คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : รุมแกล้งกันเข้าไป!
ตอนที่8
น้องสาวเจ้าของบ้านมองหน้าหนุ่มจอมกวนที่เวลานี้ดูหม่นหมองลง
“ทำไม...นายไม่เลือกอยู่กับแม่ล่ะ” เธอรู้สึกว่า หนุ่มหน้าหวานต้องรักแม่มาก หลังจากได้ฟังเขาร้องเพลงประกวดคืนนั้น
“แม่ไป ยังไม่มาลาฉันซักคำเลย” น้ำเสียงนั้นแฝงความน้อยใจ ไม่รู้เลย ทำไมแม่ถึงจากไปโดยไม่ร่ำลา ทำไมแม่ถึงทิ้งเขาไปแบบนี้ ตั้งแต่แม่เลิกกับพ่อเป็นเวลานานกว่าเจ็ดปี แม่ไม่เคยมาหา ไม่เข้าใจ! ทำไม! แม่ถึงไม่ติดต่อมา ทำไม! ไม่มาเยี่ยม เพราะอะไร! ไม่ว่าเหตุผลของแม่คืออะไร สิ่งที่เขารู้สึกมั่นใจมาตลอดคือ แม่รักเขามาก และยังรักเขาเสมอ แม่อาจคิดว่า สิ่งที่แม่ทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว แต่มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาต้องการ
เขาไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่เลิกกันเพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่พ่อรักแม่มาก ดูแลแม่อย่างดี และไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลย พ่อไม่เคยยอมบอกเหตุผล นอกจากบอกว่า มันจบแล้ว ซึ่งเขาไม่เคยเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อกับแม่ และยังหวังอยู่ลึก ๆ ซักวันพ่อกับแม่จะกลับมาคืนดีกัน และอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ความฝันของเขาก็พังทลายลงเมื่อพ่อบอกว่า จะแต่งงานใหม่ ทั้ง ๆ ที่พ่ออยู่คนเดียวมานานถึงเจ็ดปีโดยยังไม่ยอมแต่งงานใหม่ เหมือนกำลังรอแม่ของเขาจะกลับมาอีกครั้ง
“พ่อเธอยังดีนะ ยังจำวันเกิดของเธอได้ ยังโทรมาหาด้วย” เขารู้ว่า ครอบครัวของเธอ พ่อแม่ก็เลิกกันเหมือนกับเขา แต่เธอกลับเลือกไม่พูดกับพ่อ ผิดกับเขา แม้ว่าจะอยากพูดกับแม่แค่ไหน ก็ไม่รู้จะติดต่อกันได้อย่างไร
“ผู้ชายที่ทำให้แม่ของฉันเสียใจ เขาไม่ใช่พ่อของฉันแล้ว” ภาพแม่แอบร้องไห้เวลาอยู่คนเดียวยังจำได้ติดตา รู้สึกเจ็บปวดหัวใจทุกครั้งที่ได้เห็น แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ไม่เคยขออะไรจากพ่อเลย และขอเป็นฝ่ายหลีกทางให้แต่โดยดี ไม่เคยแม้แต่จะต่อว่าพ่อให้ฟังแม้แต่น้อย แม่ยังยิ้มและทำทุกอย่างเหมือนปกติเวลาอยู่ต่อหน้าเธอและพี่ชาย
น้ำเสียงแข็งห้วนของหญิงสาว ทำให้เขารู้ทันทีว่า เธอโกรธพ่อของเธอมาก
“ขอบใจ สำหรับน้ำเก๊กฮวย ฉันกินหมดแล้วนะ” เขารู้สึกว่า ทำให้เธอเริ่มเครียดแล้ว จึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วรู้ได้ไงว่า น้ำเก๊กฮวยลดไข้ได้ล่ะ” ปรามบอกว่า เธอทำน้ำเก๊กฮวยมาให้ และให้ค่อย ๆ ดื่มให้หมด เขาชอบทานน้ำเก๊กฮวยอยู่แล้ว ทานแล้วนอนพักไม่นาน ไข้ก็ลดลงเลย เหงื่อเริ่มออกแสดงว่า ใกล้หายแล้ว
“อืม...แม่ต้มให้กิน แม่ฉันเป็นคนสนใจเรื่องสมุนไพร เขาไม่อยากให้กินยาฝรั่ง บอกว่า มันมีสารเคมี จะทำให้ไตเสีย เวลาป่วยเขาจะให้กินแต่ยาสมุนไพร หรือพยายามหาอาหารที่เป็นยามาให้ทาน”
“ดีจัง...กินอาหารเป็นยา ตอนนี้...เริ่มหิวแล้ว” เขาเอามือตบท้องเบา ๆ
“นี่...มีสตรอว์เบอร์รี่อีกไหม หมดแล้วเหรอ...อยากกินอีก”
“นายหยุดถ่ายรึยัง?” เธอรู้สึกว่า เขาท้องเสียอยู่อาจไม่เหมาะกับการทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
“เอ่อ....ยังถ่ายอยู่ นิดหน่อย แต่ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” เขาตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง กลัวว่าเธอจะไม่ยอมให้เขากินอะไร หากยังท้องไม่ดีอยู่
“ได้ แต่....”
