ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหิมะ

    ลำดับตอนที่ #14 : จุดอ่อนของพลังเย็น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 99
      0
      8 เม.ย. 59


    สายน้ำไหลเอื่อยระเรื่อยรินไปตามลำธาร มีความสูงแค่ระดับหน้าแข้งเท่านั้น และใสจนมองเห็นหินใหญ่น้อยด้านล่าง  หรือแม้แต่ตะไคร่น้ำ  ปลาน้อยตัวจิ๋วกำลังว่ายทวนน้ำอยู่ด้วยความเพียรพยายาม   ใบไม้  ดอกไม้ปลิดปลิวล่วงหล่นจากต้น  ล่องลอยไปตามลำน้ำ  บรรยากาศยามบ่ายคล้อยไม่ร้อนจนเกินไปนัก  เพราะได้ร่มไม้จากทิวป่าสองข้างทาง  และไอความเย็นของลำธารใส  ซีนิธเลือกเดินทางด้วยการลัดเลาะไปตามลำธาร  เพื่อให้รอดพ้นปลอดภัยจากสมุนโจรที่ตอนนี้คงออกตรวจตรากันอย่างเข้มงวด

     

    แดนเทียน์มองบุตรชายหัวหน้าโจรฝ่ายขวาที่เอาแต่ลุยน้ำ เดินนำลิ่วอยู่เบื้องหน้าโดยไม่หันมามอง  หรือสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย  ตั้งแต่ออกเดินทางมา  ชายหนุ่มยังไม่พูดกับเธอซักคำ   เดินมานานจนรู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งอ่อนเพลีย  ยิ่งเขาทำไม่สนใจใยดีอย่างนี้  ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระให้เขาเสียเหลือเกิน  คิดในใจว่าซีนิธคงโกรธที่โดนเธอตบหน้า แถมต่อว่าต่อขานเขามากมาย  เด็กสาวเพิ่งคิดออกว่าต้องเป็นเขาที่ให้พลังชีวิตกับเธอ ไม่งั้นชีวิตและลมหายใจที่มีอยู่คงจะสลายไปนานแล้ว  เธอพยายามไตร่ตรองว่า หมอหนุ่มทำอะไรเธอมากกว่านั้นหรือไม่  เสื้อผ้าของเธอก็ปกติดี  ก็แล้วทำไมเขาต้องมานอนทับตัวเธอด้วย  เธอไม่เข้าใจ  สาวน้อยพยายามลำดับเหตุการณ์  และทบทวนถึงสาเหตุของการกระทำของชายหนุ่ม  มีแต่เธอที่เอาแต่โวยวาย  แล้วก็...หันหน้าไปชนกับ...หน้าของเขาเอง คิดแล้วยังเคืองตัวเองไม่หาย

     

    หญิงสาวหยุดพักเหนื่อยนั่งบนก้อนหินใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างลำธาร  โดยไม่ได้ขออนุญาตคนที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว  มองสายน้ำที่ไหลไป  เสียงน้ำเพราะเหมือนเสียงดนตรี   ปลาตัวน้อยยังคงแหวกว่ายทวนกระแสน้ำอยู่   ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวสมอง  เธอไม่อยากอยู่ใต้การดูแลของเขาอีกต่อไปแล้ว  เด็กสาวอย่างเธอก็เติบโตมากับป่าเหมือนกัน  ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาชายผู้นี้เลย   แต่ยังคิดไม่ถึงไหน  เสียงห้วน   ก็ดังขึ้นข้างตัว

     

    เจ้าหยุดเดินทำไม  แล้วทำไมไม่บอกข้าก่อน

     

    ก็เจ้าเล่นเดินลิ่ว  ไปอย่างนั้น  คิดว่ามีข้าเดินมากับเจ้าอยู่หรือเปล่า  เด็กสาวเถียงเสียงแข็ง  ความรู้สึกผิดเมื่อครู่หายกระเจิดกระเจิงไปจนหมดสิ้น  เมื่อได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดจากชายหนุ่ม

     

    ออกเดินทางต่อได้แล้ว  อย่ามัวโอ้เอ้  ไม่ได้ให้มานั่งชมนกชมไม้นะ  หรือว่าอยากโดนท่านริกเกอร์จับตัวไปดูดพลังอีก  พูดจบคนพูดก็เดินนำหน้าไปทันที  ทิ้งให้เด็กสาวต้องรีบลุกขึ้นกระวีกระวาดเดินตามไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง

     

    เสียงน้ำแตกกระจายอย่างดัง   ทำให้ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าต้องหันไปมองคนที่เดินตามหลัง   เห็นเธอหกล้มคะมำอยู่ในน้ำ  เข่าคงกระแทกกับหินใต้น้ำเข้าแล้ว  สีหน้านั้นบ่งบอกว่าคงเจ็บไม่น้อยเลย  ซีนิธเดินเข้าไปหา  พลางส่งมือให้เธอจับเพื่อพยุงตัวเองลุกขึ้น   แต่กลับเจอค้อนวงใหญ่จากสายตาสาวน้อยแทน  แดนเทียน์พยายามลุกขึ้นด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา  ด้วยอาการประชดประชัน   ทำให้ขาดการระมัดระวังเท่าที่ควร  จึงเซลื่นหงายหลัง  ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองไว้ได้ทันก่อนที่สาวเจ้าอารมณ์จะลงไปก้นกระแทกหินเปียกโชกอีกครั้ง

     

    ไม่ต้องเรียกร้องความสนใจจากข้าด้วยวิธีนี้ก็ได้น่า…”  ซีนิธยิ้มแกล้งยั่วโมโห   มองหญิงสาวซึ่งหงายหลังอยู่ในวงแขน  ก่อนประคองเธอให้ยืนตามปกติ

     

    บ้า!!  หยุดพูดจาบ้า  นะ  เธอขึ้นเสียงเขียวอย่างอารมณ์เสียแว้ดใส่เขาทันที  สองมือรีบผละออกจากกายหนุ่มขี้แกล้ง  แต่ถูกเขารั้งตัวไว้ในอ้อมแขน

     

    สงบสติอารมณ์ซะก่อน  แล้วข้าจะปล่อยเจ้า  ขืนปล่อยตอนนี้  เดี๋ยวก็ได้ลงไปแช่น้ำอีกหรอก

     

    แดนเทียน์กัดริมฝีปากแน่น  จ้องเขาด้วยสายตาโกรธขึง  ทำอะไรเขาไม่ได้สักอย่าง  

     

    ตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง   หมอหนุ่มแห่งค่ายริกเกอร์เพิ่งมีโอกาสพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวเต็มตาในระยะใกล้วันนี้เอง  ผิวพรรณผ่องใส  มีน้ำมีนวลกว่าที่เคยพบเธอในตอนแรก  ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นขาวใสอมชมพู  ดวงตากลมคู่นั้นแฝงความดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยวอยู่ข้างในเป็นประกายแห่งความมีชีวิต  

     

    ปล่อยข้าได้รึยัง! 

