ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายหิมะ

    ลำดับตอนที่ #5 : ปราบกบฎแผนลอบสังหาร

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 62



    ควันไฟจาง ลอยตัวอ้อยอิ่งอย่างเชื่องช้า  ราวกับไว้อาลัยอย่างเศร้าสร้อยและคอยส่งวิญญาณของเหล่าทหารที่ต้องบาดเจ็บล้มตายในสนามรบ  สภาพศพร่างชายหนุ่มฉกรรจ์นอนพลิกคว่ำหงายดาดดื่นเกลื่อนพื้นดินอันแห้งแล้ง  บ้างถูกฟันด้วยดาบ  บ้างถูกแทงด้วยหอกและหลาว  บ้างยังมีลูกธนูปักคาอยู่ตามร่างกาย  เลือดแดงไหลจนแห้งเหือดเกรอะกรังตามที่ต่าง   ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ  พื้นดิน  และร่างไร้วิญญาณ  ลมพัดกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง  แมลงวี่  แมลงวันเริ่มบินว่อนตอมซากศพที่กราดเกลื่อนบนพื้นดิน อีแร้งบินวนบนท้องฟ้าเตรียมลงมาลิ้มรสอาหารอันโอชะ

     

    ร่างสูงในเครื่องแบบเต็มยศของเจ้าชายแห่งเรียวขาดวิ่น  เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลลึกฉกรรจ์   เลือดยังไหลซึมตลอดเวลาไม่ยอมหยุด  ลมหายใจแผ่วเคลื่อนไหวช้าลงและช้าลง   ร่างนั้นถูกประคอง เดินซวนเซไกลออกไปไกลออกไปด้วยความหวัง  แม้จะเป็นความหวังอันน้อยนิดเหลือเกินก็ตาม  ทิ้งภาพความสูญเสียเลือดเนื้อ  และชีวิตไว้เบื้องหลัง

     

     

     

    ร่างของเจ้าชายแห่งเรียวนอนสลบหมดสติด้วยพิษบาดแผลอยู่ภายใต้สายตาของนายทหารหนุ่มคนสนิท   ที่เฝ้าคอยดูแลด้วยใจจดจ่อและเต็มไปด้วยความห่วงใยอันสุดประมาณมิได้  หากเจ็บแทนได้  หากตายแทนได้  อยากจะทำอย่างนั้นทันที     โลย์เดลยกมือจับเหรียญโลหะเงินทรงกลมมนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นักที่คล้องอยู่กับคอตนเองมานานตั้งแต่เด็ก  เป็นเหรียญที่เขาได้รับของขวัญจากบิดาในวันเกิดครบรอบอายุสิบปี   และบิดาบอกเขาว่ามันจะช่วยคุ้มครองเขาให้อยู่รอดปลอดภัย  เขาใส่เหรียญนี้มาตลอดไม่เคยให้ห่างตัวแม้แต่น้อย    เหรียญนี้ราวกับเป็นตัวแทนของพ่อ  คอยเป็นกำลังใจ  และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเขามาตลอด  ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเหรียญโลหะเงินออกจากคอของตนเอง  นำมาคล้องเข้ากับคอของเจ้าชายแรร์เน็สที่นอนนิ่งอยู่เบื้องหน้า  ด้วยหวังว่ามันอาจจะช่วยเจ้าชายที่เขารักยิ่งให้ปลอดภัยได้

     

    เวลาผ่านมาหลายวันแล้ว…  ร่างที่นอนแน่นิ่ง   ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวเลย   แต่เขายังเชื่อมั่นว่าในที่สุดเจ้าชายแห่งเรียวจะฝ่าวิกฤตกับมัจจุราชได้สำเร็จ

     

     

    ฝ่ามือของบุรุษผมเทาขยับ!

     

    นายทหารหนุ่มรีบเข้าไปจับมือเจ้าชายแรร์เน็สไว้แน่นเมื่อเห็นเจ้าชายแห่งเรียวขยับตัวด้วยความดีใจเป็นที่สุด   น้ำใส รื้นขึ้นมาคลอดวงตาสีบลอนด์เอาไว้  ก่อนจะซึมหายกลับเข้าไปในดวงตานั้น

     

    ร่างสูงค่อย   ใช้ยันขึ้นอย่างยากลำบาก    ดวงตาสีสนิมเหล็กมองไปรอบตัวอย่างช้า

     

    มืออันหยาบกร้านแตะมือของบุรุษผมเทาเบา   เชิงห้ามปราม

     

    พระองค์อย่าเพิ่งลุก  หรือขยับตัวเลย

     

    เจ้าชายแรร์เน็สมองเจ้าของมือ  เขาคือ  โลย์เดล  นายทหารหนุ่มคนสนิท  รู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นหน้าเพื่อนรักอีกครั้งอย่างไม่คาดฝันมาก่อน  นึกแปลกใจในการมาปราบกฏบครั้งนี้  โลย์เดลไม่ได้รับคำสั่งให้มารบเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันอย่างเคย

     

