ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับคำท้าหัวใจยัยตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #6 : ช่วยป้อนหน่อย

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 67


                    ตอนที่ 6  ช่วยป้อนหน่อย


      “ส่งรีโมทย์มานี่!” เสียงปรามดุทั้งคู่ “แย่งกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้”


                    ปริมาจึงต้องปล่อยมือจากรีโมทย์อย่างเสียไม่ได้ ยอมให้หนุ่มผมยาวเอารีโมทย์ส่งต่อให้พี่ชาย


                    “เอางี้นะ ดูสลับกัน เดี๋ยวดูของการก่อน พอโฆษณาค่อยดูของปริม โอเคนะ” คำตัดสินของปรามถือเป็นที่สิ้นสุด แล้วชี้รีโมทย์ไปยังช่องที่มีรายการประกวดร้องเพลง


                    น้องสาวเจ้าของบ้านได้แต่ทำหน้าเซ็ง โกรธ! พี่ชายตัวดีเข้าข้างเพื่อนอีกแล้ว! เพราะนายปฏิการคนเดียว ทำให้เธออดดูพระเอกคนโปรดเลย ทำไมต้องมาแย่งเธอดูด้วย 


    ‘ทำยังกับอยู่บ้านตัวเองงั้นแหละ! คำว่าเกรงใจน่ะมีมั้ย?’ หญิงสาวได้แต่บ่นอยู่ในใจคนเดียวด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว จำใจนั่งดูรายการประกวดร้องเพลงไปพลาง ๆ เพื่อรอโฆษณา ยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีก เมื่อหนุ่มหน้าซีดหันมาส่งยิ้มกวนบาทา ยักคิ้วกวนประสาทให้กับเธออีก ประมาณว่า เสียใจด้วยนะจ๊ะ 


                    ภาพบนจอทีวีในรายการวอยซ์ออฟเดอะสตาร์ฉายไปบนเวทีขณะนักร้องกำลังร้องเพลง แต่เสียงร้องนั้นผิดคีย์ไปมาก ไฟสีแดงเป็นรูปกากะบาทปรากฏขึ้นบนหน้าแท่นของกรรมการทั้งสี่คนพร้อมกับเสียงไซเรนเหมือนรถพยาบาลเป็นอันรู้กันว่า นักร้องต้องหยุดร้องทันทีเมื่อกรรมการตัดสินไม่ให้ผ่าน


                    ปฏิการเอนตัวพิงกับพนักโซฟา ยกมือมาประสานกันไว้ที่หน้าท้องของตนเอง ท้องของเขายังไม่ปกติเหมือนกำลังมีคลื่นวนอยู่ในลำไส้ เขาตบท้องตัวเองเบา ๆ อย่างขอร้อง! อย่าเพิ่งปวดถ่ายตอนนี้ เย็นไว้... นั่งมองหน้าจอด้วยใจจดจ่อเพราะนักร้องคนต่อไป ที่ก้าวขึ้นมาบนเวทีคือ ตัวเขาเอง    

                    “เท่ห์ไม่เบาเลยว่ะ!  ปรามหันไปยกหมัดกระแทกต้นแขนเพื่อนเบา ๆ  เมื่อมองเห็นชายหนุ่มผมยาวหวีผมเรียบแปล้ สวมสูทสีขาวทั้งชุดเดินออกมาบนเวที  แสงสปอร์ตไลน์สาดมาจับใบหน้าขาวละมุนของเพื่อนซี้  ทำให้เขาดูมีออร่าสว่างไปทั้งเวทีราวกับดาวกฤษกำลังส่องแสง

                    “ยืมเขามา”  ปฏิการรู้สึกเขินเมื่อมองเห็นตัวเอง  พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากัดเล็บเบา ๆ อย่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวเองร้องเพลง

                    “แนะนำตัวเลยค่ะ”  เสียงกรรมการบอกและส่งรอยยิ้มให้

                    หนุ่มหล่อชุดขาวบนเวทีส่งยิ้มอย่างรู้สึกเขินก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดแนะนำตัว

                    “สวัสดีครับ  ผมชื่อปฏิการ  ปฏิภาคทวีกานต์  วันนี้ผมจะมาร้องเพลง  คิดถึงเหลือเกิน  ขอมอบเพลงนี้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง  ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมมาตลอด  คอยดูแลและให้กำลังใจ คอยสนับสนุนให้ผมได้ทำสิ่งที่ผมรัก  คือการร้องเพลง  แม้ว่าวันนี้เราไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม  ขอบคุณเวทีแห่งนี้ที่จะเป็นสื่อกลาง  ส่งผ่านความคิดถึงที่ผมมี...ไปยังผู้หญิงคนนั้น หวังว่าเธอคงได้ยินและรับรู้...ว่าผม...คิดถึงเธอมากแค่ไหน...”  เขาหยุดพูดลงไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดต่อไป

                    “ผู้หญิงคนนั้นคือ...แม่...ของผมครับ” 

                    อินโทรของเพลงคิดถึงเหลือเกินบรรเลงขึ้นมาเมื่อเขาพูดจบลง 

                    ไกล.............

