ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับคำท้าหัวใจยัยตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #10 : กลับไปนอนบ้านนายสิ!

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 67


     

    ตอนที่ 10

     

                    “นี่! กดสายทิ้งทำไม” หนุ่มผมยาวอดต่อว่าเธอไม่ได้

                    “มีอะไรคะ” น้ำเสียงนั้นดูรำคาญไม่น้อย

                    “ไม่มีจะโทรหาเหรอ?” แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มจะห้วนแต่สีหน้านั้นอมยิ้มตลอดเวลาที่ได้แกล้งคน

                    “รีบพูดมาสิ” 

                    “ปริมอยู่ที่ไหนตอนนี้  มามหาลัยหรือเปล่าครับ” 

                    “อยากรู้ทำไม  ฉันจะอยู่ที่ไหนเกี่ยวอะไรกับนายด้วย” อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงห้วน

                    “จะคืนผ้าเช็ดหน้าให้ปราม  ลืมคืนให้มันติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ  หรือว่าเธอจะให้ฉันแทนก็ได้นะ”

                    “นี่ฉันให้พี่ปรามไม่ได้ให้นายซักหน่อย” อีกฝ่ายไม่ยอม พูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม  เขาช่างกวนโมโหเธอเสียจริง

                    “งั้นเธออยู่ไหนล่ะ  ตอนนี้ฉันอยู่ที่มอ” 

                    “ฉันกลับแล้ว”

                    “งั้น...ไว้วันอื่นนะ หรือไม่...ไว้เอาไปคืนที่บ้านก็แล้วกัน”

                    “ไม่ต้องมา!” 

                    “พรุ่งนี้แล้วกัน เดี๋ยวไปเอาเอง” หญิงสาวถอนหายใจ  นึกว่าจะไม่ต้องเจอหน้าเขาอีกแล้ว

                    “พรุ่งนี้ไม่ว่าง  มีนัด”

                    “มะรืนล่ะ”  เธออยากจะรีบไปเอาให้เร็วที่สุดจะได้จบ ๆ เสียที

                    “ไม่ว่างเหมือนกัน” 

                    ปริมาทำหน้าเซ็ง

                    “ไว้ค่อยนัดกันใหม่แล้วกัน  แค่นี้นะ”  เธอตัดบทแล้ววางสายไปดื้อ

                    “นี่! เดี๋ยว!”  เขามองโทรศัพท์ที่ถูกอีกฝ่ายวางสายไปแล้วอย่างงุนงง  จะรีบไปไหนของเธอ ยังคุยไม่จบเลย 

                    “คุยกับใครวะ!”  เขายืนมองเพื่อนคุยโทรศัพท์อยู่นานแล้วด้วยความแปลกใจ เห็นคุยไปยิ้มไปตลอดเวลา

                    ปฏิการสะดุ้ง! หันมามองเพื่อน  ก่อนจะชักสีหน้าปกติ

                    “รุ่นน้อง”

                    “หืม...”  เพื่อนทำเสียงอยู่ในลำคอ มองหน้าหนุ่มผมยาวด้วยความสงสัย

                    “ผู้หญิง...?” คนที่จะทำให้คุยไปยิ้มไปขนาดนี้คงไม่น่าจะเป็นผู้ชายแน่นอน  แต่ปกติแล้วไม่เคยเห็นเพื่อนหน้าหวานคุยกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย  และออกจะรำคาญเวลามีสาว ๆ มาปลื้มด้วยซ้ำ  เวลามีสาวมาขอเบอร์ไม่ยอมให้ใครซักคน  แถมยังเดินหนีอีกต่างหาก  ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?

                    “ชื่อ...?”

