คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ขอต่อเวลาชีวิตจากมัจจุราช
ร่างของกบฏริเกอร์ผงะหงายไปข้างหลังทันทีราวกับถูกระชากอย่างแรง ร่างสูงใหญ่ล้มลงกระแทกพื้นดิน เกิดอาการแข็งเกร็งขึ้นทุกส่วนของร่างกายและชักกระตุกถี่ ๆ ในเวลาต่อมา เขาเกลือกกลิ้งทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย ใบหน้าที่เคยหนุ่มกว่าอายุจริงเริ่มแก่ลงตามวัยเกือบเจ็ดสิบปีอย่างรวดเร็ว ผมเผ้าสีน้ำตาลอ่อนที่เคยดกหนาเป็นมัน กลับกลายเป็นเบาบาง ศีรษะเริ่มล้านอย่างเห็นได้ชัด ส่วนผมที่เหลืออยู่หลอมแหลมกลับเริ่มขาวโพลน กล้ามเนื้อที่เคยแข็งแกร่ง เต็มไปด้วยพละกำลังดุจเสือหนุ่ม เริ่มหมดกำลังวังชา กลับกลายเป็นไร้เรี่ยวแรงกำลัง ผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ เริ่มเต็มไปด้วยริ้วรอยของกาลเวลา เหี่ยวย่น หย่อนยาน ตกกระ และกลายเป็นคนแก่ในที่สุด บาดแผลลึกฉกรรจ์กลางหน้าอกที่ควรจะสามารถรักษาและหายได้ด้วยตัวเอง กลับไม่หาย สร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างสุดที่จะทนทานได้ ลมหายใจเบาบางเริ่มติดขัด เลือดแดงเข้มไหลทะลักออกมาจากบาดแผลไม่หยุด
เจ้าหญิงมายนาลี่พยายามอดทนข่มความเจ็บปวดไว้เช่นกัน เนื่องจากเธอไม่ได้รับพลังชีวิตจากเขาอย่างต่อเนื่อง และต้องมากพอที่จะรักษาบาดแผลพุพองทั่วร่างกายให้หายสนิทได้ เธอจึงยังไม่ต่างอะไรจากคนที่ใกล้ตายเช่นกัน ร่างนั้นพยายามคลานเข้าไปหาเจ้าชายริกเกอร์และจับมือเขาเอาไว้
เธอรู้…เธอได้เจ้าชายริกเกอร์คนเดิมกลับมาแล้ว
“เจ้าเป็นไงบ้าง ริกเกอร์…” มายนารี่เสียงสั่นเครือ เพราะเธอเขาถึงเป็นเช่นนี้
“ข้าขอโทษ…” เสียงเริ่มขาดห้วงหายไปในลำคอปนเสียงสะอึกสะอื้นเบา ๆ
เขาพยายามจะอดทนกับความเจ็บปวดทุรนทุรายที่ได้รับ พยายามจะต่อรองกับความตายที่กำลังอย่างกรายเข้ามาแยกดวงวิญญาณของเขาออกจากร่างนี้ไปให้ได้
“มันสมควรกับการกระทำของข้าแล้วมายนาลี่ ขอบใจเจ้าที่มาฆ่าความชั่วร้ายในตัวของข้าให้ตายไป ให้ข้าได้เกิดใหม่ รู้ผิดชอบชั่วดีอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นข้าคงก่อกรรมทำเข็ญไม่มีที่สิ้นสุด”
มือหนา ๆ จับมือเธอไว้แน่นด้วยกำลังที่มีอยู่เพียงน้อยนิด พยายามรวบรวมกำลังที่มีคลานเข้าไปหาเจ้าหญิงแห่งเรียวอย่างยากลำบาก มือข้างหนึ่งกุมบาดแผลที่หน้าอกไว้เพื่อห้ามเลือด เขามองเห็นน้ำตาเปื้อนใบหน้าของคนที่เขาแสนรัก
