คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ช่วยป้อนหน่อย
ตอนที่ 6 ช่วยป้อนหน่อย
“ส่งรีโมทย์มานี่!” เสียงปรามดุทั้งคู่ “แย่งกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้”
ปริมาจึงต้องปล่อยมือจากรีโมทย์อย่างเสียไม่ได้ ยอมให้หนุ่มผมยาวเอารีโมทย์ส่งต่อให้พี่ชาย
“เอางี้นะ ดูสลับกัน เดี๋ยวดูของการก่อน พอโฆษณาค่อยดูของปริม โอเคนะ” คำตัดสินของปรามถือเป็นที่สิ้นสุด แล้วชี้รีโมทย์ไปยังช่องที่มีรายการประกวดร้องเพลง
น้องสาวเจ้าของบ้านได้แต่ทำหน้าเซ็ง โกรธ! พี่ชายตัวดีเข้าข้างเพื่อนอีกแล้ว! เพราะนายปฏิการคนเดียว ทำให้เธออดดูพระเอกคนโปรดเลย ทำไมต้องมาแย่งเธอดูด้วย
‘ทำยังกับอยู่บ้านตัวเองงั้นแหละ! คำว่าเกรงใจน่ะมีมั้ย?’ หญิงสาวได้แต่บ่นอยู่ในใจคนเดียวด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว จำใจนั่งดูรายการประกวดร้องเพลงไปพลาง ๆ เพื่อรอโฆษณา ยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีก เมื่อหนุ่มหน้าซีดหันมาส่งยิ้มกวนบาทา ยักคิ้วกวนประสาทให้กับเธออีก ประมาณว่า เสียใจด้วยนะจ๊ะ
ภาพบนจอทีวีในรายการวอยซ์ออฟเดอะสตาร์ฉายไปบนเวทีขณะนักร้องกำลังร้องเพลง แต่เสียงร้องนั้นผิดคีย์ไปมาก ไฟสีแดงเป็นรูปกากะบาทปรากฏขึ้นบนหน้าแท่นของกรรมการทั้งสี่คนพร้อมกับเสียงไซเรนเหมือนรถพยาบาลเป็นอันรู้กันว่า นักร้องต้องหยุดร้องทันทีเมื่อกรรมการตัดสินไม่ให้ผ่าน
ปฏิการเอนตัวพิงกับพนักโซฟา ยกมือมาประสานกันไว้ที่หน้าท้องของตนเอง ท้องของเขายังไม่ปกติเหมือนกำลังมีคลื่นวนอยู่ในลำไส้ เขาตบท้องตัวเองเบา ๆ อย่างขอร้อง! อย่าเพิ่งปวดถ่ายตอนนี้ เย็นไว้... นั่งมองหน้าจอด้วยใจจดจ่อเพราะนักร้องคนต่อไป ที่ก้าวขึ้นมาบนเวทีคือ ตัวเขาเอง
“เท่ห์ไม่เบาเลยว่ะ!” ปรามหันไปยกหมัดกระแทกต้นแขนเพื่อนเบา ๆ เมื่อมองเห็นชายหนุ่มผมยาวหวีผมเรียบแปล้ สวมสูทสีขาวทั้งชุดเดินออกมาบนเวที แสงสปอร์ตไลน์สาดมาจับใบหน้าขาวละมุนของเพื่อนซี้ ทำให้เขาดูมีออร่าสว่างไปทั้งเวทีราวกับดาวกฤษกำลังส่องแสง
“ยืมเขามา” ปฏิการรู้สึกเขินเมื่อมองเห็นตัวเอง พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากัดเล็บเบา ๆ อย่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวเองร้องเพลง
“แนะนำตัวเลยค่ะ” เสียงกรรมการบอกและส่งรอยยิ้มให้
หนุ่มหล่อชุดขาวบนเวทีส่งยิ้มอย่างรู้สึกเขินก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดแนะนำตัว
“สวัสดีครับ ผมชื่อปฏิการ ปฏิภาคทวีกานต์ วันนี้ผมจะมาร้องเพลง คิดถึงเหลือเกิน ขอมอบเพลงนี้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมมาตลอด คอยดูแลและให้กำลังใจ คอยสนับสนุนให้ผมได้ทำสิ่งที่ผมรัก คือการร้องเพลง แม้ว่าวันนี้เราไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ขอบคุณเวทีแห่งนี้ที่จะเป็นสื่อกลาง ส่งผ่านความคิดถึงที่ผมมี...ไปยังผู้หญิงคนนั้น หวังว่าเธอคงได้ยินและรับรู้...ว่าผม...คิดถึงเธอมากแค่ไหน...” เขาหยุดพูดลงไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดต่อไป
“ผู้หญิงคนนั้นคือ...แม่...ของผมครับ”
อินโทรของเพลงคิดถึงเหลือเกินบรรเลงขึ้นมาเมื่อเขาพูดจบลง
ไกล.............
