คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : กลับไปนอนบ้านนายสิ!
ตอนที่ 10
“นี่! กดสายทิ้งทำไม” หนุ่มผมยาวอดต่อว่าเธอไม่ได้
“มีอะไรคะ” น้ำเสียงนั้นดูรำคาญไม่น้อย
“ไม่มีจะโทรหาเหรอ?” แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มจะห้วนแต่สีหน้านั้นอมยิ้มตลอดเวลาที่ได้แกล้งคน
“รีบพูดมาสิ”
“ปริมอยู่ที่ไหนตอนนี้ มามหาลัยหรือเปล่าครับ”
“อยากรู้ทำไม ฉันจะอยู่ที่ไหนเกี่ยวอะไรกับนายด้วย” อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงห้วน
“จะคืนผ้าเช็ดหน้าให้ปราม ลืมคืนให้มันติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ หรือว่าเธอจะให้ฉันแทนก็ได้นะ”
“นี่! ฉันให้พี่ปรามไม่ได้ให้นายซักหน่อย” อีกฝ่ายไม่ยอม พูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม เขาช่างกวนโมโหเธอเสียจริง
“งั้นเธออยู่ไหนล่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่มอ”
“ฉันกลับแล้ว”
“งั้น...ไว้วันอื่นนะ หรือไม่...ไว้เอาไปคืนที่บ้านก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องมา!”
“พรุ่งนี้แล้วกัน เดี๋ยวไปเอาเอง” หญิงสาวถอนหายใจ นึกว่าจะไม่ต้องเจอหน้าเขาอีกแล้ว
“พรุ่งนี้ไม่ว่าง มีนัด”
“มะรืนล่ะ” เธออยากจะรีบไปเอาให้เร็วที่สุดจะได้จบ ๆ เสียที
“ไม่ว่างเหมือนกัน”
ปริมาทำหน้าเซ็ง
“ไว้ค่อยนัดกันใหม่แล้วกัน แค่นี้นะ” เธอตัดบทแล้ววางสายไปดื้อ
“นี่! เดี๋ยว!” เขามองโทรศัพท์ที่ถูกอีกฝ่ายวางสายไปแล้วอย่างงุนงง จะรีบไปไหนของเธอ ยังคุยไม่จบเลย
“คุยกับใครวะ!” เขายืนมองเพื่อนคุยโทรศัพท์อยู่นานแล้วด้วยความแปลกใจ เห็นคุยไปยิ้มไปตลอดเวลา
ปฏิการสะดุ้ง! หันมามองเพื่อน ก่อนจะชักสีหน้าปกติ
“รุ่นน้อง”
“หืม...” เพื่อนทำเสียงอยู่ในลำคอ มองหน้าหนุ่มผมยาวด้วยความสงสัย
“ผู้หญิง...?” คนที่จะทำให้คุยไปยิ้มไปขนาดนี้คงไม่น่าจะเป็นผู้ชายแน่นอน แต่ปกติแล้วไม่เคยเห็นเพื่อนหน้าหวานคุยกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย และออกจะรำคาญเวลามีสาว ๆ มาปลื้มด้วยซ้ำ เวลามีสาวมาขอเบอร์ไม่ยอมให้ใครซักคน แถมยังเดินหนีอีกต่างหาก ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?
“ชื่อ...?”