“ข้าสิ ที่ควรขอโทษเจ้า… ข้าทำให้เจ้าเสียใจมาตลอด…ทั้ง ๆ ที่เจ้ากล้าทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาลำบากกับข้า…แต่ข้า…กลับ…” เขายังพูดไม่ทันจบ เจ้าหญิงมายนาลี่รีบพูดทับขึ้นมาทันที
“ที่ผ่านมา…ช่างมัน…เถอะ ขอ..ให้เวลา..นี้..เจ้าคิดได้ ข้าก็ดีใจที่สุดแล้ว” เสียงของเจ้าหญิงขาดหายไปเป็นช่วง ๆ เธอจะไม่ยอมตายเวลานี้เด็ดขาด
และต้องอดทน เพื่อรอส่งคนที่เธอรัก จะอยู่เป็นเพื่อน
เป็นกำลังใจให้จนถึงวินาทีสุดท้าย จนกว่าเขาจะหมดลมหายใจ
เจ้าชายริกเกอร์สำนึกผิด รู้สึกเสียใจ เสียดายวันเวลาที่ล่วงเลยไปอย่างไม่มีวันคืนกลับมาได้อีกครั้ง เขาน่าจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับคนที่เขารักให้ยาวนานกว่านี้ คงมีลูกสาวน่ารักอย่างแดนเทียน์ แทนที่เธอจะเป็นลูกสาวของคนอื่น ต้องโทษตัวเองมัวแต่แสวงหาลาภยศสรรเสริญเงินทองและอำนาจ จนตอนนี้เวลาชีวิตของเขากำลังจะหมดลงแล้ว หมดโอกาสที่จะได้อยู่กับเธอเสียแล้ว
ขณะที่ทุกคนยืนนิ่งตะลึงกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างรวดเร็วอยู่นั้น ไม่มีใครทันมองเห็นแดนเทียน์ที่วิ่งถือดาบเข้าไปหมายประหารชีวิตมหาโจรใหญ่ ที่สภาพตอนนี้ไม่แตกต่างอะไรไปจากคนแก่ที่กำลังบาดเจ็บสาหัสและใกล้ตายไปทุกขณะจิต
ดาบจากมือสาวน้อยแทงลงเต็มเหนี่ยว!! ไม่มียั้ง!!
ร่างที่ถูกแทงทรุดลงต่อหน้าต่อตาเธอ สร้างความตกใจให้กับแดนเทียน์อย่างมาก
“ท่านวาร์เดอร์!!”
แดนเทียน์สะดุ้ง! อุทานด้วยความตกใจสุดขีด งงกับภาพตรงหน้า มองดาบในมือที่จมลงไปในร่างของหัวหน้าโจรฝ่ายขวา เมื่อเข้ามาขวางคมดาบที่ตั้งใจจะสังหารชีวิตจอมโจรริกเกอร์ เธอไม่ได้ตั้งใจ “ฆ่า!” ใครทั้งนั้น เธองงตัวเองว่า
ทำไปได้อย่างไร ก่อนหน้านี้อาจจะคิดว่าจอมโจรอย่างริกเกอร์สมควรตาย มันสาสมกับการก่อกรรมทำชั่วของเขาแล้ว แต่นั่น!! เป็นแค่ความคิดเท่านั้น เพียงแค่คิดอยู่ในใจ อยู่ ๆ เหมือนมีอำนาจมืดครอบงำจิตใจบงการให้จับดาบไปฆ่าคนตามความคิดนั้นทันที
ริกเกอร์ตะลึงกับภาพนาทีวิกฤตตรงหน้า ภาพทหารคนสนิทที่เคยไว้ใจที่สุดรับคมดาบแทนเขากำลังล้มลงต่อหน้าต่อตา
“วาร์เดอร์……เจ้าทำแบบนี้ทำไม มารับดาบแทนข้าทำไม…ทำไม…”