                    “ซ้อมเพลงได้แล้ว”  ปฏิการทำไม่รู้ไม่ชี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้  หยิบกระเป๋าหนังสีดำขึ้นมาวางบนโต๊ะไม้แล้วเปิดซิป ดึงกีต้าร์ออกมา

                    ปณตหัวเราะอาการการบ่ายเบี่ยงของเพื่อน  แบบนี้มีพิรุต 

                    “ชื่อ...?”  เขาถามย้ำอีกครั้ง  พลางจับแขนเพื่อนไว้  แล้วจ้องหน้าคนหน้าหวาน

                    “ข้าต้องรายงานแกทุกเรื่องเหรอวะ จะซ้อมมั้ย?  ไม่ซ้อมข้าจะไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาซะหน่อย”

                    “ซ้อม ๆ”  เพื่อนหัวเราะเสียงดัง  ยังไม่อยากเซ้าซี้เพื่อนตอนนี้

                   

                    ***********************

                   

                    หลังจากกลับจากการโรงพยาบาล ปัณณวัตร์นั่งเงียบ สายตามองนิ่งอยู่ที่บรรดาซองยาตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ผลการตรวจสุขภาพในมือบอกว่า เขาได้มาหลายโรค มาแบบเป็นแพ็คเก็จ อย่างแรกคือ ความดันเลือดสูง  อย่างที่สองไขมันในเลือดสูง อย่างที่สามคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งทราบได้จากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ตรวจดูแคลเซียมที่หลอดเลือดหัวใจ อย่างสุดท้ายคือลงพุง น้ำหนักเกิน ไม่อ้วนแต่ส่วนใหญ่มาอยู่ที่พุง หมอรุ่นน้องให้ยามาหลายตัว  หนึ่งโรคก็หนึ่งตัว  แถมอีกตัวหนึ่งคือ  ยากล่อมประสาท  แสดงว่า หมอคิดว่า เขาเป็นโรคประสาทแดกด้วย 

                    หมอหนุ่มใหญ่อดถอนหายใจไม่ได้  เขารู้ดีจากประสบการณ์การรักษาคนไข้โรคหัวใจมายาวนานเกือบยี่สิบปี  มองอนาคตของตัวเองด้วยความกังวล  วันนี้เป็นความดันสูง  ไขมันสูง  หลอดเลือดหัวใจตีบ  กินยาหนึ่งกำมือ  สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคืออะไร  เขามองทะลุออกหมดแล้ว  ถึงจุดหนึ่งก็ต้องไปทำบอลลลูน  ทำไปสักสองสามครั้งแล้วก็ต้องไปผ่าตัดบายพาส อย่างที่เขาทำให้คนไข้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นแหละ  ทำแล้วบ้างก็ดีขึ้น  บ้างก็ไม่ดีขึ้น  บ้างก็ตาย  เพียงแต่คราวนี้จะเป็นตัวเขาที่นอนอยู่บนเขียงให้หมอรุ่นน้องคนอื่นเป็นคนผ่าตัดให้  ซึ่งเขารู้อยู่แก่ใจดีว่า  มันไม่ใช่วิธีการรักษาที่ทำให้หายได้  แต่จะมีวิธีอื่นอีกไหม  คิดไปคิดมาแล้วยังไม่สามารถหาคำตอบได้

                    ปัถยามองเห็นสามีนั่งมองซองยาอยู่นานแล้ว  เธอค่อย ๆ นั่งลงข้างเขา  บีบมือของชายหนุ่มเบา ๆ  บ่อยครั้งที่เห็นเขานั่งนิ่งเงียบแบบนี้เป็นเวลานาน  เธออยากจะช่วยให้เขาออกจากความคิดวกวนนั้น

                    “ทานยาก่อนค่ะ”  ภรรยาสาวยื่นถ้วยขนาดเล็กใส่ยาส่งให้

                    ศัลยแพทย์เงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มให้  รู้สึกขอบคุณที่เธอดูแลเขาอย่างดีมาก  เสียดายที่เขาอาจอยู่กับเธอได้ไม่นาน

                    “ห้ามมองอย่างเดียวค่ะ ต้องทานตามที่หมอบอกด้วยนะคะเธอบอกเขาด้วยรอยยิ้ม

                    “ครับผม มองอย่างเดียวไม่ได้เด็ดขาดเขายื่นมือโอบเธอเข้ามาใกล้ พลางยื่นหน้าหอมแก้มเธอเบา ๆ

