ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหิมะ

    ลำดับตอนที่ #18 : ตายเหมือนไม่ตาย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 36
      0
      29 ก.ย. 60

    เจ้าชายหิมะ ตอนที่ 18

     

    เสียงโลหะดาบเนื้อดีปะทะกันบังเกิดประกายไฟวาบขึ้น!!  คมดาบที่หมายมุ่งตัดคอหมอหนุ่มหมุนเปลี่ยนวิถีไป  ซ้ำยังถูกถีบกระเด็นออกไปอีกต่างหาก   หัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายเซถลาถอยหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

    วาร์เดอร์!!“ 

     

    ไฟท์เทอร์โพล่งออกมา  เมื่อมองหน้าผู้ขัดขวางอย่างถนัดตา

     

    เจ้ากล้าขัดคำสั่งท่านริกเกอร์!!!” 

     

    สายตาคมกริบของหัวหน้าโจรฝ่ายขวามองนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

     

    ข้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ถ้าซีนิธเป็นอะไรไป”  น้ำเสียงราบเรียบนั้นปราศจากความหวาดหวั่นใด ทั้งสิ้น  เพราะไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับเขามากเกินไปกว่า  การมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยปราศจากคนที่เขารัก

     

    ท่านพ่อ!!”  ซีนิธอุทานอย่างไม่เชื่อสายตา  หัวใจอันเหนื่อยล้ามืดมนหนทางกลับรู้สึกมีแรงกำลังเต็มเปี่ยมขึ้นมาทันที

     

    แดนเทียน์รีบวิ่งเข้าไปประคองซีนิธให้ลุกขึ้น

     

    ทหารทั้งหมดที่ยืนรายล้อมขยับตัว!!  แต่หัวหน้ากบฎริกเกอร์ยกมือเป็นสัญญาณให้รอคำสั่ง  มหาโจรขบฟันกรามแน่น ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธยิ่งนัก  นึกไม่ถึงเช่นกันว่า  ทหารคนสนิท  คนที่เขาโปรดปรานที่สุด  และไว้ใจที่สุดจะกล้าทรยศเขาได้  แม้จะรู้สึกโกรธแค่ไหน  แต่ยังคงคุมอารมณ์ได้สงบนิ่ง  เขาจะต้องลงโทษคนที่กล้าหักหลังให้สาสมแน่  ที่สำคัญเขามีไพ่ใบสุดท้ายที่มั่นใจว่าจะควบคุมขุนโจรวาเดอร์ได้อย่างแน่นอน  เขาปล่อยให้หัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายและหัวหน้าโจรฝ่ายขวาปะทะฝีมือกัน

     

    ความใจร้อนและใช้แต่อารมณ์ทำให้ไฟท์เทอร์เป็นรองวาร์เดอร์อยู่มาก  หัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายไม่ชอบขี้หน้าอีกฝ่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ที่เป็นทั้งคนโปรดและคนสนิทของหัวหน้ากบฎริกเกอร์  ทั้งที่มาอยู่ทีหลัง  เป็นแค่เด็กถูกทิ้งไว้กลางป่า  แต่กลับได้รับความรัก  ความเอ็นดูจากมหาโจรมากกว่าใคร  แม้แต่เรื่องความรัก  โมเลนที่เขาแสนเสน่หาตั้งแต่ได้เจอเธอครั้งแรก  และพยายามออกปากขอกับหัวหน้ากบฎริกเกอร์ด้วยซ้ำ  แต่เธอกลับถูกยกให้เป็นของขวัญแก่วาร์เดอร์  หัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายรู้สึกตลอดเวลาว่า  ชายคนนี้เกิดมาเพื่อแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา   วันนี้จะไม่ยอมเสียอะไรไปอีกแล้ว  นี่เป็นโอกาสดีที่จะกำจัดหนามหยอกอกออกไปอย่างไม่ผิด   และเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดด้วย สำหรับสถานการณ์เช่นนี้

     

    ทั้งคู่ฟาดฟันดาบกันไฟแลบ  คล่องแคล่วว่องไวในการใช้อาวุธอย่างเชี่ยวชาญด้วยกันทั้งคู่  เสียงโลหะกระทบกันดังกังวาลก้องป่า  ไฟท์เทอร์บุกอย่างรวดเร็ว  ให้อีกฝ่ายเป็นได้แค่ฝ่ายตั้งรับ  ขณะที่กำลังพยายามออกแรงกดดาบลงบนดาบของวาร์เดอร์ด้วยพละกำลังมหาศาล  แต่ทว่าคู่ต่อสู้ยังคงใจเย็นและพละกำลังแข็งแกร่งไม่แพ้กัน  เมื่อได้จังหวะจึงพลิกดาบเบี่ยงตัวหลบ  ทำให้ไฟท์เทอร์เสียหลักเพราะกำลังที่โถมลงไปจนสุดกำลัง  ทำให้เซถลาล้มลงไม่เป็นท่า  วาร์เดอร์ไม่รอช้า  วาดปลายดาบไปหยุดที่คอหอยของหัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายอย่างรวดเร็ว

     

    เสียงทหารโจรที่ส่งเสียงเชียร์กันดังลั่นเงียบลงทันที 

     

    ครู่หนึ่งขุนโจรวาร์เดอร์จึงลดดาบลง  แม้จะมีโอกาสเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้  หรือฟาดฟันให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ  แต่เขาไม่ทำ  เพราะไม่อยากทำร้ายพวกเดียวกัน  แต่ทว่าหันหลังไป   กลับถูกไฟท์เทอร์ขัดขาให้ล้มลง  แล้วเหวี่ยงดาบฟันเข้ากลางลำตัวทันทีวาร์เดอร์พลิกตัวหลบได้ทันอย่างว่องไว  ยกดาบรับแรงปะทะที่ฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด

     

    หัวหน้าโจรฝ่ายขวา  พยายามดันดาบไปข้างหน้า  ในจังหวะเดียวกันนั้นยกขากระทุ้งท้องคนที่คล่อมอยู่ข้างบนแล้วถีบร่างนั้นออกไป  ดีดตัวลุกขึ้นมายืนอย่างว่องไว  พร้อมกับพุ่งดาบเข้าที่ลำตัวของหัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายทันที  เมื่อถูกลอบกัดเขาไม่อาจปราณีฝ่ายตรงข้ามได้อีก  ดาบพุ่งด้วยแรงแทงจนจมมิดเข้าไปในส่วนท้องของศัตรูถูกกระชากออกมา  แล้วแทงซ้ำเข้าที่เดิมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว 

