ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับคำท้าหัวใจยัยตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #7 : มองหน้าหาเรื่อง?

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 66


    รับคำท้าฯ

    ตอนที่ 7 

                    หนุ่มผมยาวหุบปากแล้วรีบดูดลูกอมทันทีว่ามันจะหวาน หอม  อมเปรี้ยว  หรือซ่า   แต่ผิดคาดเขาอึ้งไปชั่วขณะ!  เมื่อยาอัดเม็ดฟ้าทะลายโจรเริ่มละลาย  รสขมแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก  ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากัน   พร้อมใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยว  ก่อนจะหลับตาปี๋ แล้วเอียงคอก้มหน้าลง  สะบัดหัวไปมา  รีบอ้าปากทำท่าจะอ้วกออกมา  เขาวิ่งลงจากเตียงพรวดเข้าห้องน้ำอย่างเร็วที่สุด

                    ปริมามองสีหน้าเหยเกของหนุ่มผมยาวแล้ว  อดขำไม่ได้  พยายามเม้มริมฝีปากแน่นกลั้นหัวเราะเอาไว้ แต่ก็กลั้นไม่อยู่จริง ๆ  แล้วรีบถือแก้วน้ำดื่มตามไป  ได้ยินเสียงเขากำลังไอราวกับกำลังสำลัก  หรือมีอะไรบางอย่างติดคอ 

                    ปฏิการโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าซีดเซียว  สองมือเกาะอยู่ที่ขอบประตูห้องน้ำ  กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  รสขมยังติดอยู่ที่คออยู่เลย  ยัยตัวแสบเอาอะไรมาให้เขากินเนี่ย!  ลูกอมบ้าอะไร  ขมขนาดนี้!

                    “ดื่มน้ำก่อน” เธอรีบส่งแก้วน้ำในมือให้ชายหนุ่ม

                    เขารับแก้วน้ำไปดื่มรวดทีเดียวหมดแก้ว

                    “ลูกอมอะไรของเธอ  ขมปี๋ขนาดนี้”  คนป่วยโวยวายเอาเรื่อง

                    “ถ้าไม่บอกว่า ลูกอม  นายจะยอมกินยาง่าย ๆ หรือเปล่าล่ะ”  พยาบาลจำเป็นขึ้นเสียงแข็งใส่เขาอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

                    “ไม่ใช่เธออยากแกล้ง  ฉัน! เหรอ?”  เขาแค่นเสียงถาม  พลางจ้องคนที่ยืนตรงหน้า

                    “นายยังมีไข้อยู่ ไม่กินยาจะหายได้ไง  ฉันอยากให้นายหายไข้เร็ว ๆ ต่างหาก”  พยาบาลจำเป็นแก้ตัวอย่างมีเหตุมีผล

                    “ไม่ต้องเอายาอะไรมาให้กินแล้ว ฉันไม่กินทั้งนั้น”  คนไข้ขอปฏิเสธการกินยาทั้งปวงด้วยสีหน้าบึ้งตึง  เดี๋ยวจะให้เธอดูแลเขาจนเบื่อเลย!

                    “แล้ว....นายเป็นไงมั่งล่ะ ลืมบอกว่า ลูกอมนี้มันต้องกินน้ำตามด้วย”  พยาบาลจำเป็นพูดพลางอมยิ้มน้อย ๆ

                    “หมดแรงสิ  ถามได้! หิวมากด้วย”  เขากระแทกเสียงใส่  มองฝ่ายตรงข้ามมีหน้ามาหัวเราะเยาะอีก  คนอะไรแกล้งเขาชัด ๆ เลย

                    “มา...กินโจ๊กก่อน”  เธอหันไปบอกก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะข้างเตียง

                    “เดี๋ยวสิมาช่วยพยุงด้วย!” 

                    หญิงสาวหันขวับไปมองหน้าหนุ่มหน้ามน

                    อะไรนะ!            

                    เธอมองเขาด้วยสายตาของคำถาม?

                    ชายหนุ่มยื่นมือมาข้างหน้า  รอเธอเข้าไปช่วยประคอง

                    เดินไม่ไหวก็อยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ! 

