ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับคำท้าหัวใจยัยตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #5 : ตายล่ะ! หมอนี่มีไข้ด้วย

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 67


    ตอนที่5  ตายล่ะ! หมอนี่มีไข้ด้วย

     

    “พาเขาไปเก็บผัก ก็ต้องรู้จักดูแลด้วยสิ  ไปเอากล่องทำแผลมาทำแผลให้เขาเลย”  ปรามเน้นคำอีกครั้ง

                    “ไม่ต้องดีกว่า  น้องแกเอายาอะไรมาใส่ให้ไม่รู้ แสบจะตาย”  ปฏิการส่ายหัวปฏิเสธทันควัน

                    “ไม่แสบหรอกใส่น้ำมันมะพร้าว  มันช่วยสมานแผลและฆ่าเชื้อในตัว ไม่เป็นแผลเป็นด้วย”  ปรามหันไปตอบเพื่อนหนุ่ม

                    “ปริมไปเอามา”   เขาหันไปย้ำกับน้องสาวตัวแสบที่ยังคงนั่งเฉย  พลางจ้องหน้าว่าต้องไปเอามาเดี๋ยวนี้

                    ปริมาทำหน้ายุ่งก่อนจำใจลุกขึ้นเดินไปหยิบกล่องทำแผล

                    “แกไปกวนประสาทปริมหรือเปล่าถึงโดนแกล้งขนาดนี้”  เขาหันไปถามหนุ่มหน้าหวาน  และรู้นิสัยกวนโอ๊ยของเพื่อนดี

                    “นี่! ไม่ช่วยก็ไม่ต้องมาซ้ำเติมเลย  ให้ไปช่วยเก็บผักก็ไปให้ จะเอาอะไรอีก  แล้วดูสิ!  ทำอะไรให้กินเนี่ย...ข้าเผ็ดเกือบตาย”  พูดพลางตักผัดผักบุ้งกับข้าวเข้าปาก

                    “แล้วมีแผลตรงไหนอีกบ้าง  ไหนดูซิ  ที่หน้ามีหรือเปล่า”  ปรามลุกขึ้นเดินไปหา  แล้วเอื้อมมือจับปลายคางมนของเพื่อนหน้าหวานหันไปหันมา

                    “ทำเป็นบ่นไปได้  หน้ายังสวยอยู่  ไม่มีซักแผล น่าจะโดนซักแผลนะ”  เขาอดแหย่เพื่อนไม่ได้

                    ปฏิการปัดมือเพื่อนออก 

                    “อยากโดนหลังแหวนมั้ย!” หนุ่มหน้าหวานพูดเสียงเข้ม  จ้องหน้าเพื่อนซี้อย่างเอาเรื่อง  รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีที่เพื่อนชอบล้อว่าเขาหน้าสวยเหมือนผู้หญิง

                    ปริมาชะงักฝีเท้า  พลางเบิกตาโตด้วยความตกใจ เมื่อเดินเข้ามามองเห็นพี่ชายกำลังจับคางหนุ่มจอมกวน แถมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แวบหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่า  พี่ชายของเธอจะเป็น.......รึเปล่า?  เพราะป่านนี้แล้วยังไม่เคยมีแฟนสักคน  ไม่เห็นสนใจผู้หญิงคนไหนเลย  ตายล่ะ!

                    “อิ่มรึยัง  จะได้ให้ปริมทำแผลให้”  เมื่อมองเห็นน้องสาวถือกล่องทำแผลเข้ามา  แล้วมาวางแหมะไว้ที่ข้างจานข้าวของเขา

                    “ใกล้แล้ว  แต่ยังไม่อิ่ม!”  หนุ่มจอมกวนหันไปจ้องหน้าน้องสาวเพื่อน  พลางเคี้ยวข้าวกับผัดผักบุ้งตุ้ย ๆ  พลางตักผัดผักบุ้งมาใส่จานตัวเองเพิ่ม