                    “ฉันหมายถึง ยาค่ะ”  เธอเบนตัวหนีใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา  แล้วเอาถ้วยยามากั้นไว้

                    หมอหนุ่มใหญ่จึงรับถ้วยยามาไว้ในมือ ก่อนเทใส่ปากอย่างว่าง่าย  แล้วยกแก้วน้ำดื่มตาม

                    “การอยู่บ้านหรือเปล่าครับ”  เขาถามถึงลูกชายคนเดียว

                    “อยู่ค่ะ

                    “ไปเรียกเขามาหาผมหน่อยปัณณวัตร์พูดพลางวางแก้วยาและน้ำลงกับโต๊ะเตี้ย ๆ ตรงหน้า

                    “เอ่อ...คือ...”  คนถูกถามอึกอักไม่กล้าบอก เกรงว่าจะทำให้เขาโกรธและไม่พอใจ

                    “ไปเรียกมันมา”  เขาย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิม  พลางมองหน้าภรรยา

                    “มันตื่นหรือยัง” 

                    “คือ.. ยังไม่เห็นลงมาทานข้าวเลยค่ะ”  เธออ้อมแอ้มตอบไปอย่างตะกุกตะกัก พยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ

                    ชายหนุ่มถอนหายใจออกอย่างหงุดหงิด  สายตาเลื่อนไปมองเวลาที่ผนังห้อง  ขณะนั้นบอกเวลาบ่ายกว่าแล้ว

                    “นี่มันจะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง ป่านนี้ยังไม่ตื่นอีกเขารู้สึกกลุ้มใจกับลูกชายคนนี้จริง ๆ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจซักอย่าง

                    “ใจเย็น ๆ ค่ะ คุณจะคุยกับแกเรื่องอะไรคะ  ให้ฉันคุยแทนให้ไหม  ฉันไม่อยากให้คุณอารมณ์เสียแบบนี้เลย” 

                    “ขนาดผมมันยังกวนประสาทขนาดนี้เลย  แล้วคุณล่ะ”  เขาอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าปฏิการรักแม่ของเขามากแค่ไหน

                    “ฉันเข้าใจแกนะคะ  เพราะตอนเด็กพ่อของฉันก็เหมือนกับคุณนี่แหละ  อยากให้ฉันเป็นหมอเหมือนท่าน  แต่ฉันหัวไม่ไปเลยเป็นได้แค่พยาบาล”  เธอจับแขนเขาบีบเบา ๆ  เมื่อเห็นเขานิ่งรับฟังจึงพูดต่อไป

                    “ถ้ายังไงให้แกเลือกเรียนที่คณะอยากเรียนดีไหมคะ  ลูกคุณเขาเป็นศิลปิน  วัน ๆ จะให้เขาอยู่แต่กับคนไข้เหมือนคุณทั้งวัน  เวลาคุณเข้าห้องผ่าตัดแต่ละเคสสี่ถึงหกชั่วโมง หรือมากกว่านั้น  พูดไปแล้วก็สงสารชีวิตหมอนะ  คุณอยากให้ชีวิตลูกเป็นเหมือนคุณเหรือคะ

                    สิ่งที่เธอพูดทำให้นายแพทย์ใหญ่นิ่งคิด  ซึ่งเขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันคือความจริง คนไข้นับวันมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลงเลย นอกจากเสียชีวิตไป

                    “คุณลองคุยกับลูกดี ๆ ดูไหมคะ ลองมองเขาในมุมของแกดูบ้าง

                    คนฟังรู้สึกจุกขึ้นมาทันที  เขาแทบไม่เคยพูดดีกับลูกเลย

                    “คุณพ่อ...สวัสดีคร้าบ ทำไมวันนี้อยู่บ้านได้ละครับ”  เสียงลูกชายตัวดีเดินเข้ามาในห้องรับแขก อดแปลกใจที่เห็นหน้าพ่อของเขาได้  ทุกทีกว่าจะกลับก็ดึกดื่น วัน ๆ แทบไม่เคยเจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ

                    ปัณณวัตร์มองหน้าลูกชาย ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งจะตื่นนอน