                    เธออยากจะตอบเขาไปแบบนั้น  แต่ยั้งไว้อยู่แค่ในใจ  ยังไม่ได้พูดออกไป  ก่อนจะเลี่ยงพูดไปว่า

                    “ดูตัวฉันสิ  ตัวนิดเดียว  แล้วนายก็ตัวโตขนาดนี้ ฉันจะไปแบกนายไหวเหรอ  ฉันก็เคยเป็นไข้  เคยท้องเสียเหมือนกัน ไม่เห็นต้องให้ใครช่วยประคองเลย  เวลาฉันกับพี่ปรามป่วยก็กินฟ้าทะลายโจรนี่แหละ  ไม่เคยกินยาฝรั่งเลย”  เธออธิบายรัว ๆ  แล้วจัดโต๊ะเขียนหนังสือของพี่ชายให้เป็นที่นั่งทานข้าวของคนป่วย

                    เหอะไม่ประคองก็ไม่ประคองสิ

                    คนป่วยบ่นในใจ  แล้วเดินมาเอง  เขารู้อยู่แล้วว่า เธอไม่มีทางมาช่วยพยุงหรอก  แค่อยากแกล้งกวนประสาทเฉย ๆ

                    “ไหน...มีอะไรกินมั่ง”  ปฏิการเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของปราม  ยื่นหน้ามาดูอาหารบนโต๊ะ  ก่อนค่อย ๆ นั่งลง  เมื่อเธอยกชามกระเบื้องสีขาวลายดอกไม้มาวางไว้ตรงหน้า   ยกมือแตะดูยังร้อนอยู่เลย  แล้วเปิดฝาออก  กลิ่นหอมลอยมาพร้อมควันกรุ่น ๆ อยู่เหนือเมล็ดข้าวเนียนข้นในชาม  หน้าตาน่าทานมาก  หอมกระเทียมเจียว โรยหน้าด้วยผักชีและขิงอ่อน  เขาลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย

                    “นี่...ถามไรหน่อยสิ  เมื่อคืน...ฉันร้องเพลงเป็นไงบ้าง”  เขาเงยหน้าจากชามโจ๊กขึ้นมาถาม

                    “ก็ดี”  เธอตอบสั้น ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

                    “แล้ว...มีอะไรควรปรับปรุงมั้ย?”  เขาอยากรู้ความรู้สึกของคนฟังอย่างเธอ

                    คำถามนั้นทำให้เธอเอีองคอจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างพิจารณา

                    “หน้านายสวยมาก”

                    ห่ะ!!!  หนุ่มผมยาวฟังแล้วถอนหายใจออก  สวยอีกแล้ว! แม้แต่เธอก็ยังมองว่าเขาสวย

                    “นายควรจะทำหน้าให้แมนกว่านี้หน่อย” 

                    “ทำไงล่ะ”  เขาย้อนถาม

                    “ตัดผมสิ!  น่าจะทำให้ดูแมนขึ้นกว่านี้นะ”

                    คนฟังเบิกตาโตรีบส่ายหัวดิก 

                    “อะไรเล่า!  ไอดอลนักร้องคนโปรดของฉันเลย  ไว้ผมยาวแบบนี้แหละ”  เขาไม่ยอมเด็ดขาด  นักร้องที่เขาชื่นชอบไว้ผมยาวทุกคน

                    “งั้นก็...สวยต่อไปนะ”  หญิงสาวยักไหล่

                    “คนสวยยื่นแขนมา จะได้ทำแผลให้”  เธอมองหน้าเขาพลางส่งยิ้มระรื่น  แต่คนไข้ไม่ตอบ  และไม่ยอมทำตามที่เธอบอกอีกต่างหาก                  “คนสวยเร็วเข้าสิ!” พยาบาลจำเป็นย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นเขายังเฉยชาอยู่

                    คนป่วยก้มหน้ากินโจ๊กต่ออย่างไม่สนใจคนถามจนหมดชาม  ดื่มน้ำแล้วเดินกลับไปนอนต่อที่เตียง

                    อ้าวพูดด้วยก็ไม่พูดด้วย! ให้ตายสิ!   เธอเดินตามไปที่เตียง  มองเขานอนหันหลังให้เธอ

                    “คนสวย...มาทำแผลก่อน”  เขาไม่ตอบแถมเอาผ้าห่มคลุมโปงอีกต่างหาก

                    พยาบาลจำเป็นถอนหายใจ  เมื่อไหร่จะได้ออกไปซะทีเนี่ย 

                    นึกว่าอยากทำแผลให้รึไง  ถ้าพี่ปรามไม่สั่ง  ฉันก็ไม่อยากทำให้นะ รู้มั้ย?