                    “ปริมนั่งรอก่อนนะ”  เมื่อเห็นน้องสาวหยิบจานลุกขึ้น

                    “เราเป็นคนพาเขาไปเก็บผัก  เขาได้รับบาดเจ็บก็ต้องหัดดูแลสิ!”   เขารู้ดีว่าน้องสาวของเขาก็แสบไม่เบาเช่นกัน  แกล้งจนหนุ่ม ๆ ที่เคยตามจีบกระเจิดกระเจิงไปหลายคนแล้ว

                    คนขี้แกล้งทำหน้างอแล้วนั่งลง  ปากกำลังจะพูดออกไปว่า  พี่ก็ไปทำให้เองดิ!   แต่พอนึกถึงภาพพี่ชายกำลังทำแผลให้หมอนั่น! โอ๊ยตาย!  รับไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด! เธอต้องแยกสองคนนี้ออกจากกันให้ได้  คงต้องหาแฟนให้พี่ชายสักคนแล้ว

                    “แล้วแกจะกลับบ้านกี่โมง  เดี๋ยวพ่อก็ตัดออกจากกองมรดกหรอก  ควรกลับบ้านวันนี้นะ  อย่าให้พ่อเป็นห่วงเลย”  ปรามเป็นห่วงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับพ่อที่ไม่ค่อยดีนัก

                    ปฏิการนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเคี้ยวข้าวต่อช้า ๆ อย่างครุ่นคิด  ก่อนจะกลืนคำข้าวลงไป

                    “ดึก ๆ  มั้ง” 

                    หนุ่มจอมกวนมองชามต้มยำที่ยังเหลือเต็มชามไม่มีใครแตะเลย  แล้วมองหน้ายัยตัวแสบอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ ตัดสินใจตักต้มยำเอาแต่เนื้อผักกับเห็ดมาใส่จานข้าวของตัวเอง  ทำให้ทั้งปรามและปริมามองตามด้วยความอึ้ง!

                    อยากแกล้งนัก! ใช่มั้ย?  จะกินให้หมดเลย!  เธอต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำกับฉัน!  คอยดู!’

    ว่าแล้วจึงตักเข้าปาก  จริง ๆ แล้วถ้าไม่เผ็ดขนาดนี้ ถือว่ารสชาติดีทีเดียว  เนื่องจากตักมาแต่เนื้อผักกับเห็ด  ความเผ็ดจึงลดลง  แล้วสลับกับการกินกล้วยไปด้วย  เขากินไปจ้องหน้าแม่ครัวตัวดีไปด้วยจนหมดชาม ปาดน้ำมูก และน้ำตาเป็นระยะ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ  เหงื่อไหลจนปอยผมเปียกโชกด้วยความเผ็ดร้อน

                    ปรามส่งผ้าเช็ดหน้าให้เพื่อนเช็ดน้ำมูกน้ำตาและเหงื่อ

                    เขารับผ้าเช็ดหน้าจากเพื่อนมา มองเห็นลายโลมาสีฟ้าเหมือนเสื้อของเขา  ต้องเป็นผ้าเช็ดหน้าที่ยัยตัวแสบซื้อให้ปรามแน่ ๆ  เขาจงใจสั่งน้ำหมูกใส่ผ้าเช็ดหน้านั้นเต็ม ๆ

                    ปริมาอ้าปากค้างอย่างโกรธเคือง  แต่จะห้ามจะบอกจะแสดงความไม่พอใจก็ทำไม่ได้ เมื่อให้ผ้าเช็ดหน้านี้กับพี่ชายไปแล้ว ขนาดเสื้อที่ซื้อให้  พี่ชายยังให้หมอนั่นใส่ได้เลย  นับประสาอะไรกับผ้าเช็ดหน้า  ได้แต่นั่งหน้างอมองหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างเขม่นเข่นเคี้ยว

                    หนุ่มหน้าแดงกินต้มยำจนหมด  กล้วยก็หมด  แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม  เขารู้สึกอิ่มมากและร้อนท้องไปหมด

                    “อิ่มแล้ว  มาทำแผลสิ!” หนุ่มจอมกวนพยักหน้า   ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก

                    คนหน้างอลุกขึ้นเอาเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เพื่อนพี่ชาย