“ท่านริกเกอร์…ข้าขอคืนชีวิตนี้ให้กับ…ท่าน…ที่ท่านเคยเลี้ยงดูข้ามาตั้งแต่เล็ก” วาร์เดอร์บอกด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“วาร์เดอร์…เจ้า…” หัวหน้ากบฎริกเกอร์มีแรงที่จะพูดได้เพียงแค่นั้น สิ่งที่หัวหน้าโจรฝ่ายขวาทำยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด และเจ็บปวดหัวใจมากขึ้น ยิ่งเสียใจกับการกระทำของตัวเองมากขึ้นเป็นหลายเท่า
แดนเทียน์รีบหันไปมองซีนิธด้วยสีหน้าที่แทบไม่มีสีเลือด
“ซีนิ..ธ.. ข้า…” เธออยากจะบอกเขาว่า ไม่ได้ตั้งใจ แต่ทว่า…เขาคงไม่ยอมฟังคำอธิบาย หมอหนุ่มหันมามองเธอ…ด้วยสายตาโกรธแค้น ชิงชัง ผิดหวัง สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เสียใจเกินเอ่ยเป็นถ้อยคำใด ก่อนหันสายตาอันห่างเหินกลับไป แล้วไม่หันมามองเธออีกเลย…
ซีนิธรีบเข้าไปประคองบิดาไว้ในอ้อมแขน
“ท่านพ่อ…” บุตรชายจับมือผู้บังเกิดเกล้าขึ้นมาแนบแก้มไว้แน่น
“ซีนิธ…ลูกรัก…พ่อ…รัก…เจ้…า…า…ที่สุด” ก่อนหยุดหายใจหอบถี่ ๆ แล้วพยายามพูดต่อสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้จบ
“พ่อภูมิใจ…ในตัวเจ้า…มาก ซีนิธ” พลางพยายามยกมือเปื้อนเลือดจับมือบุตรชายคนเดียวไว้ ไม่เคยนึกเลยว่า
ลูกชายแสนขี้เล่นของเขา จะมีความคิด กล้าหาญถึงเพียงนี้ ที่สำคัญกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเขาไม่เคยกล้าทำ
“อย่าเสียใจ…พ่อกับแม่…ไม่เคยจากเจ้าไปไหนเลย…” ขุนโจรวาเดอร์หยุดพูดเป็นพัก ๆ ด้วยความอ่อนล้าเต็มที
“จำไว้…พ่อกับแม่…อยู่กับเจ้า…เสมอ…อยู่…ในความเป็นเจ้า…อยู่ในเลือดเนื้อของเจ้า…ตลอ..ด…ไป…” มือที่จับมือบุตรชายไว้อ่อนกำลังลงทุกขณะ
“ดูแลตัวเองด้วย…นะ” จบประโยคนั้น มือที่จับมือบุตรชายไว้หมดกำลังลง พร้อม ๆ กับลมหายใจที่อ่อนระโหยโรยแรงลงทุกขณะจิต
“ท่านพ่อ!!” หมอหนุ่มกอดบิดาไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสายราวกับหัวใจจะขาด ไม่อยากให้ความตายต้องพรากพ่ออันเป็นที่รักจากไปอย่างนี้ อยากขอชีวิตพ่อที่แสนดีกลับมาอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ อยากจะฝืนชะตาลิขิต แต่เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีอำนาจใด ไม่ว่าพ่อจะเป็นโจรร้ายในสายตาใคร แต่พ่อเป็นที่รัก เป็นพ่อที่ดีในสายตาของเขาเสมอ…
ไม่!
เขาไม่ยอม! จะให้พ่อตายง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้!
ต้องมีทางสิ!