                    เธอได้แต่บ่นอยู่ในใจ 

                    “นี่....สุดหล่อ...มาทำแผลก่อน”  สิ้นเสียงนั้น  คนป่วยรีบเอาผ้าห่มที่คลุมศีรษะออก  แล้วพลิกตัวหันมาหาทันทีด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น

                    ปริมาทำหน้าเซ็ง!  หล่อตายล่ะ!

                    “ลุกขึ้น  ยื่นแขนมาเร็ว ๆ เข้า”  เธอชักรำคาญ  มองเขานอนส่งยิ้มหวานอยู่ได้

                    คนไข้ยังนอนเฉย  ไม่ยอมทำตาม

                    หญิงสาวถอนหายใจ  ก่อนจะเรียกเขาอีกครั้ง

                    “สุดหล่อ  ลุกขึ้นนั่งดี ๆ  ยื่นแขนออกมาได้แล้ว”  เธอนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียงของเขา หยิบถาดอุปกรณ์ทำแผลมาวางบนเตียง

                    หนุ่มหน้าหวานรีบทำตามลุกขึ้นนั่ง  แล้วยื่นแขนข้างที่มีแผลออกมาอย่างว่าง่าย  พลางขยับตัวเข้ามาใกล้เธอ เพื่อให้ทำแผลได้สะดวก

                    “สุดหล่อ...ยกแขนค้างไว้นะ ห้ามเอาลง”  พูดพลางหยิบสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อสีฟ้ามาทำความสะอาดรอบแผลเล็กแผลน้อย  แผลของเขามีสะเก็ดขึ้นมาปิดแผลไว้หมดทุกแผลแล้ว แต่ยังมีรอยแดงอยู่โดยเฉพาะแผลใหญ่เหนือข้อศอก

                    ชายหนุ่มมองใบหน้าพยาบาลจำเป็น  เธอน่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น เวลาไม่วีนไม่โวยวายดูน่ารักมาก โดยเฉพาะเวลานี้

                    ดวงตากลมโตของหญิงสาวเลื่อนขึ้นมามองหน้าเขา  พบสายตาเขาจ้องมองเธออยู่

                    “มองไร!  ปริมารำคาญ  รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตลอดเวลา  เมื่อเงยหน้าขึ้นจากการทำแผล  พบสายตาของหนุ่มหน้าหวานกำลังมองเธออยู่   มีรอยยิ้มบาง ๆ ระบายอยู่บนใบหน้านั้น

                    มองหน้าหาเรื่องเหรอ?  จะมองอะไรกันนักหนา!   เธอหงุดหงิดที่รู้สึกว่า กำลังตกเป็นเป้าสายตาของฝ่ายตรงข้าม

                    ชายหนุ่มสะดุ้ง! เล็กน้อย  แล้วทำหน้าประหลาดใจสุด ๆ

                    “ทำไม?  มองไม่ได้เหรอ”  คนป่วยไม่ปฏิเสธว่า กำลังมองเธออยู่  ยังไม่ยอมละสายตาไปจากดวงหน้าของหญิงสาว   ยังกวนโมโหให้น่าโดนตื้บอีกต่างหาก  อย่างเขาจะไปทำอะไรเธอได้ นอกจากป่วนประสาทคนตรงหน้าเท่านั้น  แค่เห็นอีกฝ่ายอารมณ์เสีย นั่นหมายถึงการประสบความสำเร็จแล้ว

                    “ต้องมองสิ  ไม่มองจะรู้ได้ไง ว่าเธอจะแกล้งฉันอีกหรือเปล่า?”

                    นายคิดว่า ฉันไม่กล้าทำอะไรนายซึ่งหน้ารึไง?  เธอบอกเขาด้วยสายตา  หมอนี่จะสงบปากสงบคำบ้างเป็นมั้ย?

