ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหิมะ

    ลำดับตอนที่ #4 : กระท่อมร้างกลางสายฝน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 263
      1
      5 พ.ค. 63


    เจ้าเป็นหญิงหรือชายกันแน่?’  เจ้าชายแรร์เน็สจ้องหน้าคนชุดเทาที่นอนนิ่งอยู่เบื้องหน้า  ก่อนตัดสินใจพิสูจน์หาความจริง  ค่อย เอื้อมมือหนา คลำหาบางสิ่งบางอย่างที่ควรจะมี

     

    บุรุษหนุ่มชะงัก!!    แล้วถอนมือกลับทันที

     

    เจ้าเป็นหญิง!”   เมื่อคลำไม่พบลูกกระเดือกบริเวณลำคอของร่างที่หมดสติ

     

    บุรุษผมเทาได้แต่มองใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษอย่างครุ่นคิด   สมองคิดอะไรไม่ออก  รู้สึกสับสนอยู่ภายใน

     

    ทำไมข้าต้องห่วงเจ้าด้วยนะ”   เจ้าชายแรร์เน็สถามตัวเอง  หลังจากค้นหาสาเหตุของความรู้สึกนั้นเจอ

     

    จริง ข้าควรจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”  แล้วกระชับดาบขึ้นมาไว้ในมือ  แม้จะรู้สึกอ่อนล้าเต็มทีก็ตาม    แต่ทว่าอีกความคิดหนึ่ง   กลับสวนทาง  ความรู้สึกขัดแย้ง  ลำบากใจกำลังแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเจ้าชาย  หากต้องปลิดชีวิตร่างที่นอนแน่นิ่งคนนี้   แม้ช่วงเวลาที่ได้รู้จักกันอาจไม่นานแต่เหตุการณ์ต่าง บ่งบอกถึงจิตใจอันเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา  และงดงาม  ทุกสัมผัสของคน นี้เต็มไปด้วยความปรารถนาดีที่เจ้าชายเองก็รู้สึกและสัมผัสได้

     

    แต่เจ้าเป็นผู้อ่านคาถา  ข้าต้องฆ่าเจ้า!’  เจ้าชายผมสีเทาขยับดาบในมืออย่างชั่งใจ  แล้วจ่อปลายดาบลงที่ลำคอของคนชุดเทา  แต่อย่างไรก็ตาม  ไม่อาจกล้าออกแรงตวัดปลายดาบฟันลงไปได้เลย  ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ขณะกำลังต่อสู้กับมดยักษ์ที่หญิงสาวช่วยเหลืออย่างไม่คิดถึงชีวิตของตนเองเลยแม้แต่น้อยมันวนเวียนอยู่ในสมอง

     

    ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างคิดไม่ตก  แล้วถอนหายใจแรง   ก่อนตัดสินใจวางดาบลงข้างตัว

     

    มันต้องมีทางสิทางที่ข้าไม่ต้องฆ่าเจ้าเฟรนลี่” 

     

    ถ้าเขาไม่ฆ่าเธอตั้งแต่ตอนนี้  ต่อจากนี้ไปจะมีคนมากกมายมาแย่งชิงตัวเธอไปแน่นอน และการนองเลือดจะต้องเริ่มขึ้น แต่ทว่าที่สำคัญตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าดาบทองสีรุ้งนั้นอยู่กับใคร…??  ที่ไหน…??  

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่เริ่มรู้สึกตัว  แล้วไอถี่   สำรอกน้ำที่เข้าไปออกมา  ลืมตาขึ้น  แล้วมองสิ่งรอบตัวอย่างช้า   เมื่อมองเห็นบุรุษผมเทานั่งอยู่เบื้องหน้า  จึงค่อย พยุงตัวเองลุกขึ้นแม้จะรู้สึกปวดร้าวระบมไปทั่วทั้งตัวด้วยความอ่อนเพลียและบอบช้ำ

     

    เจ้าฟื้นแล้วหรอ”  เจ้าชายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  ความเป็นห่วงกังวลคลายลงเมื่อเห็นหญิงสาวปลอดภัย

     

