คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ปราบกบฎแผนลอบสังหาร
ควันไฟจาง ๆ ลอยตัวอ้อยอิ่งอย่างเชื่องช้า ราวกับไว้อาลัยอย่างเศร้าสร้อยและคอยส่งวิญญาณของเหล่าทหารที่ต้องบาดเจ็บล้มตายในสนามรบ สภาพศพร่างชายหนุ่มฉกรรจ์นอนพลิกคว่ำหงายดาดดื่นเกลื่อนพื้นดินอันแห้งแล้ง บ้างถูกฟันด้วยดาบ บ้างถูกแทงด้วยหอกและหลาว บ้างยังมีลูกธนูปักคาอยู่ตามร่างกาย เลือดแดงไหลจนแห้งเหือดเกรอะกรังตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ พื้นดิน และร่างไร้วิญญาณ ลมพัดกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แมลงวี่ แมลงวันเริ่มบินว่อนตอมซากศพที่กราดเกลื่อนบนพื้นดิน
อีแร้งบินวนบนท้องฟ้าเตรียมลงมาลิ้มรสอาหารอันโอชะ
ร่างสูงในเครื่องแบบเต็มยศของเจ้าชายแห่งเรียวขาดวิ่น เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลลึกฉกรรจ์ เลือดยังไหลซึมตลอดเวลาไม่ยอมหยุด ลมหายใจแผ่วเคลื่อนไหวช้าลงและช้าลง ร่างนั้นถูกประคอง เดินซวนเซไกลออกไป…ไกลออกไป…ด้วยความหวัง แม้จะเป็นความหวังอันน้อยนิดเหลือเกินก็ตาม ทิ้งภาพความสูญเสียเลือดเนื้อ และชีวิตไว้เบื้องหลัง
ร่างของเจ้าชายแห่งเรียวนอนสลบหมดสติด้วยพิษบาดแผลอยู่ภายใต้สายตาของนายทหารหนุ่มคนสนิท ที่เฝ้าคอยดูแลด้วยใจจดจ่อและเต็มไปด้วยความห่วงใยอันสุดประมาณมิได้ หากเจ็บแทนได้ หากตายแทนได้ อยากจะทำอย่างนั้นทันที โลย์เดลยกมือจับเหรียญโลหะเงินทรงกลมมนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นักที่คล้องอยู่กับคอตนเองมานานตั้งแต่เด็ก เป็นเหรียญที่เขาได้รับของขวัญจากบิดาในวันเกิดครบรอบอายุสิบปี และบิดาบอกเขาว่ามันจะช่วยคุ้มครองเขาให้อยู่รอดปลอดภัย เขาใส่เหรียญนี้มาตลอดไม่เคยให้ห่างตัวแม้แต่น้อย เหรียญนี้ราวกับเป็นตัวแทนของพ่อ คอยเป็นกำลังใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเขามาตลอด ชายหนุ่มตัดสินใจถอดเหรียญโลหะเงินออกจากคอของตนเอง นำมาคล้องเข้ากับคอของเจ้าชายแรร์เน็สที่นอนนิ่งอยู่เบื้องหน้า ด้วยหวังว่ามันอาจจะช่วยเจ้าชายที่เขารักยิ่งให้ปลอดภัยได้
เวลาผ่านมาหลายวันแล้ว… ร่างที่นอนแน่นิ่ง ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวเลย แต่เขายังเชื่อมั่นว่าในที่สุดเจ้าชายแห่งเรียวจะฝ่าวิกฤตกับมัจจุราชได้สำเร็จ
ฝ่ามือของบุรุษผมเทาขยับ!