“ซ้อมเพลงได้แล้ว” ปฏิการทำไม่รู้ไม่ชี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบกระเป๋าหนังสีดำขึ้นมาวางบนโต๊ะไม้แล้วเปิดซิป ดึงกีต้าร์ออกมา
ปณตหัวเราะอาการการบ่ายเบี่ยงของเพื่อน แบบนี้มีพิรุต
“ชื่อ...?” เขาถามย้ำอีกครั้ง พลางจับแขนเพื่อนไว้ แล้วจ้องหน้าคนหน้าหวาน
“ข้าต้องรายงานแกทุกเรื่องเหรอวะ จะซ้อมมั้ย? ไม่ซ้อมข้าจะไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาซะหน่อย”
“ซ้อม ๆ” เพื่อนหัวเราะเสียงดัง ยังไม่อยากเซ้าซี้เพื่อนตอนนี้
***********************
หลังจากกลับจากการโรงพยาบาล ปัณณวัตร์นั่งเงียบ สายตามองนิ่งอยู่ที่บรรดาซองยาตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ผลการตรวจสุขภาพในมือบอกว่า เขาได้มาหลายโรค มาแบบเป็นแพ็คเก็จ อย่างแรกคือ ความดันเลือดสูง อย่างที่สองไขมันในเลือดสูง อย่างที่สามคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งทราบได้จากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ตรวจดูแคลเซียมที่หลอดเลือดหัวใจ อย่างสุดท้ายคือลงพุง น้ำหนักเกิน ไม่อ้วนแต่ส่วนใหญ่มาอยู่ที่พุง หมอรุ่นน้องให้ยามาหลายตัว หนึ่งโรคก็หนึ่งตัว แถมอีกตัวหนึ่งคือ ยากล่อมประสาท แสดงว่า หมอคิดว่า เขาเป็นโรคประสาทแดกด้วย
หมอหนุ่มใหญ่อดถอนหายใจไม่ได้ เขารู้ดีจากประสบการณ์การรักษาคนไข้โรคหัวใจมายาวนานเกือบยี่สิบปี มองอนาคตของตัวเองด้วยความกังวล วันนี้เป็นความดันสูง ไขมันสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ กินยาหนึ่งกำมือ สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคืออะไร เขามองทะลุออกหมดแล้ว ถึงจุดหนึ่งก็ต้องไปทำบอลลลูน ทำไปสักสองสามครั้งแล้วก็ต้องไปผ่าตัดบายพาส อย่างที่เขาทำให้คนไข้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นแหละ ทำแล้วบ้างก็ดีขึ้น บ้างก็ไม่ดีขึ้น บ้างก็ตาย เพียงแต่คราวนี้จะเป็นตัวเขาที่นอนอยู่บนเขียงให้หมอรุ่นน้องคนอื่นเป็นคนผ่าตัดให้ ซึ่งเขารู้อยู่แก่ใจดีว่า มันไม่ใช่วิธีการรักษาที่ทำให้หายได้ แต่จะมีวิธีอื่นอีกไหม คิดไปคิดมาแล้วยังไม่สามารถหาคำตอบได้
ปัถยามองเห็นสามีนั่งมองซองยาอยู่นานแล้ว เธอค่อย ๆ นั่งลงข้างเขา บีบมือของชายหนุ่มเบา ๆ บ่อยครั้งที่เห็นเขานั่งนิ่งเงียบแบบนี้เป็นเวลานาน เธออยากจะช่วยให้เขาออกจากความคิดวกวนนั้น
“ทานยาก่อนค่ะ” ภรรยาสาวยื่นถ้วยขนาดเล็กใส่ยาส่งให้
ศัลยแพทย์เงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มให้ รู้สึกขอบคุณที่เธอดูแลเขาอย่างดีมาก เสียดายที่เขาอาจอยู่กับเธอได้ไม่นาน
“ห้ามมองอย่างเดียวค่ะ ต้องทานตามที่หมอบอกด้วยนะคะ” เธอบอกเขาด้วยรอยยิ้ม
“ครับผม มองอย่างเดียวไม่ได้เด็ดขาด” เขายื่นมือโอบเธอเข้ามาใกล้ พลางยื่นหน้าหอมแก้มเธอเบา ๆ
“ฉันหมายถึง ยาค่ะ” เธอเบนตัวหนีใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แล้วเอาถ้วยยามากั้นไว้
หมอหนุ่มใหญ่จึงรับถ้วยยามาไว้ในมือ ก่อนเทใส่ปากอย่างว่าง่าย แล้วยกแก้วน้ำดื่มตาม
“การอยู่บ้านหรือเปล่าครับ” เขาถามถึงลูกชายคนเดียว
“อยู่ค่ะ”
“ไปเรียกเขามาหาผมหน่อย” ปัณณวัตร์พูดพลางวางแก้วยาและน้ำลงกับโต๊ะเตี้ย ๆ ตรงหน้า