“มายนาลี่ ต้องช่วยท่านพ่อได้แน่”
คิดดังนั้นแล้วรีบเข้าไปหาเจ้าหญิงมายนาลี่อย่างเร็วที่สุด
“มายนาลี่ มีวิธีไหนที่จะช่วยพ่อข้าได้ โปรดบอกข้า!” เขาถลาเข้าไปหา พลางจับมือเธอบีบเอาไว้แน่น
มือสั่น
ๆ หยิบขวดเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน
“ซีนิธ
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าคงจะพอช่วยพ่อของเจ้าได้ ไม่มากก็น้อยนะ”
หมอหนุ่มมองขวดยาแล้วรู้ทันทีว่า
ยานั้นมีสรรพคุณรักษาอาการบาดเจ็บภายในที่ดีที่สุด เป็นยาที่หายาก และปรุงได้ยากอย่างยิ่ง
หากได้รับปริมาณที่มากพอสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี
“เจ้าจำต้นเมิสซ์ที่ข้าเคยเล่าให้ฟังได้รึเปล่า
ถ้านำมาผสมกับยาสมุนไพรของเจ้า
มันจะทำให้ยานั้น ๆ กลายเป็นยาวิเศษเลยทีเดียว เจ้าต้องไปตามหาต้นเมิสซ์มา มันจะขึ้นอยู่ตามไหล่เขาตามหน้าผาหิน”
“มายนาลี่ ขอบคุณท่านมาก” ชายหนุ่มจับมือหญิงชราขึ้นมากุมไว้แน่นด้วยความขอบคุณ ความรักความเมตตาของผู้หญิงคนนี้ มีให้เขามาตลอด
หมอหนุ่มรีบจัดการเทยานั้นผสมน้ำ
แม้ว่ายานั้นจะช่วยรักษาพ่อของเขาได้
ถ้าได้รับในปริมาณที่มากพอ
แต่เขาไม่อาจทนเห็นความตายพรากคนที่เขารักเคารพจากไปได้ เขาตัดสินใจ แบ่งยาเป็นสามส่วน ส่วนแรกนำไปให้บิดาดื่มทันที ส่วนที่สองนำไปให้กบฏริกเกอร์ดื่ม
ซึ่งบุรุษผู้นี้เคยเอ็นดูเขามาตลอด
เขาจึงได้รับสิทธิพิเศษโดยไม่ต้องออกไปปล้นฆ่าใคร ส่วนที่สามสำหรับมายนาลี่ ซึ่งการแบ่งยาอย่างนี้ ทำให้อาการนั้นเพียงทุเลาลงชั่วขณะ
ขอต่อเวลากับมัจจุราชได้อีกไม่เกินสามวัน แต่ปริมาณไม่มากพอที่จะทำให้ใครมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
“ท่านดื่มยาก่อนเถอะ” ซีนิธประคองร่างมายนาลี่ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วค่อย ๆ บรรจงป้อนยาให้เธอดื่ม
“เจ้าเก็บไว้ให้พ่อของเจ้าเถอะ ข้าอยากไปอยู่กับริกเกอร์” เธอมองหน้าของลูกศิษย์คนเดียว เขาเหมาะสมที่จะเป็นหมอจริง
ๆ
“ถ้าเราจะรอด ก็ต้องรอดด้วยกัน”
“ซีนิธ… ข้าขอโทษแทนริกเกอร์ด้วยที่ทำให้พ่อของเจ้าต้องบาดเจ็บถึงเพียงนี้”
“ท่านดื่มยาก่อนเถอะ”
“ซีนิธ...ข้า...มีเรื่องอยากขอร้องเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย” เธอเริ่มหายใจหอบแรงขึ้น เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตใกล้มาถึง
“ข้าจะทำให้ท่านทุกอย่างถ้าข้าทำได้
ขอแค่ท่านดื่มยานี้ให้หมดก่อน” เขาไม่อาจทนเห็นเธอตายจากไปได้
มายนาลี่จึงยอมดื่มยานั้นแต่โดยดี เพราะสิ่งที่เธอจะขอร้องนั้น
ต้องทำให้บุตรชายหัวหน้าโจรใหญ่ต้องลำบากใจไม่น้อย
“ท่านอยากให้ข้าช่วยอะไร โปรดจงบอกมาเถอะ” เมื่อเห็นมายนาลี่ยอมดื่มยาจนได้