นายทหารหนุ่มรีบเข้าไปจับมือเจ้าชายแรร์เน็สไว้แน่นเมื่อเห็นเจ้าชายแห่งเรียวขยับตัวด้วยความดีใจเป็นที่สุด น้ำใส
ๆ รื้นขึ้นมาคลอดวงตาสีบลอนด์เอาไว้ ก่อนจะซึมหายกลับเข้าไปในดวงตานั้น
ร่างสูงค่อย ๆ ใช้ยันขึ้นอย่างยากลำบาก ดวงตาสีสนิมเหล็กมองไปรอบตัวอย่างช้า ๆ
มืออันหยาบกร้านแตะมือของบุรุษผมเทาเบา ๆ เชิงห้ามปราม
“พระองค์อย่าเพิ่งลุก หรือขยับตัวเลย”
เจ้าชายแรร์เน็สมองเจ้าของมือ เขาคือ โลย์เดล นายทหารหนุ่มคนสนิท รู้สึกอุ่นใจที่ได้เห็นหน้าเพื่อนรักอีกครั้งอย่างไม่คาดฝันมาก่อน นึกแปลกใจในการมาปราบกฏบครั้งนี้ โลย์เดลไม่ได้รับคำสั่งให้มารบเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันอย่างเคย
“เจ้ามาได้ยังไง โลย์เดล” ดวงตาสีสนิมเหล็กประสานสายตากับดวงตาสีบอนด์
“ข้ามีลางสังหรณ์ ว่าพระองค์จะได้รับอันตราย จึงรีบตามมา ขออภัยที่ข้ามาล่าช้า” โลย์เดลก้มศีรษะลงเล็กน้อยราวกับมันเป็นความผิดของตนเอง ที่เจ้าชายแห่งเรียวต้องได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้
“มีคำสั่งให้เจ้าตามมางั้นหรือ” เจ้าชายรู้ดีว่า มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย
“มิได้ ข้ามาเพียงผู้เดียว”
“เจ้าได้รับคำสั่งให้อยู่ประจำเมืองหลวงมิใช่หรือ” เดาไม่ผิดว่า โลย์เดลฝ่าฝืนคำสั่งการอยู่รักษาการเมืองหลวง
“ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้รับใช้พระองค์อีกแล้ว…” แววตานั้นเคยมองเจ้าชายด้วยความจงรักภักดีอย่างไร ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยนเลย
เจ้าชายมองทหารหนุ่มด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อน ตั้งแต่เติบโตมาด้วยกันเมื่อยังเยาว์วัย โลย์เดลเป็นทั้งเพื่อนคู่คิด เป็นเหมือนญาติสนิท ราวกับเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่กันและกันได้เสมอ ไม่ว่ามีเรื่องทุกข์ร้อนใจขนาดไหน ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม แม้จะเต็มไปด้วยภยันอันตราย ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะถูกเพื่อนคนนี้ทอดทิ้ง
“ขอบใจเจ้ามาก…โลย์เดล…” เจ้าชายผมเทาจะกล่าวตำหนิคนตรงหน้าที่ฝ่าฝืนคำสั่งผิดวินัยทหารก็พูดไม่ออก ด้วยรู้ถึงความห่วงใยของเพื่อนที่มีให้เสมอมา
“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้พระองค์ เจ้าชายเรียว
แรร์เน็ส อเมนิท” พลางจับมือเจ้าชายไว้แน่น มือของเจ้าชายที่คอยปกป้องเขามาตลอดเมื่อยังเด็ก ทุกครั้งที่ได้รับความอยุติธรรม หรือถูกลูกของนายทหารยศสูงกว่า หรือบรรดาเจ้าชายน้อยรุมรังแก เจ้าชายแรร์เน็สจะเข้ามาห้ามปราม และคอยช่วยเหลือเสมอ ทำให้เขาเปลี่ยนจากคนอ่อนแอ ไม่กล้าสู้ใคร กลายเป็นคนเข้มแข็ง ด้วยกำลังใจที่เจ้าชายคอยเติมเต็มให้ตลอดมา ถึงแม้บุรุษตรงหน้าจะสูงศักดิ์เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาท แต่ก็ไม่เคยถือตัวกับลูกนายทหารยศธรรมดาอย่างเขาเลย ความผูกพันของสองหนุ่มมีมาตั้งแต่รุ่นพ่อของทั้งสองคนที่เป็นทหารหาญ รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาอย่างไม่เคยเกรงกลัวต่อข้าศึกศัตรูหน้าไหน จนวาระสุดท้ายที่กอดคอกันสู้ตายในสมรภูมิอย่างสมเกียรติ
เจ้าชายแรร์เน็สจับมือของนายทหารเพื่อนยากไว้แน่นเช่นกัน คนเดียวที่ทำให้เจ้าชายรู้จักคำว่า “เพื่อน” ได้อย่างแท้จริง
ไอแดดหลบหายไปทางทิศตะวันตก ความมืดกระพือปีกโอบกอดรัตติกาลไว้ทุกพื้นที่เต็มอัตรา กองไฟเล็ก ๆ ถูกก่อขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นและเป็นแสงสว่างในยามค่ำคืน สามสี่วันมานี้อาการบาดเจ็บของเจ้าชายแห่งเรียวดีขึ้นมาก
“ข้ารู้ว่าพระองค์เสียใจแค่ไหน” นายทหารคนสนิทเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน หลังจากนิ่งมองอาการเฉยชาของเจ้าชายผมเทาอยู่นานแล้ว ในแววตาสีสนิมเหล็กดูหมองเศร้า