“เอ่อ...คือ...” คนถูกถามอึกอักไม่กล้าบอก เกรงว่าจะทำให้เขาโกรธและไม่พอใจ
“ไปเรียกมันมา” เขาย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิม พลางมองหน้าภรรยา
“มันตื่นหรือยัง”
“คือ.. ยังไม่เห็นลงมาทานข้าวเลยค่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบไปอย่างตะกุกตะกัก พยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจออกอย่างหงุดหงิด สายตาเลื่อนไปมองเวลาที่ผนังห้อง ขณะนั้นบอกเวลาบ่ายกว่าแล้ว
“นี่มัน! จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง ป่านนี้ยังไม่ตื่นอีก” เขารู้สึกกลุ้มใจกับลูกชายคนนี้จริง ๆ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจซักอย่าง
“ใจเย็น ๆ ค่ะ คุณจะคุยกับแกเรื่องอะไรคะ ให้ฉันคุยแทนให้ไหม ฉันไม่อยากให้คุณอารมณ์เสียแบบนี้เลย”
“ขนาดผมมันยังกวนประสาทขนาดนี้เลย แล้วคุณล่ะ” เขาอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าปฏิการรักแม่ของเขามากแค่ไหน
“ฉันเข้าใจแกนะคะ เพราะตอนเด็กพ่อของฉันก็เหมือนกับคุณนี่แหละ อยากให้ฉันเป็นหมอเหมือนท่าน แต่ฉันหัวไม่ไปเลยเป็นได้แค่พยาบาล” เธอจับแขนเขาบีบเบา ๆ เมื่อเห็นเขานิ่งรับฟังจึงพูดต่อไป
“ถ้ายังไงให้แกเลือกเรียนที่คณะอยากเรียนดีไหมคะ ลูกคุณเขาเป็นศิลปิน วัน ๆ จะให้เขาอยู่แต่กับคนไข้เหมือนคุณทั้งวัน เวลาคุณเข้าห้องผ่าตัดแต่ละเคสสี่ถึงหกชั่วโมง หรือมากกว่านั้น พูดไปแล้วก็สงสารชีวิตหมอนะ คุณอยากให้ชีวิตลูกเป็นเหมือนคุณเหรือคะ”
สิ่งที่เธอพูดทำให้นายแพทย์ใหญ่นิ่งคิด ซึ่งเขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันคือความจริง คนไข้นับวันมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลงเลย นอกจากเสียชีวิตไป
“คุณลองคุยกับลูกดี ๆ ดูไหมคะ ลองมองเขาในมุมของแกดูบ้าง”
คนฟังรู้สึกจุกขึ้นมาทันที เขาแทบไม่เคยพูดดีกับลูกเลย
“คุณพ่อ...สวัสดีคร้าบ ทำไมวันนี้อยู่บ้านได้ละครับ” เสียงลูกชายตัวดีเดินเข้ามาในห้องรับแขก อดแปลกใจที่เห็นหน้าพ่อของเขาได้ ทุกทีกว่าจะกลับก็ดึกดื่น วัน ๆ แทบไม่เคยเจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ
ปัณณวัตร์มองหน้าลูกชาย ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งจะตื่นนอน
“คุณป้า...มีอะไรกินมั่ง ผมหิวแล้ว” ปฏิการหันไปทางภรรยาคนใหม่ของบิดา
“เรื่องเรียน...แกจะเอายังไง” เขาพยายามคุมโทนน้ำเสียงให้ธรรมดาที่สุด
“ผมไม่อยากเป็นหมอ ผมจะขอย้ายไปเรียนคอมพิวเตอร์ได้รึเปล่าครับ”
เขามองหน้าลูกชายจอมกวนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“ได้”
ปฏิการมองหน้าบิดาอย่างงุนงงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เป็นครั้งแรกที่พ่อไม่ปฏิเสธ
“แต่มีข้อแม้ว่า แกต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของผอ. โรงพยาบาลกับพ่อ”
หนุ่มผมยาวขมวดคิ้วย่น “ทำไมผมต้องไปด้วย ผมไม่อยากไป ผมไม่รู้จักใครเลย จะให้ผมไปทำไม”
“ถ้าไม่ไปแล้วจะไปรู้จักใครได้ พ่ออยากให้แกไปรู้จักกับครอบครัวของ ผอ.เขามีลูกสาวและลูกชาย รู้จักกันไว้มันไม่เสียหายอะไรนี่ ถ้าแกกับลูกสาว ผอ.ไปกันได้ก็ยิ่งดีเลย” เขามองเห็นอนาคตสดใจของลูกชาย ถ้าได้แต่งงานกับลูกสาวของผู้อำนวยการคงจะมีแต่ความสุขความรุ่งโรจน์แน่นอน