                    “ถ้านายมอง  ฉันจะกดแผลนายเดี๋ยวนี้เลย  หันไป!”  ว่าแล้วก็เอาสำลีทิ่มแผลใหญ่ของคนไข้อย่างแรง

                    “โอ๊ย!”  คนเจ็บรีบหันหน้าไปทางอื่น ทำไมต้องพูดจริงทำจริงขนาดนี้   แต่ซักพักใหญ่ ก็อดที่จะเหล่ตาแอบมองเธอไม่ได้

                    “ยัง....ยัง....อยากโดนอีกใช่มั้ย?”  น้ำเสียงนั้นทำให้อีกฝ่ายรีบหันหน้ากลับทันที 

                    “นี่...เอาแขนลงได้รึยัง เมื่อยแล้ว”  คนไข้เริ่มบ่นเบา ๆ

                    “ยัง...ยกสูงขึ้นอีกนิดหนึ่ง  พ่อสุดหล่อ...แป๊บนึงนะ”   พยาบาลจำเป็นอมยิ้มเมื่อเขายอมทำตามอย่างว่าง่าย   เธอทำแผลให้เสร็จแล้ว  แต่แกล้งให้เขายกแขนค้างอยู่อย่างนั้น  ก่อนจะรีบย่องออกจากห้องไป

                    “ทำอะไรอยู่เนี่ย....ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”

                    หนุ่มผมยาวยกแขนค้างอยู่อย่างนั้นนานแล้วจนเมื่อย  ไม่รู้สึกว่า เธอทำอะไรกับแผลของเขาอีกเลย   มันเงียบผิดปกติ  จึงหันไปดู  ปรากฏว่า ว่างเปล่า  พยาบาลจำเป็นหายตัวไปแล้ว  ให้มันได้ยังงี้สิ!

                    ยัยตัวแสบเอ๊ย!!!  เขาโดนเธอแกล้งอีกจนได้  เจ็บใจจริง ๆ

     

                    ***************

     

                    ปรามหัวเราะขำเพื่อนซี้  เมื่อน้องสาวเล่าปฏิบัติการลูกอมให้ฟัง  พลางยกมือโครงหัวน้องเบา ๆ อย่างเอ็นดู 

                    “แสบจริง ๆ เลย  ทำให้ไอ้การกินฟ้าทะลายโจรได้”  เขานึกไม่ถึงเลยว่าน้องสาวของเขาจะใช้แผนนี้หลอกเพื่อนตัวดีได้ผล

                    ปริมาเทน้ำสีอำพันใส่แก้วใส  เติมน้ำแข็งลงไปสี่ห้าก้อน  แล้วยื่นให้พี่ชาย

                    “พี่ปราม ทานน้ำเก๊กฮวยค่ะ” 

                    เจ้าของบ้านไร่ทะเลฝันรับแก้วมาแล้วยกขึ้นดื่ม  รู้สึกสดชื่นหายร้อนขึ้นมาทันทีเลย

                    “ไอ้การไข้ลดหรือยังล่ะ” 

                    คนถูกถามหยุดคิดเล็กน้อย เมื่อเช้าตอนเขาจับมือเธอไว้  มือนั้นยังร้อนมากอยู่เลย

                    “น่าจะยังค่ะ”  พยาบาลจำเป็นพูดเสียงเนือย ๆ  อดเซ็งไม่ได้  เมื่อไหร่เขาจะหายซักที  เธอเบื่อที่จะต้องดูแลหมอนั่นแล้ว  จะทำอะไรก็ไม่ได้ มัวแต่ต้องคอยดูแลคนป่วยอยู่นี่แหละ

                    “พี่ปรามเอาน้ำเก๊กฮวยกับข้าวต้มมื้อเที่ยงไปให้เขาด้วยนะคะ”  เธอเทน้ำเก๊กฮวยอุ่น ๆ ใส่กระบอกเก็บความร้อนลายการ์ตูนสีเขียวอ่อน  เวลาเป็นไข้กินฟ้าทะลายโจรแล้วไข้ยังไม่ลด  เธอจะต้มน้ำเก๊กฮวยใส่น้ำตาลเล็กน้อยเพื่อให้ทานง่ายขึ้น  ทานตอนกำลังอุ่น ๆ บ่อย ๆ  แป๊บเดียวไข้ลดลงเลย  เคยแนะนำวิธีนี้ให้หลายคนลองไปทำทานเวลามีไข้  ได้ผลดีมาก  โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ที่ไม่ชอบทานยา  แถมยังอร่อยอีกด้วย  เธออยากจะลองกินเฉาก๊วยตอนเป็นไข้ดูเหมือนกันว่าไข้จะลดลงหรือเปล่า?  มันคงจะอร่อยน่าดูเลย