“มันไม่ใช่ความผิดของพระองค์เลย” โลเดย์รู้ดีว่าเจ้าชายเสียใจกับการนำทหารมาตาย ด้วยความหลงกลของศัตรู
“ข้าบอกท่านแล้ว ว่าให้ปฏิเสธการมาปราบกบฏครั้งนี้ มันเป็นแผนการฆ่าพระองค์ พระองค์ก็ไม่ทรงเชื่อ ไม่เช่นนั้นท่านโบเวล จะให้ทหารพระองค์ในการปราบกฏบแค่ห้าร้อยคนหรือ กบฏชายแดนที่แข็งแกร่งอย่างพวกริกเกอร์ และมีกำลังพลหลายพันนาย ทหารหยิบมือเดียวจะทำอะไรได้”
ดวงตาสีสนิมเหล็กหันมาปะทะสายตากับดวงตาสีบอนด์
“ข้าต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อท่านโบเวลเท่านั้น” เจ้าชายแรร์เน็สกล่าวถึงน้องชายคนรองต่อจากพระบิดา
“ในเมื่อข้าจะอยู่หรือไป ก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน เมื่อคนที่ข้ารักตายจากไปหมดแล้ว และหากไม่มี…คนที่รักข้า ไม่มีคนต้องการให้ข้าอยู่ ข้าจึงควรจะมาที่นี่…” น้ำเสียงราบเรียบแฝงความอ้างว้างกับชีวิตโดดเดี่ยวที่ต้องทนอยู่กับสภาพการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน มีแต่การช่วงชิงอำนาจ
“พระองค์ทรงเชื่อข้ารึยังว่า ท่านโบเวลส์จะฆ่าพระองค์จริง ๆ”
เจ้าชายผมเทานิ่งอย่างใช้ความคิด เพราะระหว่างการเดินทางมาปราบกบฎครั้งนี้ ถูกโจมตี และถูกลอบทำร้ายหลายครั้ง
“ข้าเป็นหลานท่านโบเวลส์แท้
ๆ ท่านโบเวลส์จะคิดกำจัดข้าเพราะอะไร” เจ้าชายไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง
“เพราะจริง ๆ ท่านต่างหากที่คือราชาแห่งเรียวคนต่อไป ถ้าหาก…พระบิดาของพระองค์ไม่เสียชีวิตในสนามรบ” นายทหารหนุ่มทิ้งเสียงหายไปในลำคอครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“และข้าก็เชื่อ ว่าพระบิดาของพระองค์ถูกลวงมา ฆ่า ในเมื่อเหตุการณ์ครั้งก่อน เหมือนเหตุการณ์ครั้งนี้”
เจ้าชายแห่งเรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่ใช่ไม่เคยสงสัยเช่นนี้ แต่ทว่าพยายามปฏิเสธความคิดนี้มาตลอด ความคิดที่ว่า มีคนบงการวางแผนการฆ่าพระบิดาอยู่เบื้องหลัง ในเมื่อพระบิดาเป็นนายทหารผู้เก่งกาจทั้งฝีมือรบและไหวพริบ พร้อมด้วยสติปัญญาอันเฉียบคม หาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ แต่มีสิ่งหนึ่งการไว้ใจคนใกล้ตัวมากเกินไป ด้วยคิดว่าเป็นพี่น้องสายโลหิตเดียวกัน ทำให้ความเก่งกาจสามารถกลับกลายเป็นแค่ตำนานที่เล่าขาลกันเท่านั้น
“และสำคัญที่สุด ทหารทุกคนเชื่อมั่นและศรัทธาในน้ำใจของพระองค์ นั่นเป็นสิ่งที่ท่านโบเวลหวาดกลัวต่อการกบฏของท่าน”
“ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น” ดวงตาสีสนิมเหล็กเป็นประกายคมกล้า
“ข้ารู้…และเชื่อมั่นในพระองค์เสมอ… ทุกครั้งที่กลับจากการรบ ได้รับชัยชนะ ท่านไม่เคยยอมรับรางวัล หรือการเลื่อนตำแหน่งแม้แต่ครั้งเดียว” เขามองบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและศรัทธา
“มันเป็นหน้าที่ ที่เราต้องทำเพื่อบ้านเมือง” เจ้าชายแรร์เน็สเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่จริงจัง
“พระองค์จะทำอย่างไรต่อไป”
เจ้าชายแห่งเรียวผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ
“ข้าจะไม่กลับไปเรคคันน่าอีกแล้ว…” เจ้าชายผมเทาตัดสินใจไม่กลับไปปราสาทเรคคันน่า(Reconna)เมืองหลวงแห่งเรียวอีกต่อไป
“ข้าจะเดินทาง เจ้าจงลืมว่าข้าเป็นเจ้าชาย ข้าจะไม่ใช่เจ้าชายอีกต่อไป ต่อไปนี้จะมีแต่ เรียว แรร์เน็ส คนธรรมดาเท่านั้น” เจ้าชายแหงนคอสบตากับแสงดาวบนฟ้ากว้างสีดำ นึกถึงพระบิดาและพระมารดาอันเป็นที่รัก
“ความจริงยังคงเป็นความจริงวันยังค่ำ พระองค์คือเจ้าชายแรร์เน็ส อเมนิท เจ้าชายแห่งเรียว” โลย์เดลย้ำถึงความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
“ความจริงก็คือ แต่เดิมราชามาจากคนธรรมดาเช่นกัน” เจ้าชายผมเทาหันกลับมาต้อนนายทหารคนสนิทให้จนมุมจนได้
โลย์เดลนิ่งไม่อาจโต้ตอบเหตุผลนั้นได้
“ข้าขอติดตามไปรับใช้พระองค์”
“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?”