                    อาจจะไกล..........แสนไกล............อาจจะไกล....จนสุดสายตา....

                    เขาทอดเสียงผ่านไมล์โครโฟนที่ค่อย ๆ ยกขึ้นสูง  และดึงห่างออกไป  ส่งผ่านความรู้สึก.... ช่างห่างไกลเหลือเกิน....ส่งผ่านความคิดถึงไปยังคนที่เขารัก  ที่ไม่เคยรู้ว่า ตอนนี้...เธออยู่ที่ไหน และอยู่ไกลเกินกว่าสายตาของเขาจะค้นหาได้

                     เสียงปรบมือดังขึ้นลั่นหอประชุมใหญ่  และตกตะลึงในน้ำเสียงที่แฝงด้วยพลังราวกับกำลังอยู่ใต้มนต์สะกดแห่งความคิดถึงของผู้เข้าประกวดร้องเพลง

                    เราห่างกัน....อาจจะไกล...สุดฟ้า........

                   

                    กรรมการทุกคนกดปุ่มเครื่องหมายผ่านพร้อมกันทั้งสี่คนด้วยความประหลาดใจที่เขาขึ้นเสียงสูงสุดได้ดีมากและมีพลังอย่างน่าทึ่ง   ไฟสีเขียวเป็นเครื่องหมายถูกปรากฏขึ้นหน้าแท่นของกรรมการแต่ละท่าน 

     

                    อาจจะเกิน...ที่จะพบกัน

                    แต่ความห่างไกล...ไม่เคย...ห้ามใจ

                    ที่ยังคิดถึง...ส่งไปให้ถึง....ใจเธอ
                   

                    .....อยากจะบอก....เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......

     

                    ทั้งกรรมการและผู้ชมในห้องประชุมขนาดใหญ่กำลังนิ่งฟังคนบนเวทีกำลังร้องเพลงอย่างดื่มด่ำ มีความรู้สึกร่วมและอินไปกับเสียงเพลง  ทุกสายตาจ้องมองไปที่หนุ่มชุดขาว  ไม่อาจละสายตาไปจากลีลาท่าทางการร้องเพลงของเขาได้เลย

                    .....อยากจะบอก....เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......

                    เสียงดนตรีเงียบลงไปชั่วอึดใจเดียว  แล้วบรรเลงขึ้นมาใหม่พร้อมกับดนตรีที่เริ่งเร้าดังกระหึ่มห้องประชุม

                    คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......

                    คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......

                    คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......

                    เขาร้องขึ้นเสียงสูงมากซ้ำ ๆ ประโยคเดียวกัน  ปลดปล่อยพลังเสียงแห่งความคิดถึงจนสุดเสียงในประโยคสุดท้าย  กระจายออกไปจนทั่วหอประชุม  ทุกคนสัมผัสถึงความคิดถึงของเขาที่กระแทกกระทั้นเข้าไปในของหัวใจ

                    .....อยากจะบอก...เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......

                    เสียงดนตรีหยุดลงเงียบสนิท  สองมือจับไมค์แน่นก่อนจะถ่ายทอดเสียงออกไป พร้อมกับหลับตาลง

                    .....อยากจะบอกเธอ.....

                    คิดถึงเธอ.....

                    เหลือ............เกิน.......