อาจจะไกล..........แสนไกล............อาจจะไกล....จนสุดสายตา....
เขาทอดเสียงผ่านไมล์โครโฟนที่ค่อย ๆ ยกขึ้นสูง และดึงห่างออกไป ส่งผ่านความรู้สึก.... ช่างห่างไกลเหลือเกิน....ส่งผ่านความคิดถึงไปยังคนที่เขารัก ที่ไม่เคยรู้ว่า ตอนนี้...เธออยู่ที่ไหน และอยู่ไกลเกินกว่าสายตาของเขาจะค้นหาได้
เสียงปรบมือดังขึ้นลั่นหอประชุมใหญ่ และตกตะลึงในน้ำเสียงที่แฝงด้วยพลังราวกับกำลังอยู่ใต้มนต์สะกดแห่งความคิดถึงของผู้เข้าประกวดร้องเพลง
เราห่างกัน....อาจจะไกล...สุดฟ้า........
กรรมการทุกคนกดปุ่มเครื่องหมายผ่านพร้อมกันทั้งสี่คนด้วยความประหลาดใจที่เขาขึ้นเสียงสูงสุดได้ดีมากและมีพลังอย่างน่าทึ่ง ไฟสีเขียวเป็นเครื่องหมายถูกปรากฏขึ้นหน้าแท่นของกรรมการแต่ละท่าน
อาจจะเกิน...ที่จะพบกัน
แต่ความห่างไกล...ไม่เคย...ห้ามใจ
ที่ยังคิดถึง...ส่งไปให้ถึง....ใจเธอ
.....อยากจะบอก....เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
ทั้งกรรมการและผู้ชมในห้องประชุมขนาดใหญ่กำลังนิ่งฟังคนบนเวทีกำลังร้องเพลงอย่างดื่มด่ำ มีความรู้สึกร่วมและอินไปกับเสียงเพลง ทุกสายตาจ้องมองไปที่หนุ่มชุดขาว ไม่อาจละสายตาไปจากลีลาท่าทางการร้องเพลงของเขาได้เลย
.....อยากจะบอก....เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เสียงดนตรีเงียบลงไปชั่วอึดใจเดียว แล้วบรรเลงขึ้นมาใหม่พร้อมกับดนตรีที่เริ่งเร้าดังกระหึ่มห้องประชุม
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เขาร้องขึ้นเสียงสูงมากซ้ำ ๆ ประโยคเดียวกัน ปลดปล่อยพลังเสียงแห่งความคิดถึงจนสุดเสียงในประโยคสุดท้าย กระจายออกไปจนทั่วหอประชุม ทุกคนสัมผัสถึงความคิดถึงของเขาที่กระแทกกระทั้นเข้าไปในของหัวใจ
.....อยากจะบอก...เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เสียงดนตรีหยุดลงเงียบสนิท สองมือจับไมค์แน่นก่อนจะถ่ายทอดเสียงออกไป พร้อมกับหลับตาลง
.....อยากจะบอกเธอ.....
คิดถึงเธอ.....
เหลือ............เกิน.......