“ข้าไม่เคยเสียใจ กับการตัดสินใจตามรับใช้พระองค์เลย เจ้าชายแรร์เนส อเมนิท” น้ำเสียงนั้นหนักแน่นและจริงจังอย่างไม่เคยลังเล
“ว่าแต่เจ้าจะไม่คิดถึงสาวน้อยแห่งเรคคันน่าหรอกหรือ” เจ้าชายเย้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
โลย์เดลยิ้ม เมื่อเห็นเจ้าชายอารมณ์ดีขึ้น จึงพูดจาเย้าหยอกออกมาได้บ้างแล้ว
“ท่านก็รู้ ว่ามีแต่ข้าเท่านั้นที่ชอบเธออยู่เพียงข้างเดียว และเธอคงดีใจที่ต่อไปนี้ ข้าจะไม่ตามรบกวนเธออีกแล้ว” นายทหารหนุ่มรู้สึกใจหายเช่นกันเมื่อนึกถึงสาวน้อยหน้าใส หากต้องจากกันไปแสนไกล และอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว ไม่นึกเลยว่าการได้พบเธอก่อนจากมาครั้งนี้ นั่นจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย…
“เธออาจจะคิดถึงเจ้าอยู่ก็ได้นะ เพราะผู้หญิงมักไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองหรอก” เจ้าชายผมเทานึกถึงคำพูดของพระมารดาที่เคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งยังเด็กว่า ปล่อยให้พระบิดาตามจีบอยู่นานมาก และแกล้งทำเป็นไม่สนใจใยดี ทั้ง
ๆ ที่ก็พอมีใจให้อยู่ไม่น้อยเลย
“ข้าหรือจะมีวาสนามีหญิงสาวน่ารักมาหลงรักได้ คงมิอาจสู้เจ้าชายแรร์เนส อเมนิทที่สาว ๆ ต่างหมายปองหรอก การจากมาอย่างนี้ จะทำให้สาว ๆ ทั้งหลายฝันสลายนะท่าน”
“เจ้าเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว” เจ้าชายปรามด้วยเสียงดุ ๆ อยู่ในที
นายทหารหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แล้วพระคู่หมั้นของพระองค์” โลย์เดลพูดถึงคู่หมั้นหมายของเจ้าชายที่เป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองตอนใต้ ของอาณาจักรเบเนดิค ซึ่งได้หมั้นหมายกันมาตั้งแต่ยังเด็ก
“ท่านโบเวลให้ข้าหมั้นเพราะผลประโยชน์กับอาณาจักรเบเนดิคต่างหาก พูดกันก็ยังไม่รู้เรื่องเลย พูดกันคนละภาษา เป็นเจ้าจะอยากอยู่ด้วยเหรอ” เจ้าชายแทบนึกหน้าคู่หมั้นไม่ออก เพราะเคยเห็นกันเมื่อครั้งยังเด็กมากเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แถมชื่ออะไร
ก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ค่อยทำความคุ้นเคยกันก็ได้น่า…เรื่องแบบนี้มันเรียนรู้กันได้ ตอนนี้เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคคงเจริญวัยแล้ว และได้ข่าวว่างดงามกว่าหญิงใด”
“หุบปากน่ะ” เจ้าชายตัดบท เพราะเหตุผลของการจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใครตลอดชีวิต ไม่ใช่อยู่ด้วยกันเพราะความงามจากภายนอกเท่านั้น แต่ต้องหมายถึงจิตใจที่งดงาม ความเข้าใจกันและกัน
การยอมรับความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายด้วยเป็นสำคัญ
“ฉึก!” เสียงของมีคมแทงทะลุปักเข้ากลางหลังของนายทหารหนุ่ม
เจ้าชายผมเทากระชับดาบในมือทันที กระโดดเข้ามาหาสหายหนุ่มอย่างรวดเร็ว สายตาระแวดระวังภัยคู่นั้นแฝงความตกใจระคนความเป็นห่วงเพื่อนรักยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