     

    แดนเทียน์พยายามพูดเสียงอ่อนลง  เริ่มเรียนรู้ว่า  การใช้อารมณ์มีแต่ผลเสีย  ที่สำคัญอีกฝ่ายนิ่งจ้องเอา   จนรู้สึกหน้าชาอย่างบอกไม่ถูก  เป็นครั้งแรกที่ต้องสู้สายตาคมคู่นั้นใกล้ขนาดนี้   ได้แต่ยืนตัวลีบอยู่ในอ้อมแขนของคนหนุ่ม    ตั้งแต่เขาได้รับถ่ายเทพลังชีวิต  ใบหน้าของเขากลับดูหนุ่มขึ้น  และหล่อเหลากว่าเดิม  เนื่องจากพลังชีวิตที่เธอและเขาได้รับจากท่านริกเกอร์นั้น  มีพลังชีวิตจากหญิงสาวบริสุทธิ์มากมายที่ต้องสังเวยชีวิตในพิธีเซค์รวมอยู่ด้วย   พลังชีวิตเมื่อถูกถ่ายเทอยู่ในร่างกายของผู้ใด  จะเกิดการหลอมรวมกับพลังชีวิตเดิมของร่างกายผู้นั้น  เขาและเธอจึงได้รับพลังชีวิตที่ผสมผสานพลังชีวิตของกันและกันโดยปริยาย

     

    เมื่อเห็นเธอสงบนิ่งลง  บุตรชายหัวหน้าโจรใหญ่จึงปล่อยให้สาวน้อยเป็นอิสระ

     

    ไปกันต่อได้แล้ว  ซีนิธพูดพลางหันตัวกลับไป  แต่คว้ามือสาวน้อยไปด้วย

     

    นี่!!  ปล่อยนะ!  มือที่เหลือพยายามทุบแขนเขาให้ปล่อยมือเธอ

     

    ไม่ปล่อย!  เกิดเจ้าเดินหนีหายไปอีก  ข้าจะทำยังไง  ข้าก็เสียพลังฟรีสิ  ข้าไม่อยากให้พลังชีวิตเจ้าอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ  เขาดึงเธอให้เดินตามไปทันทีอย่างไม่สนใจ

     

    เสียงฝีเท้าม้าดังอยู่ใกล้เข้ามา ทำให้ซีนิธชะงักฝีเท้า  รีบดึงเธอหลบเข้าข้างต้นไม้ใหญ่ริมธาร  และเฝ้ามองอย่างระแวดระวังภัย  เห็นเหล่าสมุนโจรหยุดพักเหนื่อย  พากันลงมาดื่มน้ำที่ลำธารใสแห่งนี้ 

     

    แดนเทียน์พลอยตื่นเต้นตกใจไปด้วย   นั่งนิ่งเงียบกริบด้วยความกลัว   สมุนโจรนายหนึ่งดันเดินมาใกล้บริเวณที่ทั้งสองกำลังนั่งหลบซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล   หมอหนุ่มรีบโอบร่างหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายให้ก้มตัวลงต่ำทันที  เพื่อให้ต้นหญ้าที่ขึ้นบริเวณนั้นช่วยอำพรางสายตา   สองคนต่างนั่งใจหายใจคว่ำไปตาม  กัน   สมุนโจรคนนั้นทำกิจของตนเสร็จอย่างสบายใจแล้ว  จึงเดินกลับไป

     

    บุตรชายคนเดียวของหัวหน้าโจรใหญ่ปล่อยมือที่โอบตัวเธอไว้กลับมา  ให้หญิงสาวนั่งตามสบาย  แต่แล้วต้องชะงัก  เมื่อสาวน้อยข้างตัวกลับคว้าแขนของเขาไว้แน่นอันเป็นสัญชาตญาณแห่งความกลัว  เขารีบหันไปมอง  พบสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก  เธอยกมือปิดปากตัวเองแน่นด้วยความตกใจสุดขีด  อยากจะกรีดร้องก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวพวกโจรจะแห่กันมา  แล้วพยายามกระซิบกระซาบบอกเขาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนเต็มที่  ว่ามีอะไรบางอย่างเกาะอยู่ที่หน้าแข้ง  เธอรู้สึกขยะแขยงจนไม่กล้าแม้แต่จะหันไปดูด้วยซ้ำ 

     

    หมอหนุ่มก้มลงมองหน้าแข้งของหญิงสาว  พบสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งสีดำอมเทา  ลำตัวยาวประมาณสองนิ้ว มีลักษณะแบนเหนียวหนืดติดหนึบอยู่กับขาของเด็กสาว  และมันกำลังดูดเลือดของเธออยู่ 

     

    หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะดูเขาทำอย่างไรกับเจ้าตัวหนืด  ได้แต่ซบหน้ากับต้นแขนชายหนุ่มแน่นอย่างลืมตัวด้วยความกลัว 

     

    เอามันออกไปเร็วเข้า!  ปากก็เอาแต่พร่ำบอกให้เขารีบจัดการกับมันให้เร็วที่สุด

     

    ซีนิธหยิบตลับผงสมุนไพรฉุนออกมาจากถุงย่ามสะพายข้างตัว  ป้ายยาสมุนไพรที่เจ้าตัวหนืด   ไม่นานมันก็หงายเก๋งหลุดออกไปอย่างง่ายดาย  รีบกดแผลไว้เพื่อห้ามเลือดแล้วทายาสมานแผลให้  หมอหนุ่มหันกลับมามองหน้าคนรั้นที่ตอนนี้หมดฤทธิ์ซบหน้ากับต้นแขนของเขาอยู่