     

    เลือดแดงข้นไหลเปรอะเปื้อนเครื่องแบบเต็มยศทหารของหัวหน้าโจรฝ่ายซ้าย  แววตาแห่งความโกรธแค้นชิงชังลุกโชนอยู่ในดวงตาอาฆาตคู่นั้น 

     

    หัวหน้าโจรฝ่ายขวากระชากดาบออกมา  พร้อมกับถีบร่างนั้นกระเด็นไปกองอยู่กับพื้นดิน  ไฟท์เทอร์ควรจะขาดใจตายคาที่  แต่ทว่าด้วยฤทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์ของเหล้าในพิธีเซค์ที่ได้ดื่มในวันทำพิธีนั้น  ทำให้เขาขยับตัวลุกขึ้นมาได้อีกอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    มหาโจรริกเกอร์เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา  ริมฝีปากนั้นขยับขมุบขมิบร่ายคาถามอบพลังภูตผีแก่ร่างของหัวหน้าโจรฝ่ายซ้าย

     

    ไฟท์เทอร์เดินรี่เข้าหาวาร์เดอร์ราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บใด   แม้เลือดจะยังไหลไม่หยุดก็ตาม   แววตาแข็งกระด้างราวกับถูกปิศาจร้ายสิงสู่  มองหัวหน้าโจรฝ่ายขวาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและฉีกร่างนั้นออกเป็นชิ้น  

     

    ไฟท์เทอร์ฟาดดาบลงมาปะทะ  วาร์เดอร์ยกดาบรับได้ทันท่วงที  สัมผัสด้วยความรู้สึก  พละกำลังของฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นหลายเท่าตัว  แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างเหลือเชื่อ  ขุนโจรวาร์เดอร์รีบพลิกตัวหลบ  ไม่ต้องการปะทะกำลังอย่างเต็มที่  เพราะรู้ดีว่า  ไม่อาจต้านทานพละกำลังของคนที่อยู่ตรงหน้าได้  เพราะเขาไม่ใช่ของคนธรรมดาอีกต่อไป  ได้จังหวะจึงฟาดศอกกระแทกเข้าที่หน้าอกของฝ่ายตรงข้าม  แต่มันกลับแข็งแกร่งราวกับกระแทกแท่นหินมากกว่าที่จะเป็นเนื้อหนังของมนุษย์  จังหวะนั้นเองไฟท์เทอร์ได้ทีจึงเหวี่ยงแขนมาฟาดเข้าที่ใบหน้าของคู่อริอย่างแรง  จนผงะหงายไปข้างหลังล้มลงกับพื้น  เลือดกลบปากไหลทะลักออกมาตามมุมริมฝีปาก 

     

    มหาโจรริกเกอร์จ้องมองการต่อสู้อย่างสะใจ  รอยยิ้มบาง อันเยือกเย็นแต้มอยู่ที่มุมปาก  เขาไม่จำเป็นต้องเสียกำลังทหารเลย  แค่ไฟท์เทอร์คนเดียวก็เกินพอ

     

    ซีนิธและแดนเทียน์เฝ้ามองการต่อสู้อย่างใจหายใจคว่ำ  ด้วยมองออกว่าสถานการณ์ช่วงหลังนี้วาร์เดอร์เป็นรองด้านพละกำลังอย่างเห็นได้ชัด  แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่า  แต่เขาและเธอเชื่อว่า  ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องมีจุดอ่อน  พยายามสังเกตเพื่อค้นหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม  ต้องหาเจอให้ได้

     

    ไม่ว่าไฟล์เทอร์จะถูกฟัน ถูกเตะต่อยกระทืบกระทุ้งกระแทกอย่างไร ก็ไร้ผล  ร่างนั้นแข็งแกร่งราวกับผีดิบคืนชีพ   แม้เลือดจะไหลออกตามบาดแผลต่าง ก็ตาม   แต่ทว่าก็เหมือนกับไร้ความรู้สึก  แถมยังถูกอีกฝ่ายรัวหมัดชกเอาจนจุกล้มกลิ้งไป  จึงพยายามไม่เข้าปะทะโดยตรง  แต่ก็ยังพลาดท่าจนได้  เมื่อไฟท์เทอร์ได้ทีจึงตามมากระทืบหน้าอกของคู่แค้นที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้น  สองมือประสานกันเงื้อดาบยกขึ้นสูง  ปลายดาบชี้ลงเบื้องล่างตั้งฉากกับพื้นดิน   ก่อนจะออกแรงแทงให้ลงตรงหัวใจของคู่อาฆาตพอดิบพอดีอย่างแม่นยำ

     

    ฉึก!!!” 

     

    เสียงคมดาบแทงเข้าไปในเนื้อแล้วถูกกระชากออกทันทีพร้อมกับเลือดสด แดงฉานที่ไหลทะลักออกมาเหมือนก๊อกแตก  แล้วยกดาบขึ้นสูงเตรียมแทงลงอีกครั้งอย่างไม่ยั้งมือ

     

    แคร์เซีย!!” 

     

    วาร์เดอร์โพล่งออกมาด้วยความตกใจ   เมื่อมองเห็นร่างของหญิงสาวที่พุ่งตัวเข้ามากอดเขาเอาไว้  เพื่อรับคมดาบแทน  มือรีบกวาดเศษดินขว้างใส่หน้าผีดิบร้ายทันที  ก่อนที่ดาบจะพุ่งลงมาที่ร่างบอบบางนั้นอีกครั้ง  รีบโอบร่างของเธอพากลิ้งหลบไป

     

    ไฟท์เทอร์กระแทกดาบลงสู่พื้นดิน  แล้วส่ายหัวดิก   เดินโซเซเปะปะไปมาอย่างเงอะงะ  แล้วแทงดาบลงดินไปมั่วอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง   เนื่องจากยังมองไม่เห็นเพราะขี้ดินเข้าตาทั้งสองข้างอย่างจัง

     

    ทันใดนั้น!!  ผึ้งรังใหญ่ใกล้ต้นไม้บริเวณที่เหล่าทหารโจรยืนรายล้อมอยู่  ต่างแตกหือบินกระจัดกระจายไปทั่วไล่ต่อยพลทหารโจรหนีกันอุตตลุดไม่เป็นขบวน  เนื่องจากแดนเทียน์ขว้างก้อนหินใส่รังผึ้ง  ซีนิธรีบขว้างระเบิดควันยาสลบให้กระจายไปในอากาศแล้วพาทุกคนหนีไปทันที