“โลย์เดล! เจ้าเป็นไงบ้าง” น้ำเสียงนั้นร้อนรน มือข้างหนึ่งจับแขนเพื่อนรักไว้แน่น ใจหายวาบเมื่อเห็นเลือดนายทหารคนสนิทไหลออกมา
ชายลึกลับปรากฏตัวออกจากความมืดทันที รวดเร็วและว่องไว มีมากกว่าสิบ…
“ไม่ต้อง…ห่วงข้า…เจ้าชาย หนี…ไป…” มีดสั้นแทงถูกจุดสำคัญทำให้เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด
ศัตรูรี่เข้ามาล้อมไว้แล้วจู่โจมทันที หมายปลิดชีวิตตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย
เจ้าชายแรร์เน็สเหวี่ยงดาบในมือหมุนวนไปมาอย่างคล่องแคล่วว่องไวและหลีกหลบอย่างมีชั้นเชิงชำนิชำนาญ ฟาดฟันศัตรูอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
โลย์เดลกัดฟันสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าชายเป็นครั้งสุดท้าย ขณะนั้นเองมองเห็นศัตรูเงื้อดาบแทงเจ้าชายแห่งเรียวทางด้านหลัง เขารีบพุ่งตัวสุดแรงเข้าไปขวางคมดาบนั้นไว้
เจ้าชายแรร์เน็สแทบช็อค! ความรู้สึกเจ็บแปลบพุ่งปี๊ดขึ้นสู่หัวใจทันที เมื่อหันมาเห็นทหารคนสนิทรับคมดาบแทนตนถูกแทงเข้าที่ท้องจนมิดดาบ ดาบถูกกระชากออกอย่างเร็ว เลือดแดงสดไหลทะลักพุ่งพรวดออกมาทันที ร่างของนายทหารหนุ่มทรุดฮวบลงกับพื้นดิน
“โลย์เดล….ล….ล….!!!” เจ้าชายตะโกนเสียงดังจนสุดเสียง
“ไม่….ม….ม….!!!!!!”
เลือดแดงฉีดพุ่งขึ้นหน้าเจ้าชายผมเทาจนแดงจัดด้วยความโกรธแค้นสุดขีด อยากจะกระโจนเข้าไปหาเพื่อนรักในทันทีแต่ไม่อาจทำได้ พวกศัตรูขวางทางรายล้อมรอบตัวเต็มไปหมด เจ้าชายตวัดปลายดาบอย่างรวดเร็วไล่แทง ไล่ฆ่า ไล่ฟันฝ่ายตรงข้ามอย่างเดือดดาลราวกับบ้าคลั่ง แม้ว่าแผลที่บาดเจ็บจากการรบครั้งก่อนจะยังไม่หายดี ทั้งยังเริ่มปริแยกออกจากกัน บาดแผลฉีกขาดจากการใช้พละกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรง เลือดเริ่มไหลซึมออกมาอีก แม้จะเจ็บปวดจากบาดแผลนั้น แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ลืมความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นชั่วคราว สมองสั่งการให้พิฆาตประหารศัตรูให้หมด
โลย์เดลพยายามแข็งใจไว้ ฝืนความเจ็บปวดทรมาน พยายามต่อสู้กับความตาย ขอยืดเวลาจากมัจจุราช เพื่อรอบอกลาเจ้าชายแรร์เน็ส อเมนิทเป็นครั้งสุดท้าย
พวกกบฎริกเกอร์คนสุดท้ายจากยี่สิบกว่าคนล้มลงขาดใจตายทันทีเมื่อถูกฟันด้วยดาบเพียงครั้งเดียวกลางหน้าผาก
เจ้าชายแห่งเรียวรีบวิ่งกลับมาหานายทหารคนสนิท ที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่บนพื้นดิน
“โลย์เดล!!” เจ้าชายแรร์เน็สประคองร่างนายทหารขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน พลางหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย
“เจ้าเป็นไงบ้าง อดทนไว้ เจ้าต้องไม่ตายนะ” แล้วจับมือเปื้อนเลือดเพื่อนรักไว้แน่น
ร่างนายทหารโลย์เดลนิ่งสนิท ไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงลมหายใจบางเบาอันอ่อนล้า…
“โลย์เดล! ข้าให้เจ้าพูดได้แล้ว เจ้าพูดสิ เจ้าพูดกับข้าเดี๋ยวนี้!” เจ้าชายนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ออกคำสั่งให้โลย์เดลหุบปากหยุดพูด
“………………..”