                    “คุณป้า...มีอะไรกินมั่ง  ผมหิวแล้วปฏิการหันไปทางภรรยาคนใหม่ของบิดา

                    “เรื่องเรียน...แกจะเอายังไง”  เขาพยายามคุมโทนน้ำเสียงให้ธรรมดาที่สุด

                    “ผมไม่อยากเป็นหมอ  ผมจะขอย้ายไปเรียนคอมพิวเตอร์ได้รึเปล่าครับ” 

                    เขามองหน้าลูกชายจอมกวนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

                    “ได้

                    ปฏิการมองหน้าบิดาอย่างงุนงงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง  เป็นครั้งแรกที่พ่อไม่ปฏิเสธ

                    “แต่มีข้อแม้ว่า  แกต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของผอ. โรงพยาบาลกับพ่อ

                    หนุ่มผมยาวขมวดคิ้วย่น  “ทำไมผมต้องไปด้วย  ผมไม่อยากไป ผมไม่รู้จักใครเลย  จะให้ผมไปทำไม

                    “ถ้าไม่ไปแล้วจะไปรู้จักใครได้  พ่ออยากให้แกไปรู้จักกับครอบครัวของ ผอ.เขามีลูกสาวและลูกชาย รู้จักกันไว้มันไม่เสียหายอะไรนี่  ถ้าแกกับลูกสาว ผอ.ไปกันได้ก็ยิ่งดีเลยเขามองเห็นอนาคตสดใจของลูกชาย  ถ้าได้แต่งงานกับลูกสาวของผู้อำนวยการคงจะมีแต่ความสุขความรุ่งโรจน์แน่นอน

                    “นี่พ่อกำหนดกฏเกณฑ์เรื่องเรียนของผมยังไม่พอ!  เรื่องคนรักพ่อก็ยังจะมาบังคับผมอีกเหรอ?”  เขาโพล่งออกไปอย่างเหลืออด  จ้องหน้าบิดาเขม็งด้วยความโกรธที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาคู่นั้น

                    “ถ้าแกไม่ไปก็ไม่ต้องย้ายคณะ!  น้ำเสียงของนายแพทย์ใหญ่เข้มขึ้นทันที

                    “ผมไม่ไป!” ปฏิการเน้นเสียงทุกพยางค์อย่างชัดถ้อยชัดคำ  แล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที

     

                    **************************** 

                   

                    มะเขือเทศสีดาแดงจัด ลูกที่แตกและมีน้ำเยิ้มไหลออกมา หรือมีรอยเป็นจุดดำ หรือเน่า จะถูกคัดแยกไว้ในกะละมังใบเล็ก ปริมาเก็บมะเขือเทศที่ยังดีอยู่ใส่กล่องพลาสติกแล้วเอาเข้าไปแช่ในตู้เย็น   เธอมองไปที่หน้าต่าง วันนี้อากาศแจ่มใสมาก  แดดใสสาดแสงเข้ามาในห้องครัวสว่างเจิดจ้า  ใบหน้านั้นยิ้มให้กับบรรยากาศยามเช้าที่แสนดี  เธอมีเรียนตอนบ่าย  ตอนเช้าเธออยากจะนำมะเขือเทศที่เน่าเสียแล้วไปปลูกซักหน่อย   ดีกว่าทิ้งไปเฉย ๆ  วิธีการง่ายมาก  แค่บีบเมล็ดของมะเขือเทศลงไปฝังในดิน  คอยรดน้ำ  แค่นี้ก็รอวันที่ต้นมะเขือเทศน้อยจะงอกโผล่พ้นดินขึ้นมา  จากนั้นค่อยแยกต้นกล้าไปปลูกในกระถาง  หรือขวดพลาสติกเก๋ ๆ นำขายไปได้อีกต่างหาก คนอื่นอาจจะปลูกไม้ประดับสวย ๆ  แต่ของเธอจะปลูกต้นไม้กินได้  ว่าแล้วจึงยกกะละมังมะเขือเทศเดินตรงไปที่ประตูหน้าบ้าน