“ข้า...อยากให้เจ้าช่วยดูแลแดนเทียน์… เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของข้า…ที่เกิดกับช่างตัดไม้”
แดนเทียน์งุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน
“วันนั้นสามีข้ากับลูกสาวพลัดตกลงไปในแม่น้ำเชี่ยว ข้านึกว่าทั้งคู่ตายจากไปแล้ว เที่ยวตามหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ จนถึงวันที่เจ้าพาแดนเทียน์มารักษา ข้าถึงรู้ว่า ลูกสาวของข้ายังไม่ตาย” เธอพูดพลางสลับการหยุดพูดเป็นช่วง ๆ ด้วยความเหนื่อยล้ากับการมีชีวิตอยู่เหลือเกิน
ซีนิธมองหน้าหญิงชราพลางระลึกถึงเหตุการณ์นานมาแล้ว เมื่อยังเด็ก วันที่ได้รู้จักกับมายนาลี่ครั้งแรกที่ริมแม่น้ำเชี่ยวนั้นเอง และเคยสงสัยอยู่ไม่น้อยว่า ใบหน้าของแดนเทียน์นั้นมีส่วนคล้ายมายนาลี่อยู่มาก
“ข้าฝากเจ้าช่วยดูแลแดนเทียน์ด้วยนะ…”
ซีนิธนิ่งอึ้งไปกับคำขอร้องที่ได้ยิน ทำไมเขาจะต้องดูแลคนที่ฆ่าพ่อของเขาด้วย มันยากที่จะทำใจยอมรับได้
“ได้มั้ย…ซีนิธ…” เมื่อเห็นเด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปนาน จึงถามย้ำอย่างขอร้องอีกครั้ง
“ได้…ข้าสัญญา…” หมอหนุ่มข่มใจเอ่ยรับปากคนที่ขอร้องอย่างเสียไม่ได้ เพราะเธอเหมือนเป็นญาติคนสนิทที่เขารักเคารพ เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่คอยเมตตาเอ็นดูเขาเสมอ เป็นเหมือนครูที่คอยสั่งสอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้เขามาตลอด เขาจึงเป็นหมอมาถึงทุกวันนี้ได้ ที่สำคัญเขาไม่อาจปฎิเสธคำขอร้องครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอได้เลย
“ขอบใจมาก…ซีนิธ…” แล้วหันไปมองหน้าบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย
เจ้าหญิงมายนาลี่ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เพื่อทุเลาความเจ็บปวด เธอยังตายไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้พูดกับลูกสาวคนเดียวของเธอ
“แดนเทียน์…”
เด็กสาวเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียกที่ดังแผ่วขึ้นมาจากความเงียบงัน ภายใต้บรรยากาศของความเป็นความตาย ซีนิธหลีกให้เธอเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ มารดาโดยมองผ่านเธอไปด้วยสายตาอันเฉยชา
“มายนาลี่…ท่านมีอะไรจะให้ข้าช่วย โปรดจงบอกข้า…” พลางจับมือของหญิงชราขึ้นมากุมไว้
มายนาลี่ยกมืออันสั่นเทาจับแก้มสาวน้อยเบา ๆ มองใบหน้าของคนที่ละม้ายคล้ายเธอราวกับพิมพ์ออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
“น่าเสียดาย…ข้าไม่มีโอกาสอยู่ดูแลเจ้าอีกแล้ว…” น้ำตาพาลไหลรินออกมาไม่ขาดสาย จากกันไปนานเหลือเกิน เมื่อพบเจอกัน กลับเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต
“แม่…รักเจ้ามากนะ คิดถึงเจ้า และฝันถึงเจ้าเสมอ…น่าเสีย…ดาย…ที่ฟ้าให้เวลาแม่อยู่กับเจ้าน้อยเหลือเกิน…”