เงียบสนิท ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากเพื่อนรัก
“เจ้าบอกว่าขอติดตามข้าไง เจ้าลืมแล้วเหรอ โลย์เดล”
ริมฝีปากของผู้บาดเจ็บในอ้อมแขนเจ้าชายแห่งเรียวนั้นเริ่มขยับอย่างช้า ๆ และสั่นระริก
“ข้า….” โลย์เดลพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อเปล่งเสียงออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
“ไม่มีโอกาสจะติด…ตาม…รับใช้พระองค์ได้…อีกแล้ว” เสียงของเขาขาดหายไปเป็นช่วง ๆ คำพูดแต่ละคำฝืนความเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุดก่อนที่จะหลุดออกมาเป็นคำพูดแต่ละคำได้ และรู้ตัวเองดีว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ที่เขาจะได้รับใช้เจ้าชายแรร์เน็ส
“ไม่หรอก โลย์เดล เจ้าต้องแข็งใจไว้นะ”
“ข้า…ใจเสาะจริง ๆ อย่างที่ท่านบอก…“ นายทหารหนุ่มนึกถึงวัยเด็ก ที่มักโดนเจ้าชายตำหนิว่าใจเสาะ เมื่อตกใจกลัว ในขณะเล่นกันด้วยความซุกซนจนได้รับบาดเจ็บ ดวงตาสีบอลด์คู่นั้นดูเลื่อนลอย เปลือกตาหรี่ลงมาครึ่งหนึ่งราวกับแสนจะหนักอึ้งเหลือเกิน
“ข้าขอสั่งให้เจ้าไม่ตาย โลย์เดล! เจ้าจะตายไม่ได้นะ!”
เจ้าชายออกคำสั่งเสียงเข้ม น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตาสีสนิมเหล็ก เพื่อนรักผู้นี้ไม่เคยขัดคำสั่งของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่นายทหารคนสนิทไม่อาจปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าชายแห่งเรียวได้
ลมหายใจของคนในอ้อมแขนแผ่วลง ๆ เริ่มหอบเป็นช่วง ๆ และติดขัด
“ข้า…พยายามแล้ว….แต่…ข้า…เสียใจเหลือเกิน…ที่ไม่อาจจะทำได้” ลมในร่างกายดันเลือดทะลักออกมาทางปากเป็นลิ่ม ๆ
“ข้า…เสีย…ใจ….”
เจ้าชายกอดร่างของเพื่อนรักคนสุดท้ายเอาไว้แน่น คนที่แสนจงรักภักดี คนที่หวังดี ปรารถนาดีกับเจ้าชายที่สุด ต้องจากไปอีกคนแล้วหรือ? ต่อไปนี้เจ้าชายไม่เหลือใครอีกแล้ว…
เจ้าชายแรร์เน็สมองอาการของเพื่อนรักที่เจ็บปวดทรมานสุดแสน รู้ดีว่าคงไม่อาจรั้งเพื่อนรักให้อยู่ต่อไปได้อีกแล้ว…
“เอาเถอะ เจ้าทำใจให้สบาย ข้าอยู่ตรงนี้ จะรอส่งเจ้าไปดินแดนอันแสนไกล ที่งดงาม และรอคอยเจ้าอยู่” เจ้าชายพยายามให้กำลังใจและอวยพรเพื่อนรักเป็นครั้งสุดท้าย หยุดพูดชั่วคราวเมื่อก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอ ก่อนพยายามกลืนมันกลับลงไป ไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งมัจจุราชที่ต้องการนำเพื่อนรักผู้นี้จากไป และไม่อาจฝืนให้เพื่อนรักต้องทนทรมานอยู่กับความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้
“เจ้าไปเถอะ พักผ่อนให้สบายนะ เจ้าทำเพื่อข้ามามากแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าไม่ใจเสาะ…เหมือนเจ้าหรอก…โลย์เดล” เจ้าชายกระซิบบอกเพื่อนรักเบา ๆ เพื่อให้คนในอ้อมแขนคลายความเป็นห่วงกังวลใจทั้งปวง และจากไปอย่างสงบ
“ข้าดูแลตัวเองได้ เจ้าเชื่อข้านะ ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเลย เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ข้าเคยมี ข้าดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเจ้า ขอบใจเจ้ามาก… โลย์เดล…ขอบใจทุก ๆ อย่าง” น้ำเสียงเจ้าชายแห่งเรียวเริ่มแตกพร่า…และสั่นไหว กว่าจะรวบรวมออกมาเป็นถ้อยคำได้อย่างยากลำบากยิ่ง
ใบหน้าของนายทหารหนุ่มคนสนิทระบายด้วยยิ้มละไม เปลือกตาทิ้งตัวลงมาปิดดวงตาสีบอลด์เอาไว้จนสนิท มือที่จับมือเจ้าชายผมเทาเอาไว้เริ่มผ่อนลง และหมดกำลังในที่สุด ความรู้สึกเลือนลางลงทุกขณะ ก่อนที่ลมหายใจสายสุดท้าย….จะ….ขาด…หาย….ไป…
เป็นการจากกันชั่วนิรันดร์
ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นพร่ามัวด้วยหยาดน้ำในดวงตา ที่ล้นจนรินไหลละมาตามผิวแก้ม เปลือกตาปิดม่านน้ำตาลงมาช้า ๆ สองมือโอบกอดร่างเพื่อนรักในอ้อมแขนแน่นเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ จะไม่มีความห่วงใย ไม่มีความปรารถนาดี จากคน
ๆ นี้อีกแล้ว ไม่ได้ยินเสียงที่คอยเตือน คอยปลอบโยน ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ จากคน
ๆ นี้อีกต่อไปแล้ว… ภาพวัยเด็กและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยทำร่วมกัน เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข ผ่านอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ มาด้วยกัน ผ่านเข้ามาในสมองอย่างช้า ๆ ต่อไปนี้… คงเหลือไว้เพียงความทรงจำอันแสนงดงามเท่านั้น…
==============
สองมือกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น…ไม่อยากให้จากไป ก่อนที่ร่างนั้นจะเลือนลางหายวับ! ไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า…ที่ไม่อาจไขว่คว้าจับต้องได้อีกเลย
“ท่านพ่อ…ท่านแม่…อย่าทิ้งข้าไป ได้โปรด…” สองเท้าพยายามจะวิ่งตามไป แต่ยิ่งวิ่งก็เหมือนวิ่งอยู่กับที่ เหมือนวิ่งไปในอากาศ ยิ่งออกแรงวิ่งเท่าไหร่ก็เหมือนยิ่งห่างไกลออกไปทุกที…ทุกที..