                    ประตูบ้านถูกเปิดออก  หญิงสาวยิ้มให้กับแสงแดดยามเช้า เธอชอบวันที่มีแดด ท้องฟ้าแจ่มใสอย่างวันนี้  เมื่อสาวเท้าเดินออกไป 

                    “ว้าย!” เธอสะดุดกับอะไรบ้างอย่าง  ทำให้เสียหลักจนเกือบล้มคะมำไปข้างหน้า ดีที่อีกมือจับประตูไว้   มะเขือเทศในกะละมังหกกระจายลงบนพื้นหินขัด  ปริมาก้มลงมองทันทีว่ามีอะไรอยู่บนพื้น  มองเห็นรองเท้าผ้าใบในลักษณะตะแคงราบอยู่กับพื้น  มือผลักบานประตูให้เปิดกว้างออก  มองเห็นใครคนหนึ่งนอนคว่ำอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน  สีหน้าของเธอนั้นตกใจอย่างมาก  เท้ารีบถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว  กางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดสีฟ้าช่างคุ้นตาเธอเหลือเกิน  ผมตรงดำสนิทยาวสยายอยู่กลางแผ่นหลัง  ใบหน้าด้านข้างที่หันมาทางเธอ

                    “นายปฏิการ! 

                    เจ้าของบ้านไร่ทะเลฝันถอนหายใจเฮือกใหญ่  นึกว่าเขากลับไปแล้วคงไม่ต้องเจอกันอีก  นี่อะไรเพิ่งกลับไปมาอีกแล้ว  เธอยกเท้าเตะขาของหนุ่มผมยาวเบา ๆ

                    “นี่มานอนอะไรแถวนี้  มันใช่ที่นอนมั้ย?”  เธอมองหน้าชายหนุ่มที่ยังนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก เมื่อขยับเข้าไปใกล้อีกนิด  ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งมาจากตัวเขา

                    “เมาหัวราน้ำอีกแล้วเหรอเนี่ย!  หญิงสาวส่ายหัวกับความไม่ได้เรื่องของหนุ่มตรงหน้า มีปัญหาอะไรนักหนาถึงต้องกินเหล้ามากมายขนาดนี้  กินแล้วมันช่วยอะไรได้บ้าง  บางทียิ่งทำให้มีปัญหาหนักขึ้นกว่าเดิมอีกสิไม่ว่า 

                    “กลับไปนอนที่บ้านนายสิได้ยินรึเปล่า?”  เธอโน้มตัวลงเล็กน้อย ตะโกนใส่เขา

                    มือของชายหนุ่มที่วางบนพื้นกระดิก  มือข้างหนึ่งขยับมาวางบนเท้าของเธอ

                    กรี๊ด..........................................

                    ปริมารีบสะบัดเท้าถี่ ๆ ด้วยความตกใจสุดขีด  หัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มก็ไม่ปาน

                    ‘ไอ้บ้าเอ๊ยตกใจหมด!’  เธอตัดสินใจเดินกลับเข้าบ้านไปเรียกพี่ชายมาจัดการ

                    ปรามเดินตามน้องสาวออกมาดูเพื่อนรัก  พลางส่ายหัวเมื่อเห็นสภาพของคนเมา

                    “ไอ้การ!  เขาเรียกเพื่อนซี้ ซึ่งเวลานี้ดันไปซี้กับเหล้าเสียแล้ว  พลางย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้น  เอื้อมมือจับไหล่เพื่อนแล้วเขย่าเบา ๆ

                    คนเมาส่งเสียงครางอ้อแอ้อยู่ในลำคอ

                    “ทำไมเมาเละขนาดนี้วะ!  เขาจับแขนเพื่อนข้างหนึ่งดึงขึ้นมาพาดบ่าก่อนค่อย ๆ ประคองให้ลุกขึ้น  แล้วพาไปทิ้งลงบนโซฟายาวในห้องรับแขก  เมื่อคืนเพื่อนตัวดีโทรมาบ่นโวยวายเรื่องพ่อของเขาให้ฟัง  ไม่คิดว่าจะไปเมาขนาดนี้  แถมยังขับรถมาถึงที่นี่ ดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ  เขาไม่ชนเราก็ดีไป  แต่เราไปชนเขาก็ทำให้ครอบครัวคนอื่นเดือดร้อนบาดเจ็บล้มตายมันจะบาปหนักเปล่า ๆ