เด็กสาวเข้าไปกอดร่างของมารดาไว้ พลางร้องไห้เบา ๆ อ้อมกอดของผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจที่เต็มไปด้วยความรักความผูกพันมากมายซึ่งเธอสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน
===========
ฤทธิ์ของยาช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากบาดแผลลึกฉกรรจ์นั้น
และจะทำให้เริ่มง่วงและหลับไปในที่สุด ซีนิธรีบทำแผลให้กับทุกคนเท่าที่จะทำได้
“มายนาลี่…เจ้าเป็นไงบ้าง…” เจ้าชายริกเกอร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ข้าไม่เป็นไร” เจ้าหญิงมายนาลี่ตอบอย่างอ่อนแรงเช่นกัน
เจ้าหญิงมายนาลี่มักตอบเช่นนี้เสมอ แม้ว่าเธอจะต้องทนทุกข์ทรมานสักแค่ไหนก็ตาม เธอจะอดทน และไม่เคยทำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ต้องเป็นห่วง หรือเสียกำลังใจแม้แต่น้อย เจ้าชายริกเกอร์รู้ดี
“มายนาลี่…ข้า…ขอบคุณเจ้ามาก สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่…เจ้าทำเพื่อข้า…มาตลอด…และอยากขอโทษเจ้า…ที่ไม่ได้อยู่ดูแลเจ้าให้ดีเหมือนที่เคยได้สัญญาไว้…”
น้ำตาเรื่อยระรินอาบแก้มเจ้าหญิงมายนาลี่
“ช่างมันเถอะ…ริกเกอร์…ทำใจให้สบายนะ”
จอมโจรริกเกอร์รู้สึกกลัววาระสุดท้ายของชีวิต และรู้ดีว่าร่างกายของเขาคงทนต่อไปได้ไม่นาน เวลาของเขากำลังหมดลง เขาคงไม่อาจขอต่อเวลากับมัจจุราชได้อีกแล้ว…
“ข้าจะอยู่ข้าง ๆ เจ้า ไม่หนีเจ้าไปไหน…อีกแล้ว” เจ้าหญิงมายนาลี่จับมือของเจ้าชายไว้แน่น
เจ้าชายริกเกอร์หลับตาลงเบา ๆ อย่างรู้สึกง่วง ตอนนี้เขาเหลือเพียงความรู้สึก สัมผัสจากมือของเธอที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและกำลังใจ
บุรุษผมเทายืนนิ่งเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยอาการสงบ สะท้อนใจกับความพลัดพราก หัวใจเต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าหมอง ครู่หนึ่งเจ้าชายนึกถึงเจ้าหญิงเฟรนลี่ เขารีบกวาดสายตาค้นหาเธอ แต่ไม่พบเจ้าของดวงตาสีเขียวสดใสนั้นเลย
คิ้วเข้มขมวดขมึงตึงขึ้นมาทันที!
“ซีนิธ…เจ้าเห็นเฟรนลี่รึเปล่า…” เจ้าชายรีบเข้าไปถามไถ่คนที่คิดว่าได้อยู่กับเธอเป็นครั้งสุดท้าย
ดวงตาสีเข้มคู่นั้นลุกโพรงขึ้นด้วยความตกใจอย่างนึกขึ้นได้
“ข้า…เห็นเฟรนลี่ครั้งสุดท้ายอยู่กับท่านพ่อ…เพราะข้ารีบไปช่วยแดนเทียน์ ” สีหน้าหมอหนุ่มแห่งค่ายริกเกอร์ครุ่นคิดอย่างหนัก
เจ้าชายผมเทานึกถึงเหตุการณ์หลังจากลำแสงสีเพลิงสงบลง
เขารีบวิ่งกลับมาดูทุกคนว่าปลอดภัยดีหรือไม่ แต่กลับไม่พบใครเลย เห็นขุนโจรวาร์เดอร์นอนเจ็บอยู่เพียงผู้เดียว เมื่อคนเจ็บชี้มือไป เขาไม่รอคำตอบ
รีบวิ่งตามไปทันที แต่ไปเจอซีนิธกำลังถูกไฟเทอร์บีบคออยู่
“แย่แล้ว!!”