“นี่! พ่อกำหนดกฏเกณฑ์เรื่องเรียนของผมยังไม่พอ! เรื่องคนรักพ่อก็ยังจะมาบังคับผมอีกเหรอ?” เขาโพล่งออกไปอย่างเหลืออด จ้องหน้าบิดาเขม็งด้วยความโกรธที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“ถ้าแกไม่ไปก็ไม่ต้องย้ายคณะ!” น้ำเสียงของนายแพทย์ใหญ่เข้มขึ้นทันที
“ผมไม่ไป!” ปฏิการเน้นเสียงทุกพยางค์อย่างชัดถ้อยชัดคำ แล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที
****************************
มะเขือเทศสีดาแดงจัด ลูกที่แตกและมีน้ำเยิ้มไหลออกมา หรือมีรอยเป็นจุดดำ หรือเน่า จะถูกคัดแยกไว้ในกะละมังใบเล็ก ปริมาเก็บมะเขือเทศที่ยังดีอยู่ใส่กล่องพลาสติกแล้วเอาเข้าไปแช่ในตู้เย็น เธอมองไปที่หน้าต่าง วันนี้อากาศแจ่มใสมาก แดดใสสาดแสงเข้ามาในห้องครัวสว่างเจิดจ้า ใบหน้านั้นยิ้มให้กับบรรยากาศยามเช้าที่แสนดี เธอมีเรียนตอนบ่าย ตอนเช้าเธออยากจะนำมะเขือเทศที่เน่าเสียแล้วไปปลูกซักหน่อย ดีกว่าทิ้งไปเฉย ๆ วิธีการง่ายมาก แค่บีบเมล็ดของมะเขือเทศลงไปฝังในดิน คอยรดน้ำ แค่นี้ก็รอวันที่ต้นมะเขือเทศน้อยจะงอกโผล่พ้นดินขึ้นมา จากนั้นค่อยแยกต้นกล้าไปปลูกในกระถาง หรือขวดพลาสติกเก๋ ๆ นำขายไปได้อีกต่างหาก คนอื่นอาจจะปลูกไม้ประดับสวย ๆ แต่ของเธอจะปลูกต้นไม้กินได้ ว่าแล้วจึงยกกะละมังมะเขือเทศเดินตรงไปที่ประตูหน้าบ้าน
ประตูบ้านถูกเปิดออก หญิงสาวยิ้มให้กับแสงแดดยามเช้า เธอชอบวันที่มีแดด ท้องฟ้าแจ่มใสอย่างวันนี้ เมื่อสาวเท้าเดินออกไป
“ว้าย!” เธอสะดุดกับอะไรบ้างอย่าง ทำให้เสียหลักจนเกือบล้มคะมำไปข้างหน้า ดีที่อีกมือจับประตูไว้ มะเขือเทศในกะละมังหกกระจายลงบนพื้นหินขัด ปริมาก้มลงมองทันทีว่ามีอะไรอยู่บนพื้น มองเห็นรองเท้าผ้าใบในลักษณะตะแคงราบอยู่กับพื้น มือผลักบานประตูให้เปิดกว้างออก มองเห็นใครคนหนึ่งนอนคว่ำอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน สีหน้าของเธอนั้นตกใจอย่างมาก เท้ารีบถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว กางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดสีฟ้าช่างคุ้นตาเธอเหลือเกิน ผมตรงดำสนิทยาวสยายอยู่กลางแผ่นหลัง ใบหน้าด้านข้างที่หันมาทางเธอ
“นายปฏิการ!”
เจ้าของบ้านไร่ทะเลฝันถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกว่าเขากลับไปแล้วคงไม่ต้องเจอกันอีก นี่อะไร! เพิ่งกลับไปมาอีกแล้ว เธอยกเท้าเตะขาของหนุ่มผมยาวเบา ๆ
“นี่! มานอนอะไรแถวนี้ มันใช่ที่นอนมั้ย?” เธอมองหน้าชายหนุ่มที่ยังนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก เมื่อขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งมาจากตัวเขา
“เมาหัวราน้ำอีกแล้วเหรอเนี่ย!” หญิงสาวส่ายหัวกับความไม่ได้เรื่องของหนุ่มตรงหน้า มีปัญหาอะไรนักหนาถึงต้องกินเหล้ามากมายขนาดนี้ กินแล้วมันช่วยอะไรได้บ้าง บางทียิ่งทำให้มีปัญหาหนักขึ้นกว่าเดิมอีกสิไม่ว่า
“กลับไปนอนที่บ้านนายสิ! ได้ยินรึเปล่า?” เธอโน้มตัวลงเล็กน้อย ตะโกนใส่เขา
มือของชายหนุ่มที่วางบนพื้นกระดิก มือข้างหนึ่งขยับมาวางบนเท้าของเธอ
กรี๊ด..........................................