แต่อะไร? ต้องมีแต่ด้วยเหรอ? ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“นายต้องกินขมิ้นชันก่อน มันช่วยได้นะ ถ้าฉันท้องเสียก็กินขมิ้นชัน หรือไม่ก็ดื่มชาจีน แค่นี้ก็หยุดถ่ายแล้วล่ะ”
อะไร? ต้องกินยาอีกแล้วเหรอ? คนป่วยรู้สึกกลุ้มขึ้นมาตะหงิด ๆ
“ไม่งั้น...นายก็กินกล้วยแล้วกัน เพราะเด็กทารก เขายังให้กินข้าวกับกล้วยเลย”
หะ! เขาไม่ใช่เด็กทารกซะหน่อย! ไม่ให้กินก็บอกมาตรง ๆ เถอะ!
“แล้ว...ขม รึเปล่าล่ะ”
ปริมาอมยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง เมื่อนึกถึงใบหน้าตอนเขากินฟ้าทะลายโจรยังอดขำไม่ได้ ยิ่งมองหน้าเขา ยิ่งขำหนักมาก
ปฏิการมองน้องสาวเพื่อนกำลังหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลังไปแล้ว
เอาเข้าไป! หัวเราะให้พอ! เขาได้แต่มองเธอหัวเราะอยู่เป็นนาน พาลรู้สึกขำไปด้วย เวลาเธอยิ้มหรือหัวเราะดูน่ารักมาก
“ไม่หรอก... ไม่...ขมเลย” เธอพยายามหยุดหัวเราะแล้วตอบเขา แต่ก็ยังรู้สึกขำอยู่ดี เมื่อมองหน้าชายหนุ่ม
“หยุดหัวเราะได้แล้ว! หยุด! หยุดเลย!” มองหญิงสาวก้มตัวหัวเราะจนตัวงอ เอามือจับท้องตัวเองแน่น ลุกขึ้นจากม้านั่งหินขัดแล้วเดินหนีเขา
เธอบ้าไปแล้ว! ดู! ยังหัวเราะไม่ยอมหยุด เขารู้สึกขำเธอหัวเราะแทน กว่าเธอจะหยุดหัวเราะได้ เล่นเอาหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว
“ตกลงจะกินมั้ย?”
