คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ฝันร้ายของเจ้าหญิง
Bestfellow
Friendly
ดาบคมกริบฟันลงบนร่างของพระราชาและพระราชินีอย่างไม่ปรานีทันที เมื่อนายทหารใหญ่เป็นกบฏผู้บุกรุกนำทหารเข้ามายึดอำนาจอย่างบ้าคลั่ง!
“หนีเร็ว! องค์หญิง” มือแข็งแรงคว้ามือเรียวของเจ้าหญิงที่ยืนหน้าซีดด้วยความช็อค! วิ่งไปทันที อีกมือถือดาบฟาดฟันศัตรูอย่างคล่องแคล่วเป็นอย่างดี เพื่อปกป้องเจ้าหญิงอย่างสุดชีวิต ด้วยฝีมือ ประสบการณ์ในสนามรบ และความสามารถเป็นเลิศ จึงฝ่าวงล้อมของเหล่าทหารกบฏออกไปจนได้ แต่ทว่าได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลย
“จับองค์หญิงมาให้ได้!” เสียงนั้นตะโกนไล่หลังมา
“ไม่มีทาง! ไอ้สารเลว” องครักษ์หนุ่มสบถ กัดฟันกรามกรอด พาเจ้าหญิงขึ้นม้าคู่ใจ ควบหายไปในฝุ่นตลบ
“บีวาร์ เจ้าเป็นไงบ้าง” เจ้าหญิงเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง เมื่อมองเห็นเลือดสีแดงเข้มไหลเป็นทางมาตามแขนของทหารหนุ่มที่กำลังควบม้าอยู่นั้น
“ข้า...ไม่เป็นไร...อย่าห่วงเลย...องค์หญิง” เสียงนั้นแหบพร่าพูดออกมาอย่างยากลำบาก
“ข้าจะควบม้าเอง บีวาร์ เจ้าเกาะข้าไว้ให้ดี” เจ้าหญิงดึงมือของทหารหนุ่มมาเกาะไว้ที่เอวของตน แล้วแย่งบังเหียรมาบังคับเสียเอง เธอรู้ดีว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ลำตัวเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์มากมาย แต่ไม่ว่าเขาจะบาดเจ็บสักเพียงใด ก็ไม่เคยมีถ้อยคำที่ทำให้เจ้าหญิงต้องห่วงกังวลแม้แต่น้อย ความอดทน เข้มแข็ง และเสียสละของทหารคนสนิท ทำให้เจ้าหญิงไม่อาจมัวหวาดกลัว อ่อนแอ และเศร้าโศกเสียใจกับความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง ดวงตาสีเขียวมรกตเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มองเห็นป่าทึบข้างหน้า ดูน่าจะใช้เป็นที่หลบภัยได้
เจ้าหญิงหามร่างสูงใหญ่ของนายทหารหนุ่มเข้าไปพักในถ้ำแห่งหนึ่งอย่างทุลักทุเล
“ถ้าข้าฝึกเพลงดาบบ้าง ไม่เอาแต่หนีไปอ่านหนังสือ ข้าคงเก่งกว่านี้ และไม่ทำให้เจ้าลำบากเพราะข้าถึงเพียงนี้” เจ้าหญิงตำหนิตนเอง สายตามองทหารหนุ่มด้วยความห่วงใยเหลือประมาณ เพราะเขาเป็นมากกว่าองครักษ์ประจำตัว แต่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เยาว์วัย เป็นเหมือนพี่ชายที่คอยดูแลปกป้องคุ้มครองมาตลอด
“เจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ
บีวาร์” มือขององครักษ์หนุ่มถูกมือของเจ้าหญิงกุมไว้ตลอดเวลาด้วยความห่วงใยที่สุด
===============
เจ้าหญิงในร่างบุรุษชุดเทาพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย ทันทีที่ไข้จากพิษร้อนของตะขาบลดลง พิษเย็นเริ่มแผลงฤทธิ์ ความรู้สึกหนาวสะท้านเกาะกุมไปทั่วร่าง เกาะกินเข้าไปถึงกระดูก ไอร้อนจากตัวเจ้าชายที่กำลังไข้ขึ้นนอนหมดสติอยู่ข้าง ๆ ทำให้เจ้าหญิงเข้าไปซุกตัวหาความอบอุ่น
รุ่งขึ้นแสงสีทองจับขอบฟ้าด้านตะวันออก คนชุดเทาเริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้า ๆ พยายามลำดับความคิด ระหว่างความฝันกับความจริงที่เกิดขึ้น
“ฝันไป…”
ภาพเหตุการณ์ที่พระบิดาและพระมารดาถูกฆ่าตายจะผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เจ้าหญิงยังคงฝันร้ายถึงเหตุการณ์นั้น ๆ
เสมอ
เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้เอง ยังไม่อาจลืมเลือนมันได้เลย
“นี่…เราหลับไปนานแค่ไหนกัน…”
เจ้าหญิงลืมตาขึ้นมองทุกสิ่งรอบตัวอย่างเต็มตา เธอกระพริบตาถี่ ๆ หมวดคิ้วอย่างตกอกตกใจ เมื่อเงยหน้าเจอคางเหลี่ยมของชายหนุ่ม และมองเห็นตัวเองซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษผมสีเทา
“ตายแล้ว!!”