ความรู้สึกเลือนลางค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น จนรู้สึกตัว… เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกตัวตื่นจากฝันร้ายแห่งความคิดถึงบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง
“ฝันไป…” ความรู้สึกหนึ่งบอกเจ้าหญิง มันเป็นเพียงความฝันไม่ใช่ความจริง แต่มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในอดีตที่ฝังลึกความเสียใจที่สุดไว้ในก้นบึ้งของจิตใจดวงน้อย ๆ ที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้เลย
“เช้าแล้วหรือ…” เจ้าหญิงถามตัวเองอีกครั้ง ความรู้สึกยังไม่อยากตื่นเลย เหมือนยังเพลียอยู่กับการฝันร้าย แปลกใจที่ไม่รู้สึกหนาวเหมือนทุกเช้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษสำหรับเช้าวันนี้ เธอยังไม่กล้าลืมตาขึ้นทันที เพราะทุกครั้งที่ฝันถึงท่านพ่อท่านแม่ เมื่อลืมตาขึ้นครั้งใด จะพบตัวเองกอดคนที่นอนข้าง ๆ ไว้ทุกครั้ง รู้สึกละอายใจเหลือเกิน วันนี้ก็เช่นกัน เจ้าหญิงเฟรนลี่ทำใจ และภาวนาขอให้อย่าเป็นเหมือนทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาเลย แล้วตัดสินใจลืมตาขึ้นมาพบกับความจริง
หญิงสาวผงะ!! ด้วยความตกใจ
“จึ๋ย!” เมื่อมองเห็นแขนของตัวเองโอบตัวของชายหนุ่มที่นอนข้าง ๆ อยู่ อีกแล้ว!! อยากจะร้องกรี๊ดให้สุดเสียง
‘ตาย!
ตาย! ตาย! ตายแล้ว’ พลางถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ก่อนจะรีบดึงมือของตัวเองที่โอบตัวเจ้าชายอยู่กลับมาอย่างเร็วที่สุด
‘โอ๊ย!!! ‘ เจ้าหญิงได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ
“บ้าจริง…!!!” เจ้าหญิงบ่นอุบ ราวกับไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก
เจ้าหญิงเฟรนลี่ค่อย ๆ ขยับศีรษะขึ้นมองหน้าเจ้าชายแรร์เน็ส ใบหน้าชาร้อนวูบขึ้นมาทันที เมื่อจ๊ะเอ๋!
กับใบหน้าของบุรุษผมเทาที่นอนตะแคงศรีษะหันหน้ามาทางเจ้าหญิง
‘หันหน้ามาทางนี้ทำไมเนี่ย!
ตกใจหมด!’