     

    มันไปแล้ว…”  เขากระซิบบอกเบา   ดูเหมือนปลิงจะเป็นตัวผู้ด้วยนะ  เดี๋ยวมันจะอิจฉาข้าที่มีเจ้ากอดแขนข้าแน่นขนาดนี้  หมอหนุ่มแกล้งยั่วโทสะอีกตามเคย  และรู้ว่ายั่วเธอขึ้นซะด้วย  กลับยิ่งสนุก

     

    แดนเทียน์รีบผละออกมาจากต้นแขนชายหนุ่มอย่างด่วนที่สุด พร้อมกับสีหน้าโกรธจัดจนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก

     

    บ้า!!!  พูดบ้า  นะ  เห็นหน้าระรื่นของคนหนุ่มที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วมันเจ็บใจนัก

     

    เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน  ยังมีหน้ามาล้อเล่น  กวนประสาทอีก  คอยดูนะ  จะต้องเอาคืนให้ได้  เธอได้แต่เข่นเขี้ยวเขาอยู่ในใจ

     

    ทั้งคู่นั่งหลบอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่อยู่นานมาก  เพราะพวกโจรเหล่านั้นกลับหยุดพักนอนค้างคืนที่นี่ด้วย

     

    บ้าจริง!  ซีนิธแค่นเสียงในลำคอ  เมื่อเห็นพวกมันเริ่มทำเพลิงที่พัก   เขาตัดสินใจรอจนมืดค่ำก่อนถึงจะออกเดินทางอีกครั้ง

     

    บุตรชายของหัวหน้าโจรใหญ่หันกลับมามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย  ตอนนี้เธอกำลังหลับผล็อยไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย  ศีรษะเอนมาพิงพักอยู่ที่ต้นแขนของเขาอย่างไม่ตั้งใจ   อดสงสารเธอไม่ได้  ทั้งที่จริงเธอเพิ่งฟื้นควรจะได้รับการพักผ่อนก่อนออกเดินทางไกลอย่างนี้  หลังจากให้พลังชีวิตกับเธอราวกับการชุบชีวิตเธอขึ้นมาใหม่ทั้งชีวิต มันทำให้เขาสูญเสียพลังชีวิตที่ได้มาไปเกือบหมด  ทั้งยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อนที่วิ่งติดต่อกันมาทั้งวันทั้งคืน  ทำให้ตัวเขาเองยังรู้สึกอ่อนเพลียไม่น้อย 

     

    แดนเทียน์ข้าขอโทษ…”  เขากระซิบบอกสาวน้อยเบา 

     

    ข้าสัญญาว่าเจ้าจะต้องปลอดภัย” 

    หมอหนุ่มหลับตาลงพักเอาแรงก่อนออกเดินทางคืนนี้อีกครั้ง

     

    =================

     

     แสงสุดท้ายใกล้ลับเหลี่ยมขุนเขาเข้าไปทุกขณะ บรรยากาศรอบตัวเริ่มมืดลง  สองเท้าที่วิ่งกึ่งเดินเพื่อเร่งฝีเท้าไปให้ถึงจุดหมายก่อนค่ำ  แต่แล้วกลับลดความเร็วลง เมื่อเบื้องหน้าปรากฏชายฉกรรจ์สวมชุดดำสนิทโพกผ้าปิดหน้าปิดตานับสิบคนยืนประจันหน้าขวางทางอยู่    เมแลนซ์กวาดสายตามองปราดเดียวแล้วรู้ว่า พวกมันคือ  นักฆ่า”  สมองพยายามคิดว่าจะปกป้องหญิงสาวตามคำสั่งเจ้าชายแรร์เน็ส  ให้ปลอดภัยได้อย่างไร เวลาคิดของเขาหมดลง เมื่อฝ่ายตรงข้ามบุกเข้าจู่โจมพร้อมกันทุกทิศทาง

     

    ผู้หญิงจับเป็น! ผู้ชาย ฆ่า! อย่าให้หนีรอดไปได้!”  หัวหน้าชายชุดดำทมิฬสั่งเสียงกร้าวดังลั่น

     

    อดีตนายทหารหนุ่มหลบคมดาบที่ฟันลงมาพร้อมกันทั้งซ้ายและขวา ก่อนจับแขนนักฆ่าชุดดำข้างหนึ่งรับดาบที่ฟันลงมาจากด้านหน้า แล้วถีบอย่างแรงจนโจรผู้นั้นกระเด็นไป เขาบิดแขนศัตรูแย่งดาบมาไว้ในมือ   รีบพุ่งตัวเข้าขวางวายร้ายอีกคน  ที่กำลังจะจับตัวเจ้าหญิงเฟรนลี่ไปได้อย่างทันท่วงที หญิงสาวรีบคว้าท่อนไม้ดุ้นเขื่องมาไว้ในมือเพื่อช่วยเขาอีกแรง 

     

    เจ้าหญิงแห่งเบเนดิกยกท่อนไม้เข้าขวางคมดาบ  ที่กำลังฟันลงมาตรงกลางหลังของเมแลนซ์เอาไว้ เมื่อเห็นเขากำลังพลาดท่าเสียทีเหล่าโจรทมิฬ  ก่อนที่เมแลนซ์จะหันมาเหวี่ยงเท้าเตะจนอีกฝ่ายกระเด็นไปกระแทกพวกเดียวกันล้มระเนระนาด

     

    ชายหนุ่มหันไปมองเจ้าหญิงเฟรนลี่ด้วยความขอบคุณในความใจกล้า ที่เข้ามาช่วยเขาอย่างไม่กลัวอันตราย  ทั้งที่เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่รู้เรื่องอาวุธ และวิธีการต่อสู้ด้วยซ้ำ  หญิงสาวผู้นี้ต้องเป็นคนสำคัญ ไม่ใช่แค่คนธรรมดาแน่  เจ้าชายแรร์น็สถึงได้เป็นห่วงเป็นใย  และคอยปกป้องเธอขนาดนี้

     

    พวกนักฆ่ารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วกระโจนเข้าหาเมแลนซ์พร้อมกัน  นายทหารหนุ่มกวัดแกว่งดาบในมืออย่างรวดเร็ว บุกตะลุยจนชายชุดดำที่ดาหน้าเข้ามาล้มไม่เป็นท่า แต่พวกมันก็ยังไม่ละความพยายาม ตีวงโอบล้อมเหยื่อเอาไว้ หวังปลิดชีวิตเขาให้จงได้