แล้วอุทานขึ้นมาในใจ ก่อนจะค่อย ๆ ยกแขนของเจ้าชายที่วางพาดขวางลำตัวอยู่ออกไป ราวกับว่ากลัวคนที่นอนอยู่จะตื่นและล็อคตัวเธอเอาไว้ รีบลุกขึ้นถอยตัวเองออกห่าง พลางสำรวจเสื้อผ้าและร่างกายอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างปกติดี ยกเว้นแขนเสื้อด้านซ้ายที่ถูกคมเขี้ยวตะขาบถากนั้นฉีกขาด แล้วคายหญ้าที่อมไว้ตลอดคืนทิ้งไป หันกลับมามองร่างชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งบนพื้น ค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าไปมองบุรุษผมเทาอย่างกล้า ๆ
กลัว ๆ มองเห็นริมฝีปากของเขามีรอยเลือดแห้งเกรอะกรังอยู่
“หรือว่า…เจ้าดูดพิษให้ข้า เลยได้รับพิษไปด้วย” หญิงสาวขมวดคิ้ว พลางค่อย
ๆ เอื้อมมือแตะแขนชายหนุ่มอย่างกังวลใจในความเป็นความตายของเขา
“ตายล่ะ! ตัวร้อนเป็นไฟเลย” ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง สีหน้าตกใจ
แล้วคิดอะไรบางอย่างได้ รีบไปเด็ดหญ้าริมลำธารมาขยี้เค้นเอาน้ำออกมาป้อนให้บุรุษหนุ่มผมเทาทันที
=============
แสงสว่างพร่ามัวเริ่มแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนมองเห็นชัดเจนเป็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มร่างเล็กบอบบางคนนั้น มือนุ่ม
ๆ เสยผมสีเทาที่ปรกหน้าขึ้นไปบรรจงเช็ดหน้าผาก ใบหน้า ตลอดจนลำคอและแขนให้ เพื่อบรรเทาความร้อนภายในร่างกาย
“เจ้าต้องไม่เป็นอะไรเพราะข้าไปอีกคนนะ” เจ้าหญิงพูดกับตัวเองด้วยความหวัง ในใจนึกเป็นห่วงบีวาร์องครักษ์คู่ใจ รู้ดีว่าเขาต้องเป็นห่วงเธออย่างมากมายที่แอบออกมาเดินเล่น และหายไปนานเช่นนี้
คนชุดเทาคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตัว ขยับริมฝีปากจะพูดออกไปอย่างดีใจ แต่แล้วสติก็กลับมาทัน เกือบลืมตัว ว่าขณะนี้ปลอมตัวเป็นชายอยู่ แล้วรีบทำเสียงต่ำ ๆ เล็กน้อยก่อนจะพูดออกไป
“เจ้าเป็นยังไงบ้าง”
เจ้าชายแรร์เน็สยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งอย่างช้า ๆ แล้วลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มองหน้าคนถาม ภาพตอนที่ก้มลงดูดพิษจากแขนของคนชุดเทาปรากฏขึ้นในสมอง มีบางสิ่งที่ค้างคาใจ ต้องรู้ให้ได้ว่าสิ่งที่เข้าใจนั้นเป็นความจริงหรือเป็นเรื่องบังเอิญที่ตาฝาด
“แขนเจ้าล่ะเป็นไงบ้าง” พลางเอื้อมมือดึงแขนของคนชุดเทาข้างที่บาดเจ็บขึ้นมาดู พร้อมกับโน้มตัวเข้ามามองใกล้
ๆ
คนชุดเทาตกใจ แต่จะขยับตัวหนีก็ไม่ทันซะแล้ว
“นี่เจ้า!!” เจ้าชายผมสีเทามองดูแขนนั้นอย่างตกใจ ดวงตาสีสนิมเหล็กเบิกกว้าง
แผลนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ แผลเริ่มแห้งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สะดุดเจอกับอะไรบางอย่าง? บางอย่างที่ไม่อยากให้เป็นจริง แต่แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ไม่ได้ตาฝาด รีบดึงแขนเสื้อของคนชุดเทาลงมาปิดบาดแผลนั้นเอาไว้ทันที แล้วมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดที่จะล่วงรู้บางสิ่งบางอย่างบนแขนนั้น มองหน้าคนที่อยู่ตรงหน้า สายตานั้นบ่งบอกถึงความหนักใจบางอย่าง ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
เจ้าชายแปลกใจที่กำลังไม่คืนกลับมาเต็มที่ ราวกับมีบางสิ่งสะกัดกั้นพละกำลังเอาไว้ ทุกครั้งที่พละกำลังถูกใช้ไปเมื่อได้พักผ่อนเต็มที่ หลังจากตื่นขึ้นพละกำลังจะคืนกลับมาเต็มที่ทันที แต่…ครั้งนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ พิษตะขาบช่างร้ายแรงนัก
คนชุดเทารู้สึกงง ว่าแขนของเธอมีอะไรผิดปกติ สีหน้าคนผมสีเทาจึงเปลี่ยนไป ดูกังวลและหนักใจไม่น้อยเลยแล้วขยับตัวจะเข้าไปช่วยพยุงตัวชายหนุ่มเมื่อเห็นเขายังยืนขึ้นได้ไม่มั่นคงนัก
และดูยังไม่หายดี
“ไม่ต้อง! ออกไป! อย่าเข้ามาใกล้ข้า!” เขาตะโกนเสียงดัง แล้วใช้ดาบยันพื้นเพื่อลุกขึ้นยืน
เจ้าหญิงผงะ! ด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายต้องตะโกนเสียงดังใส่ ทั้ง
ๆ ที่เธอปรารถนาดีอยากจะช่วยเหลือ ได้แต่มองบุรุษหนุ่มพยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง
“ให้ข้าได้ช่วยเจ้านะ ที่เจ้าเป็นอย่างนี้เพราะช่วยข้า” เจ้าหญิงได้แต่พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือเจ้าชายที่เดินซวนเซเปะปะไปมา จนเกือบจะล้มแล้วล้มอีก และก่อนที่จะล้มลงจริง ๆ จึงรีบเข้าไปช่วยประคองไว้
“ข้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเข้ามา!” เจ้าชายดุเสียงเข้ม
เจ้าหญิงหน้าเสียและตกใจ เพราะอุณหภูมิร้อนจัดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเย็นจัดราวกับน้ำแข็ง ทุกส่วนที่สัมผัสร่างกายของเจ้าชายที่เย็นจัดขณะนี้จะไม่สามารถขยับออกหรือเคลื่อนไหวได้เลย
“เกิดอะไรขึ้น!” เจ้าหญิงหน้าซีดลงทันที เมื่อต้องถูกดูดติดอยู่กับชายหนุ่ม
“เมื่อกี๊เจ้าตะโกนเสียงดังเพื่อไม่ให้เข้ามาใกล้ เพราะเหตุนี้เองหรือ” เธอนึกถึงสาเหตุของการตะโกนเสียงดังใส่