    เจ้ามาได้ยังไง  โลย์เดล”  ดวงตาสีสนิมเหล็กประสานสายตากับดวงตาสีบอนด์

     

    ข้ามีลางสังหรณ์  ว่าพระองค์จะได้รับอันตราย  จึงรีบตามมา  ขออภัยที่ข้ามาล่าช้า”  โลย์เดลก้มศีรษะลงเล็กน้อยราวกับมันเป็นความผิดของตนเอง  ที่เจ้าชายแห่งเรียวต้องได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้

     

    มีคำสั่งให้เจ้าตามมางั้นหรือ”  เจ้าชายรู้ดีว่า  มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย

     

    มิได้  ข้ามาเพียงผู้เดียว

     

    เจ้าได้รับคำสั่งให้อยู่ประจำเมืองหลวงมิใช่หรือ”  เดาไม่ผิดว่า  โลย์เดลฝ่าฝืนคำสั่งการอยู่รักษาการเมืองหลวง

     

    ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้รับใช้พระองค์อีกแล้ว…”  แววตานั้นเคยมองเจ้าชายด้วยความจงรักภักดีอย่างไร  ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยนเลย

     

    เจ้าชายมองทหารหนุ่มด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อน  ตั้งแต่เติบโตมาด้วยกันเมื่อยังเยาว์วัย  โลย์เดลเป็นทั้งเพื่อนคู่คิด  เป็นเหมือนญาติสนิท  ราวกับเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน  เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่กันและกันได้เสมอ  ไม่ว่ามีเรื่องทุกข์ร้อนใจขนาดไหน  ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม   แม้จะเต็มไปด้วยภยันอันตราย   ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะถูกเพื่อนคนนี้ทอดทิ้ง 

     

    ขอบใจเจ้ามากโลย์เดล…”  เจ้าชายผมเทาจะกล่าวตำหนิคนตรงหน้าที่ฝ่าฝืนคำสั่งผิดวินัยทหารก็พูดไม่ออก  ด้วยรู้ถึงความห่วงใยของเพื่อนที่มีให้เสมอมา

     

    ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้พระองค์  เจ้าชายเรียว  แรร์เน็ส อเมนิท”  พลางจับมือเจ้าชายไว้แน่น     มือของเจ้าชายที่คอยปกป้องเขามาตลอดเมื่อยังเด็ก    ทุกครั้งที่ได้รับความอยุติธรรม   หรือถูกลูกของนายทหารยศสูงกว่า   หรือบรรดาเจ้าชายน้อยรุมรังแก  เจ้าชายแรร์เน็สจะเข้ามาห้ามปราม  และคอยช่วยเหลือเสมอ   ทำให้เขาเปลี่ยนจากคนอ่อนแอ  ไม่กล้าสู้ใคร   กลายเป็นคนเข้มแข็ง   ด้วยกำลังใจที่เจ้าชายคอยเติมเต็มให้ตลอดมา   ถึงแม้บุรุษตรงหน้าจะสูงศักดิ์เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาท  แต่ก็ไม่เคยถือตัวกับลูกนายทหารยศธรรมดาอย่างเขาเลย   ความผูกพันของสองหนุ่มมีมาตั้งแต่รุ่นพ่อของทั้งสองคนที่เป็นทหารหาญ  รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาอย่างไม่เคยเกรงกลัวต่อข้าศึกศัตรูหน้าไหน  จนวาระสุดท้ายที่กอดคอกันสู้ตายในสมรภูมิอย่างสมเกียรติ

     

    เจ้าชายแรร์เน็สจับมือของนายทหารเพื่อนยากไว้แน่นเช่นกัน  คนเดียวที่ทำให้เจ้าชายรู้จักคำว่า  “เพื่อน”  ได้อย่างแท้จริง 

     

     

     

    ไอแดดหลบหายไปทางทิศตะวันตก  ความมืดกระพือปีกโอบกอดรัตติกาลไว้ทุกพื้นที่เต็มอัตรา  กองไฟเล็ก ถูกก่อขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นและเป็นแสงสว่างในยามค่ำคืน   สามสี่วันมานี้อาการบาดเจ็บของเจ้าชายแห่งเรียวดีขึ้นมาก

     

    ข้ารู้ว่าพระองค์เสียใจแค่ไหน”  นายทหารคนสนิทเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน   หลังจากนิ่งมองอาการเฉยชาของเจ้าชายผมเทาอยู่นานแล้ว  ในแววตาสีสนิมเหล็กดูหมองเศร้า

     

    มันไม่ใช่ความผิดของพระองค์เลย”  โลเดย์รู้ดีว่าเจ้าชายเสียใจกับการนำทหารมาตาย ด้วยความหลงกลของศัตรู

     

    ข้าบอกท่านแล้ว  ว่าให้ปฏิเสธการมาปราบกบฏครั้งนี้  มันเป็นแผนการฆ่าพระองค์  พระองค์ก็ไม่ทรงเชื่อ  ไม่เช่นนั้นท่านโบเวล จะให้ทหารพระองค์ในการปราบกฏบแค่ห้าร้อยคนหรือ  กบฏชายแดนที่แข็งแกร่งอย่างพวกริกเกอร์  และมีกำลังพลหลายพันนาย  ทหารหยิบมือเดียวจะทำอะไรได้