คนไข้ยิ้มแหย ๆ ก่อนตอบว่า
“กินก็ได้”
“งั้นก็ตามมา บอกก่อนว่า ฉันไม่ได้บังคับนายนะ นายกินก็เพื่อตัวนายเอง นายไม่กินนายก็ทนต่อไป ก็แค่นั้นแหละ” น้องสาวเจ้าของบ้านหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน
เขาเดินตามพยาบาลจำเป็นไปที่ตู้ยาประจำบ้านซึ่งอยู่ในห้องครัว
“ยาสมุนไพรประจำบ้านที่ต้องมีเลยนะ เป็นไข้กินฟ้าทะลายโจร ปวดท้องท้องเสียกินขมิ้นชัน ถ้าไปกินสารพิษมาก็กินรางจืด” พยาบาลจำเป็นอธิบายขวดยาสมุนไพรที่อยู่ในตู้ยา เมื่อเห็นเขามองอย่างสนใจ
“ถ้าโดนแมลงสัตว์กัดต่อย ก็นี่เลย น้ำมันเขียว ขี้ผึ้งฤทธิ์เย็น” เธอชี้ที่ขวดขี้ผึ้งสีเขียว
“ของไทยเราเอง ใช้ได้ผลเหมือนยาฝรั่ง แต่ดีกว่าตรงที่ไม่ได้สกัดด้วยสารเคมี ไม่มีสารเคมีผสม” ปริมาแล้วหยิบขวดขมิ้นชันออกมาจากตู้
หนุ่มหน้ามนเดินไปหยิบแก้วน้ำ แล้วเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำเย็นออกมา
“นี่! ไม่สบายอยู่เขาห้ามกินน้ำเย็น ไม่รู้เหรอ เขาให้กินน้ำธรรมดา หรือน้ำร้อนยิ่งดีเลย” หญิงสาวรีบส่งเสียงห้ามคนป่วย
คนถูกห้ามทำหน้างง ห้ามอีกแล้ว! มองเธอดึงขวดน้ำเย็นออกจากมือของเขา แล้วรินน้ำธรรมดาใส่แก้วให้แทน
“เขาบอกว่า ร่างกายคนเราจะมีอุณหภูมิ 37 องศา ถ้ากินน้ำเย็น ร่างกายจะต้องทำงานเพิ่มอุณหภูมิให้กลับมาที่สามสิบเจ็ดองศาอย่างเดิม มีงานวิจัยว่า เม็ดเลือดขาวจะกินเชื้อโรคได้ดีเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น”
หนุ่มผมยาวพยักหน้ารับ “อ๋อ...มิน่าล่ะ เวลาไม่สบาย เราถึงมีไข้ ร่างกายต้องการให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดี”
“ฉะนั้น ตอนนี้นายป่วยอยู่ ไม่ควรกินน้ำเย็น เข้าใจนะ และควรกินน้ำร้อนบ่อย ๆ เพื่อให้เม็ดเลือดขาวกินเชื้อโรคได้ดีขึ้น” เธอพูดพลางหมุนฝาขวดขมิ้นชันในมือให้เปิดออก
“ป้อนหน่อยดิ! มือสกปรก”
ปริมาหัวร้อนขึ้นมาทันทีอย่างหมั่นไส้ มองหน้าหนุ่มจอมกวนด้วยดวงตาเขียวปั้ด เมื่อกี๊ยังหยิบสตรอว์เบอร์รี่กินได้เองหน้าตาเฉย ตอนนี้ทำเป็นเรื่องมากอยากจะสะอาดขึ้นมา!
เดี๋ยวเหอะ!! มันน่าตื้บจริง ๆ
“น้อย ๆ หน่อย ต้องให้น้องข้าป้อนเลยเหรอวะ!” ปรามเดินเข้ามาได้ยินพอดี มันจะมากไปแล้ว เขาเดินดิ่งตรงไปหาเพื่อนจอมกวน วอนให้โดนเตะเสียแล้ว?