     

    ============== 

     

    ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นมองเจ้าหญิงเฟรนลี่ด้วยความห่วงใยราวกับจะถามไถ่ถึงอาการข้อเท้าพลิกว่ายังเจ็บอยู่ไหม  ขณะที่เจ้าชายแรร์เนสใช้มือประคบความร้อนให้ที่ข้อเท้า

     

    ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”  เจ้าหญิงตอบด้วยภาษาเรียน่าสำเนียงยังแปร่ง ๆ อยู่บ้าง  สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส   เหมือนไม่ต้องพูดก็รู้ความหมายของสายตาคู่นั้น  มองดูข้อเท้าตัวเอง  รอยเขียวช้ำเลือนหายไปเกือบหมดแล้ว  เพราะเจ้าชายใช้มือประคบความร้อนให้อยู่ทุกวัน

     

    ขอบใจนะ”  อดสงสัยไม่ได้ทำไมมือของเขาถึงสั่งให้ร้อนก็ได้  ให้เย็นก็ได้  แต่ก็ไม่รู้จะถามบุรุษตรงหน้าอย่างไรดี  ภาษาเรียน่าของเธออยู่ในระดับ แค่งู ๆ ปลา ๆ เท่านั้นเอง  เมื่อไหร่บีวาร์จะกลับมาเสียที  จะได้มาสอนต่อ  เจ้าหญิงได้แต่คิดกังวลอยู่ในใจ

     

    สีหน้าของเจ้าชายแรร์เน็สเข้มขึ้น  คิ้วเริ่มขมวด  สายตาคมมองตรงไปยังปากทางเข้าถ้ำ  ยกมือแตะแขนหญิงสาวเบา ให้ลุกขึ้นเตรียมพร้อมและระมัดระวังตัว หันไปพยักหน้ากับทหารผู้ติดตามให้เตรียมตัวเช่นกัน  เจ้าชายได้ยินเสียงคนกำลังเดินเข้ามาภายในถ้ำที่พักอยู่  เสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั้น  ต้องมีมากกว่าหนึ่งคน  สายตามองสำรวจไปมารอบถ้ำ  มันไม่มีทางออก  ไม่มีมุมที่จะหลบซ่อนตัวได้เลย  เจ้าชายผมเทากระชับดาบสีเงินในมือแน่นอย่างเตรียมพร้อม  เสียงฝีเท้านั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อย  

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่และเมแลนด์มองหน้ากันอย่างสงสัยว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น  พลางมองตามเจ้าชายผมเทาไปที่ปากถ้ำ 

     

    สักพักใหญ่จึงเริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินเข้ามา  ไม่นานจึงปรากฏร่างของผู้มาเยือน

     

    เสียงฝีเท้านั้นหยุดลง!!

     

    เจ้าชายแรร์เน็สกวาดสายตาสำรวจผู้มาเยือนทีละคนอย่างช้า   บุรุษหนุ่มท่าทางสง่าผึ่งผายอุ้มผู้หญิงที่น่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างมาก เลือดท่วมตัวแดงฉานไปหมด  เข้ามาด้วยสีหน้าวิตกกังวลอย่างยิ่ง  ชายหนุ่มที่เดินตามมาได้รับบาดเจ็บที่แขน  เดินกุมแขนเข้ามาโดยมีสาวน้อยคอยประคอง

     

    ต้องขอโทษทุกท่าน  เราไม่ได้มาร้าย  เรามีคนเจ็บหนักมาด้วย  ขอพักที่นี่ซักคืนได้ไหม…”  แดนเทียน์เอ่ยขึ้นก่อนใคร  พร้อมกับค้อมตัวลงต่ำ

     

    “ได้สิ” เจ้าหญิงเฟรนลี่มองหน้าหญิงสาวที่กำลังประคองชายหนุ่มหน้าคม เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน  จำได้แล้ว!!  เธอนั่นเอง  คนที่ถูกพวกโจรจับไปวันนั้น  พ่อแม่ของเธอถูกฆ่าตายหมด ภาพนั้นยังคงจำได้ติดตา  นี่เธอหนีรอดมาได้แล้วหรือคงถูกพวกโจรกำลังตามล่า  สมองคิดเดาเหตุการณ์ไปเรื่อยเปื่อย  แล้วขยับตัวจะเข้าไปช่วยเหลือ  แต่ถูกมือหนา ของเจ้าชายผมเทาดึงไว้

     

    คงไม่มีอะไรหรอก”  เจ้าหญิงมองหน้าเจ้าชายเชิงขอร้อง  เจ้าชายจึงยอมปล่อยมือ

     

    เมแลนด์คอยมองผู้มาเยือนอย่างระมัดระวังและเตรียมพร้อมเช่นกัน

     

    วาร์เดอร์ประคองแคร์เซียวางลงกับพื้น  เลือดแดงสดยังไหลซึมออกมาไม่ยอมหยุด  เสื้อผ้าและเนื้อตัวของเขามีแต่เลือดแดงเกรอะกรังไปหมด 

     

    ซีนิธมองเจ้าหญิงเฟรนลี่นิ่งอย่างตกตะลึง  ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบกันอีกครั้ง   เขายังจดจำรอยยิ้มแสนสดใส และดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นได้ติดตาเสมอ รู้สึกดีใจที่ได้พบกันอีก มองเลยไปยังบุรุษหน้าขรึมที่ยืนเข้มอยู่ข้างเจ้าหญิง  ครั้นนึกถึงตอนที่เขาตามเธอไปถึงกระท่อมร้าง  พอหญิงสาวเปิดประตูกระท่อมก็โผเข้ากอดใครคนหนึ่ง  แม้จะเห็นจากไกล แต่มองจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นชายหนุ่ม ชายผู้นั้นคือบุรุษผู้นี้งั้นหรือแถมแววตาของเจ้าของคนหน้าเคร่งขรึมช่างเป็นห่วงเป็นใยหญิงสาวดวงตาสีเขียวไม่น้อยเลย

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่ประสานสายตากับหมอหนุ่มนิ่งอย่างครุ่นคิด  เธอจำเขาได้เช่นกัน  เขาคือคนที่เธอเจอในป่าเคนาฟ

     