    เจ้าถูกมดยักษ์ทำร้าย!!” ภาพอันน่ากลัวนั้นยังจำได้ติดตา   เมื่อเจ้ามดยักษ์ปักเขี้ยวจมมิดลงบนหน้าอกของเจ้าชาย  เลือดแดงทะลักออกมาเป็นสายธารหลาก  แล้วเข้าไปจับแขนบุรุษหนุ่มเขย่าอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วง

     

    เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”   เผลอยกมือเปิดเสื้อบริเวณหน้าอกของชายหนุ่มออกอย่างลืมตัว  มองบาดแผลบนแผ่นอกของเจ้าชายด้วยความรู้สึกแปลกใจ 

     

    เจ้าชายนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ  ที่อยู่ หญิงสาวก็โผเข้ามาหาในระยะประชิดตัวเช่นนี้

     

    ข้าไม่เป็นไรหรอก”  เสียงเจ้าชายแผ่วลงกว่าเดิม  ราวกับเสียงกระซิบ   ดวงตาสีสนิมเหล็กดูอ่อนระโหยโรยแรง  

     

    เจ้าหญิงมองแผลนั้นกำลังปิด  และกำลังจะเลือนหายไปในที่สุด อย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่พบเห็นอยู่ตรงหน้า

     

     “เจ้าอย่าห่วงไปเลย”  บุรุษหนุ่มกระพริบตาอย่างเชื่องช้าด้วยความอ่อนล้า เปลือกตานั้นทิ้งตัวลงมาครึ่งหนึ่ง

     

    แผลกำลังจะหาย…”  เจ้าหญิงมองอย่างไม่เชื่อสายตา  แต่ก็ต้องเชื่อ    ไม่ว่ามันจะหายด้วยเหตุใด  วิธีไหนก็ตาม  ความรู้สึกหนึ่งบอกเธอว่า  บุรุษตรงหน้าคนนี้  ไม่ใช่คนธรรมดา  แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร  เป็นอะไรก็ช่าง  มันไม่สำคัญเท่ากับการที่รู้ว่าเขาปลอดภัย  แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เจ้าชายอย่างดีใจที่สุด

     

    เจ้าชายมองรอยยิ้มแย้มบนใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้า  ดวงตาสีเขียวสดใสคู่นั้นเป็นประกาย   เป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก   รอยยิ้มแบบนี้ไม่เคยได้รับจากใครมานานแล้ว  รอยยิ้มแสนอ่อนโยน  รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี  คนที่เคยยิ้มแบบนี้ให้เจ้าชายมีเพียงไม่กี่คนและต่างล้มหายตายจากโลกนี้ไปหมดแล้ว   เจ้าชายนึกถามตัวเองอยู่ในใจ 

     

    เจ้าเป็นใครกัน  ทำไมถึงเป็นห่วงข้า   ทำไมถึงดีกับข้าถึงเพียงนี้  ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันเท่านั้น…   เจ้าช่างเต็มไปด้วยความงดงามเหลือเกิน…’

     

    เมื่อเจ้าหญิงมีสติ  รีบละมือออกจากแผ่นอกของชายหนุ่ม  ปั้นสีหน้าไม่ถูก  ที่เผลอไปถูกเนื้อต้องตัวบุรุษหนุ่มอย่างนั้น  ได้แต่ก้มหน้าก้มตามองตัวเอง  เห็นกระดุมเสื้อเม็ดบนเปิดออก  รู้สึกใจหายวาบ  ยกมือจับคอเสื้อไว้แน่น

     

    เจ้า!!”  เจ้าหญิงเฟรนลี่จ้องหน้าเจ้าชายแรร์เน็สนิ่งอย่างเคร่งเครียด  แล้วรีบถอยตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว  แต่กลับช้าไป

     

    ไม่…..!! นะ!!”  หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลง  เมื่อร่างเจ้าชายโน้มตัวเข้ามาใกล้  ร่างบางถูกกดให้ล้มลงกับพื้น

     

    “………………..!!!!!!!”