                    “ได้สิ เดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง” ปรามเห็นสีหน้าน้องสาวดูไม่ค่อยสดใสคงจะเบื่อเพื่อนจอมกวนของเขาไม่น้อยเลย

                    “ขอบใจปริมมากนะ ที่ช่วยดูแลไอ้การ” 

                    “เมื่อไหร่เขาจะหายซักทีคะ”  เธออดบ่นกับพี่ชายไม่ได้

                    “เดี๋ยวกินน้ำเก๊กฮวยหมดกระบอกนี้  ก็หายแล้วล่ะ”  เขาปลอบคนทำหน้าเซ็ง

                    ปริมาพยักหน้ารับ  ก่อนเดินไปยกชามข้าวต้มสำหรับคนป่วยมื้อเที่ยงมาใส่ถาดให้เรียบร้อย

                    “ปริมจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวพี่ดูไอ้การต่อเอง”

                    หญิงสาวจึงยิ้มออกมาได้  อยากได้ยินประโยคนี้มาตั้งนานแล้ว

     

                    ******************

     

                    แสงแดดอ่อนของยามเย็นหายลับไปทางทิศตะวันตกของตัวบ้าน ได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งแว่วมามาตามสายลม  พร้อมกับกลิ่นคาวจากทะเล  แดดร่มลมตกชานหน้าบ้าน  จึงเป็นที่นั่งเล่นพักผ่อนสุดโปรดของน้องสาวเจ้าของบ้านไร่ทะเลฝัน  ลมพัดเอื่อยล้อผมตรงดำสนิทของปริมาที่รวบไว้ด้านหลังอย่างลวก ๆ  ปอยผมละไปตามแก้มใสของหญิงสาวแผ่วเบา  แผ่นหลังเอนตัวพิงกับเสาปูนของม้านั่งหินขัดอย่างสบายอารมณ์  ชันเข่าพิงมือถือในมือ  ปากกาในมืออีกข้างหนึ่งแตะอยู่ที่ปลายคางอย่างกำลังใช้ความคิด  ดวงตากลมจ้อมมองรายละเอียดภาพบนหน้าจอโทรศัพท์  เสิร์ทหาประโยชน์ของสินค้าที่กำลังลงบนเวปไซด์ เมื่อหาเจอแล้ว  กดคัดรอกข้อมูลวางบนหน้าจอในช่องรายละเอียดสินค้า  แล้วกดเลือกรูปสินค้าที่เธอถ่ายไว้แล้ว  ลงในกล่องใส่รูปสินค้า  ก่อนจะกดปุ่มบันทึก  ลงสินค้าเสร็จไปอีกหนึ่งรายการ

                    หญิงสาววางมือถือพิงไว้กับเข่าที่ชันไว้  เอื้อมมือหยิบสตรอว์เบอร์รี่แช่เย็นในชาม ที่วางอยู่บนม้านั่งตัวเตี้ยใกล้ ๆ  แม้ว่าสตรอว์เบอร์รี่ไร้สารพิษสีสันอาจจะไม่สวยนัก  ออกจะกระดำกระด่างเพราะเธอซื้อแบบมีตำหนิ เพราะราคาถูกหน่อย   แต่รสชาตินั้นกินขาด  เปรี้ยวอมหวานจี๊ดจ๊าดโดนใจเธอจริง ๆ  ยิ่งแช่เย็นยิ่งอร่อยชื่นใจ  เลื่อนหน้าจอกดดูเฟซบุ๊ก  หยุดที่โฆษณารับส่งสินค้า  เดี๋ยวนี้มีขนส่งมากมายให้เลือกใช้บริการ  แถมยังเข้ามารับถึงหน้าบ้านฟรีอีกด้วย  เธอกดส่งข้อความไปถามรายละเอียดราคาขนส่ง  มีกี่รายถามหมดทุกรายเพื่อเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการบริการ  กดคลิปบอร์ดข้อความ  ซึ่งจะบันทึกข้อความซ้ำ ๆ ที่ใช้บ่อยเอาไว้ เช่น  อยู่ไหนคะ  ราคาคะ  ขอรายละเอียดด้วยค่ะ   สามารถเลือกกดส่งได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เอง 