ปฏิการหันขวับไปมองเจ้าของเสียง ก่อนจะยิ้มแหย ๆ รีบถอยตัวออกห่างจากน้องสาวเพื่อน และอยู่ให้ห่างจากวิถีบาทาของเจ้าของบ้านไร่ทะเลฝัน ซึ่งเวลานี้ดูซีเรียสมากกว่าจะขี้เล่น
“เอ่อ...คือ...ข้า...แค่ล้อเล่นน้องแกเฉย ๆ ไม่มีอะไร” หนุ่มผมยาวรีบพูดแก้ตัวเสียงอ่อย ทำสีหน้าเจื่อน ๆ พลางโบกไม้โบกมือปฏิเสธ หวังให้เพื่อนใจเย็นลงสักนิด
ปริมาอมยิ้มด้วยความดีใจ เมื่อเห็นพี่ชายเข้ามาปกป้องเธอ ไม่เอาแต่เข้าข้างเพื่อนเหมือนที่ผ่านมา
“อย่าล้อเล่นแบบนี้อีก ข้าไม่ชอบ!” ปรามจ้องหน้าเพื่อนตัวแสบ เน้นเสียงจริงจัง
หนุ่มหน้าหวานรีบพยักหน้ารับหงึก ๆ
“ถ้าไอ้การมันล้อเล่นแบบนี้อีก บอกพี่นะ พี่จะจัดการมันเอง” ปรามหันไปบอกน้องสาว
“แน่นอนค่ะ” แล้วเข้าไปกอดแขนพี่ชายอ้อน
“พี่ปรามน่ารักที่สุดเลย”
น้องสาวเจ้าของบ้านหันไปมองหน้าเพื่อนพี่ชาย
‘สมน้ำหน้า! ชอบกวนดีนัก’ เธอบอกเขาด้วยสายตา ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครป่วนประสาทเธอมากเท่ากับเขาเลย
“พี่ปราม เขาก็ดีขึ้นแล้ว ให้เขากลับบ้านวันนี้เลยนะคะ” เธอเบื่อขี้หน้าหนุ่มจอมกวนเต็มทนแล้ว เมื่อไหร่จะไปเสียที
“แกดีขึ้นรึยัง?” ปรามเดินเข้าไปหาคนป่วย
“ก็...ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้วล่ะ” คนเพิ่งสร่างไข้ยังเดินหนี เมื่อเพื่อนก้าวเท้าเข้ามาหา ยังรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
“เดินหนีทำไม! มานี่!” ปรามยังเดินตามไปไม่หยุด เอื้อมมือคว้าแขนเพื่อนตัวแสบไว้ได้ทัน
“ข้าแค่เตือนเฉย ๆ อย่าให้มีอีก เข้าใจนะ” น้ำเสียงนั้นยังคงเข้มและเน้นหนัก
ปฏิการรีบพยักหน้ารับ รู้ดีว่าถ้าเพื่อนคนนี้เอาจริงขึ้นมาจะเป็นเช่นไร
ปรามรู้สึกว่า แขนของคนป่วยไม่ค่อยร้อนเหมือนเมื่อตอนบ่าย ดูเหมือนไข้จะลดแล้ว แสดงว่า น้ำเก๊กฮวยได้ผล
“มีแรงไหม” เขามองใบหน้าของคนป่วย แม้ว่าจะดูมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง แต่ยังดูอ่อนเพลียอยู่
“ค่อยกลับพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน” ปรามตัดสินใจให้เพื่อนซี้นอนพักอีกคืน กลัวว่าเพื่อนจะยังอ่อนเพลียอยู่ เพราะระยะทางจากบ้านไร่ทะเลฝันไปบ้านของปฏิการก็ไกลกันอยู่ไม่น้อย
หนุ่มหน้าหวานมองหน้าเพื่อนรักรับรู้ถึงความห่วงใยที่เพื่อนมีต่อเขาเสมอ ปรามเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร จะปรึกษาเพื่อนคนนี้ได้ตลอด เพื่อนจะคอยเตือนสติ คอยให้คำแนะนำที่ดี
ปริมาอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อมองการกระทำของพี่ชายเวลานี้ ช่างดูเป็นห่วงเพื่อนเกินเหตุหรือเปล่า? เธอจะต้องรีบหาแฟนให้พี่ชายแล้วล่ะ
‘หะ!! อะไรเนี่ย! พี่ปรามทำไมต้องให้หมอนี่อยู่ต่ออีกคืนด้วย!’ ปริมาหงุดหงิดขึ้นมาทันที
ปฏิการหันมายิ้มเยาะให้พยาบาลจำเป็น
‘หนอย!!’ ยิ่งอีกฝ่ายส่งยิ้มเยาะเยยมาให้ ยิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่
“เอายามากินหน่อยสิ ฉันอยากกินสตรอว์เบอร์รี่แล้ว” คนป่วยหันไปมองหน้ายัยตัวแสบ
หญิงสาวถอนหายใจ ทำหน้าเซ็งเป็ด ก่อนชี้นิ้วไปที่โต๊ะกลางห้องครัว ซึ่งมีขวดขมิ้นชันวางอยู่ โดยไม่เดินไปหยิบให้
“ก็กินสิ!”