เจ้าหญิงแปลกใจที่วันนี้เจ้าชายผมเทามีการขยับตัวหันมานอนตะแคงด้วย ต่างจากทุกเช้าที่เจ้าชายจะนอนหงาย นอนนิ่งราวกับเป็นหมอนข้างอย่างดี เจ็ดวันที่ผ่านมาเจ้าชายไม่เคยขยับตัวหรือเคลื่อนไหวใด
ๆ แม้แต่น้อยเลย จัดให้นอนอยู่ท่าไหนก็ท่านั้น มีเพียงวันนี้ที่มีการเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก
แทบกรี๊ดสลบอีกรอบเมื่อพบว่า แขนของเจ้าชายผมเทานั้นโอบตัวเธอไว้อยู่ หญิงสาวรีบขยับตัวดึงแขนของเจ้าชายแรร์เน็สที่พาดขวางลำตัวอยู่ออกไปแต่ทว่าสองแขนของบุรุษหนุ่มกลับกอดรัดร่างของเจ้าหญิงเอาไว้แน่น แน่นจนไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้เลย
เจ้าหญิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะด้วยความตกใจ
“อะไรกันเนี่ย? ข้าไม่ใช่หมอนข้างของเจ้านะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ แรร์เน็ส!!” เจ้าหญิงโวยวายกับร่างแน่นิ่งตรงหน้า พยายามดันตัวบุรุษหนุ่มออกไปแต่ทำไม่ได้เลย
“คอยดูนะ แรร์เน็ส ข้าฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าต้องคิดบัญชีกับเจ้าแน่!” จำใจปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามกอดเอาไว้อย่างนั้น แต่ทว่ายังไม่ละความพยายาม ยกมือทั้งทุบทั้งตี ทั้งหยิกแขนบุรุษผมเทาก็แล้วแต่ไม่เป็นผล
ได้แต่ดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมแขนของชายหนุ่ม พยายามดันร่างของเจ้าชายออกไป แต่ทำได้เพียงพลิกร่างบุรุษจากที่นอนตะแคงอยู่ให้กลับไปนอนหงายได้เท่านั้น แต่ทว่ายังไม่สามารถออกจากอ้อมแขนของเจ้าชายได้
แรงที่พยายามดันร่างเจ้าชายให้พลิกไป ส่งผลให้ร่างเจ้าหญิงเฟรนลี่พลิกตามไปด้วย
แทบหยุดหายใจเมื่อใบหน้าเจ้าหญิงเกือบจะชนกับใบหน้าของเจ้าชายผมเทา โชคดีที่แรงส่งนั้นหยุดเพียงแค่นั้น
‘……………………..!!!”
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!’
เจ้าหญิงแห่งเบเนดิคได้แต่ร้องกรี๊ดลั่นอยู่ในใจด้วยความตกใจ รีบเงยหน้าขึ้นให้ห่างจากใบหน้าของบุรุษตรงหน้า
ยังได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นโครมครามอยู่ข้างใน
‘เจ้าจะแกล้งข้าอีกนานมั้ย? แรร์เน็ส!!”
ดวงตาสีมรกตจ้องมองเจ้าชายผมเทาอย่างเอาเรื่องเอาราว ใบหน้าเฉยชานั้นยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย เจ้าหญิงไม่อาจโวยวายด้วยถ้อยคำใด ๆ ต่อไปอีก เมื่อมองเห็นน้ำตาไหลซึมออกมาจากเปลือกตาปิดสนิทของเจ้าชายแห่งเรียวช้า ๆ
“อะไรทำให้เจ้า…ร้องไห้ได้…แรร์เน็ส” อดนึกแปลกใจไม่ได้ บุคลิกเงียบขรึม องอาจกล้าหาญ ล้วนเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง ใบหน้าเรียบเฉย เยือกเย็นจนเย็นชานั้น จะร้องไห้ได้หรือ?
ริมฝีปากเจ้าชายขยับเหมือนกำลังพูดอะไร เจ้าหญิงเฟรนลี่จึงค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปฟังใกล้ ๆ
“ข้าขอสั่งให้เจ้าไม่ตาย... โลย์เดล... เจ้าจะตายไม่ได้นะ...”
“เจ้าคงฝันร้ายเหมือนกับข้า…ใช่มั้ย?” น้ำตาอุ่น ๆ พาลรื้นขึ้นมาคลอดวงตาสีเขียวมรกตไว้เช่นกัน
“…………………”
เจ้าหญิงเฟรนลี่รู้สึกถึงคลื่นความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านมาจากร่างของเจ้าชาย
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า…แรร์เน็ส”
อ้อมกอดของเจ้าชายสัมผัสได้ถึงกระแสธารแห่งความเศร้า ความสูญเสีย ความพลัดพราก ความเสียใจเหลือเกิน…ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยวในจิตใจ
"ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเลย เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ข้าเคยมี โลเดลย์..."
“แรร์เน็ส…เจ้าฝันร้ายหรือ? ตื่นเถอะ เจ้าหลับมาเจ็ดวันแล้วนะ” หญิงสาวพยายามตบแก้มเจ้าชายเบา
ๆ ถี่ ๆ เพื่อปลุกเจ้าชายผมเทาให้รู้สึกตัวตื่นจากฝันร้ายแห่งความสูญเสีย แต่ทว่า ไม่ว่าจะปลุกอย่างไร บุรุษหนุ่มก็ไม่ตื่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พยายามจะปลุกให้เจ้าชายแรร์เน็สตื่นจากการหลับไหล แต่ได้พยายามมาหลายครั้งแล้ว เจ้าหญิงได้แต่คิดว่า ร่างกายของเจ้าชายแห่งเรียวคงเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้ามากจนต้องการพักผ่อนนานเป็นพิเศษ
ความคิดเห็น