                    มือข้างหนึ่งยื่นไปหยิบสตรอว์เบอร์รี่ในชาม  แต่ทว่ากลับรู้สึกว่า มันไม่ใช่สตรอว์เบอร์รี่ซะแล้ว  รีบหันไปดู   มือเล็ก ๆ ของเธอวางอยู่บนฝ่ามือขาวของหนุ่มจอมกวน  และในมือของเขามีสตรอว์เบอร์รี่ลูกสุดท้ายอยู่

                    “กินด้วยสิ!”  เขายืนเอียงคอมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งหินขัด   มุมปากของชายหนุ่มโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ    

                    หญิงสาวรีบชักมือกลับทันที  มองสตรอว์เบอร์รี่ในชามที่ไม่เหลือแล้ว 

                    อะไรเนี่ยเขากล้าดียังไงมาขโมยสตรอว์เบอร์รี่ของเธอ

                    “ใครอนุญาตให้นายกินสตรอว์เบอร์รี่!”  เธอจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง

                    “ต้องขออนุญาตอีกแล้วเหรอ?”  เขาทำหน้าสงสัยเต็มประดา กวนโมโหฝ่ายตรงข้าม  ริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอเวลานี้มีสีแดงระเรื่อจากการทานสตรอว์เบอร์รี่  ทำให้สวยน่ารักมากขึ้น

                    “โธ่! เหลือแค่ลูกเดียวเอง  หวงไปได้”   ก่อนจะเอาสตรอว์เบอร์รี่ในมือเข้าปาก  รสชาติจี๊ดถูกใจเขาจริง ๆ สตรอว์เบอร์รี่ถือเป็นผลไม้สุดโปรดของเขาเลย

                    “หืม...อร่อยมากเลย  มีอีกมั้ย?”  เขารู้สึกว่าไม่เคยกินสตอเบอรี่ที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อนเลย

                    พยาบาลจำเป็นไม่ตอบคำถามนั้น แม้ว่าจะยังมีเหลืออยู่ในตู้เย็น รู้สึกหมั่นไส้เขาสุดขีด  เมื่อไหร่เขาจะกลับบ้านไปซะทีเนี่ยกวนประสาทได้ตลอดเวลา  พยายามหายใจเข้าลึก ๆ ออกยาว ๆ  เผื่อผ่อนคลายความหงุดหงิด

                    เอาน่ะ! เดินลงมาได้ขนาดนี้คงดีขึ้นแล้ว  ได้แต่พยายามปลอบใจตัวเอง

                    “ดีขึ้นแล้วเหรอ”  ปริมามองหน้าคนป่วยที่ตอนนี้ดูมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง  ไม่ซีดเซียวเหมือนตอนเช้า

                    ชายหนุ่มยกชามสตรอว์เบอร์รี่ออกแล้วนั่งลงที่ม้านั่งตัวนั้น  ยื่นมือไปตรงหน้าคนถาม

                    “จับดูดิ”

                    เหอะ!  ไม่มีมุกอื่นหรือไง  ไม่มีทาง! ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นแล้วละสายตาจากใบหน้าของชายหนุ่มมองที่มือถือแทน  ก้มหน้าก้มตาลงสินค้ารายการต่อไป  แต่รู้สึกไม่มีสมาธิเอาซะเลย  เมื่อมีเขามานั่งมองอยู่ข้าง ๆ แบบนี้

                    “ทำไรอยู่เหรอ”  หนุ่มหน้ามนโน้มตัวเข้าไปใกล้ดูมือถือที่อยู่ในมือของหญิงสาว

                    “ดีขึ้นแล้ว ก็กลับบ้านได้แล้วสิ?”  เธอขยับตัวหนีเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้

                    หนุ่มหน้าหวานถอนหายใจเบา ๆ  รอยยิ้มจางหายไปจากสีหน้านั้น

                    “เธอรู้มั้ย...กลับบ้านไป ก็ต้องอยู่กับคนแปลกหน้า  มันรู้สึกยังไง  พ่อฉันเพิ่งแต่งงานใหม่ ใครก็ไม่รู้ที่จะมาอยู่ในบ้านเดียวกัน ในตำแหน่งแม่ของฉัน”  เขารู้สึกยังทำใจให้ยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้เลย

                   

                   

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×