สิ้นเสียงร้องของเขาที่หายไปในลำคอนั้น ทุกคนในหอประชุมขึ้นลุกขึ้นยืนตบมือจนดังสนั่นด้วยความซาบซึ้งกับบทเพลงนี้
ปรามยกมือบีบไหล่เพื่อนหนุ่มเบา ๆ เพลงที่เพื่อนร้องออกมาจากหัวใจ ทำให้เขาสัมผัสความรู้สึกของความคิดถึงที่มีมากมายเหลือเกิน และมันทำให้เขาคิดถึงแม่ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับเช่นกัน
“แกร้องดีมาก” เขามองหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้มและมีน้ำตาคลออยู่
ปริมานิ่งอึ้งกับพลังเสียงของหนุ่มผมยาว ที่กลั่นความคิดถึงผ่านบทเพลงกระแทกเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอ ไม่รู้เลยผู้ชายมาดกวนอย่างเขาจะร้องเพลงได้ดีและเต็มเปี่ยมด้วยพลังขนาดนี้
ปฏิการหยิบรีโมทย์ส่งให้น้องสาวเพื่อน
เธอมองเขาอย่างงุนงงขณะรับรีโมทย์
“ข้าไปก่อนนะ ข้าศึกบุกอีกแล้ว” เขารู้สึกปวดท้องถ่ายอีกแล้ว หัวหนักอึ้งไปหมดด้วยฤทธิ์ไข้ ชักไม่แน่ใจตัวเองว่า ว่ามันคุ้มรึเปล่าที่ยอมทำแบบนี้ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ปรามคงไม่ให้อยู่ที่นี่ต่อ ต้องไล่กลับบ้านแน่นอน เขาจำนนต่อเหตุผลและความหวังดีของเพื่อนคนนี้เสมอ
ปรามขยับตัวเข้ามานั่งข้างน้องสาวที่นั่งนิ่งเงียบจนผิดปกติ และรู้ว่า เธอกำลังคิดถึงแม่เช่นกัน เขาวางมือลงบนหลังมือของน้องคนเล็กอย่างปลอบโยน
ปริมาเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา โผกอดพี่ชายไว้
“ปริม...คิดถึง...แม่...จังเลยค่ะ”
“ปริมเก่งมาก แม่ต้องภูมิใจในตัวปริมแน่นอน” เขาสวมกอดน้องสาวไว้ เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเหมือนแม่ไม่มีผิด เมื่อแม่รู้ว่าพ่อทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง แม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพ่อเลยแม้แต่น้อย และเป็นฝ่ายจากมา เขากับน้องเลือกที่จะอยู่กับแม่มากกว่าที่จะไปอยู่กับพ่อ
********************
ชามโจ๊กร้อน ๆ ขวดยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ขวดน้ำดื่ม น้ำมันมะพร้าวและอุปกรณ์ทำแผลอยู่ในถาดสี่เหลี่ยม ถูกวางลงบนโต๊ะข้างเตียงคนป่วย ใบหน้าของปริมาบอกอาหารเบื่อหน่ายสุด ๆ เมื่อพี่ชายสั่งให้ไปดูแลคนป่วยและทำแผลให้เขา ก่อนจะออกไปต้อนรับลูกค้าที่รีสอร์ด เพราะวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้มักมีคณะทัวร์ใหญ่มาลง
หญิงสาวมองใบหน้าอันซีดเซียวของคนป่วยบนเตียง เวลานี้เขาเหมือนเด็กน้อยกำลังหลับสนิท ผมยาวบางส่วนที่ระมาด้านหน้าข้างแก้มของชายหนุ่มนั้น ทำให้ใบหน้าของเขาเหมือนภาพวาดจีนโบราณไม่มีผิด ร่างนั้นนอนตะแคงและขดตัวงอเหมือนกุ้ง สองแขนของเขากอดผ้าห่มลายโดเรมอลเอาไว้ มือวางอยู่บนผ้าห่มนั้นเรียวสวย ตรงนิ้วกลางสวมแหวนเงินที่มีลวดลายเป็นรูปกากบาท อดค่อนแคะคนป่วยไม่ได้ ผู้ชายอะไรหน้าสวยมือสวยขนาดนี้
สาวบัญชีค่อย ๆ ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของหนุ่มบนเตียง แต่ยังไม่ทันแตะก็ลดมือลงอย่างรำคาญใจ ทำไมคนอย่างเธอต้องมาดูแลเขาด้วย! นึกโกรธพี่ชายจริง ๆ เอะอะ! อะไรก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เธอทำลงไป ก็เขากินเข้าไปเยอะเอง จะมาโทษเธอได้อย่างไรเล่า....? พลางถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เกิดมาไม่เคยต้องดูแลผู้ชายคนไหนนอกจากพี่ชายและพ่อเลย ให้ตายสิ! ทำใจไม่ได้จริง ๆ
ปริมาคิดมาตลอดว่า ชีวิตของเธอจะไม่ยอมดูแลผู้ชายคนไหนอีกแล้ว ตั้งแต่พ่อเลิกกับแม่ ทำให้เธอแทบจะอคติกับผู้ชายทั้งโลก ตั้งใจอยากจะเป็นโสดตลอดชีวิต อยากจะขึ้นคาน ไม่อยากมีคู่ และไม่อยากจะแต่งงาน
อยู่ ๆ มือของเขาก็คว้ามือของเธอเอาไว้
กรี๊ด.................................................