ปริมารีบสะบัดเท้าถี่ ๆ ด้วยความตกใจสุดขีด หัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มก็ไม่ปาน
‘ไอ้บ้าเอ๊ย! ตกใจหมด!’ เธอตัดสินใจเดินกลับเข้าบ้านไปเรียกพี่ชายมาจัดการ
ปรามเดินตามน้องสาวออกมาดูเพื่อนรัก พลางส่ายหัวเมื่อเห็นสภาพของคนเมา
“ไอ้การ!” เขาเรียกเพื่อนซี้ ซึ่งเวลานี้ดันไปซี้กับเหล้าเสียแล้ว พลางย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้น เอื้อมมือจับไหล่เพื่อนแล้วเขย่าเบา ๆ
คนเมาส่งเสียงครางอ้อแอ้อยู่ในลำคอ
“ทำไมเมาเละขนาดนี้วะ!” เขาจับแขนเพื่อนข้างหนึ่งดึงขึ้นมาพาดบ่าก่อนค่อย ๆ ประคองให้ลุกขึ้น แล้วพาไปทิ้งลงบนโซฟายาวในห้องรับแขก เมื่อคืนเพื่อนตัวดีโทรมาบ่นโวยวายเรื่องพ่อของเขาให้ฟัง ไม่คิดว่าจะไปเมาขนาดนี้ แถมยังขับรถมาถึงที่นี่ ดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ เขาไม่ชนเราก็ดีไป แต่เราไปชนเขาก็ทำให้ครอบครัวคนอื่นเดือดร้อนบาดเจ็บล้มตายมันจะบาปหนักเปล่า ๆ
“ปริม ไปเอารางจืดมาให้พี่ที” ปรามบอกน้องสาวขณะจัดแขนขาเพื่อนให้นอนในท่าที่สบาย
“เร็วสิ!” เมื่อเห็นน้องสาวยืนทำหน้างออยู่
“ถ้าอยากให้ไอ้การกลับเร็วขึ้น ต้องรีบทำให้เขาส่างเมา มันถึงจะกลับได้ เข้าใจหรือยัง”
น้ำเสียงที่จริงจังของพี่ชาย ทำให้ปริมาจะนิ่งเฉยไม่ยอมทำตามไม่ได้ จึงจำใจเดินไปหยิบยาสมุนไพรรางจืดมาให้พี่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง พร้อมกับน้ำดื่ม
เสียงโทรศัพท์ของปรามดังขึ้น ปลายสายแจ้งว่า คณะนักท่องเที่ยวที่จองไว้มาถึงแล้ว
“ปริม ถ้าการตื่นขึ้นมา ให้เขากินรางจืดด้วยนะ พี่ต้องไปดูลูกค้าก่อน” ปรามหันมาสั่งน้องสาว แล้วเดินออกไปที่รีสอร์ททันที
ปริมาพยักหน้ารับอย่างเซ็ง ๆ ต้องดูแลหมอนี่อีกแล้ว! เธอเดินไปมองหน้าคนที่นอนอยู่บนโซฟายาว
“นี่! รีบตื่นสิ! จะได้กินยาซะที” เธอพูดใส่คนเมาที่นอนนิ่งอย่างหัวเสีย พลางจับชายเสื้อของเขาเขย่าแรง ๆ แต่ร่างนั้นก็ยังไม่ยอมเคลื่อนไหว สายตาของเธอสะดุดหยุดลงที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของหนุ่มผมยาว เธอนึกถึงผ้าเช็ดหน้าที่เขาบอกว่าจะเอามาคืนให้ มันจะอยู่ในกระเป๋าหรือเปล่า? ว่าแล้วจึงขยับตัวเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย โน้มตัวลงไปมองกระเป๋าเสื้อของเขา พยายามค่อย ๆ ใช้มือดึงปากกระเป๋าเสื้อของเขาขึ้นมา เธอมองเห็นแล้ว ผ้าเช็ดหน้าโลมาสีฟ้าอยู่ข้างในนั้น อยู่ ๆ หนุ่มขี้เมาก็ขยับตัว ทำให้เธอตกใจ รีบถอยตัวออกมาทันที
“จะมาขยับอะไรตอนนี้เนี่ย! รีบหลับต่อไปเลย” หญิงสาวบ่นขมุบขมิบ ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปใกล้อีกครั้ง เมื่อเห็นเขานอนสงบนิ่งงันไปนานสักพักใหญ่แล้ว สายตาต้องคอยมองหน้าหวานของคนหลับว่าจะตื่นหรือยัง? เธอค่อย ๆ ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาอย่างช้า ๆ ขณะที่ผ้าเช็ดหน้ากำลังเลื่อนออกมาได้ครึ่งหนึ่ง อยู่ ๆ มือใหญ่โตของชายหนุ่มก็ตบลงบนฝ่ามือของเธอแนบกับแผ่นอกของเขา
กรี๊ด......! เธออยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ เมื่อมองเห็นมือของตนเองถูกมือของหนุ่มหน้าหวานจับไว้แนบกับอกด้านซ้ายของเขา
********************
ความคิดเห็น