     

    ขณะที่นายทหารกล้ากำลังยกดาบฟาดฟันศัตรูอยู่นั้น เสียงกรีดร้องของเจ้าหญิงดวงตาสีมรกตทำให้เมแลนซ์รีบหันขวับไปดู เจ้าหญิงเฟรนลี่กำลังถูกจับตัวไป  วินาทีนั้นทำให้ฝ่ายตรงข้ามฟันดาบเข้ากลางลำตัว  เขารีบถอยหลังหลบคมมีดแต่ไม่พ้น  ปลายดาบฟันเข้ากลางหน้าอกของชายหนุ่ม แล้วฟันซ้ำอีกครั้ง ก่อนถูกถีบจนเซเสียหลัก หงายหลังล้มลงกระแทกพื้น  เหล่าหมาหมู่ชุดดำรีบประเคนดาบเข้าไปหาผู้ที่ล้มกลิ้งอยู่กับพื้นทันที  ผิวดินกระจุยกระจายครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อดาบที่ฟันลงไปหาได้ถูกตัวคนไม่ 

     

    เมแลนด์พยายามกลิ้งตัวหลบคมดาบเป็นพัลวัน  แล้วยกดาบขึ้นรับดาบของศัตรูที่ฟันลงมาหวังตัดคอเขาให้จงได้  โจรร้ายที่อยู่ด้านบนพยายามออกแรงกดคมดาบลงไปด้วยกำลังของคนที่อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า  อดีตนายทหารเรียวกัดฟันแน่น มองคมดาบที่กดลงใกล้เข้ามาทุกขณะ 

     

    ในที่สุดเขาตัดสินใจ พลิกดาบอย่างเร็วให้น้ำหนัก ที่กดลงมาเทไปอีกข้างหนึ่ง  ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหลักล้มไปกระแทกพื้น เมแลนซ์ได้โอกาสยกเท้าถีบเจ้าโจรร้ายออกไปจากตัว แล้วดีดตัวลุกขึ้นยืน  แต่ทว่าบรรดาผู้มุ่งร้ายที่ยืนรออยู่ก่อนนั้น พร้อมกันแทงดาบเข้าไปหาเขา

     

    ไม่..................................!!”

     เจ้าหญิงดวงตาสีเขียวมรกตกรีดร้องจนสุดเสียง หลับตาแล้วเบือนหน้าหนีกับภาพความโหดร้ายนั้น  เธอถูกชายชุดดำสองคนล็อคแขนสองข้างเอาไว้ แล้วถูกลากตัวไป  ร่างบอบบางพยายามดิ้นรนออกจากการจับกุม แต่ไม่เป็นผล 

     

    ฉึก!!”  เสียงของมีคมแทงทะลุผิวหนังของมนุษย์ แล้วทุกอย่างกลับเงียบงันลง  นักฆ่าชุดดำปล่อยมือที่ล็อคแขนเจ้าหญิงไว้ทั้งสองข้าง

     

    หญิงสาวลืมตาขึ้น  ภาพเบื้องหน้าที่เห็นกลับตาลปัดไปหมด  เหล่าโจรนักฆ่าทมิฬทั้งหมดล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นดิน  แม้แต่คนที่ล็อคแขนของเธอเมื่อครู่นี้ด้วย

     

    เมแลนซ์เงยหน้าขึ้นกวาดสายตาไปมารอบตัวด้วยความงุนงงสุดขีด ที่เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด  หัวใจตัวเองยังเต้นไม่เป็นส่ำอยู่เลย  แล้วนึกทบทวนวินาทีวิกฤตที่ผ่านมา   ภาพหมาหมู่พุ่งดาบเข้ามาแทงเขาพร้อมกัน  ทันใดนั้น  เหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งด้วยความเร็วออกมาจากที่ไหนสักแห่ง  แล้วแตกกระจายออกในอากาศ  ดิ่งตรงเข้าใส่เหล่าโจรร้ายทันทีอย่างแม่นยำ  มันเร็วมากจนเขามองไม่ทัน หลังจากนั้น นักฆ่าชุดดำกลับยืนนิ่งแข็งทื่ออยู่กับที่ แค่ผลักเบา ๆ ก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว  ที่หน้าผากของแต่ละคนล้วนมีเข็มเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง ปักอยู่ ใบหน้าของเหล่าโจรร้ายนั้นบวมแดงราวกับถูกผึ้งหรือต่อรุมต่อยเอาทั้งฝูง 

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่รีบวิ่งเข้าไปหาเมแลนซ์  จับแขนนายทหารหนุ่มบีบไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง  ดวงตาสีมรตกคู่นั้นจ้องมองบุรุษตรงหน้า สำรวจตรวจตราตามร่างกายเนื้อตัวของเขาว่ามีบาดแผลอะไรหรือไม่

    เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า  ได้รับบาดเจ็บตรงไหนมั้ย

    ข้าขอบคุณเจ้ามากนะ ที่ช่วยข้าไว้”  เจ้าหญิงก้มศีรษะ และค้อมตัวลง

     

    ทหารผู้น้อยตรงหน้าเจ้าหญิงนิ่งงันไปชั่วขณะ  แม้ว่าจะแปลคำพูดที่ได้ยินไม่ออก แต่ท่าทางที่เจ้าหญิงเฟรนลี่แสดงออกมานั้น เต็มไปด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหรืออันตราย   เขากลับสัมผัสคำขอบคุณนั้นได้ด้วยหัวใจของตัวเอง

     

    ข้าไม่เป็นไร  ขอบคุณที่เป็นห่วงข้า”    

     

    ผู้รอดชีวิตยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขาผ่านวินาทีถึงฆาตมาได้อย่างไรต้องมีคนที่ช่วยเขาเอาไว้แน่  จะเป็นใครไปไม่ได้เลย  นอกจากบุรุษผมทองในชุดสีน้ำตาลเข้ม ที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล และสายตาสีอำพันคู่นั้นกำลังมองตรงมาที่หญิงสาว