     

    ดวงตาสีสนิมเหล็กหันมาปะทะสายตากับดวงตาสีบอนด์

     

    ข้าต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อท่านโบเวลเท่านั้น”  เจ้าชายแรร์เน็สกล่าวถึงน้องชายคนรองต่อจากพระบิดา 

    ในเมื่อข้าจะอยู่หรือไป  ก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน  เมื่อคนที่ข้ารักตายจากไปหมดแล้ว  และหากไม่มีคนที่รักข้า  ไม่มีคนต้องการให้ข้าอยู่  ข้าจึงควรจะมาที่นี่…”  น้ำเสียงราบเรียบแฝงความอ้างว้างกับชีวิตโดดเดี่ยวที่ต้องทนอยู่กับสภาพการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน  มีแต่การช่วงชิงอำนาจ 

     

    พระองค์ทรงเชื่อข้ารึยังว่า  ท่านโบเวลส์จะฆ่าพระองค์จริง

     

    เจ้าชายผมเทานิ่งอย่างใช้ความคิด  เพราะระหว่างการเดินทางมาปราบกบฎครั้งนี้  ถูกโจมตี  และถูกลอบทำร้ายหลายครั้ง

     

    ข้าเป็นหลานท่านโบเวลส์แท้ ท่านโบเวลส์จะคิดกำจัดข้าเพราะอะไร”  เจ้าชายไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง

     

    เพราะจริง ท่านต่างหากที่คือราชาแห่งเรียวคนต่อไป  ถ้าหากพระบิดาของพระองค์ไม่เสียชีวิตในสนามรบ”  นายทหารหนุ่มทิ้งเสียงหายไปในลำคอครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

     

    และข้าก็เชื่อ ว่าพระบิดาของพระองค์ถูกลวงมา ฆ่า ในเมื่อเหตุการณ์ครั้งก่อน  เหมือนเหตุการณ์ครั้งนี้

     

    เจ้าชายแห่งเรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่   เพราะไม่ใช่ไม่เคยสงสัยเช่นนี้  แต่ทว่าพยายามปฏิเสธความคิดนี้มาตลอด  ความคิดที่ว่า   มีคนบงการวางแผนการฆ่าพระบิดาอยู่เบื้องหลัง   ในเมื่อพระบิดาเป็นนายทหารผู้เก่งกาจทั้งฝีมือรบและไหวพริบ  พร้อมด้วยสติปัญญาอันเฉียบคม  หาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้   แต่มีสิ่งหนึ่งการไว้ใจคนใกล้ตัวมากเกินไป ด้วยคิดว่าเป็นพี่น้องสายโลหิตเดียวกัน ทำให้ความเก่งกาจสามารถกลับกลายเป็นแค่ตำนานที่เล่าขาลกันเท่านั้น

     

    และสำคัญที่สุด  ทหารทุกคนเชื่อมั่นและศรัทธาในน้ำใจของพระองค์  นั่นเป็นสิ่งที่ท่านโบเวลหวาดกลัวต่อการกบฏของท่าน

     

    ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น”   ดวงตาสีสนิมเหล็กเป็นประกายคมกล้า

     

    ข้ารู้และเชื่อมั่นในพระองค์เสมอ…  ทุกครั้งที่กลับจากการรบ  ได้รับชัยชนะ  ท่านไม่เคยยอมรับรางวัล  หรือการเลื่อนตำแหน่งแม้แต่ครั้งเดียว”  เขามองบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและศรัทธา

     

    มันเป็นหน้าที่  ที่เราต้องทำเพื่อบ้านเมือง”  เจ้าชายแรร์เน็สเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่จริงจัง

     

    พระองค์จะทำอย่างไรต่อไป

     

    เจ้าชายแห่งเรียวผ่อนลมหายใจออกเบา

    ข้าจะไม่กลับไปเรคคันน่าอีกแล้ว…”  เจ้าชายผมเทาตัดสินใจไม่กลับไปปราสาทเรคคันน่า(Reconna)เมืองหลวงแห่งเรียวอีกต่อไป

    ข้าจะเดินทาง  เจ้าจงลืมว่าข้าเป็นเจ้าชาย   ข้าจะไม่ใช่เจ้าชายอีกต่อไป  ต่อไปนี้จะมีแต่  เรียว  แรร์เน็ส  คนธรรมดาเท่านั้น”  เจ้าชายแหงนคอสบตากับแสงดาวบนฟ้ากว้างสีดำ  นึกถึงพระบิดาและพระมารดาอันเป็นที่รัก

     

    ความจริงยังคงเป็นความจริงวันยังค่ำ  พระองค์คือเจ้าชายแรร์เน็ส อเมนิท  เจ้าชายแห่งเรียว”  โลย์เดลย้ำถึงความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง

     

    ความจริงก็คือ  แต่เดิมราชามาจากคนธรรมดาเช่นกัน”  เจ้าชายผมเทาหันกลับมาต้อนนายทหารคนสนิทให้จนมุมจนได้

     

    โลย์เดลนิ่งไม่อาจโต้ตอบเหตุผลนั้นได้

     

    ข้าขอติดตามไปรับใช้พระองค์

     

    เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?”