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่ตกใจสุดขีด   เนื่องจากยังไม่ทันตั้งตัวบวกกับความตกใจ ล้มลงตามแรงน้ำหนักของร่างเจ้าชายที่โถมลงมาอย่างไม่ได้ยับยั้ง

     

    อย่านะ!!  เจ้าจะทำอะไรข้า  ทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ  ออกไปนะ  ออกไป”  เจ้าหญิงตะโกนโหวกเหวกโวยวายด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างอ่อนแรง

     

    ปล่อยข้านะ!” พยายามใช้กำลังที่มีเหลือเพียงน้อยนิดนั้นขัดขืนอย่างสุดกำลังจนเหนื่อยล้า และหมดแรงต่อต้าน  เมื่อหยุดการเคลื่อนไหว  จึงรู้ว่า  อีกฝ่ายหยุดการเคลื่อนไหวเช่นกัน  ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆ อีกเลย  และดูเหมือนจะหยุดขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวนานแล้ว

     

    หญิงสาวค่อย ๆ ขยับตัวหันหน้าไปมองคนที่หมดสติล้มลงมาทับตัวเธอ แทบช้อค!  เมื่อหันหน้าไปเกือบชนกับใบหน้าของบุรุษผมเทา  รีบหันหน้ากลับทันทีอย่างใจหายใจคว่ำ เพราะใบหน้านั้นดำคล้ำกลายเป็นสีเทา

     

    เจ้าเป็นผีดิบ หรือคนกันแน่!’

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่อดสงสัยไม่ได้  พยายามตั้งสติ แล้วรวบรวมกำลังที่มีเหลืออยู่ดันไหล่เจ้าชายผมเทาให้ออกไปจากตัวเธอ  พยายามดันร่างชายหนุ่มให้พลิกกลับไปอีกด้านหนึ่ง พยายามอยู่หลายครั้งร่างของเจ้าชายก็ยังไม่ขยับ  ต้องรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี  ดันร่างชายหนุ่มออกไปอย่างสุดแรงเกิด  จึงพลิกตัวเจ้าชายกลับไปนอนหงายได้สำเร็จ  ซบหน้าลงกับแผ่นอกของเจ้าชายผมเทาอย่างหมดแรง  หายใจหอบถี่ ๆ  กว่าจะค่อย ๆ ดันตัวเองลุกขึ้นมาจากร่างของบุรุษผมเทาจนได้    ค่อยหายใจออกอย่างโล่งอก  มองร่างสูงของเจ้าชายที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

     

    บ้า!!  จะสลบก็ไม่บอกกันซักคำ  ใครจะไปรู้ล่ะ”  นึกขำและอายตัวเองที่โหวกเหวกโวยวายอยู่คนเดียว  

    เจ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า  ทำไม…”  เจ้าหญิงพึมพำเบา ใบหน้าสวยนั้นแฝงความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด  มองใบหน้าเยือกเย็นของบุรุษหนุ่ม  ใบหน้านั้นคล้ำกลายเป็นสีเทา  โดยเฉพาะขอบตาและริมฝีปากกลายเป็นสีเทาเข้มจัด 

     

    ข้าจะช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง…”  เอื้อมมือจับเสื้อของเจ้าชายที่ยังเปียกชื้นอยู่   คิดว่าควรจะเปลี่ยนเสื้อให้ใหม่ก่อนที่จะป่วยไข้ไปมากกว่านี้

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่เดินสำรวจกระท่อมร้าง   สภาพกระท่อมเก่า รกร้าง  เต็มไปด้วยฝุ่นหนา   และใยแมงมุมระโยงระยาง   แถมยังผุพังอีกต่างหาก   มือเอื้อมไปตบฝุ่นหนาบนหีบใบใหญ่ตรงมุมกระท่อม   ปาดหยากไย่สีขาวออก  เมื่อหีบเหล็กถูกเปิดออกด้านในมีเสื้อผ้าเก่า อยู่ สองสามชุด มีผ้าห่มสีตุ่น อยู่ผืนหนึ่ง   จึงรีบจัดการกับเสื้อผ้าเปียก ของตัวเอง    แล้วนำชุดใหม่ไปเปลี่ยนให้บุรุษผมเทาที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น

     

    คนอะไรตัวหนักชะมัด”  เจ้าหญิงเฟรนลี่บ่นเบา   ขณะประคองร่างไร้สติของชายหนุ่มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนเพื่อเปลี่ยนเสื้อให้  นึกถึงตอนที่ตัวเองแบกร่างเจ้าชายหนีหมดยักษ์  แบกเข้าไปได้อย่างไร  ตอนนั้นเอาเรี่ยวแรง เอาพละกำลังมาจากไหน

     