    หมอหนุ่ละสายตาจากเจ้าหญิงเฟรนลี่  แล้วรีบตามไปตรวจอาการบาดเจ็บของแคร์เซีย  รีบทำแผลห้ามเลือดอย่างเร่งด่วน  เมื่อตรวจดูบาดแผลแล้วน่าหนักใจไม่น้อย เพราะแผลลึก  กว้างและยาว  ซ้ำยังโดนอวัยวะสำคัญ  แถมยังเสียเลือดไปมาก  เขาทำได้แต่เพียงพันแผลห้ามเลือดไว้ และใส่ยาเท่าที่มีอยู่เท่านั้น

     

    ขุนโจรใหญ่จ้องมองผู้บาดเจ็บตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง

    เจ้าไม่น่าทำแบบนี้เลย  แคร์เซีย…”  วาร์เดอร์รู้สึกเสียใจอย่างมาก  ที่เธอต้องมาเจ็บแทนเขาอย่างนี้  พลางจับมือเธอไว้แน่น

     

    ข้าไม่เคยเสียใจเลย  และดีใจที่สุดที่เห็นท่านปลอดภัย…”  มองมือของบุรุษที่จับมือของเธอไว้ส่งผ่านความห่วงใยมาจากฝ่ามือนั้น  เธอไม่เคยมีโอกาสที่เขาจะยื่นมือมาจับมือเธอไว้แบบนี้  หากต้องตายไปก็ไม่เสียใจ

     

    ซีนิธลุกขึ้นปล่อยให้ทั้งคู่ได้คุยกันตามลำพัง  เขารู้ดีว่า คนเจ็บนั้นรู้สึกอย่างไรกับบิดาของเขา  อดปลายสายตามองหญิงสาวดวงตาสีมรกตไม่ได้

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่มองดูอาการของคนเจ็บแล้วอดเสียวไม่ได้ เมื่อเห็นบาดแผลกลึกฉกรรจ์  เลือดแดงฉานไปหมด  รู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง  เหมือนจะเป็นลมล้มพับไปจนเจ้าชายผมเทาต้องรีบเอื้อมมือมาช่วยประคองไว้  แล้วพาถอยห่างออกมา

     

    “เจ้าแพ้เลือดหรือเปล่า”  ท่านแม่ของเจ้าชายแห่งเรียวก็มีอาการแบบนี้เช่นกัน

     

    “ถ้าตอนนี้มีต้นเมิสซ์อยู่  เราคงจะช่วยพวกเขาได้”  น้ำเสียงของเจ้าหญิงนั้นเต็มไปด้วยความสงสารผู้บาดเจ็บจับใจ 

     

    เมแลนด์มองหน้านายหญิงตรงหน้า  ช่างมีแต่ความปรารถนาดีอยากช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เขาเองเป็นคนหนึ่งที่รอดมาได้เพราะเธอขอชีวิตเอาไว้

     

    “ข้าจะขอออกไปตามหาบีวาร์ และช่วยนำต้นเมิสซ์กลับมาให้จงได้”  อดีตนายทหารเรียวขออนุญาตเจ้าชายผมเทา

     

    “ข้างนอกมีโจรอยู่มากมาย เจ้าอาจเป็นอันตรายได้นะ”  บุรุษผมเทารู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของทหารผู้ติดตาม  คนเจ็บต้องถูกทำร้ายจากพวกโจรกบฏเป็นแน่

     

    “ข้าเอาตัวรอดได้  บีวาร์อาจจะเป็นอันตราย ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นกลับมา  ข้าจะระมัดระวังตัวให้มาก ขออย่าได้เป็นห่วง”  ผู้ติดตามจ้องหน้าเจ้าชายด้วยสายตามุ่งมั่น ก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้าหญิง

     

     

    “ข้าจะกลับมาพร้อมกับต้นเมิสซ์”

     

    “ขอบใจเจ้ามาก  ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัยนะ เมแลนด์”

     

    ===========

     

     

    แดนเทียร์เดินมานั่งข้าง ๆ บุตรชายหัวหน้าโจรใหญ่ มองบาดแผลที่ถูกผ้ามัดไว้อย่างลวก ๆ เพื่อห้ามเลือดก่อนหน้านี้ 

     

    “ข้าจะช่วยทำแผลให้เจ้าใหม่นะ” 

     

    เธอรู้สึกว่าชายหนุ่มเอาแต่จ้องมองหญิงสาวที่มีดวงตาสีเขียวสดใสคนนั้นเหลือเกิน

     

    โอ๊ย!!  จะฆ่าแกงกันหรือไง”  ซีนิธร้องเสียงดัง  เมื่อแดนเทียน์ใส่ยาและพันแผลที่ได้รับบาดเจ็บให้อย่างแรง  เธอหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่จ้องมองเจ้าหญิงเฟรนลี่ไม่วางตา

     

    ขอโทษนะ  นึกว่าไม่เจ็บ  มีคนที่เขาเจ็บกว่าเจ้าอีก”  แดนเทียน์สะบัดเสียง  แล้วเดินไปดูแคร์เซีย 

     

    ซีนิธรีบลุกขึ้นเดินไปหาคนเจ็บเมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อของเขาออกมา

     

    แคร์เซียท่านเป็นไงบ้าง”  ซีนิธถามอย่างห่วงใย พลางย่อตัวลงนั่งอยู่ใกล้ ๆ

    ซีนิธ…”  เสียงแคร์เซียแผ่วเบา  “ข้าไม่อาจอยู่ดูแลเจ้าได้อีกแล้ว…”

     

    ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย”  ซีนิธจับมือคนที่เขารักราวกับเป็นแม่คนที่สองไว้แน่น  รู้สึกใจหาย  ใจคอไม่ดีเอาเสียเลย  แม้เขาอาจเคยเห็นคนตายมาไม่น้อย  แต่หากคนที่ตายเป็นคนใกล้ชิด  เป็นคนที่เขารัก  คงยากที่จะทำใจยอมรับได้

     

    ข้ารู้ตัวดีเวลาของข้าเหลือน้อยลงทุกที  ก่อนที่ข้าจะตาย  ข้ามีเรื่องอยากสารภาพต่อท่านวาร์เดอร์และเจ้าด้วย  ไม่งั้นข้าคงตายตาไม่หลับแน่ให้ข้าได้พูดเถอะนะ”  แล้วหันแววตาเศร้าที่เต็มด้วยน้ำตาคลอหน่วยไปทางขุนโจรวาร์เดอร์

     

    ข้ารู้สึกผิดต่อท่านมาก  ข้าจะไม่เสียใจ  แม้ท่านจะไม่ยอมอภัยให้กับข้าก็ตาม

     

    วาร์เดอร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่  พลางมองหน้าบุตรชายคนเดียว มันหมายความว่ายังไง?