                    “ทำดี ๆ อย่าให้เขาเจ็บนะ”  ปรามบอกน้องสาวพลางอมยิ้ม  เขาอยากให้น้องรู้จักรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ไม่ใช่นึกจะแกล้งใครก็แกล้งได้ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย 

                    “ชิ!  พยาบาลจำเป็นทำหน้าเซ็ง  เปิดฝาขวดแอลกอฮอล์  แล้วคีบสำลีจุ่มน้ำสีฟ้า กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อฟุ้งกระจายไปทั่ว 

                    “เอาแขนมาวางบนโต๊ะสิ”  คนทำแผลจ้องหน้าคนเจ็บอย่างรำคาญ  ยิ่งเห็นรอยยิ้มกวนโอ๊ยที่มุมปากของเขา  ยิ่งคันหัวใจจี๊ด....เลย  อยากจะแกล้งกดแผลให้แรง ๆ  ก็ทำไม่ได้  พี่ชายนั่งคุมอยู่   เมื่อเขาวางท่อนแขนขาว ๆ ลงบนโต๊ะอาหาร  จึงจำใจเอาสำลีเช็ดทำความสะอาดรอบแผลเล็กแผลน้อยอย่างเบามือ อดค่อนแคะชายหนุ่มอยู่ในใจไม่ได้  ผู้ชายอะไรผิวขาวราวกับเต้าหู้  ผิวดีกว่าสาว ๆ เสียอีก

                    ทุกอากับกิริยาของหญิงสาวอยู่ในสายตาของหนุ่มผมยาว   เขาเพิ่งมีโอกาสได้มองหน้ายัยตัวแสบในระยะใกล้ชิดขนาดนี้  ใบหน้ารูปไข่รับกับดวงตากลมที่ฉายแววเอาเรื่องและไม่ยอมใคร  ปากนิดจมูกหน่อย  ผมตรงประบ่าหวีแสกกลางพร้อมกับติดกิ๊บสองข้าง ดูเป็นผู้คงแก่เรียน  รวม ๆ แล้วน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กญี่ปุ่น  มือเล็ก ๆ ของเธอคีบสำลีอันใหม่จุ่มแอลกอฮอล์มาทำความสะอาดแผลรอบแผลขนาดใหญ่บริเวณเหนือข้อศอกของเขา  แผลค่อนข้างลึกและกว้างกว่าบริเวณอื่น  เมื่อมองเห็นมีเสี้ยนไม้เล็ก ๆ ติดอยู่จึงพยายามคีบออกมา  ทำให้อีกฝ่ายรีบชักแขนหลบทันทีพร้อมร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ

                    “โอ๊ย!  ทำอะไรของเธอเนี่ยเจ็บนะ!” คนเจ็บโวยวายเสียงดังลั่น  พลางดึงแขนเข้าหาตัวเองเอียงตัวหลบทันที

                    “มันมีเสี้ยนไม้ติดอยู่ ต้องเอาออก ไม่เชื่อดูเองสิ”  เธอชักสีหน้ารำคาญ

                    “ปอดชะมัด!”  พยาบาลจำเป็นอดบ่นชายหนุ่มไม่ได้

                    เขายกแขนขึ้นดูเห็นมีเสี้ยนไม้เล็ก ๆ ติดอยู่จริง

                    “ทำเบา ๆ สิ!”  หนุ่มหน้ามนค่อย ๆ เอาแขนมาวางบนโต๊ะอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

                    พยาบาลจำเป็นมองบาดแผลที่มีเสี้ยนติดอยู่ แค่สะกิดเบา ๆ เขาก็สะดุ้งแล้ว ขยับแขนหนีทุกครั้ง  แล้วเมื่อไหร่จะทำแผลให้เขาเสร็จเสียที!  เบื่อขี้หน้าเขาเต็มทนแล้ว ยิ่งต้องมานั่งอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้  อยากจะบ้าตาย

                    “นี่!  ชะอมทอดเป็นไง  อร่อยไหม...”  เธอพยายามชวนเขาคุยเพื่อผ่อนคลาย  ไม่งั้นคงเอาเสี้ยนออกไม่ได้แน่ ถ้าเขายังกลัวเจ็บอยู่แบบนี้