                    สิ้นเสียงร้องของเขาที่หายไปในลำคอนั้น  ทุกคนในหอประชุมขึ้นลุกขึ้นยืนตบมือจนดังสนั่นด้วยความซาบซึ้งกับบทเพลงนี้

                    ปรามยกมือบีบไหล่เพื่อนหนุ่มเบา ๆ เพลงที่เพื่อนร้องออกมาจากหัวใจ  ทำให้เขาสัมผัสความรู้สึกของความคิดถึงที่มีมากมายเหลือเกิน  และมันทำให้เขาคิดถึงแม่ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับเช่นกัน

                    “แกร้องดีมาก”  เขามองหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้มและมีน้ำตาคลออยู่

                    ปริมานิ่งอึ้งกับพลังเสียงของหนุ่มผมยาว  ที่กลั่นความคิดถึงผ่านบทเพลงกระแทกเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอ  ไม่รู้เลยผู้ชายมาดกวนอย่างเขาจะร้องเพลงได้ดีและเต็มเปี่ยมด้วยพลังขนาดนี้

                    ปฏิการหยิบรีโมทย์ส่งให้น้องสาวเพื่อน

                    เธอมองเขาอย่างงุนงงขณะรับรีโมทย์

                    “ข้าไปก่อนนะ  ข้าศึกบุกอีกแล้ว”  เขารู้สึกปวดท้องถ่ายอีกแล้ว หัวหนักอึ้งไปหมดด้วยฤทธิ์ไข้  ชักไม่แน่ใจตัวเองว่า ว่ามันคุ้มรึเปล่าที่ยอมทำแบบนี้  แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้  ปรามคงไม่ให้อยู่ที่นี่ต่อ  ต้องไล่กลับบ้านแน่นอน  เขาจำนนต่อเหตุผลและความหวังดีของเพื่อนคนนี้เสมอ

                    ปรามขยับตัวเข้ามานั่งข้างน้องสาวที่นั่งนิ่งเงียบจนผิดปกติ  และรู้ว่า  เธอกำลังคิดถึงแม่เช่นกัน  เขาวางมือลงบนหลังมือของน้องคนเล็กอย่างปลอบโยน

                    ปริมาเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา โผกอดพี่ชายไว้

                    “ปริม...คิดถึง...แม่...จังเลยค่ะ” 

                    “ปริมเก่งมาก  แม่ต้องภูมิใจในตัวปริมแน่นอน”  เขาสวมกอดน้องสาวไว้  เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเหมือนแม่ไม่มีผิด  เมื่อแม่รู้ว่าพ่อทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง  แม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพ่อเลยแม้แต่น้อย  และเป็นฝ่ายจากมา  เขากับน้องเลือกที่จะอยู่กับแม่มากกว่าที่จะไปอยู่กับพ่อ

     

                    ******************** 

     

                    ชามโจ๊กร้อน ๆ   ขวดยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร  ขวดน้ำดื่ม  น้ำมันมะพร้าวและอุปกรณ์ทำแผลอยู่ในถาดสี่เหลี่ยม  ถูกวางลงบนโต๊ะข้างเตียงคนป่วย  ใบหน้าของปริมาบอกอาหารเบื่อหน่ายสุด ๆ  เมื่อพี่ชายสั่งให้ไปดูแลคนป่วยและทำแผลให้เขา  ก่อนจะออกไปต้อนรับลูกค้าที่รีสอร์ด  เพราะวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้มักมีคณะทัวร์ใหญ่มาลง

                    หญิงสาวมองใบหน้าอันซีดเซียวของคนป่วยบนเตียง เวลานี้เขาเหมือนเด็กน้อยกำลังหลับสนิท ผมยาวบางส่วนที่ระมาด้านหน้าข้างแก้มของชายหนุ่มนั้น  ทำให้ใบหน้าของเขาเหมือนภาพวาดจีนโบราณไม่มีผิด  ร่างนั้นนอนตะแคงและขดตัวงอเหมือนกุ้ง  สองแขนของเขากอดผ้าห่มลายโดเรมอลเอาไว้  มือวางอยู่บนผ้าห่มนั้นเรียวสวย  ตรงนิ้วกลางสวมแหวนเงินที่มีลวดลายเป็นรูปกากบาท  อดค่อนแคะคนป่วยไม่ได้  ผู้ชายอะไรหน้าสวยมือสวยขนาดนี้

                    สาวบัญชีค่อย ๆ ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของหนุ่มบนเตียง  แต่ยังไม่ทันแตะก็ลดมือลงอย่างรำคาญใจ  ทำไมคนอย่างเธอต้องมาดูแลเขาด้วย!  นึกโกรธพี่ชายจริง ๆ  เอะอะ! อะไรก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เธอทำลงไป  ก็เขากินเข้าไปเยอะเอง  จะมาโทษเธอได้อย่างไรเล่า....?  พลางถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก  เกิดมาไม่เคยต้องดูแลผู้ชายคนไหนนอกจากพี่ชายและพ่อเลย  ให้ตายสิ!  ทำใจไม่ได้จริง ๆ 

    ปริมาคิดมาตลอดว่า ชีวิตของเธอจะไม่ยอมดูแลผู้ชายคนไหนอีกแล้ว  ตั้งแต่พ่อเลิกกับแม่  ทำให้เธอแทบจะอคติกับผู้ชายทั้งโลก  ตั้งใจอยากจะเป็นโสดตลอดชีวิต อยากจะขึ้นคาน  ไม่อยากมีคู่ และไม่อยากจะแต่งงาน

                    อยู่ ๆ มือของเขาก็คว้ามือของเธอเอาไว้  

                    กรี๊ด.................................................