เจ้าชายแรร์เน็สคิดว่า ขณะที่ทุกคนกำลังชุนลมุนกันอยู่นั้น ต้องมีคนจับตัวเธอไปอย่างแน่นอน เขายกมือตบบ่าซีนิธอย่างให้กำลังใจและไม่โทษว่าเป็นความผิดของเขาแต่อย่างใด
“เจ้าดูแลทางนี้เถอะ ข้าจะไปตามหาเฟรนลี่”
ซีนิธยื่นมือออกมาตรงหน้า เจ้าชายยื่นมือออกมาสัมผัสมือสหายหนุ่มเช่นกัน
“ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือพวกข้ามาตลอด ขอให้ท่านพบเฟรนลี่ในเร็ววัน เราคงได้พบกันอีก” ทั้งคู่ประสานสายตาแห่งมิตรภาพที่มีต่อกัน แล้วต่างเก็บความรู้สึกที่แสนดีเหล่านี้ประทับไว้ในหัวใจ
“แล้วพบกัน” เจ้าชายบีบมือหมอหนุ่มแน่นขึ้นก่อนคลายออก
แดนเทียน์ยกมือป้ายน้ำตาข้างแก้ม ก่อนโค้งคำนับให้เจ้าชายแรร์เน็ส เมื่อเจ้าชายหันมามองแทนการกล่าวคำอำลา
เจ้าชายผมเทาพยักหน้ารับ แล้วเดินหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็วราวพายุหิมะ
============
“เฟรนลี่!”
เจ้าชายแรร์เน็สพยายามส่งเสียงเรียกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ห่างกัน เมื่อเจ้าชายส่งเสียงเรียกเจ้าหญิง เธอจะต้องส่งเสียงตอบกลับมาเสมอ แม้จะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน กลับได้ยินเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน เหมือนสัมผัสรับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันได้ แต่ทว่า…ครั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าชายจะพยายามส่งเสียงเรียกเธอเท่าไหร่ กลับไม่มีเสียงตอบรับจากเธอเหมือนเคย
เมื่อเธอไม่ตอบเขาเช่นนี้ ทำให้เจ้าชายยิ่งร้อนรน กลัดกลุ้ม กระวนกระวายใจเป็นที่สุด เป็นห่วงกังวลใจเกี่ยวกับเธอมากขึ้น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ หัวสมองคิดไปต่าง ๆ นา ๆ คิดไปหลายด้าน คิด คิด คิดและคิด คิดจนสมองแทบระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ อุณภูมิความร้อนในร่างกายเริ่มสูงขึ้น เนื่องจากความเครียดของเส้นประสาทที่ขมึงตึง จนกลายเป็นไฟแห่งความโกรธ
โกรธ!!! เกลียด!!!
ใคร!! ที่เอาตัวเธอไป!!! จิตเต็มไปด้วยการทำลายล้าง
ความโกรธเกลียดมีมากขึ้นเรื่อย ๆ มากจนเจ้าชายไม่สามารถควบคุมมันได้ พลังเย็นในร่างกายเริ่มเคลื่อนไหว แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้การควบคุม ไร้ขีดจำกัด และพร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจุล
ต้นไม้น้อยใหญ่ที่เจ้าชายวิ่งผ่านหักโค่นล้มระเนระนาด ระเบิดแตกกระจุยเป็นเสี่ยง ๆ
============
ความคิดเห็น