     

    ข้าไม่เคยเสียใจ  กับการตัดสินใจตามรับใช้พระองค์เลย  เจ้าชายแรร์เนส อเมนิท”  น้ำเสียงนั้นหนักแน่นและจริงจังอย่างไม่เคยลังเล

     

    ว่าแต่เจ้าจะไม่คิดถึงสาวน้อยแห่งเรคคันน่าหรอกหรือ”  เจ้าชายเย้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

    โลย์เดลยิ้ม  เมื่อเห็นเจ้าชายอารมณ์ดีขึ้น  จึงพูดจาเย้าหยอกออกมาได้บ้างแล้ว

    ท่านก็รู้  ว่ามีแต่ข้าเท่านั้นที่ชอบเธออยู่เพียงข้างเดียว  และเธอคงดีใจที่ต่อไปนี้  ข้าจะไม่ตามรบกวนเธออีกแล้ว”   นายทหารหนุ่มรู้สึกใจหายเช่นกันเมื่อนึกถึงสาวน้อยหน้าใส  หากต้องจากกันไปแสนไกล   และอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว  ไม่นึกเลยว่าการได้พบเธอก่อนจากมาครั้งนี้  นั่นจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย

     

    เธออาจจะคิดถึงเจ้าอยู่ก็ได้นะ  เพราะผู้หญิงมักไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองหรอก”   เจ้าชายผมเทานึกถึงคำพูดของพระมารดาที่เคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งยังเด็กว่า  ปล่อยให้พระบิดาตามจีบอยู่นานมาก  และแกล้งทำเป็นไม่สนใจใยดี  ทั้ง ที่ก็พอมีใจให้อยู่ไม่น้อยเลย

     

    ข้าหรือจะมีวาสนามีหญิงสาวน่ารักมาหลงรักได้  คงมิอาจสู้เจ้าชายแรร์เนส อเมนิทที่สาว ต่างหมายปองหรอก  การจากมาอย่างนี้  จะทำให้สาว ทั้งหลายฝันสลายนะท่าน

     

    เจ้าเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว”  เจ้าชายปรามด้วยเสียงดุ อยู่ในที

     

    นายทหารหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ 

     

    แล้วพระคู่หมั้นของพระองค์”   โลย์เดลพูดถึงคู่หมั้นหมายของเจ้าชายที่เป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองตอนใต้ ของอาณาจักรเบเนดิค ซึ่งได้หมั้นหมายกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

     

    ท่านโบเวลให้ข้าหมั้นเพราะผลประโยชน์กับอาณาจักรเบเนดิคต่างหาก  พูดกันก็ยังไม่รู้เรื่องเลย  พูดกันคนละภาษา  เป็นเจ้าจะอยากอยู่ด้วยเหรอ”  เจ้าชายแทบนึกหน้าคู่หมั้นไม่ออก  เพราะเคยเห็นกันเมื่อครั้งยังเด็กมากเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แถมชื่ออะไร ก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ

     

    ค่อยทำความคุ้นเคยกันก็ได้น่าเรื่องแบบนี้มันเรียนรู้กันได้  ตอนนี้เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคคงเจริญวัยแล้ว  และได้ข่าวว่างดงามกว่าหญิงใด

     

    หุบปากน่ะ”  เจ้าชายตัดบท  เพราะเหตุผลของการจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใครตลอดชีวิต  ไม่ใช่อยู่ด้วยกันเพราะความงามจากภายนอกเท่านั้น  แต่ต้องหมายถึงจิตใจที่งดงาม ความเข้าใจกันและกัน การยอมรับความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายด้วยเป็นสำคัญ

     

    ฉึก!”  เสียงของมีคมแทงทะลุปักเข้ากลางหลังของนายทหารหนุ่ม

     

    เจ้าชายผมเทากระชับดาบในมือทันที  กระโดดเข้ามาหาสหายหนุ่มอย่างรวดเร็ว  สายตาระแวดระวังภัยคู่นั้นแฝงความตกใจระคนความเป็นห่วงเพื่อนรักยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

    โลย์เดลเจ้าเป็นไงบ้าง”  น้ำเสียงนั้นร้อนรน  มือข้างหนึ่งจับแขนเพื่อนรักไว้แน่น  ใจหายวาบเมื่อเห็นเลือดนายทหารคนสนิทไหลออกมา

     

    ชายลึกลับปรากฏตัวออกจากความมืดทันที  รวดเร็วและว่องไว  มีมากกว่าสิบ

     

    ไม่ต้องห่วงข้าเจ้าชาย  หนีไป…”   มีดสั้นแทงถูกจุดสำคัญทำให้เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด

     