ดวงตาสีสนิมเหล็กจ้องหน้าคนที่อยู่ตรงหน้า เพิ่งได้มีโอกาสเพ่งพิจใบหน้านั้นอย่างใกล้ชิดและชัดเจนอย่างนี้ ผิวหน้าละเอียดอ่อนนั้นเป็นสีชมพู แม้จะถูกปกปิดด้วยขี้ดินความสกปรกมอมแมมไปบ้างก็ตาม แววตาสีมรกตเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาอย่างที่ไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้ของใครมาก่อน ดวงตา จมูก และริมฝีปากประกอบกันได้รูปอย่างพอเหมาะพอดี ผมตรงแค่ต้นคอสีดำขลับผิวหน้าให้พริ้มเพราคมคาย ถ้าเป็นชายต้องหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ถ้าเป็นหญิงต้องงดงามดั่งนางฟ้าบนสรวงสวรรค์
“เจ้าเป็นหญิงหรือชายกันแน่” เจ้าชายบังเกิดความสงสัยอย่างมากมาย ผิวที่ละเอียดอ่อนและอ่อนนุ่ม รูปร่างที่บอบบางน่าจะเป็นของอิสตรีมากกว่าบุรุษเพศ
“หรือเพราะยังเด็กอยู่นะ” ได้แต่คิดสงสัยอยู่อย่างนั้น
ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน ผมสีเทาเข้มหยักโศกยาวสยายอยู่ด้านหลังทำให้ใบหน้าเยือกเย็นของเจ้าชายเพิ่มความเย็นชามากขึ้น คางเหลี่ยมรับกับใบหน้าที่เสริมให้ดูสง่างามน่าเกรงขาม แฝงพลังอำนาจเร้นลับ ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นเต็มไปด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอย่างชายชาตรี
ความเย็นในตัวเจ้าชายค่อย ๆ ลดลง เจ้าชายดึงมือเจ้าหญิงที่ช่วยพยุงตัวออก เมื่อพละกำลังค่อย ๆ กลับคืนมามากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ก่อนเลี่ยงเดินไปนั่งลงริมแม่น้ำ
“เจ้าคือผู้อ่านคาถาจริง
ๆ” เจ้าชายได้แต่ครุ่นคิด ปานแดงรูปดาวที่ต้นแขนซ้ายของคนชุดเทาคือสัญลักษณ์ของผู้อ่านคาถา
“ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้เร็วที่สุด” ความคิดหนึ่งพุ่งปราดเข้ามาในสมอง พร้อมกับกระชับดาบในมืออย่างเตรียมพร้อม
เจ้าหญิงเดินตามไปนั่งลงข้าง ๆ
“ข้าอยากจะขอบคุณเจ้า ที่ได้ช่วยข้าจากตะขาบยักษ์จนทำให้เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บเพราะข้า” เจ้าหญิงพูดพลางใช้ภาษามือประกอบ พร้อมกับทำท่าทางต่าง ๆ ก่อนจะค้อมตัวโค้งคำนับให้อย่างอ่อนน้อมที่สุดด้วยความขอบคุณจากใจจริง
เมื่อเห็นกิริยานอบน้อมของคนชุดเทาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ปราศจากการเสแสร้ง มือที่จับดาบหมายประหารชีวิตกลับยกไม่ขึ้น
เจ้าชายแรร์เน็ส มองคนตรงหน้าพยายามทำท่าทางต่าง ๆ ประกอบ เพื่อให้เข้าใจความหมาย นึกขำที่เขาและเธอต้องใช้ภาษาใบ้คุยกันซะแล้ว มีรอยยิ้มซ่อนอยู่ในใบหน้าเรียบเฉยนั้น
“เจ้าชื่ออะไรเหรอ ข้าชื่อ เฟรนลี่ นะ” เจ้าหญิงเบสเฟลโล่ เฟรนลี่ แนะนำตัว พร้อมกับชี้ที่ตัวเอง และเน้นคำซ้ำสองสามครั้ง แล้วชี้มาที่ตัวเจ้าชาย
บุรุษผมเทาหมวดคิ้วย่น พยายามทำความเข้าใจ
“เจ้าถามชื่อข้าเหรอ ข้าชื่อ แรร์เน็ส” เจ้าชายเรียว แรร์เน็ส แนะนำตัว