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเตียงตกใจอยากจะร้องกรี๊ด แล้วพยายามดึงมือตัวเองออกมา
“แม่....” เขาจับมือเธอไว้แน่น
“แม่...อย่าไป...”
เขาดึงมือเธอไปแนบไว้ใต้แก้มขาวละมุนของตัวเอง ใบหน้านั้นอมยิ้มน้อย ๆ ดูมีความสุขมาก
ริมฝีปากของหญิงสาวเผยอเล็กน้อยด้วยความตกใจ ส่ายหน้าเลิกลั่กไปมาจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบดึงสติสตังค์กลับมา
“นี่! ฉันไม่ใช่แม่ของนาย!” สาวชาวสวนจ้องหน้าคนป่วยเขม็ง เขาละเมอหรือแกล้งหลับแกล้งเธอกันแน่! พยายามดึงมือตัวเองออกมา
“อย่าคิดว่า นายป่วยอยู่ ฉันจะไม่กล้าทำอะไรนายนะ!” หากหนุ่มผมยาวไม่ยอมปล่อยมือเธอจะหยิกให้เขียวเลย คอยดู! ในที่สุดก็ดึงมือตัวเองหลุดออกมาจากฝ่ามือใหญ่โตของเขาจนได้ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกไปที ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนจับมือถือแขนเธอได้เลย
คนบนเตียงขยับตัวบิดขี้เกียจ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เสียงโวยวายของเธอปลุกให้เขาตื่น พลางยกมือบังแสงแดดจ้าที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง ก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง ริมฝีปากบางนั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก บอกแล้วว่า ยัยตัวแสบต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เธอทำกับเขา! อย่างไรปรามต้องให้เธอมาดูแลเขาแน่นอน
“นายไข้ลดหรือยัง?”
คนถูกถามไม่ตอบ คว้ามือเธอไปแปะไว้ที่หน้าผากของตัวเอง แต่คราวนี้น้องสาวเพื่อนไม่ยอมให้เขาทำแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง มือน้อย ๆ หยิกแขนของชายหนุ่มที่คว้ามือเธอไว้จนเขาต้องรีบปล่อยมือด้วยความเจ็บ
“อูย.....” เขาเจ็บจนต้องส่งเสียงรอดไรฟันออกมา พลางลูบแขนบริเวณที่ถูกหยิกไปมา คนอะไรโคตรดุเลย ตั้งแต่เล็กจนโตเขามีแต่สาว ๆ ตามจีบเป็นที่สนใจตลอดมา เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่แสดงปฏิกิริยารำคาญเขาอย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้
“ขอเตือน! อย่าทำแบบนี้อีก” น้ำเสียงนั้นเฉียบขาด
“ก็ไม่จับดูแล้วจะรู้ได้ไงเล่า...” คนป่วยค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง มองหน้าพยาบาลจำเป็น
“จับดูสิ!” หนุ่มจอมกวนยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว ให้เธอแตะหน้าผากดู
ปริมาผงะ! รีบเบนตัวหนีใบหน้าขาวละมุนของชายหนุ่มที่ยื่นเข้ามาใกล้ แถมยังกล้าส่งรอยยิ้มกวนประสาทมาอีก มันน่าเขกมะแหงกที่หน้าผากมนของเขาเสียจริง!