“กินกี่เม็ดล่ะ” คนป่วยเดินไปที่โต๊ะกลางห้องหยิบขวดยาสมุนไพรขึ้นมาดู
“สองเม็ด” น้ำเสียงนั้นบอกถึงความรำคาญชายหนุ่มเต็มที เธอมองเขาด้วยสายตาตำหนิ
‘ไม่รู้จักอ่านรึไง! อ่านหนังสือไม่ออกเหรอ? ถามอยู่ได้!’
ปฏิการเทยาออกมาตามคำบอกของเธอ แล้วจ้องมองเม็ดยาอัดเม็ดมีลักษณะกลมและแบน มีสีเหลืองอยู่ในมือ ถึงจะเม็ดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ใช่เม็ดเล็ก ๆ แถมมีกลิ่นเฉพาะตัวอ่อน ๆ เขาจะกลืนลงไหมเนี่ย! ว่าแล้วจึงอ้าปากวางเม็ดยาไว้ใกล้กับลำคอ รีบดื่มน้ำตามทันที เหมือนลำคอจะไม่ยอมกลืนเม็ดยาลงไป เกือบจะอ้วกออกมา เขาต้องรีบดื่มน้ำตามเข้าไปอีกจึงกลืนลงคอไปได้
ปริมาเดินไปหยิบกล่องสตรอว์เบอร์รีออกมาจากตู้เย็น แล้วใช้ช้อนตักสตรอว์เบอร์รีออกมาใส่ชามให้หนุ่มผมยาว
หนุ่มจอมกวนยื่นหน้าไปดูสตรอว์เบอร์รีในชาม เห็นมีอยู่ประมาณสิบกว่าลูก
“น้อยจัง...เอาอีก”
แต่แทนที่อีกฝ่ายจะตักเพิ่มให้กลับตักออกอีกสามลูก
“หะ!” เขามองสตรอเบอร์รีในชามอย่างงุนงง ก่อนจะเงยหน้ามองคนตักให้
‘ได้ยังไง! แบบนี้ก็ได้เหรอ’ หนุ่มผมยาวไม่ยอม
“อย่าขี้โกงสิ!”
พยาบาลจำเป็นไม่ฟังเสียงคนโวยวาย ตักออกอีกสามลูกด้วยความหมั่นไส้
‘หะ!’ หากเขายังพูดโวยวายจะยิ่งได้น้อยลง หนุ่มหน้ามนมองหน้าเธอสลับกับชามสตรอว์เบอร์รี
“เอาออกอีก” ปรามอมยิ้ม มองหน้าเพื่อนเวลานี้ ที่ดูงุนงงและเหวออย่างมาก มันน่าแกล้งจริง ๆ
“ท้องแกยังไม่ค่อยดี ต้องกินน้อย ๆ ก่อน”
คนไข้มองหน้าเพื่อนซี้ ‘อะไรกันเนี่ย! รุมแกล้งกันเข้าไป’ แม้ว่ามันจะดูมีเหตุมีผลก็เถอะ
น้องสาวเจ้าของบ้านรีบทำตามคำสั่งพี่ชาย แต่ทว่ายังไม่ทันตักออกอีก ถูกมือหนุ่มผมยาวจับมือเธอไว้เสียก่อน
“ปล่อยมือน้องข้าเดี๋ยวนี้เลย” ปรามสั่งเสียงเข้มทันที นี่ต่อหน้าต่อตาเขายังกล้าทำขนาดนี้ เพิ่งจะพูดห้ามหยก ๆ
ปฏิการยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือหญิงสาว กลัวจะโดนเพื่อนเพ่นกบาลเข้าให้ แล้วรีบคว้าชามสตรอว์เบอร์รีเดินหนีออกจากห้องครัว อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว
สองพี่น้องหันมายิ้มให้กันอย่างขำ ๆ
*********************
หมอใหญ่วัยสี่สิบแปดปีหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟายาวข้างภรรยา พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาววัยสี่สิบเศษอย่างสนใจว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
“ดูอะไรอยู่ครับ อย่าบอกว่าดูหนุ่ม ๆ อยู่นะ” ปัณณวัตน์หยอกภรรยาเบา ๆ อย่างมีอารมณ์ขัน