แมลงตัวน้อยบินมาเกาะแขนเจ้าชาย แต่ทว่าถูกบุรุษหนุ่มเป่าจนตัวปลิวออกจากแขนอันแข็งแกร่งนั้น แต่ไม่วายบินกลับมาใหม่ ทีนี้ใช้ปากเจาะเพื่อดูดเลือดของเจ้าชายอีกต่างหาก มืออันแข็งแรงยกขึ้นหมายปลิดชีวิตแมลงที่บังอาจมาขโมยเลือดโดยไม่ได้รับอนุญาติ แต่มือนั้นยังไม่ทันตบลงบนร่างของแมลงน้อย ถูกมือของเจ้าหญิงรั้งไว้อย่างทันท่วงที
“ได้โปรดเถิด มันขอเลือดท่านนิดเดียว ท่านจะเอาชีวิต ประหารมันเชียวหรือ ท่านแค่เจ็บ ๆ คัน ๆ เล็กน้อยเท่านั้นเอง มันถูกกำหนดมาให้ต้องกินเลือดเป็นอาหารนะ ถ้ามันถูกกำหนดมาให้กินน้ำหวาน มันคงไปกินแล้ว ไม่มาทำร้ายท่านเช่นนี้หรอก อภัยให้มันเถอะนะ ได้มั้ย…”
เจ้าชายมองหน้าเจ้าหญิง ไม่เข้าใจว่ากำลังพูดอะไร แต่กลับไม่กล้าตบร่างแมลงน้อยให้แหลกเละไปคามือตามที่ได้ตั้งใจไว้แต่แรก
เจ้าแมลงน้อยบินมาเกาะที่แขนเจ้าหญิงแทน และใช้ปากเจาะดูดเลือดอย่างกระหาย เจ้าหญิงเฟรนลี่ขยับแขนไล่แมลงตัวนั้นอย่างปราณี
อยู่
ๆ เจ้าหญิงก็สะดุ้ง เนื่องจากรู้สึกเจ็บจี๊ดที่เท้า รีบมองดู มองเห็นมดตัวสีแดงกำลังกัดอย่างหัวทิ่มหัวตำ ก้นโด่งชี้ขึ้นฟ้า
นิ้วเรียวของเจ้าหญิงค่อย ๆ บรรจงหยิบมดน้อยออกไปปล่อยบนต้นไม้เล็ก ๆ ที่ขึ้นริมน้ำอย่างใจเย็น
เจ้าชายได้แต่มองอย่างทึ่งในความเมตตากรุณานั้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในชีวิตของเจ้าชายผ่านการรบฟาดฟันศัตรูมานับไม่ถ้วน ผู้ไม่ประสงค์ดี และคิดทำร้ายก่อนจะต้องได้รับบทลงโทษอย่างสาสมที่สุดเสมอ
อยู่
ๆ เจ้าชายก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นที่แขนด้วยเช่นกัน รีบมองดูอย่างรวดเร็ว มือไวกว่านั้นรีบควานหาเจ้าวายร้ายอย่างทันท่วงที ทั้งที่ยังมองไม่เห็นตัว เมื่อคลำหาเจอนิ้วอันแข็งแรงนั้นบีบเจ้ามดแดงชะตาขาดจนแหลกคามือขาดเป็นสองท่อน
เจ้าหญิงมีสีหน้าเหยเกเล็กน้อย “เจ้าฆ่ามันทำไม มันทำผิดจนมีโทษถึงตายงั้นหรือ ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร ถึงมีสิทธิ์ประหารชีวิตใครก็ได้ หรือเพราะท่านตัวโตกว่า แข็งแรงกว่า ถึงประหารชีวิตผู้อ่อนแอกว่าได้” เจ้าหญิงยิงคำถามเป็นพรวนใส่เจ้าชายทันที
เจ้าชายทำหน้าเจื่อน ๆ ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมถึงรู้สึกเหมือนทำผิดแล้วกำลังโดนตำหนิงั้นแหละ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อไป ร่างของมดน้อยที่ขาดสองท่อน แต่ละส่วนนั้นขยับและเคลื่อนไหว เกิดการแบ่งตัว และขยายตัวใหญ่ขึ้น
เจ้าชายรีบคว้ามือเจ้าหญิงที่นั่งงงอยู่นั้นไปยืนตั้งหลักอีกด้านหนึ่งทันที
ความคิดเห็น