     

    วันนั้น…………”   แคร์เซียพยายามรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อน

     

     

    แดดสีทองสาดส่องเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยม  ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากการหลับไหล  สองสามปีมานี้ เธอป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด  แต่วันนี้กลับรู้สึกดีขึ้นมาก   ลุกขึ้นจากเตียง   มองแก้วยาสมุนไพรที่ยังอยู่เต็มแก้ว ไม่ได้พร่องไปแม้แต่น้อยวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง  ยกแก้วนั้นไปเทใส่กระถางต้นไม้ประดับริมหน้าต่าง  เธอเบื่อเหลือเกินที่ต้องกินยาพวกนี้มาตลอด  หกเจ็ดวันมานี้จึงแอบเทยาทิ้ง   มองต้นไม้ประดับในกระถาง  ดูเหี่ยวเฉาชอบกล  เพิ่งสังเกตเห็นว่าใบเริ่มหงิกงอกลายเป็นสีเหลืองราวกับกำลังจะตาย  นึกแปลกใจ

     

    เจ้าคงไม่ชอบกินยานี้เหมือนกันสินะ

     

    แดดใส   โอบกอดเธอไว้อย่างอบอุ่นและอ่อนโยน  ภายใต้ท้องฟ้าสีครามของยามเช้า  สายลมพัดพริ้ว  กิ่งไม้ใบไม้โบกสะบัดแกว่งไกวไปมาเป็นเพลงใบไม้  บรรยากาศสดชื่น  งดงามเหลือเกินทำให้อยากออกไปเดินเล่น  จึงเดินไปที่ประตูห้อง  หญิงสาวชะงักทันที! เมื่อประตูเปิดออก  บุรุษผู้เป็นเจ้าของบ้านยืนนิ่งรออยู่ก่อนแล้ว

     

    เจ้าจะไปไหน  โมเลน”  วาร์เดอร์เอ่ยถามด้วยเสียงเอื้ออาทรอย่างเคย

     

    ข้า…”  แววตาสีเข้มของบุรุษหนุ่มตรงหน้ามองเธอนิ่งงันคู่นั้น ทำให้รู้สึกประหม่าจนเกือบพูดไม่ออก

     

    ข้าอยากออกไปเดินเล่น  นอนมาหลายวันแล้ว สองสามวันที่ผ่านมา  ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก  วันนี้หายแล้วล่ะ”  คนป่วยอธิบายอย่างกล้า ๆ กลัว ว่าเขาจะไม่ให้ไป  หลุบสายตาลงต่ำเหมือนเคย  ไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม  กลัวเขาจะรู้ความในใจที่ต้องเก็บซ่อนไว้มาตลอด  ด้วยความรู้สึกผิดเป็นกำแพงกั้นระหว่างความรักของเขาและเธอ

     

    เขามองใบหน้าหญิงสาวดูมีสีเลือดต่างจากวันก่อน ๆ ที่ดูซีดเซียว  วันนี้เธอดูแจ่มใสกว่าทุกวัน

     

    ให้ข้าไปนะ  วาร์เดอร์”  เธอพยายามอ้อนวอน

     

    ได้…”

     

    คนฟังยิ้มแก้มปริด้วยความดีใจ

     

    แต่…”  ขุนโจรหนุ่มหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อย   สีหน้าคนฟังพลางหมองหม่นลงไปด้วย  รอยยิ้มแย้มบนใบหน้าจางลงทันที

     

    ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า

     

    โมเลนอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง  อยากจะปฏิเสธความห่วงใยของเขาเหมือนทุกครั้ง  แต่กลับพูดไม่ออก  มันติดอยู่ที่ริมฝีปาก  สิบห้าปีที่ผ่านมา  พยายามไม่ไปไหนกับเขาสองต่อสอง  ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิด  แม้ว่าจะทำชาเฉยกับเขาเพียงไร  บุรุษผู้นี้ยังดีกับเธอเสมอ  คอยดูแล  เป็นห่วงเป็นใยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

     

    ไปกันเถอะ  เดี๋ยวแดดจะแรง”  วาร์เดอร์ไม่รอให้อีกฝ่ายรับคำ

     

    ท่านพ่อ  ท่านแม่จะไปไหนกันคับ”  บุตรชายตัวน้อยวิ่งมาถามเสียงใสแจ๋ว  อดแปลกใจไม่ได้  เพราะน้อยมากที่จะเห็นท่านพ่อกับท่านแม่ของตัวเอง  เดินไปไหนด้วยกันซักครั้ง   เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อกับแม่โกรธกันเรื่องอะไร  ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นคนทั้งสองแสดงความรักกันเหมือนพ่อแม่คู่อื่น เลย  แถมยังไม่นอนห้องเดียวกันอีกต่างหาก   ได้แต่เก็บความสงสัยอยู่อย่างนั้น  ไม่กล้าถาม  เพราะแค่กำลังจะอ้าปากถาม  พอเห็นสีหน้าของมารดาทำหน้าไม่สบายใจ  เขาก็ไม่อยากถามถึงอีก

     

    ไปกับแม่นะ  ซีนิธ”   มารดาเอ่ยชวนด้วยความรัก  พลางย่อตัวลงโอบเอวบุตรชายตัวน้อยวัยสิบขวบไว้  ที่สำคัญอยากให้เจ้าลูกชายไปช่วยกันระหว่างที่เธอต้องอยู่ตามลำพังกับเขาสองต่อสอง

     

    เด็กชายมองหน้าบิดา  เพราะทุกครั้ง  ถ้าเขาไม่ไปด้วย  แม่ก็จะไม่ยอมไปไหนกับพ่อเลย  แต่ครั้งนี้มองเห็นบิดาทำสัญญาณส่ายหน้าน้อย    อยู่ข้างหลังมารดา   ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

     

    ขอโทษนะคับ  ท่านแม่  ข้าอยากไปมากเลย  แต่เดี๋ยวต้องไปรดน้ำต้นไม้ที่ข้าปลูกไว้ก่อนคับ  เดี๋ยวมันเฉา  ท่านแม่ไปกับท่านพ่อก็แล้วกัน  แล้วถ้าข้ารดน้ำต้นไม้เสร็จจะตามไปนะคับ”  ซีนิธทำเสียงออดเสียงอ้อนแม่