ปัถยาละสายตาจากมือถือในมือมองหน้าสามีด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นคนที่เธอแอบหลงรักมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนตอนอยู่ปีหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นรุ่นพี่คณะแพทย์ศาสตร์อยู่ปีสี่ ไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้แต่งงานกับเขาจริง ๆ ความฝันของเธอพังทลายลง เมื่อเขาแต่งงานกับดาวมหาลัยคนสวย หญิงสาวยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริงว่า ขณะนี้เธอได้เป็นภรรยาของเขาแล้ว หลังจากที่รอมานานเกือบยี่ปี
“ดูหนุ่ม ๆ อยู่ค่ะ” เธอแอบพูดขำ ๆ พลางยิ้มแกล้งสามี ก่อนจะรีบพูดต่อไปว่า
“ดูคลิปลูกชายคุณอยู่ค่ะ เขาไปประกวดร้องเพลง ในรายการ วอยซ์ออฟเดอะสตาร์ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงนะคะ ร้องเพลงเพราะมาก คุณได้ดูหรือยังคะ” ปัถยายื่นมือถือให้คนนั่งข้าง ๆ ดู
สีหน้าของคนข้างตัวเครียดขึ้นมาทันที
“นี่มันกล้าไปประกวดร้องเพลงเหรอ?” นายแพทย์ใหญ่เคยบอกลูกชายตอนมาขอไปประกวดร้องเพลงว่าไม่เห็นด้วย ให้อยู่บ้านอ่านหนังสือให้สอบได้คะแนนดีอย่าติดเอฟ ทำให้เขาต้องขายหน้า หรือไม่ก็ไปเรียนกวดวิชาเสริมจะดีกว่า หนุ่มใหญ่อารมณ์เสียที่รู้ว่าลูกชายกล้าขัดคำสั่งของเขา พลางปัดมือถือของภรรยาให้ห่างจากตัว
“ใจเย็น ๆ ค่ะ เสียงเพลงก็มีประโยชน์นะคะ ทำให้คนเรามีความสุขได้น้า...” เธอจับมือสามีบีบเบา ๆ
“ตอนคุณจีบปาริชาติคุณยังใช้เพลงจีบเธอเลยนี่คะ” เธอพูดถึงอดีตภรรยาของเขา
“ต่อไปอย่าเอ่ยชื่อนี้ให้ผมได้ยินอีก” น้ำเสียงนั้นแข้งห้วนบ่งบอกความไม่พอใจอย่างมาก เขาอยากจะลืมคนที่เขาเคยทุ่มเทความรักให้จนหมดหัวใจ แต่เหมือนมันไม่มีค่า เธอเป็นภรรยาของเขา แต่เหมือนหัวใจไม่ใช่ เขาได้แค่กายของเธอตลอดมา เขาไม่น่าฝืนความจริงข้อนี้เลย เขาผิดเอง เขาไม่ควรแย่งเธอมาจากคนที่เธอรัก
ปัณณวัตร์มองคนข้างตัวที่ดูเงียบไป
“ตอนนี้ภรรยาของผมมีคนเดียว ชื่อ ปัถยา” หมอหนุ่มยกมือโอบภรรยามาไว้ในอ้อมแขน เขามองหน้าหญิงสาว คนที่เขาควรจะเลือกเธอมาตั้งนานแล้ว เธอเป็นเพื่อนที่แสนดี ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเลย แม้แต่ความรัก ไม่ว่าเขาจะมีเรื่องราวทุกข์ใจแค่ไหน เธอจะคอยรับฟังเขาเสมอ คอยปลอบเขาตลอดมา
หญิงสาวในอ้อมแขนอมยิ้มอย่างเขินอาย
“ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้ความฝันของฉันเป็นความจริง ที่ได้อยู่กับคุณ” จบประโยคนั้นเธอยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มคนที่เธอรัก
“สวัสดีคร้าบ....คุณพ่อ.....ผมกลับมาแล้วคร้าบ....” ปฏิการเดินเข้ามาในห้องรับแขก มองเห็นภาพนั้นพอดี ความไม่พอใจพุ่งปรี๊ดขึ้นมาจุกอยู่ที่หัวใจ ผู้หญิงคนนี้ใช้มารยาแบบนี้นี่เอง ถึงจับพ่อเขาไว้ได้ ทำไมเขาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่แสดงความรักต่อกันแบบนี้บ้างเลย
ความคิดเห็น