    ศัตรูรี่เข้ามาล้อมไว้แล้วจู่โจมทันที  หมายปลิดชีวิตตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย

     

    เจ้าชายแรร์เน็สเหวี่ยงดาบในมือหมุนวนไปมาอย่างคล่องแคล่วว่องไวและหลีกหลบอย่างมีชั้นเชิงชำนิชำนาญ  ฟาดฟันศัตรูอย่างรวดเร็วและแม่นยำ 

     

    โลย์เดลกัดฟันสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าชายเป็นครั้งสุดท้าย  ขณะนั้นเองมองเห็นศัตรูเงื้อดาบแทงเจ้าชายแห่งเรียวทางด้านหลัง  เขารีบพุ่งตัวสุดแรงเข้าไปขวางคมดาบนั้นไว้

     

    เจ้าชายแรร์เน็สแทบช็อค! ความรู้สึกเจ็บแปลบพุ่งปี๊ดขึ้นสู่หัวใจทันที  เมื่อหันมาเห็นทหารคนสนิทรับคมดาบแทนตนถูกแทงเข้าที่ท้องจนมิดดาบ  ดาบถูกกระชากออกอย่างเร็ว  เลือดแดงสดไหลทะลักพุ่งพรวดออกมาทันที    ร่างของนายทหารหนุ่มทรุดฮวบลงกับพื้นดิน 

     

    โลย์เดล….….….!!!”   เจ้าชายตะโกนเสียงดังจนสุดเสียง

     

    ไม่….….….!!!!!!”

     

    เลือดแดงฉีดพุ่งขึ้นหน้าเจ้าชายผมเทาจนแดงจัดด้วยความโกรธแค้นสุดขีด   อยากจะกระโจนเข้าไปหาเพื่อนรักในทันทีแต่ไม่อาจทำได้  พวกศัตรูขวางทางรายล้อมรอบตัวเต็มไปหมด  เจ้าชายตวัดปลายดาบอย่างรวดเร็วไล่แทง  ไล่ฆ่า  ไล่ฟันฝ่ายตรงข้ามอย่างเดือดดาลราวกับบ้าคลั่ง  แม้ว่าแผลที่บาดเจ็บจากการรบครั้งก่อนจะยังไม่หายดี  ทั้งยังเริ่มปริแยกออกจากกัน  บาดแผลฉีกขาดจากการใช้พละกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรง   เลือดเริ่มไหลซึมออกมาอีก  แม้จะเจ็บปวดจากบาดแผลนั้น  แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด  ลืมความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นชั่วคราว  สมองสั่งการให้พิฆาตประหารศัตรูให้หมด

     

    โลย์เดลพยายามแข็งใจไว้  ฝืนความเจ็บปวดทรมาน  พยายามต่อสู้กับความตาย  ขอยืดเวลาจากมัจจุราช  เพื่อรอบอกลาเจ้าชายแรร์เน็ส  อเมนิทเป็นครั้งสุดท้าย

     

    พวกกบฎริกเกอร์คนสุดท้ายจากยี่สิบกว่าคนล้มลงขาดใจตายทันทีเมื่อถูกฟันด้วยดาบเพียงครั้งเดียวกลางหน้าผาก

     

    เจ้าชายแห่งเรียวรีบวิ่งกลับมาหานายทหารคนสนิท  ที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่บนพื้นดิน

     

    โลย์เดล!!”   เจ้าชายแรร์เน็สประคองร่างนายทหารขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน  พลางหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย

     

    เจ้าเป็นไงบ้าง  อดทนไว้  เจ้าต้องไม่ตายนะ”  แล้วจับมือเปื้อนเลือดเพื่อนรักไว้แน่น

     

    ร่างนายทหารโลย์เดลนิ่งสนิท   ไม่ขยับเขยื้อน  มีเพียงลมหายใจบางเบาอันอ่อนล้า

     

    โลย์เดล!   ข้าให้เจ้าพูดได้แล้ว   เจ้าพูดสิ   เจ้าพูดกับข้าเดี๋ยวนี้!”   เจ้าชายนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ออกคำสั่งให้โลย์เดลหุบปากหยุดพูด

     

    “………………..” 

     

    เงียบสนิท  ไม่มีคำพูดใด หลุดออกมาจากปากเพื่อนรัก

     

    เจ้าบอกว่าขอติดตามข้าไง   เจ้าลืมแล้วเหรอ  โลย์เดล

     

    ริมฝีปากของผู้บาดเจ็บในอ้อมแขนเจ้าชายแห่งเรียวนั้นเริ่มขยับอย่างช้า   และสั่นระริก

    ข้า….”  โลย์เดลพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อเปล่งเสียงออกมาเป็นครั้งสุดท้าย

     

    ไม่มีโอกาสจะติดตามรับใช้พระองค์ได้อีกแล้ว”  เสียงของเขาขาดหายไปเป็นช่วง   คำพูดแต่ละคำฝืนความเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุดก่อนที่จะหลุดออกมาเป็นคำพูดแต่ละคำได้  และรู้ตัวเองดีว่า  นี่เป็นครั้งสุดท้ายจริง ที่เขาจะได้รับใช้เจ้าชายแรร์เน็ส