                    “ก็...ใช้ได้นะ”  เขายังจำความกรอบอร่อยได้ดีเลย  แต่เสียดายได้กินแค่สองชิ้นเอง  แม่ตัวดียังมีหน้ามาแย่งกับเขาอีก

                    “ผัดผักบุ้งล่ะ  เป็นไง”   เธอเปลี่ยนเอาสำลีชุบน้ำมันมะพร้าวทาแผลอื่น ๆ ให้เขาก่อนเพื่อเบนความสนใจจากแผลใหญ่

                    “ต้มยำล่ะ”  เธอมองหน้าชายหนุ่มที่เวลานี้ดูสวยราวกับผู้หญิง ปากและจมูกยังแดงระเรื่ออยู่ด้วยความเผ็ดร้อน

                    “เผ็ดจะตาย!  ถามได้  แต่ถ้าเผ็ดลดลง รสชาติใช้ได้อยู่นะ”  เขารู้สึกขำตัวเอง  กินจนหมดได้อย่างไร?

                    “นายชอบกินต้มยำเหรอ”   พยาบาลจำเป็นชวนคุยต่อ  เสียงของเขาดูผ่อนคลายมากขึ้นไม่จดจ่ออยู่ที่บาดแผลแล้ว

                    “ชอบสิ!  ของโปรดเลย  ตอนเด็ก ๆ แม่ชอบทำให้ทาน ทุกครั้งที่กินต้มยำจะรู้สึกคิดถึงแม่มาก”  ใบหน้าแม่ของเขาลอยมาในห้วงนึก

                     “แล้วนายช่วยแม่ทำรึเปล่าล่ะ”  คู่สนทนาถามต่อไป

                    “ช่วยสิ! แต่ไม่ค่อยได้เรื่องหรอก  แม่บอกให้ไปรอกินอย่างเดียวดีกว่า”  ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ  เมื่อนึกถึงตอนที่เข้าครัวช่วยแม่ทำอาหาร

                    ปริมามองหน้าเขาพูดถึงแม่ด้วยรอยยิ้มและดูมีความสุขมาก  จึงใช้คีมคีบดึงเสี้ยนออกมาทันที  แล้วทาน้ำมันมะพร้าวให้

                    ปรามมองน้องสาวพลางยิ้ม  เธอมักใช้วิธีชวนคุยเวลาทำแผลให้เด็ก ๆ เสมอ และได้ผลดีกับเด็กโข่งอย่างปฏิการด้วย

                    “เรียบร้อย  เลิกปอด...แหก...ได้แล้วนะ”   ปริมาหันมาบอก  แล้วเก็บอุปกรณ์ทำแผล

                    ปฏิการทำหน้างงไม่หาย เมื่อกี๊เขาแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย  เจ็บนิดเดียวเอง

                                            

                    ********************

     

                    ปริมานั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟายาวในห้องรับแขกอย่างสบายใจ เมื่อไม่มีเพื่อนพี่ชายมานั่งเสนอหน้ากวนประสาท  หยิบรีโมทจ่อไปที่จอทีวีเปลี่ยนช่องไปดูซีรีย์จีนที่เธอกำลังติดตามอยู่  โดยมีพี่ชายนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของโซฟา 

                    ปรามมองพระเอกหนุ่มหน้าหวานในซีรีย์จีนกำลังภายในที่น้องสาวติดตามอย่างใจจดจ่อ  พระเอกแต่ละคนนับวันจะหน้าสวยเหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกทีแล้ว  เขามองชายหนุ่มบนจอทีวีหล่อเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดจีนก็ไม่ปาน  พระเอกคนนี้เองที่น้องสาวใช้เป็นรูปวอเปเปอร์บนหน้าจอโทรศัพท์   ยิ้มหวานจนผู้หญิงแทบสู้ไม่ได้เลย  น้องสาวเล่าให้ฟังว่า เขาเป็นดาราจีนสุดฮ็อตมากความสามารถ เป็นทั้งนักร้องนักแสดงและนักเต้นอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นดาราหนุ่มยอดนิยมที่สุดของจีนเวลานี้  เขาไม่เคยเห็นน้องสาวสนใจดาราคนไหนมากเท่าคนนี้มาก่อนเลย