                    “ปริม ไปเอารางจืดมาให้พี่ที”  ปรามบอกน้องสาวขณะจัดแขนขาเพื่อนให้นอนในท่าที่สบาย

                    “เร็วสิ!” เมื่อเห็นน้องสาวยืนทำหน้างออยู่

                    “ถ้าอยากให้ไอ้การกลับเร็วขึ้น  ต้องรีบทำให้เขาส่างเมา มันถึงจะกลับได้ เข้าใจหรือยัง

                    น้ำเสียงที่จริงจังของพี่ชาย  ทำให้ปริมาจะนิ่งเฉยไม่ยอมทำตามไม่ได้  จึงจำใจเดินไปหยิบยาสมุนไพรรางจืดมาให้พี่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง  พร้อมกับน้ำดื่ม

                    เสียงโทรศัพท์ของปรามดังขึ้น  ปลายสายแจ้งว่า  คณะนักท่องเที่ยวที่จองไว้มาถึงแล้ว

                    “ปริม  ถ้าการตื่นขึ้นมา ให้เขากินรางจืดด้วยนะ พี่ต้องไปดูลูกค้าก่อน”  ปรามหันมาสั่งน้องสาว  แล้วเดินออกไปที่รีสอร์ททันที

                    ปริมาพยักหน้ารับอย่างเซ็ง ๆ  ต้องดูแลหมอนี่อีกแล้วเธอเดินไปมองหน้าคนที่นอนอยู่บนโซฟายาว

                    “นี่รีบตื่นสิจะได้กินยาซะที”  เธอพูดใส่คนเมาที่นอนนิ่งอย่างหัวเสีย  พลางจับชายเสื้อของเขาเขย่าแรง ๆ  แต่ร่างนั้นก็ยังไม่ยอมเคลื่อนไหว สายตาของเธอสะดุดหยุดลงที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของหนุ่มผมยาว  เธอนึกถึงผ้าเช็ดหน้าที่เขาบอกว่าจะเอามาคืนให้  มันจะอยู่ในกระเป๋าหรือเปล่า?  ว่าแล้วจึงขยับตัวเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย โน้มตัวลงไปมองกระเป๋าเสื้อของเขา  พยายามค่อย ๆ ใช้มือดึงปากกระเป๋าเสื้อของเขาขึ้นมา  เธอมองเห็นแล้ว  ผ้าเช็ดหน้าโลมาสีฟ้าอยู่ข้างในนั้น  อยู่ ๆ หนุ่มขี้เมาก็ขยับตัว  ทำให้เธอตกใจ รีบถอยตัวออกมาทันที

                    “จะมาขยับอะไรตอนนี้เนี่ยรีบหลับต่อไปเลย”  หญิงสาวบ่นขมุบขมิบ  ก่อนจะค่อย ๆ  โน้มตัวเข้าไปใกล้อีกครั้ง เมื่อเห็นเขานอนสงบนิ่งงันไปนานสักพักใหญ่แล้ว  สายตาต้องคอยมองหน้าหวานของคนหลับว่าจะตื่นหรือยัง?  เธอค่อย ๆ ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาอย่างช้า ๆ ขณะที่ผ้าเช็ดหน้ากำลังเลื่อนออกมาได้ครึ่งหนึ่ง  อยู่ ๆ มือใหญ่โตของชายหนุ่มก็ตบลงบนฝ่ามือของเธอแนบกับแผ่นอกของเขา 

              กรี๊ด......เธออยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ เมื่อมองเห็นมือของตนเองถูกมือของหนุ่มหน้าหวานจับไว้แนบกับอกด้านซ้ายของเขา

     

                                    ********************

                   

                   

                   

     

                   

                   

                   

                   

                   

                   

     

     

                   

                   

                   

                   

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×