                    หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเตียงตกใจอยากจะร้องกรี๊ด  แล้วพยายามดึงมือตัวเองออกมา

                    “แม่....”  เขาจับมือเธอไว้แน่น

                    “แม่...อย่าไป...” 

                     เขาดึงมือเธอไปแนบไว้ใต้แก้มขาวละมุนของตัวเอง  ใบหน้านั้นอมยิ้มน้อย ๆ ดูมีความสุขมาก 

    ริมฝีปากของหญิงสาวเผยอเล็กน้อยด้วยความตกใจ ส่ายหน้าเลิกลั่กไปมาจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง   แล้วรีบดึงสติสตังค์กลับมา

                    “นี่!  ฉันไม่ใช่แม่ของนาย!  สาวชาวสวนจ้องหน้าคนป่วยเขม็ง  เขาละเมอหรือแกล้งหลับแกล้งเธอกันแน่! พยายามดึงมือตัวเองออกมา

                    “อย่าคิดว่า นายป่วยอยู่ ฉันจะไม่กล้าทำอะไรนายนะ!    หากหนุ่มผมยาวไม่ยอมปล่อยมือเธอจะหยิกให้เขียวเลย  คอยดู!  ในที่สุดก็ดึงมือตัวเองหลุดออกมาจากฝ่ามือใหญ่โตของเขาจนได้  เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกไปที  ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนจับมือถือแขนเธอได้เลย

                    คนบนเตียงขยับตัวบิดขี้เกียจ  ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา   เสียงโวยวายของเธอปลุกให้เขาตื่น  พลางยกมือบังแสงแดดจ้าที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง  ก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง  ริมฝีปากบางนั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก  บอกแล้วว่า ยัยตัวแสบต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เธอทำกับเขา!  อย่างไรปรามต้องให้เธอมาดูแลเขาแน่นอน

                    “นายไข้ลดหรือยัง?”

                    คนถูกถามไม่ตอบ  คว้ามือเธอไปแปะไว้ที่หน้าผากของตัวเอง   แต่คราวนี้น้องสาวเพื่อนไม่ยอมให้เขาทำแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง  มือน้อย ๆ หยิกแขนของชายหนุ่มที่คว้ามือเธอไว้จนเขาต้องรีบปล่อยมือด้วยความเจ็บ

                    “อูย.....”  เขาเจ็บจนต้องส่งเสียงรอดไรฟันออกมา  พลางลูบแขนบริเวณที่ถูกหยิกไปมา  คนอะไรโคตรดุเลย  ตั้งแต่เล็กจนโตเขามีแต่สาว ๆ ตามจีบเป็นที่สนใจตลอดมา  เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่แสดงปฏิกิริยารำคาญเขาอย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้

                    “ขอเตือน!  อย่าทำแบบนี้อีก”  น้ำเสียงนั้นเฉียบขาด

                    “ก็ไม่จับดูแล้วจะรู้ได้ไงเล่า...”  คนป่วยค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง  มองหน้าพยาบาลจำเป็น 

                    “จับดูสิ!  หนุ่มจอมกวนยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว  ให้เธอแตะหน้าผากดู

                    ปริมาผงะ!  รีบเบนตัวหนีใบหน้าขาวละมุนของชายหนุ่มที่ยื่นเข้ามาใกล้ แถมยังกล้าส่งรอยยิ้มกวนประสาทมาอีก  มันน่าเขกมะแหงกที่หน้าผากมนของเขาเสียจริง! 