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่มองตามเมแลนซ์ไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มท่าทางองอาจผู้นั้น  เธอเพิ่งเห็นว่า มีบุรุษผู้นี้ยืนอยู่  ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง  แล้วตะโกนโพล่งออกไป

     

    บีวาร์!!”  เจ้าหญิงแห่งเบเนดิครีบเดินกึ่งวิ่งถลาเข้าไปหาองครักษ์หนุ่มด้วยความดีใจที่สุด  จับมือของเขาบีบไว้แน่น

     

    องค์หญิง! เป็นอะไรหรือเปล่า  ข้าตามหาพระองค์มาตลอด ทำไมถึงไม่เชื่อคำของข้าเลย”  องครักษ์หนุ่มทั้งดีใจ  ทั้งโกรธ  แต่ก็อดดุเจ้าหญิงเฟรนลี่ไม่ได้ ที่ไม่ยอมทำตามสัญญาว่าจะอยู่แต่ในถ้ำไม่ออกไปไหนในวันที่ฝนหยุดตก

     

    ข้าขอโทษนะ  เรื่องมันยาวมาก  ไว้ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้เจ้าฟังนะ เจ้าหญิงเฟรนลี่ตอบอย่างสำนึกในความผิดที่ต้องทำให้บุรุษผู้นี้ต้องเป็นห่วงเธอครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดมา แม้จะยังไม่เข้าใจเหตุผลว่า ทำไมต้องห้ามเธอไม่ให้ออกไปไหนในวันที่ฝนหยุดตกหนักแล้วเจ็ดวันเจ็ดคืนก็ตามที

     

    เจ้าหายดีแล้วใช่มั้ย?”  เจ้าหญิงเพิ่งพินิจใบหน้าขององครักษ์คู่ใจ

    ถ้าข้าไม่ออกไปหาดอกไม้มาให้  เจ้าจะหายดีมั้ยล่ะ

    เจ้าหญิงอดค่อนแคะบุรุษผมทองไม่ได้ ถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องผิดคำสัญญา

     

    ข้าหายดีแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงข้าเสมอ”  บุรุษผมทองรู้ดีว่าองค์หญิงแห่งเบเนดิคนั้นใส่ใจและอาทรเขาเสมอ เธอจะไม่ยอมหยุดอยู่เฉย ๆ หากเขาป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ

     

    องครักษ์หนุ่มกำลังจะย่อตัวลงทำความเคารพเจ้าหญิงเฟรนลี่  แต่ถูกเจ้าหญิงคว้าแขนห้ามไว้ได้ทัน

     

    ไม่ต้องทำความเคารพข้า เจ้าลืมข้อตกลงระหว่างเราแล้วหรือ? ตอนนี้ข้าเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคอีกแล้ว”  เธอเป็นฝ่ายทวงสัญญาจากคนตรงหน้าแทน

     

    เมแลนซ์เดินเข้าไปหาผู้ช่วยเหลือด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นคนทั้งสองจับมือกันอย่างดีอกดีใจราวกับพบเจอญาติสนิทกระนั้น  แต่ก็ยังไม่อาจแปลความหมายของภาษาที่ทั้งคู่ใช้สื่อสารกันได้อยู่ดี หญิงสาวผู้นี้ต้องไม่ใช่คนแคว้นเรียวเป็นแน่ ส่วนบุรุษผู้ช่วยเหลือเขานั้นดูองอาจแกล้วกล้ามากกว่าจะเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา

     

    ขอบคุณ...ที่ท่านช่วยชีวิตข้า”  อดีตนายทหารแห่งเรียวค้อมตัวลงต่ำ

     

    บีวาร์กำลังจะหันไปตอบทหารผู้นั้น  แต่ถูกเจ้าหญิงเฟรนลี่สะกิดแขน

    เจ้าจงบอกเขาว่าเราเป็นญาติกัน”  เจ้าหญิงกระซิบบอกนายทหารคู่ใจ

     

    เรื่องเล็กน้อย เมื่อเจอคนได้รับอันตรายข้าต้องช่วยอยู่แล้ว บุรุษผมทองกล่าวตอบด้วยไมตรีจิต

     

     “ข้าชื่อเมแลนซ์”  อดีตทหารแห่งเรียวแนะนำตัว

     

    องครักษ์หนุ่มแห่งเบเนดิคหันไปตอบคู่สนธนา

    ข้าชื่อ บีวาร์  เป็นญาติของเฟรนลี่  เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ เรากำลังเดินทางมาเยี่ยมญาติ แล้วเกิดพลัดหลงกัน  ข้าเที่ยวตามหาอยู่หลายวัน  ขอบคุณท่านที่ช่วยดูแลเฟรนลี่ด้วยนะ”  เขาอดข้องใจไม่ได้  แล้วเจ้าชายแรร์เน็สนั้นหายไปไหนทำไมถึงไม่อยู่ปกป้องพระคู่หมั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

    เมแลนซ์มองบุรุษผมทองด้วยความแปลกใจ  ที่อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยภาษาเรียน่า

     

    ท่านพูดภาษาเรียน่าได้” 

     

    ข้ามีญาติเป็นพ่อค้าอยู่ที่เรคคันน่า จึงพอพูดได้บ้าง  บีวาร์ตอบ

     

    อาวุธลับที่ถูกยิงออกไปใส่ศัตรูเมื่อครู่  ถูกถอนขึ้นจากหน้าผากของร่างหมดสติของเหล่านักฆ่าชุดดำ  วิ่งกลับมารวมเป็นหนึ่งในอากาศ  เมื่อบีวาร์ร่ายคาถา  เขายกข้อมือขึ้นรับอาวุธที่พร้อมจะเก็บเข้าสู่ปลอกเหล็กที่รัดข้อมือของเขา 

     

    มันคืออะไร  เป็นอาวุธที่ท่านใช้ช่วยข้าหรือ?”  เมแลนซ์จ้องมองอย่างทึ่ง

     

    บีวาร์พยักหน้ารับ

    อาวุธนี้จะมีคาถาบังคับอยู่  เมื่อยิงออกไปหนึ่งดอก  มันจะแตกออกกระจายในอากาศแล้วซัดเข้าหาศัตรูทุกคนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำไม่มีพลาด  คนที่โดนจะมีอาการชาและขยับตัวไม่ได้ เพราะที่เข็มนั้นอาบยาพิษ ซึ่งสกัดมาจากพิษของผึ้งและต่อที่ร้ายกาจที่สุดเอาไว้”  เขาตั้งใจคิดอาวุธลับนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อการต่อสู้กับศัตรูต่อหน้าเจ้าหญิงแห่งเบเนดิคซึ่งไม่โปรดให้มีการรบราฆ่าฟันกันตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว

     

    แล้วพวกเขาจะเป็นอะไรมั้ย?  เจ้าหญิงเฟรนลี่เอ่ยถามอย่างสงสัย

    คนที่โดนจะเป็นอัมพาตชั่วคราวแล้วก็จะหายไปเองภายในหนึ่งวัน  แต่พิษผึ้งและต่อที่ได้รับคงต้องรักษาอีกหลายวัน”  บีวาร์ตอบเจ้าหญิงแห่งเบเนดิค

     เสื้อของเจ้าขาดหมดแล้วเมแลนซ์

    ดวงตาสีมรกตสังเกตเห็นเสื้อกลางหน้าอกของเขาฉีกขาดเหมือนถูกของมีคมฟัน แต่น่าแปลกที่กลับไม่มีบาดแผลใด ๆ 

     

    เมแลนซ์ก้มลงมองเสื้อที่ขาดวิ่นของตัวเอง  จำได้ว่าเขาถูกฟัน รีบยกมือจับหน้าอกของตัวเอง ทำไมมันจึงไม่มีบาดแผลหลงเหลืออยู่เลย

     “น่าแปลกมากที่ข้าถูกฟันอย่างจังถึงสองครั้ง แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย

     

    บีวาร์จึงทำหน้าที่แปลภาษาให้เจ้าหญิงเฟรนลี่เข้าใจด้วย

     

    หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงตำราโบราณแห่งเบเนดิคว่าด้วยเรื่องต้นไม้วิเศษ  ซึ่งเคยแอบเข้าไปอ่านเจอในห้องคัมภีร์ที่ถูกสั่งปิดตายไว้โดยบังเอิญ 

     

    คงเป็นเพราะเจ้าได้ดื่มน้ำใบของต้นเมิสซ์ไปก่อนหน้านี้  ซึ่งมีคุณสมบัติ ช่วยรักษาแผลบาดเจ็บ และสามารถถอนพิษให้หายอย่างรวดเร็วในพริบตา และที่สำคัญฤทธิ์ยาจะยังคงอยู่อีกยี่สิบสี่ชั่วโมง  หากเกิดบาดแผลขึ้นในช่วงเวลานี้จะทำให้แผลนั้นหายสนิทได้เองอย่างรวดเร็วเช่นกัน

     

    องครักษ์แห่งเบเนดิคกลายเป็นล่ามที่ต้องคอยสื่อภาษาให้ทั้งคู่คุยกันรู้เรื่องเสียแล้ว

     

    นายทหารหนุ่มไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ  แล้วก้มลงมองรอยเสื้อที่ถูกฟันจนขาดวิ่น     บนแผ่นอกของตัวเองอีกครั้ง  มันหลงเหลือไว้เพียงแค่รอยขีดข่วนเป็นทางยาวเล็กน้อยเท่านั้น  เขารีบยกมือนับเวลา เหลือเวลาอีกเพียงหกชั่วโมงก่อนฤทธิ์ยาแห่งต้นเมิสซ์จะหมดลง

     

    เมแลนซ์ย่อตัวคุกเข่าลงกับพื้นดิน

    ข้าอยากจะขอใบของต้นเมิสซ์ซักใบ เพื่อช่วยท่านแรร์เน็ส”  อดีตนายทหารแห่งเรียวนึกได้ว่า เจ้าชายนั้นได้รับบาดเจ็บด้วยพิษร้ายเช่นกัน

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่มีสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที  แล้วรีบหยิบต้นเมิสซ์ออกมาจากถุงผ้าในกระเป๋าที่คาดเอวอยู่

     “ข้าแด่ต้นเมิส ขอหนึ่งใบเพื่อช่วยเหลือแรร์เน็สด้วยเถิด

     

    ต้นไม้วิเศษลอยตัวขึ้นอยู่ในอากาศแปล่งแสงสว่างสีขาวนวลตาเจิดจ้า  ก่อนปลิดใบของตัวเองออกมาหนึ่งใบร่วงหล่นลงบนฝ่ามือของผู้เป็นเจ้าของต้นเมิสซ์  หญิงสาวส่งใบต้นเมิสซ์ให้เมแลนซ์พร้อมกับกระบอกไม้ไผ่

     

    ข้อสำคัญที่ต้องจดจำไว้  ต้นเมิสซ์จะมีประสิทธิภาพสูงสุด  เจ้าจะต้องไม่ฆ่าใครเด็ดขาด

     

    เมแลนด์รีบยื่นมือไปรับทันที

     “บีวาร์  ท่านรีบพาเฟรนลี่กลับบ้านเถอะ  เราจะแยกกันตรงนี้

     

    องครักษ์แห่งเบเนดิคขมวดคิ้วย่น

    เจ้าผู้เดียวจะไหวหรือ”  เขาอดเป็นห่วงอดีตนายทหารเรียวที่เพิ่งเกือบตายมาไม่ได้

     

    หากยังมีฤทธิ์ยาของต้นเมิสซ์อยู่  ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดแล้ว  คำสั่งของนายข้าคือ คุ้มครองเฟรนลี่ให้ปลอดภัย  ซึ่งข้าได้ทำเรียบร้อยแล้ว  หากข้าปฏิบัติงานนี้ไม่สำเร็จ  ข้าคงหมดโอกาสที่จะได้ติดตามนายข้าอีกต่อไป  ได้โปรดเถอะ  บีวาร์...ท่านรีบพาเฟรนลี่กลับบ้าน ไปในที่ปลอดภัยด้วยเถอะ”  เมแลนด์ขอร้อง

     

    เราจะไปด้วยกัน ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เจ้าหญิงเฟรนลี่ไม่ยอมเด็ดขาดที่เธอจะหนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว

     

    ไม่ได้! โจรพวกนั้นเจาะจงจับตัวท่านอยู่  ท่านก็เห็นแล้วมิใช่หรืออย่าให้ข้าลำบากใจเลย แต่หากท่านอยากรอฟังข่าวดี  จงไปรอข้าอยู่ที่หมู่บ้านร้าง  ข้าจะพานายข้ากลับไปเจอท่านให้จงได้”  เมแลนด์พยายามอธิบายเหตุผล