     

    วาร์เดอร์แอบยกนิ้วโป้งให้ลูกชาย   แล้วย่อตัวลงยกมือลูบศีรษะลูกชายคนเดียวอย่างเอ็นดู

     

     “เจ้าอย่าลืมตามไปนะมองลูกชายแล้วยิ้ม  อย่างรู้กันสองคนว่าที่แท้จริงหมายความว่าอย่างไร

     

    คับ”  บุตรชายฉีกยิ้มแป้น

     

    ท่านแม่ข้ารักท่านที่สุดเลย”  พลางเข้าไปหอมแก้มมารดาอย่างประจบ

     

    แม่ก็รักเจ้าที่สุดนะ”  แล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มลูกชายสุดที่รัก  แต่ลูกชายตัวดีดันหลบ  ทำให้เธอหอมแก้มวาร์เดอร์ที่อยู่ใกล้แทน  หญิงสาวรีบเบือนหน้าออกจากแก้มของบุรุษหนุ่มทันที  อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก

     

    หัวหน้าโจรใหญ่ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในความฉลาดของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

     

    ท่านแม่ข้าไปก่อนนะ”  แล้วรีบผละออกจากอ้อมกอดของมารดา  วิ่งหนีไปทันที

     

    ซีนิธ!!  กลับมาก่อนนะ!!”  มารดาตะโกนเรียกเสียงเขียว  แก้มสีชมพูดของเธอเริ่มแดงระเรื่อเมื่อดันไปหอมแก้มผิดคน   ตีสีหน้าไม่ถูกไม่รู้จะวางสีหน้าอย่างไรดี 

     

    วาร์เดอร์ได้แต่มองหญิงสาวแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข

     

    ร้ายนะลูกชายท่านเนี่ย!!”  เธออดค้อนตาเขียวใส่ขุนโจรหนุ่มไม่ได้  ที่สำคัญเพื่อกลบเกลื่อนความอาย  หน้ามันร้อนผ่าวและชาไปหมด

     

    ไปกันเถอะ  โมเลน  ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้าดูนะ”  หัวหน้าโจรฝ่ายขวาฉวยมือเธอไปอย่างไม่ขออนุญาต

     

    ถึงวันนี้  ความโกรธ  เกลียดในใจได้มลายหายไปหมดสิ้นแล้ว  กลับกลายเป็นความรักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจรู้ได้    แม้เธอเองจะพยายามเข้มแข็ง  ต่อสู้กับความต้องการส่วนลึกของหัวใจมาตลอด  แต่ความเข้มแข็งในใจไม่อาจต้านทานกระแสธารแห่งรักของเขา  ที่คอยกัดเซาะหัวใจเธอมาตลอด  จนกำแพงหนาแน่นค่อย พังทะลายไปทีละน้อย

     

    ชายหนุ่มเดินเคียงข้างหญิงสาวพาชมนกชมไม้ไปจนถึงสวนแห่งหนึ่ง  ที่ตระการตาไปด้วยดอกไม้สีเหลืองสดใสสูงระดับเอวยาวเป็นแนวอร่ามตาเต็มไปหมด

     

    ข้าปลูกสวนดอกไม้นี้เพื่อเจ้า…  เพราะรู้ว่าเจ้าชอบ  เพื่อเป็นของขวัญในวันที่เจ้าหายป่วย  ข้าอธิษฐานต่อดวงดาวทุกวัน  ขอให้เจ้าหายวันหายคืน”  เขาหันมาสบตาคนที่ยืนอยู่ข้าง อย่างมีความหมายลึกซึ้ง 

     

    โมเลนหลบสายตาขุนโจรหนุ่ม  เฉมองไปลานดอกไม้ตรงหน้าแทน

     

    ท่านปลูกเองหมดนี่เลยเหรอ”   เธอกวาดสายตามองทุ่งดอกไม้สีเหลืองที่มีอาณาเขตไม่น้อยทีเดียว  มองด้วยสายตาแล้วต้องมีมากกว่าพันดอก  เขาต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะปลูกดอกไม้ได้มากมายขนาดนี้  ที่สำคัญดอกไม้ชนิดนี้  ไม่ได้ขึ้นได้ง่าย หรือปลูกง่าย  เลย  ต้องการความรัก  การเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิดกว่าดอกไม้ชนิดอื่น  แต่เขากลับปลูกได้งดงามทุกดอก  เสมือนเป็นดอกไม้แห่งความรักที่เขามีต่อเธอ

     

    ขุนโจรวาร์เดอร์จ้องมองใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า  ดอกไม้สีเหลืองสดใสว่างามนักหนาแล้ว  ยังไม่อาจสู้ความงามของเธอได้เลย   ลมพัดผมเธอพริ้วไปตามสายลม 

     

    เพื่อเจ้าข้าอยากทำให้เจ้ามีความสุข”  ขุนโจรหนุ่มจับมือหญิงสาวมากุมไว้เบา   สายตามองคนที่อยู่ตรงหน้าเต็มเปี่ยมด้วยความรัก  รอยยิ้มแสนมีความสุขของเธอเวลามองดูดอกไม้  ช่างงดงาม  นั่นคือของขวัญอันวิเศษสุดสำหรับเขาแล้ว

     

    หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว  เมื่อชายหนุ่มจับมือเธอไว้  แม้จะอยู่ด้วยกันมานานถึงสิบห้าปี  แต่ยังรู้สึกหวั่นไหวหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่เขาเข้ามาอยู่ใกล้  อยากจะเดินหนีไปเหมือนทุกครั้ง  แต่ทำไมมันก้าวขาไม่ออกเอาเสียเลย  ราวกับถูกเขาสะกดไว้ไม่ให้หนีไปไหนอีกแล้ว

     

    ขอบคุณท่านมาก  วาร์เดอร์….สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำเพื่อข้ามาตลอด

     

    หัวหน้าโจรฝ่ายขวายิ้มอย่างมีความสุข   เธอจ้องมองเขาเต็มสองตาเป็นครั้งแรก  ไม่เคยกล้ามองเขาตรง อย่างวันนี้มาก่อน    เพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มอันหล่อเหลาของเขาอย่างใกล้ชิดขนาดนี้    เป็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นและอ่อนโยน  ไม่แปลกใจเลย  ทำไมบรรดาสาว ในค่ายโจรถึงได้พากันสนใจและตกหลุมรักขุนโจรหนุ่มผู้นี้