                    หนุ่มหน้าหวานมองสายตาของหญิงสาวแล้ว   รีบถอยตัวกลับที่ตั้งเพื่อความปลอดภัย  ก่อนที่จะโดนอะไรเพ่นกบาลเข้าซักทีสองที

                    “ขอน้ำกินหน่อยดิ”  เขามองน้องสาวเพื่อนที่ถอยออกไปยืนซะห่างเลย

                    อีกฝ่ายจึงค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามาที่โต๊ะข้างเตียง รินน้ำใส่แก้วส่งให้คนขอ

                    “ยังไม่ค่อยมีแรงเลย  ช่วยป้อนหน่อย”  พลางทำเสียงเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรง

                    พยาบาลจำเป็นแทบถลึงตาใส่คนไข้  พลางส่งเสียงรอดไรฟันอย่างไม่พอใจ  สีหน้าบอกอาการเบื่อหน่ายเขาสุด ๆ

                    หนอย....!  ทำเป็นไม่มีแรง!  เดี๋ยวเหอะ!

                    เธอจำใจยกแก้วน้ำไปจ่อไว้ที่ริมฝีปากของหนุ่มเจ้าปัญหา  เมื่อเขาดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว  ยกแก้วน้ำกลับไปวางลงในถาดที่โต๊ะข้างเตียง  แล้วหยิบขวดลูกอมขึ้นมาไว้ในมือ

                    คนป่วยอึ้งไปครู่หนึ่งที่พยาบาลจำเป็นยอมมาป้อนน้ำให้เขาแต่โดยดี  ไม่คิดว่าจะยอมป้อนจริง ๆ แค่อยากแกล้งกวนประสาทเล่นเท่านั้นเอง  สายตานั้นจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น  แสงแดดเจิดจ้าจากภายนอกจับใบหน้านั้นให้สว่างกระจ่างใส

                    “พี่ปรามฝากมาให้”  พยายาลบอกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย             

                    คนป่วยยื่นหน้ามาดูขวดในมือของเธออย่างสงสัย  คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

                    “อะไรเหรอ?”

                    “ลูกอม”  ปริมาตอบเขาด้วยน้ำเสียงขอไปที  แม้จะรู้ดีว่าข้างในนั้นไม่ใช่!

                    “หืม....”  เขาส่งเสียงในลำคอเบา ๆ อย่างแปลกใจ  เอียงคอมองขวดสีขาวในมือของเธอ  มีรูปผลไม้เหมือนขวดลูกอมที่เพื่อนซี้เคยอมบ่อย ๆ

                    “พี่ปรามซื้อมาให้นายเมื่อเช้า...”  เธอคิดมาก่อนหน้านี้ว่า จะทำให้เขากินยาได้อย่างไร   ขนาดมะระเขายังกินไม่ได้เลย  แล้วนี่ฟ้าทะลายโจรเขาจะกินลงได้หรือ?   เพราะพี่ชายบอกว่า คนป่วยเป็นคนกินยายากมาก  จึงเปลี่ยนขวดฟ้าทะลายโจรเป็นขวดลูกอมแทน ยังไงก็ต้องให้เขายอมเอาเข้าปากให้ได้ก่อน

                    “นายลองกินดู...ถ้านายไม่ชอบ....”  คนพูดทำน้ำเสียงเนือย ๆ  

                    “ให้ฉันแทนก็ได้นะ  ฉันชอบมากเลย”  แล้วทำหน้าระรื่นขึ้นมาทันที  ดึงขวดลูกอมเข้าหาตัวเอง

                    “ได้ไง  ปรามซื้อมาให้ทั้งที  เอามาเลย” 

                    “ลองชิมดูก่อนนะ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องเอาไป  ให้ฉันก็แล้วกัน”  เธอพูดพลางหมุนฝาขวดลูกอมในมือ 

                    หนุ่มผมยาวรีบแบมือมารอรับลูกอม

                    พยาบาลจำเป็นชะงักเล็กน้อย  มองฝ่ามือของคนไข้ที่แบมืออยู่ตรงหน้าเธอ  จะให้เขาเห็นเม็ดยาก่อนไม่ได้เด็ดขาด!

                    “มือนายสกปรก  อ้าปากสิ! 

                    อีกฝ่ายยอมอ้าปากแต่โดยดี 

                    มุมปากของหญิงสาวมีรอยยิ้มที่พยายามซ่อนเอาไว้  แล้วเทยาสองเม็ดใส่ปากคนป่วย  จะบอกเขาว่า  ลูกอมนี้ทานแล้วต้องกินน้ำตามด้วย  แต่คิดไม่ออกว่าจะบอกเขายังไงดี  กลัวเขาจะรู้ว่า  มันไม่ใช่ลูกอม

                   

                   

                   

     

                   

                   

                   

                   

                   

                   

                   

                   

                     

                   

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×