     

    ไปเถอะ เฟรนลี่  เราจะไปรอแรร์เน็สอยู่ที่หมู่บ้านร้างกันนะ”  สิ้นคำนั้น องครักษ์หนุ่มเป่ามนต์ใส่เจ้าหญิงเฟรนลี่  ร่างบอบบางนั้นหมดสติลงในอ้อมแขนของบุรุษผมทองทันที  ด้วยรู้ดีว่า เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคนั้นดื้อรั้นขนาดไหน  ที่สำคัญเขาจำเป็นต้องห่วงความปลอดภัยของเจ้าหญิงมากกว่าอะไรทั้งหมด  การเข้าใกล้ศัตรูที่รู้ดีว่าต้องการตัวเจ้าหญิงนั้นไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง

     

    ข้าจะให้เฟรนลี่เสี่ยงอันตรายอีกไม่ได้  เราจะรอเจ้ากลับมาพร้อมกับแรร์เน็ส อยู่ที่หมู่บ้านร้างนะ บีวาร์แบกร่างบอบบางนั้นขึ้นบ่า

     

    แล้วเจอกัน!”  เมแลนซ์มั่นใจ  ก้มตัวลงโค้งคำนับให้ทั้งสองคน  แล้วรีบวิ่งหายตัวไปในเงามืดของราตรีกาลแห่งป่าเคนาฟ

     

    =============

     ร่างสูงถูกโยนลงบนพื้นห้องอย่างแรงราวกับเป็นแค่สิ่งของ ไม่ใช่มนุษย์  ต้นแขนที่ถูกฟันนั้นกระแทกกับพื้นเต็ม ๆ สร้างความเจ็บปวดให้กับบุรุษผมเทาอย่างมาก  เจ้าชายพยายามจะขยับตัว ขยับแขน ขยับมือและเท้า  แต่เหมือนมันทำได้น้อยลงทุกที

     

    แรร์เน็ส...ข้าอยากบอกเจ้าอีกอย่าง  ข้าไม่ได้วางยาพิษเจ้าครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรอกนะพูดจบแล้วเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจกับสภาพเจ้าชายผมเทาที่ใกล้ตายเข้าไปทุกขณะ

     

    แต่น่าแปลกนะ ที่พิษอย่างอื่นไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ เจ้าจะแค่ท้องเสียแล้วก็หายเป็นปกติได้ทุกครั้ง ทั้งที่เจ้าน่าจะตายไปตั้งหลายทีแล้ว แต่พิษตะขาบนี้ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ จุดอ่อนของเจ้ามันอยู่ที่พิษตะขาบนี่เองสินะ”  เจ้าชายบิทเรย์สาธารยายการวางแผนลอบฆ่ารัชทายาทแห่งเรียวมาโดยตลอด

     

    แรร์เน็ส  เจ้าน่าจะดีใจนะ  ที่จะได้ตายด้วยยาพิษชนิดเดียวกันกับที่พ่อของเจ้าได้รับ ตอนไปปราบกบฏกริเกอร์”  เจ้าชายบิทเรย์หัวเราะลั่นอย่างสะใจ  เขาต้องการยั่วให้ญาติผู้นี้โกรธ เพื่อเร่งพิษให้เดินเร็วขึ้นอีก

     

    เจ้า!”  บุรุษผมเทากัดฟันกรามแน่นด้วยความโกรธสุดขีด  พยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดพุ่งตัวเข้าหาบิทเรย์  แต่กลับทำได้แค่ล้มฟุบอยู่แทบเท้าของเจ้าชายชุดดำเท่านั้น       ความโกรธที่ลุกโชนในจิตใจเพิ่มแรงดันในกระแสโลหิต ทำให้พิษยิ่งเดินเข้าสู่หัวใจเร็วขึ้น  จนเจ้าชายแรร์เน็สต้องกระอักออกมาเป็นเลือด

     “เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก  เจ้าจะต้องเป็นเหมือนพ่อของเจ้า!! อยู่เฉย ๆ ดีกว่าน่า...ขยับแขน ขยับมือให้ได้ก่อนเถอะ”  ญาติผู้น้องของเจ้าชายแห่งเรียวระเบิดเสียงหัวเราะเยาะเย้ยก่อนเดินออกจากห้องนั้นไป

     

    เฝ้าให้ดี  มิเช่นนั้นหัวของเจ้าจะไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกต่อไป”  เสียงของเจ้าชายชุดดำสั่งลูกสมุนด้วยเสียงเฉียบขาด ลอดผ่านบานประตูเข้ามาในห้อง ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินกระแทกไกลออกไป

     

    เจ้าชายรัชทายาทพยายามพลิกตัวกลับมานอนหงายอย่างยากลำบาก  เจ็บกายนั้นเขายังทนได้  แต่เจ็บใจนั้นมันแทบทำให้ขาดใจตายได้ทันที  เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่า พ่อของเขาต้องมาตายอนาถด้วยการถูกวางยาพิษเช่นนี้  เจ้าชายแรร์เน็สอดแปลกใจไม่ได้ว่า แค่กบฏริกเกอร์พ่อของเขาจะต้องมาตายง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน

     

    บุรุษผมเทากัดฟันแน่น  กลั้นใจ  พยายามบังคับแขนตัวเอง แล้วยกแขนข้างที่ถูกฟันขึ้นมาดูบาดแผลอย่างยากลำบาก  รอยแผลลึกยาวนั้นไหม้เกรียมเป็นแถบ  ดาบของเจ้าชายบิทเรย์นั้นต้องอาบยาพิษไว้แน่ ทำให้เขาได้รับพิษตะขาบเพิ่มขึ้นอีก  รอยไหม้เหมือนแผลของเจ้าหญิงเฟรนลี่ตอนที่ถูกตะขาบข่วนไม่มีผิด  ตอนนั้นเขาช่วยดูดพิษให้เธอ  แต่มีพิษเล็ดลอดเข้าไปในร่างกาย  แต่โชคดีที่หญ้าริมน้ำนั้นช่วยถอนพิษได้   แต่มันก็ยังสกัดกั้นพลังเย็นในร่างกายให้ติดขัด  และฟื้นตัวได้ช้ามาก   แต่ครั้งนี้เขาโดนพิษเข้าเต็ม ๆ โอกาสรอดนั้นคงเหลือน้อยเต็มที 