หนุ่มหน้าหวานมองสายตาของหญิงสาวแล้ว รีบถอยตัวกลับที่ตั้งเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่จะโดนอะไรเพ่นกบาลเข้าซักทีสองที
“ขอน้ำกินหน่อยดิ” เขามองน้องสาวเพื่อนที่ถอยออกไปยืนซะห่างเลย
อีกฝ่ายจึงค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามาที่โต๊ะข้างเตียง รินน้ำใส่แก้วส่งให้คนขอ
“ยังไม่ค่อยมีแรงเลย ช่วยป้อนหน่อย” พลางทำเสียงเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรง
พยาบาลจำเป็นแทบถลึงตาใส่คนไข้ พลางส่งเสียงรอดไรฟันอย่างไม่พอใจ สีหน้าบอกอาการเบื่อหน่ายเขาสุด ๆ
หนอย....! ทำเป็นไม่มีแรง! เดี๋ยวเหอะ!
เธอจำใจยกแก้วน้ำไปจ่อไว้ที่ริมฝีปากของหนุ่มเจ้าปัญหา เมื่อเขาดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว ยกแก้วน้ำกลับไปวางลงในถาดที่โต๊ะข้างเตียง แล้วหยิบขวดลูกอมขึ้นมาไว้ในมือ
คนป่วยอึ้งไปครู่หนึ่งที่พยาบาลจำเป็นยอมมาป้อนน้ำให้เขาแต่โดยดี ไม่คิดว่าจะยอมป้อนจริง ๆ แค่อยากแกล้งกวนประสาทเล่นเท่านั้นเอง สายตานั้นจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น แสงแดดเจิดจ้าจากภายนอกจับใบหน้านั้นให้สว่างกระจ่างใส
“พี่ปรามฝากมาให้” พยายาลบอกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนป่วยยื่นหน้ามาดูขวดในมือของเธออย่างสงสัย คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“อะไรเหรอ?”
“ลูกอม” ปริมาตอบเขาด้วยน้ำเสียงขอไปที แม้จะรู้ดีว่าข้างในนั้นไม่ใช่!
“หืม....” เขาส่งเสียงในลำคอเบา ๆ อย่างแปลกใจ เอียงคอมองขวดสีขาวในมือของเธอ มีรูปผลไม้เหมือนขวดลูกอมที่เพื่อนซี้เคยอมบ่อย ๆ
“พี่ปรามซื้อมาให้นายเมื่อเช้า...” เธอคิดมาก่อนหน้านี้ว่า จะทำให้เขากินยาได้อย่างไร ขนาดมะระเขายังกินไม่ได้เลย แล้วนี่ฟ้าทะลายโจรเขาจะกินลงได้หรือ? เพราะพี่ชายบอกว่า คนป่วยเป็นคนกินยายากมาก จึงเปลี่ยนขวดฟ้าทะลายโจรเป็นขวดลูกอมแทน ยังไงก็ต้องให้เขายอมเอาเข้าปากให้ได้ก่อน
“นายลองกินดู...ถ้านายไม่ชอบ....” คนพูดทำน้ำเสียงเนือย ๆ
“ให้ฉันแทนก็ได้นะ ฉันชอบมากเลย” แล้วทำหน้าระรื่นขึ้นมาทันที ดึงขวดลูกอมเข้าหาตัวเอง
“ได้ไง ปรามซื้อมาให้ทั้งที เอามาเลย”
“ลองชิมดูก่อนนะ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องเอาไป ให้ฉันก็แล้วกัน” เธอพูดพลางหมุนฝาขวดลูกอมในมือ
หนุ่มผมยาวรีบแบมือมารอรับลูกอม
พยาบาลจำเป็นชะงักเล็กน้อย มองฝ่ามือของคนไข้ที่แบมืออยู่ตรงหน้าเธอ จะให้เขาเห็นเม็ดยาก่อนไม่ได้เด็ดขาด!
“มือนายสกปรก อ้าปากสิ!”
อีกฝ่ายยอมอ้าปากแต่โดยดี
มุมปากของหญิงสาวมีรอยยิ้มที่พยายามซ่อนเอาไว้ แล้วเทยาสองเม็ดใส่ปากคนป่วย จะบอกเขาว่า ลูกอมนี้ทานแล้วต้องกินน้ำตามด้วย แต่คิดไม่ออกว่าจะบอกเขายังไงดี กลัวเขาจะรู้ว่า มันไม่ใช่ลูกอม
ความคิดเห็น