    เสียงฝนตกดังกระหน่ำอยู่ภายนอก  เสียงฟ้าคำรามเปรี้ยงป้างสนั่นหวั่นไหว  สองมือต้องคอยยกขึ้นปิดหู   น้ำฝนเริ่มรั่วซึมลงมาจากหลังคาซอมซ่อใกล้ผุพังเต็มที

     

    ตายล่ะ  หลังคารั่ว!”  รีบลากร่างเจ้าชายที่ไร้สติให้หลบฝนมาอีกมุมหนึ่งของกระท่อม  เปลี่ยนไปหลายมุมจนพบมุมที่ฝนรั่วน้อยที่สุด แล้วนั่งพักอย่างเหน็ดเหนื่อย

     

    อากาศทั้งเย็นและชื้น  ลมด้านนอกยิ่งโหมพัดเข้ามาให้หนาวเหน็บ  รู้สึกล้าและอ่อนเพลีย   เจ้าหญิงห่อตัวด้วยความหนาว   ยกมือขึ้นมาถูกันไปมาและเป่ามือให้อุ่นขึ้น  มือสั่นเทาและเริ่มชาหยิบผ้าห่มสีตุ่น ออกมาคลี่  พลางมองร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้าง   ด้วยความห่วงใยว่าเขาจะหนาวหรือเปล่า   จะห่มคนเดียวก็กระไรอยู่  แต่จะห่มร่วมกับบุรุษ  มันก็ไม่เหมาะ  ไม่งาม  คิดวกวนจนสับสนไปหมด   จะทำอย่างไรดี  เพราะผ้าห่มมีอยู่ผืนเดียว  ได้แต่ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก

     

    เฮ้อแบ่งกันก็ได้”  เมื่อตัดสินใจได้แล้ว  จึงแบ่งผ้าห่มบางส่วนห่มให้เจ้าชาย 

     

    เจ้าห้ามทำอะไรข้านะ”  เจ้าหญิงเฟรนลี่กำชับร่างไร้สติของชายหนุ่มข้างตัว  ก่อนจะล้มตัวลงใต้ผ้าห่มสีตุ่น  นอนหันหลังให้จนผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย

     

    ============= 

     

      อาณาจักร เดเวด้า   ดินแดนแห่งทะเลทราย

     

    มืออันยับย่นของชายชราขยับไปมาเหนืออ่างน้ำทองคำใบใหญ่ ริมผีปากนั้นกำลังท่องมนต์บริกรรมคาถา ครู่หนึ่ง น้ำในอ่างหมุนวนไปทางขวา ก่อนจะเริ่มหมุนช้าลงจนหยุดนิ่งสงบ  ชายชราค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า..ช้า..  แล้วมองลึกลงไปในอ่างน้ำทองคำ  บนผิวน้ำในอ่างปรากฏเงาเป็นควันขมุกขมัวหนาทึบ

    ท่านไวซาด  ท่านมองเห็นผู้อ่านคาถาหรือไม่”  ราชาแห่งอาณาจักรเดเวด้าเอ่ยถามผู้เป็นอาจารย์เจ้าแห่งเวทย์มนต์

     

    มองเห็นไม่ชัด  เหมือนมีบางสิ่งบดบังในเวลานี้

     

    "ข้าได้ส่งทหารไปค้นหาผู้อ่านคาถามตามทำนายแล้ว ทำไมจึงยังไม่มีใครพบ หรือว่าอาณาจักรอื่นช่วงชิงผู้ตัวไปได้แล้ว"

     

    นายทหารหนุ่มใหญ่คนสนิทโค้งคำนับองค์ราชาแห่งทะเลทรายก่อนกล่าวรายงานวิเคราะห์สถานการณ์ 

    "อาณาจักรใหญ่ที่สุดของทิศใต้คืออาณาจักรเบเนดิคเพิ่งมีการก่อกบฏเพื่อช่วงชิงอำนาจ คงยังไม่พร้อมที่จะส่งคนออกตามหาผู้อ่านคาถาในตอนนี้เนื่องจากต้องจัดการปัญหาภายในเสียก่อน ส่วนอาณาจักรทางทิศเหนืออย่างอาณาจักรเรียว สายของเรายังไม่มีรายงานการเคลื่อนไหวของอาณาจักรเรียวแต่อย่างใด  ส่วนอาณาจักรลาคาสที่อยู่ทางทิศตะวันตกเพิ่งแพ้ศึกสงครามกับฝ่ายเรา  สูญเสียยับเยิน น่าจะยังไม่มีการส่งใครมาค้นหาผู้อ่านคาถา  มีเพียงเราเท่านั้นที่ดูมีความพร้อมที่สุด"

