอดูกันต่อไป  ขอบใจพวกท่านมาก  แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้” 

     

    วาร์เดอร์สรุปจบลงในที่สุด แม้การประชุมจะจบลงแล้ว  แต่ในหัวสมองของหัวหน้าโจรใหญ่ยังคิดหนัก  เพราะวันที่เจ้าชายแรร์เน็สนำกำลังพลเข้ามาบุกโจมตีค่ายริกเกอร์นั้น  เขาเป็นคนนำกำลังสมุนโจรออกไปรบด้วยตนเองจนได้รับชัยชนะ  การรบครั้งนั้นเขายังจำมันได้ดี  ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของขุนโจรหนุ่ม  เขาเองอดเลื่อมใสในความเป็นนักรบผู้กล้าแห่งเรียวของเจ้าชายแรร์เน็สไม่ได้ 

     

    วาร์เดอร์  ช่วงนี้เจ้าต้องเหนื่อยหน่อยนะ  หัวหน้าโจรกบฏริกเกอร์เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของหัวหน้าโจรฝ่ายขวา 

     

    วาร์เดอร์ค้อมตัวลงต่ำเพื่อทำความเคารพ 

    ข้าฝากเจ้าช่วยดูแลการจัดเตรียมพิธีเซค์ที่กำลังจะมีขึ้นด้วยนะ  มันมีความสำคัญกับข้าอย่างมาก  หัวหน้าโจรกบฏริกเกอร์ยกมือตบต้นแขนขุนโจรหนุ่ม  ดวงตาคมวาวสีนิลคู่นั้นมองวาร์เดอร์ด้วยความมั่นใจในฝีมือและสติปัญญา  เป็นคนที่เขาไว้วางใจ รักใคร่เอ็นดูที่สุด  ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว

     

    “ท่านริกเกอร์  ข้าจะทำเต็มความสามารถอย่างดีที่สุด  หัวหน้าโจรฝ่ายขวาค้อมตัวลงโค้งคำนับเพื่อทำความเคารพอีกครั้ง  เขาสำนึกในบุญคุณของหัวหน้ากบฏริกเกอร์เสมอ  ถ้าเด็กกำพร้าที่ถูกนำมาทิ้งไว้กลางป่าเคนาฟคราวนั้น  ไม่ได้บุรุษตรงหน้าคนนี้นำมาเลี้ยงดู  เขาคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว  ชีวิตนี้ของเขาจึงเป็นของหัวหน้ากบฏริกเกอร์เพียงผู้เดียว

     

    ขอบใจเจ้ามากวาร์เดอร์  เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” 

     

    หัวหน้ากบฏริกเกอร์อดที่จะตื่นเต้นยินดีไม่ได้  สิ่งที่เขาปรารถนารอมานานกว่าสามสิบปี  กำลังจะเป็นจริงในไม่ช้านี้  อีกเพียงสามวันเท่านั้น เมื่อเขาทำพิธีเซค์จบสิ้นลง  เขาจะกลายเป็นอมตะ มีพลังมหาศาลเหนือผู้ใด  แม้แต่ปีศาจหิมะก็ไม่แน่ว่าจะสู้กับเขาชนะได้ 

     

    ปีศาจหิมะ แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ  ที่เจ้าไม่รับข้าเป็นทายาท สืบทอดพลังเย็นจากเจ้า” ริกเกอร์แค่นเสียงกราดเกรี้ยวอยู่ในลำคอ

     

    ครั้งหนึ่งเขาเคยไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าถ้ำน้ำแข็งบนเทือกเขาสูงที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุมทั่วทุกสารทิศ  แต่ไม่ว่าจะขอร้องปิศาจหิมะอย่างไร ให้เลือกเขาเป็นทายาทผู้สืบทอดพลังเย็น  แต่ปิศาจหิมะยังคงยืนยันเช่นเดิม  ว่าต้องเป็นแรร์เน็สเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะมาเป็นทายาทสืบทอดพลังเย็นต่อจากเขา 

     

    แต่ตอนนี้น่าเสียดายที่แรร์เน็สตายเสียแล้ว  เจ้าคงไร้ทายาทที่จะสืบทอดพลังเย็นซะแล้ว  พลางหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ

     

    แล้ววันหนึ่งข้าจะไปทลายถ้ำน้ำแข็งของเจ้า ปิศาจหิมะ  ริกเกอร์ยังคงแค้นปิศาจหิมะที่กล้าปฏิเสธคนอย่างเขาได้  เขาไม่เข้าใจว่า  แรร์เน็สนั้นมีคุณสมบัติใดที่คนอย่างเขาไม่มี   เขามีอะไรที่สู้แรร์เน็สไม่ได้  ปิศาจหิมะจึงไม่เลือกเขาเป็นทายาท  เขายังคงคาใจมาถึงทุกวันนี้

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×