    น่าแปลกใจที่เขากลับไม่เห็นไอเย็นออกมารักษาบาดแผลเหมือนทุกครั้ง  ตั้งแต่เขาได้รับพลังเย็นจากปิศาจหิมะ หลังจากการไปรบปราบกฏบริกเกอร์  เมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้น  แผลนั้นจะหายเองได้อัตโนมัติ  มองเล็บที่ฝ่ามือของเขาไม่มีกรงเล็บงอกออกมาอีกเลย ทั้ง ๆ ที่เขากำลังโกรธจัดจนกระอักเป็นเลือด หรือนี่จะเป็นจุดจบของเขาแล้วจริง ๆ  ความรู้สึกค่อย ๆ รางเลือนลงไปทุกขณะจิต

     “เฟรนลี่...เจ้าปลอดภัยดีใช่ไหม....  เสียงเจ้าชายแห่งเรียวแผ่วเบาและแหบแห้ง  สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเป็นห่วงคือ เธอ  ภาพดวงหน้าหญิงสาว  เจ้าของดวงตาสีเขียวสดใสคู่นั้นปรากฏขึ้นจากความทรงจำ  รอยยิ้มของเธอเหมือนดอกไม้ผลิบานในหัวใจของเขา  คงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว

     

    แรร์เน็ส...

     

    เจ้าชายแห่งเรียวรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ความรู้สึกกำลังดิ่งหายไปในความมืดมิด  เขาได้ยินเสียงของเจ้าหญิงเฟรนลี่เรียกชื่อของตน  มันเป็นความจริงหรือความฝันที่นึกไปเองกันแน่

     

    แรเน็ส...เจ้าเป็นยังไงบ้าง  เสียงแห่งความห่วงใยนั้นยังดังขึ้นอีก

    เจ้าปลอดภัยดีใช่มั้ย...”  เสียงของเจ้าหญิงเฟรนลี่ชัดเจน  มันไม่ใช่เสียงจากความทรงจำ แต่เป็นเสียงที่เขาได้ยินจริง ๆ

     

    เปลือกตาที่ปิดม่านของดวงตาสีสนิมเหล็กค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้า ๆ

    เฟรนลี่...ข้า...คงไม่อาจปกป้องเจ้า...ได้อีกแล้ว...  เจ้าชายผมเทาตอบเจ้าหญิงกลับไป  แม้เขาจะไม่สามารถแปลถ้อยคำที่ได้ยิน  แต่หัวใจของเจ้าชายนั้นกลับสัมผัสได้ถึงความห่วงใยมาจากกระแสแห่งเสียงนั้น

     

    โครม!!”  เสียงประตูที่ปิดอยู่ถูกถีบเข้ามาจนประตูเปิดออก  พร้อมกับร่างของชายฉกรรจ์ล้มกลิ้งเข้ามาในห้อง

     

    เมแลนซ์!!”  เจ้าชายแห่งเรียวมองเห็นอดีตนายทหารผู้รอดชีวิตบุกเข้ามาในห้องคุมขัง  กำลังต่อสู้กับลูกสมุนของเจ้าชายบิทเรย์อยู่

     

    อดีตนายทหารแห่งเรียวหมุนตัวหลบคมดาบอย่างคล่องแคล่ว  ก่อนประชิดตัวคู่ต่อสู้แล้วประเคนหมัดเข้าที่ปลายคาง  หมัดเดียวลงไปนอนสลบคาที่ทันที  อีกฝ่ายยังกรูกันเข้ามา  เขาดึงแขนฝ่ายตรงข้ามมารับดาบของอีกคน  ก่อนจะบิดแขนแย่งดาบมาได้  แล้วถีบอีกคนกระเด็นไป  แต่มีดาบเล่มหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว  เมแลนซ์หันตัวหลบได้ทัน  แต่มีอีกดาบหนึ่งพุ่งตรงมาที่กลางลำตัว  วินาทีนั้นเขารีบหันหัวไหล่รับคมดาบนั้นเพื่อปกป้องกระบอกไม้ไผ่ที่สะพายอยู่ด้านหน้า เขารู้สึกเสียวแปล๊บเมื่อคมดาบเฉือนถูกเนื้อบริเวณหัวไหล่ไป แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นกลับสมานเข้าหากันทันที หลงเหลือแค่รอยขีดข่วนที่หัวไหล่เท่านั้น  ก่อนจะหันไปเอาดาบแทงคู่ต่อสู้  แต่กลับยั้งมือเอาไว้  ปลายดาบจ่ออยู่ที่คอหอยของฝ่ายตรงข้าม  แล้วพลิกมือกลับหันสันดาบกระแทกต้นคอของฝ่ายตรงข้ามล้มลงไปกองอยู่กับพื้น    

     

    ชายอีกสองคนพุ่งดาบเข้ามาฟันพร้อมกันเข้าที่กลางหลังของเขา ทำให้สายสะพายกระบอกไม้ไผ่ขาดลง  นายทหารหนุ่มรีบคว้ากระบอกไม้ไผ่ไว้ได้ทันก่อนมันหล่นลงกระแทกพื้น  แล้วนำมาแนบไว้กับตัว   ลูกสมุนอีกคนแทงดาบเข้ากับแผ่นอกของเขาขณะที่เขาเงื้อมือรับดาบของอีกคนที่ฟันลงมา  คมดาบนั้นแทงทะลุผ่านฝ่ามือนายทหารหนุ่มที่จับกระบอกไม้ไผ่ไว้ ทะลุผ่านมาถึงแผ่นอกของเขา 


    เมแลนซ์ใจหายวาบเมื่อมองเห็นดาบนั้นแทงถูกกระบอกไม้ไผ่ในอุ้งมือ!

     

     =================== 


    สวัสดีค่า...ตอนนี้เขียนยากมากกกกกกกกกกก เพราะมีฉากต่อสู้หลายฉากเลย หวังว่าคงจะพอใช้ได้เนอะ แฮ่...ขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามค่ะ  คอมเม้นท์ได้เต็มที่เหมือนเดิมนะ  ^__^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×