     

    "เมื่อเราพร้อมที่สุด  แล้วทำไมเราถึงยังไม่พบตัวผู้อ่านคาถาตามคำทำนายล่ะ ท่านไพร้ท์" เจ้าหญิงเทลรีนถามขึ้นอย่างสงสัยเช่นกัน  หลังจากที่ยืนฟังการวิเคราะห์สถานการณ์อยู่นานแล้ว

     

    "หากสัญลักษณ์ปานแดงรูปดาวบนต้นแขนซ้ายต้องแสงอาทิตย์หลังจากวันที่ผู้อ่านคาถาปรากฏตัวตามคำทำนายแล้วเจ็ดวันเราคงเห็นภาพผู้อ่านคาถาได้ในไม่ช้านี้ว่าอยู่ที่ใดขณะนี้เพิ่งผ่านเข้าสู่วันที่สามเท่านั้น"  ชายชรากล่าวต่อไป

     

    "ถ้ารู้ว่าผู้อ่านคาถาอยู่ที่ใด  ข้าขออาสาไปจับตัวมาให้จงได้"  องค์หญิงเทลรีนประกาศกร้าว

     

    ทุกสายตาจึงหันไปหยุดอยู่ที่องค์หญิงในชุดสีม่วงเข้มในความกล้าและมั่นใจในตัวเอง

     

    ราชาแห่งทะเลทรายจ้องมองน้องสาว

    "ได้  ข้าจะให้โอกาสเจ้าแสดงความสามารถ เทลรีน"

     

    แล้วหันไปถามถึงความคืบหน้าของดาบทองสีรุ้ง  “การค้นหาดาบทองสีรุ้งไปถึงไหนแล้ว  ท่านไพรท์

     

    ข้าให้สายของเราเข้าไปแทรกซึมอยู่ทุกอาณาจักรแล้ว  ในเร็ววันน่าจะได้ข่าวคราวของดาบทองสีรุ้ง

     

    ดีมาก  หวังว่าข้าคงได้ข่าวดีเร็ว ๆ นี้  ทุกคนไปพักผ่อนได้

     

    ทั้งหมดโค้งคำนับแล้วถอยตัวออกไปทางประตู  เหลือเพียงเจ้าหญิงเทลรีน  ที่เดินไปหยุดอยู่ข้างพี่ชาย

     

    "เทลรีน  ข้าอยากให้วอร์เซนไปกับเจ้าด้วยนะ" ราชาแดร์เรนหันมาสบตากับน้องสาว

     

    "ท่านไม่ต้องห่วงข้าหรอก  ข้าจะขอไปคนเดียว"

     

    ราชาแดร์เรนไม่พูดอะไรอีกด้วยรู้ดีไม่อาจเปลี่ยนความคิดของน้องสาวหัวดื้อคนนี้ได้เลย แม้ว่าเธอจะฝึกวิชาเวทมนต์อย่างแคล่วคล่องสามารถหายตัวได้ในพริบตา   ฝีมือดาบก็ไม่ด้อยกว่าใครก็ตาม  แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี อย่างไรก็ตามเขาจะให้วอร์เซนองครักษ์พิเศษคอยติดตามเธอไปห่าง 

     

    "ข้าจะขอเป็นคนหนึ่งที่ทำความฝันของพวกเราให้เป็นจริง"  เจ้าหญิงเทลรีนพูดขึ้นด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

     

    "ขอบใจเจ้ามาก เทลรีน"

     

    ทั้งคู่เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างปราสาทมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาเป็นทะเลทรายอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ไพศาล

     

    ข้าจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้อาณาจักรเดเวด้าของเรายิ่งใหญ่ ประชาชนอยู่ดีกินดีเหนืออาณาจักรใด ไม่ว่าจะต้องแลกมันมาด้วยสิ่งใดก็ตาม”  นั่นคือปณิธานอันสูงสุดของราชาแห่งเดเวด้า

     

    ============================  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×