     

    ที่สำคัญไม่เคยคิดว่า  โจรอย่างเขาจะรักใครจริงจังได้  คิดมาตลอดว่า  ผู้หญิงก็เป็นแค่ของเล่นของผู้ชายที่อยากเชยชมก็มาหาเท่านั้น   แต่บุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอหาเป็นเช่นนั้นไม่   เขาไม่เคยมีใครนอกจากเธอคนเดียว  แม้จะมีหญิงสาวมากมายมาหลงรัก  มาให้ท่า  ตามติดตามตื๊อแค่ไหนก็ตาม   เขายังมั่นคงต่อเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น   ถึงเธอจะทำเป็นไม่สนใจ  ไม่ใยดีกับเขาเลย  แต่เขาก็ยังให้เกียรติ  และดีกับเธอเสมอ ไม่เคยขืนใจเธอแม้แต่น้อย  โมเลนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่มีชายผู้นี้เคียงข้างคอยปกป้องคุ้มครองมาตลอด  ถ้าไม่มีเขา  ไม่รู้ชีวิตของเธอจะเป็นเช่นไร  หญิงสาวปล่อยความคิดให้โลดแล่นไปกับอดีตที่ผ่านมา  

     

    ไม่รู้ว่าจ้องมองเขานานเท่าไหร่   รู้สึกตัวอีกที  ใบหน้าคมของชายหนุ่มโน้มเข้ามาใกล้            จนเธอตั้งตัวไม่ทัน  และช้าเกินกว่าที่จะหลบเลี่ยงได้  ริมฝีปากอุ่นของเขาแตะสัมผัสริมฝีปากของเธอแผ่วเบา  ราวกับกำลังจุมพิตกลีบกุหลาบอันบอบบางอย่างกลัวจะบอบช้ำ  เธอพยายามมีสติที่จะไม่อ่อนไหวกับสัมผัสอันอ่อนโยนนั้น  แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน   โดยเฉพาะเขาเป็นคนที่เธอรัก  ที่ผ่านมาจึงพยายามไม่ไปไหนกับเขาตามลำพัง  เพราะกลัวเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น  และเธออาจไม่เข้มแข็งพอเหมือนตอนนี้

     

    อยากปล่อยความรู้สึกให้ทำอะไรตามใจตัวเอง  ตามที่หัวใจปรารถนา  แต่ทว่าพลันภาพพ่อแม่ของเธอ  และคนในครอบครัว  ถูกพวกโจรฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา  กลับปรากฏชัดขึ้นในหัวสมอง  ด้วยความรู้สึกผิดต่อพ่อแม่  จึงปฏิเสธความรักของเขามาตลอด  ที่ผ่านมาต้องคอยเก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้ภายใน   พยายามหนีความรู้สึกของตัวเอง  แต่เหมือนยิ่งวิ่งหนีออกไปเท่าไหร่  กลับยิ่งหนีไม่พ้น  กลับรู้สึกรักเขามากกว่าเดิม  เพราะเขาไม่เคยหยุดทำสิ่งดีดีให้กับเธอเลย   ความรู้สึกผิดเหมือนคมมีดที่คอยกรีดตรงหัวใจ  ที่คอยทำร้ายหัวใจตัวเองและทำร้ายหัวใจของเขาให้ต้องทนทุกข์ทรมาน  มันทำให้เจ็บปวด  เพราะเธอไม่อาจมีความสุขอยู่กับคนที่ร่วมกันฆ่าพ่อแม่ของเธอได้

     

     “ท่านพ่อท่านแม่ข้าขอโทษ…”     เธอต้องต่อสู้กับความต้องการส่วนลึกของตัวเอง  ต่อสู้กับจิตสำนึกที่รู้สึกผิดที่มันขัดแย้งกันอยู่ข้างใน  ต้องต่อสู้กับความรู้สึกของเขา  ว่าต้องทำให้เขาเจ็บปวดแค่ไหน  ความกดดันและบีบคั้นตัวเอง  กลั่นเป็นหยดน้ำตาไหลริน

     

    หยดน้ำตาเรื่อยรินอาบแก้มนวลหยดลงกระทบท่อนแขนของชายหนุ่ม 

     

    เจ้าร้องไห้ข้าข้า..ขอโทษข้า…”  วาร์เดอร์เงยหน้ามองคนที่เขาแสนรัก  รู้สึกผิดที่เผลอใจทำตามความต้องการตามอารมณ์ของตัวเองล่วงเกินหญิงสาว

     

    ขุนโจรหนุ่มบรรจงเช็ดหยาดน้ำตาข้างแก้มใสอย่างเบามือ

     

    ได้โปรดวาร์เดอร์อย่าแตะต้องตัวข้าอีกเลยอย่าทำดีกับข้าอีกเลย…”  โมเลนเบือนหน้าหนีจากฝ่ามืออันแสนอบอุ่นของชายหนุ่ม แม้จะพูดออกไปอย่างนั้น  แต่หัวใจตัวเองกลับรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินเช่นกัน

     

    ทำไม!”  สีหน้าหัวหน้าโจรฝ่ายขวาเข้มขึ้นทันที

     

    วาร์เดอร์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง  ไม่เข้าใจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาเลย  อยู่ด้วยกันมานานถึงสิบห้าปี  เขายังรักเธอไม่พออีกหรือ?  ถึงไม่ยอมใจอ่อนเสียที

     

    ข้าทำอะไรผิด  โมเลนได้โปรดบอกข้า…”  เขาจับต้นแขนเธอบีบแรงขึ้นอย่างลืมตัว

     

    หญิงสาวยืนนิ่ง   น้ำตาพาลไหลออกมาไม่หยุด

     

    เพราะอะไร!!  เจ้าบอกมาสิ!!  ทำไม! ทำไม! ทำไมสิบกว่าปีมานี้พิสูจน์ความรักของข้าที่มีต่อเจ้าไม่ได้หรือ?” สองมือเขย่าร่างของเธอแรงขึ้นอย่างไม่เข้าใจ   เขาทนไม่ได้อีกแล้ว  ที่จะต้องทนเป็นเช่นนี้ต่อไป 

     

    ข้ารักเจ้านะ  โมเลน”   แล้วดึงเธอเข้ามาสวมกอดไว้แน่น

     