     

    ไม่หรอก  โลย์เดล  เจ้าต้องแข็งใจไว้นะ

     

    ข้าใจเสาะจริง อย่างที่ท่านบอก…“  นายทหารหนุ่มนึกถึงวัยเด็ก  ที่มักโดนเจ้าชายตำหนิว่าใจเสาะ  เมื่อตกใจกลัว  ในขณะเล่นกันด้วยความซุกซนจนได้รับบาดเจ็บ   ดวงตาสีบอลด์คู่นั้นดูเลื่อนลอย  เปลือกตาหรี่ลงมาครึ่งหนึ่งราวกับแสนจะหนักอึ้งเหลือเกิน

     

    ข้าขอสั่งให้เจ้าไม่ตาย  โลย์เดลเจ้าจะตายไม่ได้นะ!”  

     

    เจ้าชายออกคำสั่งเสียงเข้ม   น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตาสีสนิมเหล็ก  เพื่อนรักผู้นี้ไม่เคยขัดคำสั่งของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว  ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่นายทหารคนสนิทไม่อาจปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าชายแห่งเรียวได้

     

    ลมหายใจของคนในอ้อมแขนแผ่วลง เริ่มหอบเป็นช่วง และติดขัด

     

    ข้าพยายามแล้ว….แต่ข้าเสียใจเหลือเกินที่ไม่อาจจะทำได้”  ลมในร่างกายดันเลือดทะลักออกมาทางปากเป็นลิ่ม

     

    ข้าเสียใจ….”

     

    เจ้าชายกอดร่างของเพื่อนรักคนสุดท้ายเอาไว้แน่น  คนที่แสนจงรักภักดี  คนที่หวังดี  ปรารถนาดีกับเจ้าชายที่สุด  ต้องจากไปอีกคนแล้วหรือต่อไปนี้เจ้าชายไม่เหลือใครอีกแล้ว

     

    เจ้าชายแรร์เน็สมองอาการของเพื่อนรักที่เจ็บปวดทรมานสุดแสน   รู้ดีว่าคงไม่อาจรั้งเพื่อนรักให้อยู่ต่อไปได้อีกแล้ว

     

    เอาเถอะ  เจ้าทำใจให้สบาย  ข้าอยู่ตรงนี้  จะรอส่งเจ้าไปดินแดนอันแสนไกล  ที่งดงาม  และรอคอยเจ้าอยู่”  เจ้าชายพยายามให้กำลังใจและอวยพรเพื่อนรักเป็นครั้งสุดท้าย   หยุดพูดชั่วคราวเมื่อก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอ  ก่อนพยายามกลืนมันกลับลงไป   ไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งมัจจุราชที่ต้องการนำเพื่อนรักผู้นี้จากไป   และไม่อาจฝืนให้เพื่อนรักต้องทนทรมานอยู่กับความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้

     

    เจ้าไปเถอะ  พักผ่อนให้สบายนะ   เจ้าทำเพื่อข้ามามากแล้ว   ไม่ต้องเป็นห่วงข้า  ข้าไม่ใจเสาะเหมือนเจ้าหรอกโลย์เดล”  เจ้าชายกระซิบบอกเพื่อนรักเบา   เพื่อให้คนในอ้อมแขนคลายความเป็นห่วงกังวลใจทั้งปวง  และจากไปอย่างสงบ

     

    ข้าดูแลตัวเองได้    เจ้าเชื่อข้านะ   ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเลย   เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ข้าเคยมี    ข้าดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเจ้า  ขอบใจเจ้ามาก…  โลย์เดลขอบใจทุก อย่าง”  น้ำเสียงเจ้าชายแห่งเรียวเริ่มแตกพร่าและสั่นไหว  กว่าจะรวบรวมออกมาเป็นถ้อยคำได้อย่างยากลำบากยิ่ง

     

    ใบหน้าของนายทหารหนุ่มคนสนิทระบายด้วยยิ้มละไม   เปลือกตาทิ้งตัวลงมาปิดดวงตาสีบอลด์เอาไว้จนสนิท  มือที่จับมือเจ้าชายผมเทาเอาไว้เริ่มผ่อนลง   และหมดกำลังในที่สุด   ความรู้สึกเลือนลางลงทุกขณะ  ก่อนที่ลมหายใจสายสุดท้าย….จะ….ขาดหาย….ไป

     

    เป็นการจากกันชั่วนิรันดร์

     

    ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นพร่ามัวด้วยหยาดน้ำในดวงตา  ที่ล้นจนรินไหลละมาตามผิวแก้ม  เปลือกตาปิดม่านน้ำตาลงมาช้า    สองมือโอบกอดร่างเพื่อนรักในอ้อมแขนแน่นเป็นครั้งสุดท้าย   ต่อไปนี้  จะไม่มีความห่วงใย   ไม่มีความปรารถนาดี  จากคน นี้อีกแล้ว   ไม่ได้ยินเสียงที่คอยเตือน  คอยปลอบโยน   ไม่มีรอยยิ้ม   ไม่มีเสียงหัวเราะ  จากคน นี้อีกต่อไปแล้ว…  ภาพวัยเด็กและเหตุการณ์ต่าง   ที่เคยทำร่วมกัน  เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข  ผ่านอุปสรรคและปัญหาต่าง มาด้วยกัน   ผ่านเข้ามาในสมองอย่างช้า    ต่อไปนี้…  คงเหลือไว้เพียงความทรงจำอันแสนงดงามเท่านั้น

     

    ============== 

     

     

    สองมือกอดร่างนั้นเอาไว้แน่นไม่อยากให้จากไป  ก่อนที่ร่างนั้นจะเลือนลางหายวับ! ไปในที่สุด  ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าที่ไม่อาจไขว่คว้าจับต้องได้อีกเลย

     

    ท่านพ่อท่านแม่อย่าทิ้งข้าไป  ได้โปรด…”  สองเท้าพยายามจะวิ่งตามไป  แต่ยิ่งวิ่งก็เหมือนวิ่งอยู่กับที่  เหมือนวิ่งไปในอากาศ  ยิ่งออกแรงวิ่งเท่าไหร่ก็เหมือนยิ่งห่างไกลออกไปทุกทีทุกที..

     

    ความรู้สึกเลือนลางค่อย แจ่มชัดขึ้น   จนรู้สึกตัว…  เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกตัวตื่นจากฝันร้ายแห่งความคิดถึงบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง 

     

    ฝันไป…”  ความรู้สึกหนึ่งบอกเจ้าหญิง  มันเป็นเพียงความฝันไม่ใช่ความจริง  แต่มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในอดีตที่ฝังลึกความเสียใจที่สุดไว้ในก้นบึ้งของจิตใจดวงน้อย ที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้เลย

     

    เช้าแล้วหรือ…”  เจ้าหญิงถามตัวเองอีกครั้ง  ความรู้สึกยังไม่อยากตื่นเลย เหมือนยังเพลียอยู่กับการฝันร้าย  แปลกใจที่ไม่รู้สึกหนาวเหมือนทุกเช้า  แต่กลับรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษสำหรับเช้าวันนี้   เธอยังไม่กล้าลืมตาขึ้นทันที   เพราะทุกครั้งที่ฝันถึงท่านพ่อท่านแม่   เมื่อลืมตาขึ้นครั้งใด  จะพบตัวเองกอดคนที่นอนข้าง   ไว้ทุกครั้ง   รู้สึกละอายใจเหลือเกิน  วันนี้ก็เช่นกัน   เจ้าหญิงเฟรนลี่ทำใจ และภาวนาขอให้อย่าเป็นเหมือนทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาเลย   แล้วตัดสินใจลืมตาขึ้นมาพบกับความจริง  

     

    หญิงสาวผงะ!!  ด้วยความตกใจ    

     

    จึ๋ย!”  เมื่อมองเห็นแขนของตัวเองโอบตัวของชายหนุ่มที่นอนข้าง อยู่  อีกแล้ว!!  อยากจะร้องกรี๊ดให้สุดเสียง 

     

    ตายตาย! ตาย! ตายแล้ว’  พลางถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก  ก่อนจะรีบดึงมือของตัวเองที่โอบตัวเจ้าชายอยู่กลับมาอย่างเร็วที่สุด

     

    โอ๊ย!!!  ‘  เจ้าหญิงได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ  

    บ้าจริง…!!!”  เจ้าหญิงบ่นอุบ  ราวกับไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน  รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก  

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่ค่อย ๆ ขยับศีรษะขึ้นมองหน้าเจ้าชายแรร์เน็ส   ใบหน้าชาร้อนวูบขึ้นมาทันที  เมื่อจ๊ะเอ๋! กับใบหน้าของบุรุษผมเทาที่นอนตะแคงศรีษะหันหน้ามาทางเจ้าหญิง   

     

    หันหน้ามาทางนี้ทำไมเนี่ย!  ตกใจหมด!’

     

    เจ้าหญิงแปลกใจที่วันนี้เจ้าชายผมเทามีการขยับตัวหันมานอนตะแคงด้วย  ต่างจากทุกเช้าที่เจ้าชายจะนอนหงาย นอนนิ่งราวกับเป็นหมอนข้างอย่างดี เจ็ดวันที่ผ่านมาเจ้าชายไม่เคยขยับตัวหรือเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่น้อยเลย จัดให้นอนอยู่ท่าไหนก็ท่านั้น มีเพียงวันนี้ที่มีการเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก

     

    แทบกรี๊ดสลบอีกรอบเมื่อพบว่า แขนของเจ้าชายผมเทานั้นโอบตัวเธอไว้อยู่  หญิงสาวรีบขยับตัวดึงแขนของเจ้าชายแรร์เน็สที่พาดขวางลำตัวอยู่ออกไปแต่ทว่าสองแขนของบุรุษหนุ่มกลับกอดรัดร่างของเจ้าหญิงเอาไว้แน่น   แน่นจนไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้เลย