                    “พี่ปรามเพื่อนพี่กลับแล้วเหรอ”  ปริมาไม่เห็นเขามานั่งกวนใจหลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว

                    “เห็นบอกว่า จะกลับดึก ๆ นะ พี่ยังไม่เห็นการมาลากลับเลย”         

                    “เมื่อไหร่เขาจะกลับซักที  ปริมเบื่อเขาจะแย่แล้ว”  ปริมาบ่นพลางทำหน้ายู่

                    ปฏิการชะงักฝีเท้าเมื่อเดินเข้ามาในห้อง  ได้ยินแม่ตัวแสบบ่นถึงเขา  จริง ๆ การแก้เผ็ดเธอ  ไม่ต้องทำอะไรเลย  แค่มานั่งเสนอหน้าให้เห็น เธอก็แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว  สองเท้าค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องรับแขกอย่างช้า ๆ ด้วยความอ่อนพลีย  มือข้างหนึ่งกุมท้องไว้  แล้วมานั่งลงข้างเพื่อนซี้

                    “สงสัยจะกลับไม่ไหวแล้วว่ะ  ข้าท้องเสีย  เมื่อกี๊ไปอ้วกมา  ถ่ายไป 4-5 ทีแล้ว”  เขาบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ รู้สึกว่าท้องไส้ยังดังโครกครากอยู่เลย

                    “อ้าว!  แล้วใครให้แกกินต้มยำไปเยอะขนาดนั้น”  ที่ผ่านมาเวลาเพื่อนคนนี้กินเผ็ดจะต้องถ่ายท้องทุกที  แล้วนี่กินไปตั้งเยอะ  คงจะหาข้ออ้างไม่ยอมกลับบ้านล่ะสิ!

                    ปริมาทำหน้ายุ่ง หันไปมองหน้าปฏิการ  ตายยากจริง ๆ บ่นถึงก็โผล่มาเลย  แล้วขยับตัวนั่งตัวตรง

                    “ป่วยจริงหรือป่วยการเมืองกันแน่!”  เธอแอบประชดหนุ่มผมยาวไม่ได้

                    คนถูกประชดหันมามองหน้าหญิงสาว  เอนตัวเข้าไปใกล้  แล้วคว้ามือเธอมาแปะไว้ที่หน้าผากของเขา

                    “นี่!  นาย!” 

                    ปริมาตกใจดึงมือตนเองหลบไม่ทัน  เมื่อเพื่อนพี่ชายคว้ามือของเธอไปแปะไว้บนหน้าผากของเขา  มือของชายหนุ่มนั้นร้อนมาก  ไม่ต่างจากหน้าผากของเขาเลย 

    ตายล่ะ!  หมอนี่มีไข้ด้วย!!  ซวยล่ะสิ!’

                    “เชื่อรึยัง?”  ใบหน้าอันซีดเซียวด้วยความอ่อนเพลียหันไปสบตากับเธอ  ก่อนจะลดมือลงจากหน้าผากตนเอง  ปล่อยมือเล็ก ๆ นั้นคืนเจ้าของ  สายตาเขาเหลือบเห็นรีโมทย์วางอยู่ข้างตัวน้องสาวเพื่อน  รีบหันไปหาเพื่อนซี้

                    “ปรามข้าขอดูรายการวอยซ์ออฟเดอระสตาร์หน่อยนะ  ข้าไปประกวดร้องเพลง  วันนี้เขาจะเอามาออกอากาศ”  แล้วหันไปทางน้องสาวเพื่อน  เอื้อมมือคว้ารีโมทย์  แต่อีกฝ่ายนั้นไวกว่า  เขาจึงคว้ามือเธอที่จับรีโมทย์ไว้มาด้วย

                    “ป่วยก็ไปนอนสิ!”  ปริมายื้อรีโมทย์เข้าหาตัวเอง พยายามดึงให้หลุดจากฝ่ามือใหญ่โตของอีกฝ่ายให้ได้!

                  

                   

                   

                   

                   

                   

                   

     

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×