    ได้โปรดปล่อยข้าวาร์เดอร์…”  เธอพูดพลางสะอื้นไห้จนตัวสั่นเทาไปหมด  เธอไม่อยากบอกเหตุผลที่แท้จริง  กลัวเขาจะเสียใจมากกว่านี้

     

    ไม่จนกว่าเจ้าจะบอกเหตุผล  หรือว่าเจ้าไม่เคยรักข้าเลยโมเลน…”  เสียงของเขาแผ่วลง  เหือดหายไปในลำคอในประโยคสุดท้าย  ที่ระคนความรู้สึกผิดหวัง   ขุนโจรหนุ่มรู้สึกสับสน  เพราะทุกครั้งที่เขาเจ็บป่วย  หรือได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้   หากเธอไม่มีใจให้กับเขาเลย   ทำไมดูเป็นห่วงเป็นใยเขาเหลือเกิน  แม้จะไม่ยอมแสดงออกตรง   แต่เขาก็รับรู้  และสัมผัสได้  ว่าหญิงสาวนั้นคอยเป็นห่วงกังวลใจ  คอยดูแลเอาใจใส่เขาตลอดเวลา

     

    โมเลนมองเห็นความร้าวรานในแววตาสีเข้มคู่นั้น  นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ  มีน้ำใสคลอปริ่มอยู่  เธอไม่เคยเห็นเขาเสียความรู้สึกมากมายเท่าครั้งนี้  ได้แต่บอกเขาด้วยสายตา  ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลย

     

    เจ้ารังเกียจข้า!!   เพราะข้ามันไม่คู่ควรกับเจ้า  เพราะข้ามันต่ำทราม  เพราะข้ามันเลว   มันชั่วช้ามากใช่มั้ย?”  เขาเริ่มตะโกนเสียงดังขึ้นเรื่อย จนน้ำเสียงแหบและแตกพร่า

     

    ไม่ใช่ทั้งนั้น!!  ไม่ใช่!!” 

     

    เธอโพล่งออกมาอย่างเหลืออด  รู้สึกบีบคั้นหัวใจเหลือเกินที่เขาต่อว่าตัวเองอย่างนั้น 

     

    งั้นมันเพราะอะไร!!  บอกข้าสิบอกข้าเจ้าต้องบอกข้าบอกข้าเดี๋ยวนี้!!”  น้ำเสียงเขาเน้นย้ำ  ครั้งแล้วครั้งเล่า  เค้นให้เธอพูดออกมาให้ได้

     

     “เพราะเจ้าเป็นโจร!!  โจรที่เที่ยวฆ่าคน  ปล้นเขากิน  เป็นคนที่ร่วมกันฆ่าพ่อแม่และครอบครัวของข้า  จะให้ข้ารักเจ้าได้ยังไง  ข้าทำไม่ได้!!”  ในที่สุดเธอก็หลุดปากพูดออกไป

     

    มือแข็งแรงที่บีบต้นแขนหญิงสาวไว้แน่นคลายลง  ทิ้งลงข้างลำตัวอย่างหมดอะไรตายอยาก  เดินถอยหลังช้า ราวกับจะหมดเรี่ยวแรง  เขาอึ้งไปกับคำตอบที่ได้ยิน   ที่สำคัญมันแทงใจดำเขาเหลือเกิน  เพราะรู้สึกผิดและเสียใจมาตลอด   อยากจะตะโกนบอกว่าเขาไม่ใช่โจร!!  ไม่ใช่!! ไม่ใช่!!  แต่ไม่อาจปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้เลย   เขาก็คือโจรโจรโจรวันยังค่ำ!!   ยิ่งได้ฟังจากปากคนที่เขารัก  มันยิ่งตอกย้ำทำให้เสียใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ

     

    วาร์เดอร์….”   เธอเห็นสีหน้าถอดสีของเขาแล้วรู้สึกใจหาย  เธอไม่ควรพูดออกไปอย่างนั้น

     

    ข้าผิดมากใช่ไหมโมเลน….ข้าผิดมากที่เกิดมาเป็นโจร   เป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการ  เอามาทิ้งไว้กลางป่า  ข้าผิดมากใช่มั้ย!!  ใช่มั้ย!!”  เขาทรุดตัวลงกับพื้นดิน  กำหมัดชกดินครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติ

     

    ทำไม!!  ข้าไม่ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด  ทำไม!! ทำไม!! ทำไม!!  ข้าผิดมากเหรอ  ที่รักเจ้า!!”

     

    หรือเป็นเวรกรรมที่ตามสนองเขาในชาตินี้  บาปกรรมที่เคยปล้น  ฆ่า  ชิงทรัพย์  ทำให้หลายครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด  ต้องพลัดพรากจากกัน  ทำให้เขาต้องพบกับชะตากรรมเช่นนี้

     

    โมเลนรู้สึกตกใจที่เขาเอาแต่ชกดินเหมือนคนบ้า   ไม่เคยเห็นเขาโกรธ  หรือเสียใจเท่านี้เลย  ใจหนึ่งรู้สึกกลัวเขา  แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกสงสารเขาเหลือเกิน  เธอจะปล่อยให้เขาเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้

     

    วาร์เดอร์!!  อย่าทำอย่างนี้!!” พลางเข้าไปกอดเขาเอาไว้แน่น  รู้สึกสะเทือนใจอย่างแรง  น้ำตาพาลไหลออกมาไม่ขาดสาย

     

    อย่าทำแบบนี้!!  หยุดนะหยุดข้าขอร้อง”  เธอพยายามตะโกนแข่งกับเสียงตะโกนของเขา

     

    ไม่ต้องมาสงสารข้า!”   เขาพยายามจะผละเธอออกไป

     

    ไม่!!  วาร์เดอร์ข้าขอโทษเจ้าอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยได้โปรด…”

     

    ไม่ต้องมาสนใจข้าปล่อยข้า!!  ข้ามันไม่คู่ควรกับเจ้า!  ข้ามันเป็นได้แค่โจรที่ต่ำช้า

     

    วาร์เดอร์ข้ารักเจ้า

     

    โมเลนโพล่งบอกความในใจกับเขาไปในที่สุด

     

    ทันทีที่สิ้นประโยคนั้น  ขุนโจรหนุ่มกลับหยุดนิ่งราวกับถูกกดปุ่มรีโมท์ให้หยุดการเคลื่อนไหว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×