     

    เจ้าหญิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะด้วยความตกใจ  

     

    อะไรกันเนี่ยข้าไม่ใช่หมอนข้างของเจ้านะ  ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้  แรร์เน็ส!!”  เจ้าหญิงโวยวายกับร่างแน่นิ่งตรงหน้า  พยายามดันตัวบุรุษหนุ่มออกไปแต่ทำไม่ได้เลย

     

    คอยดูนะ  แรร์เน็ส  ข้าฝากไว้ก่อนเถอะ  ข้าต้องคิดบัญชีกับเจ้าแน่!” จำใจปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามกอดเอาไว้อย่างนั้น  แต่ทว่ายังไม่ละความพยายาม  ยกมือทั้งทุบทั้งตี  ทั้งหยิกแขนบุรุษผมเทาก็แล้วแต่ไม่เป็นผล ได้แต่ดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมแขนของชายหนุ่ม พยายามดันร่างของเจ้าชายออกไป  แต่ทำได้เพียงพลิกร่างบุรุษจากที่นอนตะแคงอยู่ให้กลับไปนอนหงายได้เท่านั้น  แต่ทว่ายังไม่สามารถออกจากอ้อมแขนของเจ้าชายได้ แรงที่พยายามดันร่างเจ้าชายให้พลิกไป  ส่งผลให้ร่างเจ้าหญิงเฟรนลี่พลิกตามไปด้วย แทบหยุดหายใจเมื่อใบหน้าเจ้าหญิงเกือบจะชนกับใบหน้าของเจ้าชายผมเทา  โชคดีที่แรงส่งนั้นหยุดเพียงแค่นั้น 

     

    ‘……………………..!!!”

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!’

     

     

    เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคได้แต่ร้องกรี๊ดลั่นอยู่ในใจด้วยความตกใจ  รีบเงยหน้าขึ้นให้ห่างจากใบหน้าของบุรุษตรงหน้า ยังได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นโครมครามอยู่ข้างใน

     

    เจ้าจะแกล้งข้าอีกนานมั้ย?  แรร์เน็ส!!”

     

    ดวงตาสีมรกตจ้องมองเจ้าชายผมเทาอย่างเอาเรื่องเอาราว  ใบหน้าเฉยชานั้นยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย   เจ้าหญิงไม่อาจโวยวายด้วยถ้อยคำใด ต่อไปอีก  เมื่อมองเห็นน้ำตาไหลซึมออกมาจากเปลือกตาปิดสนิทของเจ้าชายแห่งเรียวช้า

     

    อะไรทำให้เจ้าร้องไห้ได้แรร์เน็ส”   อดนึกแปลกใจไม่ได้   บุคลิกเงียบขรึม  องอาจกล้าหาญ   ล้วนเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง  ใบหน้าเรียบเฉย  เยือกเย็นจนเย็นชานั้น  จะร้องไห้ได้หรือ?

     

    ริฝีปากเจ้าชายขยับเหมือนกำลังพูดอะไร  เจ้าหญิงเฟรนลี่จึงค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปฟังใกล้ ๆ

     

    “ข้าขอสั่งให้เจ้าไม่ตาย...  โลย์เดล...  เจ้าจะตายไม่ได้นะ...”  

     

    “เจ้าคงฝันร้ายเหมือนกับข้า…ใช่มั้ย?”  น้ำตาอุ่น ๆ พาลรื้นขึ้นมาคลอดวงตาสีเขียวมรกตไว้เช่นกัน  

     

    “…………………”

     

    เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกถึงคลื่นความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านมาจากร่างของเจ้าชาย

     

    เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแรร์เน็ส

     

    อ้อมกอดของเจ้าชายสัมผัสได้ถึงกระแสธารแห่งความเศร้า  ความสูญเสีย  ความพลัดพราก   ความเสียใจเหลือเกินความอ้างว้าง  ความโดดเดี่ยวในจิตใจ

     

    "ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเลย   เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ข้าเคยมี โลเดลย์..."

     

    แรร์เน็สเจ้าฝันร้ายหรือ?   ตื่นเถอะ   เจ้าหลับมาเจ็ดวันแล้วนะ”   หญิงสาวพยายามตบแก้มเจ้าชายเบา ๆ ถี่ ๆ  เพื่อปลุกเจ้าชายผมเทาให้รู้สึกตัวตื่นจากฝันร้ายแห่งความสูญเสีย   แต่ทว่า  ไม่ว่าจะปลุกอย่างไร  บุรุษหนุ่มก็ไม่ตื่น   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พยายามจะปลุกให้เจ้าชายแรร์เน็สตื่นจากการหลับไหล   แต่ได้พยายามมาหลายครั้งแล้ว  เจ้าหญิงได้แต่คิดว่า  ร่างกายของเจ้าชายแห่งเรียวคงเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้ามากจนต้องการพักผ่อนนานเป็นพิเศษ  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×